มิถุนายน 2549

 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
25
26
27
28
29
30
 
 
All Blog
ไปดู "ก้านกล้วย" แล้วเอามาเล่าให้ฟัง
ก้านกล้วย

ได้อ่านหนังสือพิมพ์ The Nation ฉบับวันที่ 13 มิ.ย. เขาลงว่าก้านกล้วยทำรายได้ถึงหนึ่งร้อยล้านแล้ว ซึ่งนับว่าเป็นการเปิดตัวภาพยนตร์อนิเมชั่นเรื่องแรกของไทยได้น่าดูชมทีเดียว (เรื่องล่าสุดเขาว่าน่าจะเป็น “บางระจัน” ละมั้งที่ทำสถิตินี้ได้ เราเองก็อินเทรนด์กะเค้าเหมือนกัน ไปดูมาเมื่อประมาณอาทิตย์ที่แล้ว ก็เอามาเล่าให้ฟังละกันนะ

ก้านกล้วยเป็นเรื่องชีวิตช้างเชือกหนึ่งที่อยู่ในป่า แล้วจับพลัดจับผลูไปเป็นทหารช้างในศึกยุทธหัตถีช่วงสงครามที่พระนเรศวร ซึ่งเป็นเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ที่ตอนนั้นกรุงศรีอยุธยาตกเป็นเมืองขึ้นของพม่าครั้งแรก
และตามท้องเรื่อง “ก้านกล้วย” เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้กอบกู้เอกราชคืนได้ในที่สุด

อย่างแรกที่รู้สึกเวลาดูภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คือ กราฟฟิคสวยมาก! ทั้งแสง สี การเก็บรายละเอียดสวยมากจริงๆ ขอยกตัวอย่างเช่น ภายในท้องพระโรงที่ก้านกล้วย และแม่เดินเข้าไป จะมีอยู่ภาพหนึ่งที่ห่วงสำหรับใส่งาช้างที่เคยเป็นของพ่อก้านกล้วยตกลงกับพื้นมันปลาบ แค่ภาพนั้นภาพเดียวก็เกินพอแล้ว นั่นคือ ตัวลวดลายของห่วงที่ว่ามีลายไทย (ซึ่งศิลปะไทยต่างกับเทศก็ตรงนี้ เมืองไทยเน้นรายละเอียดวิจิตรบรรจง ภาพนี้แสดงศิลปะไทยออกมาจนหมดเชียว) และพื้นมันวาวสะท้อนท้องพระโรงที่เต็มไปด้วยภาพเขียน ซึ่งแค่แวบเดียวที่โผล่ออกมา ก็เห็นได้ชัดว่าผู้จัดทำตั้งใจกับมันมากแค่ไหน

แต่สำหรับการออกแบบตัวก้านกล้วย เพื่อนๆ และรูปร่างมนุษย์ ก็ทำให้เห็นชัดเจนดี เหมาะสำหรับเด็ก เพราะดูง่ายเหลือเกินว่าใครเป็นพระเอก ใครเป็นผู้ร้าย อย่างก้านกล้วยเป็นช้างสีฟ้า มีแฟน (ชื่ออะไรไม่รู้จำไม่ได้ ขออภัย) ก็เป็นช้างสีชมพู มีดอกไม้ทัดหู หน้าหวานเจี๊ยบด้วย เป็นตัวกำกับเพศ แล้วพอเป็นช้างฝ่ายพม่าก็ตัวสูงใหญ่ สีทะมึน นัยน์ตาแดงดุจโลหิต มีรอยบากที่ตา (ลองนึกภาพ อารมณ์ประมาณโจรหนังไทยที่ต้องปิดตาข้างหนึ่ง หรือไม่ก็ตามีรอยบาก อารมณ์นั้นเลย ซึ่งเป็นกรรมวิธีค่อนข้างโบราณอยู่สักหน่อย แต่ก็ใช้ได้ดี ดูออกง่าย) คาดว่าคนที่ออกแบบเข้าใจว่าอะไรที่มันน่ารักๆจะต้องดูอ้วนๆละมั้ง ก้านกล้วยเลยกลายเป็นช้างตาโต แก้มป่อง งวงบวมเหมือนโดนผึ้งต่อยตลอดเวลาๆ ตอนเด็กๆก็ดูน่ารักอยู่ อีตอนโตขึ้นมามันก็เลยดูพิกลๆน่ะ ส่วนการออกแบบมนุษย์ก็ใช้หลักการเดียวกันกับช้าง มันก็เลยกลายเป็นคนหัวโต ตัวเล็กไป ซึ่งก็ดูน่ารักดี โดยส่วนตัวชอบตาลุงที่ก้านกล้วยไปอยู่ด้วย แกตลกดี แล้วก็หาเสียงคนพากย์ได้ดีก็เลยดูกลมกลืนกันไปหมด

ถ้าหากเทียบกับกราฟฟิคสวยงามแบบนั้นแล้ว เรื่องเสียงที่ใช้ประกอบภาพยนตร์เรื่องนี้ดูจะด้อยไปถนัดตา คือยังขาดๆเกินๆอยู่ไม่น้อย แต่ทั้งนี้ ถ้าไม่สังเกตก็จะไม่รู้สึก เพราะโดยรวมแล้วมันก็กลมกลืนกันดี แต่ทีนี้นี่ ถ้าต้องการต่อยอดอนิเมชั่นของไทยต่อไปให้ดียิ่งขึ้น ต้องหาคนผลิตเพลงให้ได้ดีกว่านี้ จะอาศัยแต่เฉพาะภาพสวยอย่างเดียว ก็รู้สึกเสียดายโอกาสที่จะ ‘เล่น’ กับความรู้สึกคนดูมากกว่านี้

จะพูดไงดีน้อ...ภาพกราฟฟิค เป็นตัวบอกเนื้อเรื่องว่าอะไรเป็นอะไร แต่ตัวดนตรีจะเป็นตัวกำหนดความรู้สึกคนดูให้เป็นไปตามที่ต้องการ ดังนั้นจะเห็นได้ว่า ภาพยนตร์ต่างประเทศทั้งหลาย จะให้ความสำคัญกับ soungtrack ของภาพยนตร์มาก ในเนื้อร้องเดียวกัน แต่เปลี่ยนจังหวะดนตรีให้ต่างๆกันไปเพื่อเร้าอารมณ์ก็เป็นไปได้อีก

ตัวอย่างเช่น เวลาที่ก้านกล้วยอยู่ในป่า หากเพิ่มเสียงลมพัดต้นไม้จนเกิดเสียงซู่ซ่าเบาๆ หรือเสียงจิ้งหรีดร้อง (ป่ามีมั้ยหว่า) แค่เปิดเบาๆ ก็จะทำให้เกิดความสมจริงขึ้น คนดูก็อินได้ง่าย หรือช่วงเวลาที่เร้าอารมณ์ต้องการให้คนดูตื่นตัว ตื่นเต้น เพลงประกอบก็ดี แต่หนิงรู้สึกว่ามันน่าจะทำได้มากกว่านี้

ส่วนเรื่องเสียงพากย์ ก็พอไปได้ แต่คิดว่าคนไทยยังไม่ค่อยชำนาญในการพากย์เสียงเท่าไร (ก็อนิเมชั่นแรกนี่) จังหวะ หรืออารมณ์อาจจะยังไปวัดไปวาไม่ได้ ซึ่งถือว่าให้อภัยได้ เพราะเรามีคนเชี่ยวชาญทางนี้น้อย (มีก็พวกที่พากย์ภาพยนตร์ หรือไม่ก็ช่องเก้าการ์ตูนนั่นน่ะ) เราไม่เหมือนญี่ปุ่นที่มีการ์ตูนมหาศาลจนเปิดเป็นโรงเรียนนักพากย์แบบเป็นกิจจะลักษณะเลย

สำหรับตัวเนื้อเรื่องนั้น ถือว่าผูกเรื่องได้ไม่เลวเลย คือการใช้ช้างซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของคนไทยมาเป็นตัวเอก แล้วจะให้เรื่องราวเกี่ยวกับช้างอย่างเดียวก็กระไร ยังอุตส่าห์ไปโยงกับสงครามยุทธหัตถีอีกต่างหาก แสดงให้เห็นถึงพระบุญญาบารมีของสมเด็จพระนเรศวรอีกด้วย และไม่รู้ว่าบังเอิญหรือเปล่า เพราะดันเข้าฉายในช่วงเวลาฉลองครบ 60 ปีการขึ้นครองราชย์ ทำให้อารมณ์รักชาติของคนไทยพุ่งสูงกระฉูดในช่วงนี้พอดี เรื่องนี้ก็เลยออกมาแบบไม่ขัดเขินมากนัก

จำกันได้หรือเปล่า เรื่องอะไรที่เกี่ยวกับฟุตบอลน่ะ แล้วเราไปล้อเลียนประเทศเพื่อนบ้านของเราจนทำให้เรื่องนี้ฉายไม่ได้ เรื่อง “ก้านกล้วย” ก็เหมือนกันที่พูดถึงเกี่ยวกับเราและประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งอย่างที่บอกไปแล้วว่า หน้าตาผู้ร้ายสุดๆ แต่ก็ยังดีที่ไม่ทำให้กษัตริย์พม่าฝ่ายนู้นเป็นพวกคนขี้โกงจนเกินไปนัก ก็เลยยังรู้สึกไม่น่าเกลียดมาก ทว่ามันก็ยังไม่ค่อยดีอยู่ดีละนะกับความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน

เรื่อง “ก้านกล้วย” ก็ยังมีจุดเด่นจุดด้อยต่างกันไป แต่ก็ถือว่าจุดดีมีมากกว่า จึงเป็นภาพยนตร์อีกเรื่องหนึ่งที่น่าจะพาลูกพาหลานไปดู เพราะนอกจากได้ความบันเทิงแล้ว ยังช่วยสนับสนุนวงการอนิเมชั่นไทยให้ต่อยอดให้ยิ่งๆขึ้นไปอีก

แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้วล่ะ



Create Date : 13 มิถุนายน 2549
Last Update : 13 มิถุนายน 2549 16:44:54 น.
Counter : 1924 Pageviews.

7 comments
  
ยังไม่ได้ดูเลยเสียดายครับ

แต่ DVD ไม่พลาดแน่
โดย: BaLL182 วันที่: 13 มิถุนายน 2549 เวลา:16:51:34 น.
  
แวะมาทักทายค่ะ ขอให้อารมณ์ดี มีความสุข กับทุกๆวันน่ะค่ะ
โดย: so6v6J, (tenno_jung ) วันที่: 13 มิถุนายน 2549 เวลา:16:55:13 น.
  
รอดูวีซีดี
โดย: ปลาทูน่าในบ่อปลาพยูน วันที่: 13 มิถุนายน 2549 เวลา:17:23:33 น.
  
โดย: ตัว(Z) วันที่: 14 มิถุนายน 2549 เวลา:22:58:46 น.
  
Thank you for your visit ka
โดย: peiNing วันที่: 19 มิถุนายน 2549 เวลา:0:55:35 น.
  
เรืองยาวจัง
โดย: มาย IP: 203.172.61.167 วันที่: 1 พฤศจิกายน 2550 เวลา:16:32:51 น.
  
ก้านกล้วย

ได้อ่านหนังสือพิมพ์ The Nation ฉบับวันที่ 13 มิ.ย. เขาลงว่าก้านกล้วยทำรายได้ถึงหนึ่งร้อยล้านแล้ว ซึ่งนับว่าเป็นการเปิดตัวภาพยนตร์อนิเมชั่นเรื่องแรกของไทยได้น่าดูชมทีเดียว (เรื่องล่าสุดเขาว่าน่าจะเป็น “บางระจัน” ละมั้งที่ทำสถิตินี้ได้ เราเองก็อินเทรนด์กะเค้าเหมือนกัน ไปดูมาเมื่อประมาณอาทิตย์ที่แล้ว ก็เอามาเล่าให้ฟังละกันนะ

ก้านกล้วยเป็นเรื่องชีวิตช้างเชือกหนึ่งที่อยู่ในป่า แล้วจับพลัดจับผลูไปเป็นทหารช้างในศึกยุทธหัตถีช่วงสงครามที่พระนเรศวร ซึ่งเป็นเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ที่ตอนนั้นกรุงศรีอยุธยาตกเป็นเมืองขึ้นของพม่าครั้งแรก
และตามท้องเรื่อง “ก้านกล้วย” เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้กอบกู้เอกราชคืนได้ในที่สุด

อย่างแรกที่รู้สึกเวลาดูภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คือ กราฟฟิคสวยมาก! ทั้งแสง สี การเก็บรายละเอียดสวยมากจริงๆ ขอยกตัวอย่างเช่น ภายในท้องพระโรงที่ก้านกล้วย และแม่เดินเข้าไป จะมีอยู่ภาพหนึ่งที่ห่วงสำหรับใส่งาช้างที่เคยเป็นของพ่อก้านกล้วยตกลงกับพื้นมันปลาบ แค่ภาพนั้นภาพเดียวก็เกินพอแล้ว นั่นคือ ตัวลวดลายของห่วงที่ว่ามีลายไทย (ซึ่งศิลปะไทยต่างกับเทศก็ตรงนี้ เมืองไทยเน้นรายละเอียดวิจิตรบรรจง ภาพนี้แสดงศิลปะไทยออกมาจนหมดเชียว) และพื้นมันวาวสะท้อนท้องพระโรงที่เต็มไปด้วยภาพเขียน ซึ่งแค่แวบเดียวที่โผล่ออกมา ก็เห็นได้ชัดว่าผู้จัดทำตั้งใจกับมันมากแค่ไหน

แต่สำหรับการออกแบบตัวก้านกล้วย เพื่อนๆ และรูปร่างมนุษย์ ก็ทำให้เห็นชัดเจนดี เหมาะสำหรับเด็ก เพราะดูง่ายเหลือเกินว่าใครเป็นพระเอก ใครเป็นผู้ร้าย อย่างก้านกล้วยเป็นช้างสีฟ้า มีแฟน (ชื่ออะไรไม่รู้จำไม่ได้ ขออภัย) ก็เป็นช้างสีชมพู มีดอกไม้ทัดหู หน้าหวานเจี๊ยบด้วย เป็นตัวกำกับเพศ แล้วพอเป็นช้างฝ่ายพม่าก็ตัวสูงใหญ่ สีทะมึน นัยน์ตาแดงดุจโลหิต มีรอยบากที่ตา (ลองนึกภาพ อารมณ์ประมาณโจรหนังไทยที่ต้องปิดตาข้างหนึ่ง หรือไม่ก็ตามีรอยบาก อารมณ์นั้นเลย ซึ่งเป็นกรรมวิธีค่อนข้างโบราณอยู่สักหน่อย แต่ก็ใช้ได้ดี ดูออกง่าย) คาดว่าคนที่ออกแบบเข้าใจว่าอะไรที่มันน่ารักๆจะต้องดูอ้วนๆละมั้ง ก้านกล้วยเลยกลายเป็นช้างตาโต แก้มป่อง งวงบวมเหมือนโดนผึ้งต่อยตลอดเวลาๆ ตอนเด็กๆก็ดูน่ารักอยู่ อีตอนโตขึ้นมามันก็เลยดูพิกลๆน่ะ ส่วนการออกแบบมนุษย์ก็ใช้หลักการเดียวกันกับช้าง มันก็เลยกลายเป็นคนหัวโต ตัวเล็กไป ซึ่งก็ดูน่ารักดี โดยส่วนตัวชอบตาลุงที่ก้านกล้วยไปอยู่ด้วย แกตลกดี แล้วก็หาเสียงคนพากย์ได้ดีก็เลยดูกลมกลืนกันไปหมด

ถ้าหากเทียบกับกราฟฟิคสวยงามแบบนั้นแล้ว เรื่องเสียงที่ใช้ประกอบภาพยนตร์เรื่องนี้ดูจะด้อยไปถนัดตา คือยังขาดๆเกินๆอยู่ไม่น้อย แต่ทั้งนี้ ถ้าไม่สังเกตก็จะไม่รู้สึก เพราะโดยรวมแล้วมันก็กลมกลืนกันดี แต่ทีนี้นี่ ถ้าต้องการต่อยอดอนิเมชั่นของไทยต่อไปให้ดียิ่งขึ้น ต้องหาคนผลิตเพลงให้ได้ดีกว่านี้ จะอาศัยแต่เฉพาะภาพสวยอย่างเดียว ก็รู้สึกเสียดายโอกาสที่จะ ‘เล่น’ กับความรู้สึกคนดูมากกว่านี้

จะพูดไงดีน้อ...ภาพกราฟฟิค เป็นตัวบอกเนื้อเรื่องว่าอะไรเป็นอะไร แต่ตัวดนตรีจะเป็นตัวกำหนดความรู้สึกคนดูให้เป็นไปตามที่ต้องการ ดังนั้นจะเห็นได้ว่า ภาพยนตร์ต่างประเทศทั้งหลาย จะให้ความสำคัญกับ soungtrack ของภาพยนตร์มาก ในเนื้อร้องเดียวกัน แต่เปลี่ยนจังหวะดนตรีให้ต่างๆกันไปเพื่อเร้าอารมณ์ก็เป็นไปได้อีก

ตัวอย่างเช่น เวลาที่ก้านกล้วยอยู่ในป่า หากเพิ่มเสียงลมพัดต้นไม้จนเกิดเสียงซู่ซ่าเบาๆ หรือเสียงจิ้งหรีดร้อง (ป่ามีมั้ยหว่า) แค่เปิดเบาๆ ก็จะทำให้เกิดความสมจริงขึ้น คนดูก็อินได้ง่าย หรือช่วงเวลาที่เร้าอารมณ์ต้องการให้คนดูตื่นตัว ตื่นเต้น เพลงประกอบก็ดี แต่หนิงรู้สึกว่ามันน่าจะทำได้มากกว่านี้

ส่วนเรื่องเสียงพากย์ ก็พอไปได้ แต่คิดว่าคนไทยยังไม่ค่อยชำนาญในการพากย์เสียงเท่าไร (ก็อนิเมชั่นแรกนี่) จังหวะ หรืออารมณ์อาจจะยังไปวัดไปวาไม่ได้ ซึ่งถือว่าให้อภัยได้ เพราะเรามีคนเชี่ยวชาญทางนี้น้อย (มีก็พวกที่พากย์ภาพยนตร์ หรือไม่ก็ช่องเก้าการ์ตูนนั่นน่ะ) เราไม่เหมือนญี่ปุ่นที่มีการ์ตูนมหาศาลจนเปิดเป็นโรงเรียนนักพากย์แบบเป็นกิจจะลักษณะเลย

สำหรับตัวเนื้อเรื่องนั้น ถือว่าผูกเรื่องได้ไม่เลวเลย คือการใช้ช้างซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของคนไทยมาเป็นตัวเอก แล้วจะให้เรื่องราวเกี่ยวกับช้างอย่างเดียวก็กระไร ยังอุตส่าห์ไปโยงกับสงครามยุทธหัตถีอีกต่างหาก แสดงให้เห็นถึงพระบุญญาบารมีของสมเด็จพระนเรศวรอีกด้วย และไม่รู้ว่าบังเอิญหรือเปล่า เพราะดันเข้าฉายในช่วงเวลาฉลองครบ 60 ปีการขึ้นครองราชย์ ทำให้อารมณ์รักชาติของคนไทยพุ่งสูงกระฉูดในช่วงนี้พอดี เรื่องนี้ก็เลยออกมาแบบไม่ขัดเขินมากนัก

จำกันได้หรือเปล่า เรื่องอะไรที่เกี่ยวกับฟุตบอลน่ะ แล้วเราไปล้อเลียนประเทศเพื่อนบ้านของเราจนทำให้เรื่องนี้ฉายไม่ได้ เรื่อง “ก้านกล้วย” ก็เหมือนกันที่พูดถึงเกี่ยวกับเราและประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งอย่างที่บอกไปแล้วว่า หน้าตาผู้ร้ายสุดๆ แต่ก็ยังดีที่ไม่ทำให้กษัตริย์พม่าฝ่ายนู้นเป็นพวกคนขี้โกงจนเกินไปนัก ก็เลยยังรู้สึกไม่น่าเกลียดมาก ทว่ามันก็ยังไม่ค่อยดีอยู่ดีละนะกับความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน

เรื่อง “ก้านกล้วย” ก็ยังมีจุดเด่นจุดด้อยต่างกันไป แต่ก็ถือว่าจุดดีมีมากกว่า จึงเป็นภาพยนตร์อีกเรื่องหนึ่งที่น่าจะพาลูกพาหลานไปดู เพราะนอกจากได้ความบันเทิงแล้ว ยังช่วยสนับสนุนวงการอนิเมชั่นไทยให้ต่อยอดให้ยิ่งๆขึ้นไปอีก

โดย: รชตธร IP: 61.7.190.74 วันที่: 16 สิงหาคม 2551 เวลา:11:28:01 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

peiNing
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]



เป็นเด็กกรุงเทพแท้ๆ แต่อยู่บ้านนอกของกรุงเทพน่ะนะ ไม่ได้ชอบอะไรเป็นพิเศษนอกจากแกล้งสัตว์เลี้ยงที่บ้าน นั่นคือนกฮู้ผู้มีอายุ 10 ปีได้ (นกแก่มีหนวด) (แต่ตอนนี้ในที่สุดนกฮู้ก็จากไปอย่างสงบ ไม่รู้อายุรวมเท่าไรแต่มาอยู่ที่บ้านได้ 11 ปี ขอไว้อาลัยปู่ฮู้ ขอให้ไปสู่สุขคตินะ T^T)

ขอชี้แจงอีกอย่าง ชื่อ peiNing นี้ เป็นชื่อที่พี่กะน้องใช้ร่วมกันสองคน ดังนั้นอย่างงว่าเดี๋ยวก็แทนตัวว่ารุ้งบ้างหนิงบ้าง ก็มันคนละคนนิ (รุ้งน่ะคนพี่ หนิงน่ะคนน้อง)

FB สำหรับคนชอบงานเขียน peiNing ค่ะ

FB สำหรับคนชอบบทความสอนห้องเรียนนิยายค่ะ

  •  Bloggang.com