Group Blog All Blog
|
แรงบันดาลใจของคำว่า "พยายาม" วันก่อนนี้ได้อ่านการ์ตูนเรื่องหนึ่ง เป็นเรื่องที่พระเอกเป็นพวกไม่สนใจใคร มีชีวิตอยู่กับการตามความฝันในการเป็นนักบาสมืออาชีพ เพราะเขาไม่ได้เก่งแบบอัจฉริยะมาเกิด จึงต้องซ้อมหนักเป็นเท่าตัว เลยไม่ค่อยมีเวลาให้นางเอกที่เคยหลงรักพระเอกข้างเดียว จนกระทั่งสุดท้ายได้เป็นแฟนพระเอก นางเอกก็พยายามเข้าใจพระเอก ต่อให้พระเอกไม่มีเวลาก็เข้าใจ หรือบางครั้งพระเอกไม่สนใจตัวเองเพราะมัวแต่คิดถึงเรื่องบาสอยู่ก็ให้อภัย ตอนหลังๆพระเอกต้องย้ายไปทำงานต่างจังหวัด และเล่นบาสให้กับบริษัท ยิ่งทำให้ไม่มีเวลาเจอกัน กว่านางเอกจะนั่งรถไฟไปหา อยู่ได้แป๊บเดียวก็ต้องกลับเพราะจะไม่ทันรถไฟเที่ยวสุดท้าย นางเอกเลยตัดสินใจไปหัดเรียนขับรถและสอบใบขับขี่เพื่อที่ว่าจะได้ขับรถไปหาพระเอกได้ และอยู่ด้วยกันนานขึ้นเพราะไม่ต้องจับรถไฟเที่ยวสุดท้ายกลับ แต่การณ์กลายเป็นว่านางเอกประสบอุบัติเหตุในช่วงเวลาที่พระเอกต้องไปค่ายเก็บตัวซ้อม กว่าจะรู้ก็ตั้งสองอาทิตย์ นางเอกเข้าใจว่าบอกไปพระเอกก็มาหาตัวเองไม่ได้ อุบัติเหตุครั้งนี้ทำให้เคลื่อนไหวลำบากไปครึ่งปีได้ แล้วสุดท้ายนางเอกก็เป็นฝ่ายบอกเลิกพระเอกด้วยตัวเอง (เมื่อก่อนพระเอกเคยถมว่าจะเลิกไหม เขาไม่มีเวลาให้ แต่นางเอกไม่เคยโอเค) ด้วยเหตุผลที่ว่า นางเอกจะต้องไปสอบใบขับขี่อีกครั้งหนึ่ง ไม่ไหวแล้ว ขอเลิกละกัน จริงๆ อาจจะเป็นเหตุผลที่ดูงงๆ สอบใบขับขี่ใหม่แล้วเกี่ยวไรกะพระเอก (วะ) แต่ประเด็นของมันก็คือ การขับรถ เป็นตัวแทนความพยายามของนางเอกที่อยากจะใกล้ชิดกับพระเอกมากขึ้น หลังจากที่พระเอกยุ่งกับตัวเอง บางทีเดือนสองเดือนก็ไม่เคยคุยกันเลย นางเอกพยายามมาก หวังกับการขับรถมาก แต่จู่ๆก็เห็นผลของความพยายามนั้นมันแตกสลายลงไป มันเหมือนกับนางเอกหมดแรงใจที่จะพาตัวเองไล่ตามพระเอกเหมือนกับที่ตัวเองทำมาตลอด นั่นเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้นางเอกหมดแรงจะทำอะไรอีกต่อไป อีกเรื่องหนึ่งเป็นเรื่องที่นักเขียนภาพอนิเมชั่นของญี่ปุ่น งานแก้แล้วแก้อีกอยู่กับมันหลายวัน แก้มันอยู่หลายคืนจนกระทั่งวันรุ่งขึ้นจะต้องส่งงาน ซึ่งงานที่ว่าเสร็จทันส่งพอดี แต่ดันมีเรื่องว่าบนเพดานดันมีหยดน้ำตกลงมาบนต้นฉบับที่เขียนไว้จนทำให้ทุกอย่างเสียไปหมด นักเขียนภาพคนนี้เห็นเข้าก็หมดแรงทันที นั่งร้องไห้เมื่อคิดว่าจะต้องเริ่มทุกอย่างใหม่หมด สุดท้ายแล้วก็ลาออกจากอาชีพเขียนภาพที่รักมากไป เธอไม่เหลือแรงใจกับมันอีกแล้ว พูดถึงการ์ตูน 2 เรื่องนี้ทำไม ที่จริงเมื่อกี้เห็นโฆษณาของ Amazing Thailand ขึ้นมา ในภาพฉายภาพวัดร่องขุ่นซึ่งวิจิตรมากๆ และพอมาคิดว่าวัดนี้ถูกภัยธรรมชาติทำให้เสียหายไปไม่น้อย ศิลปินที่ใช้ความพยายามและแรงใจกับมันมากมายขนาดนี้ เมื่อคิดว่าจะต้องมาเริ่มต้นใหม่กับมันอีกครั้ง เขาจะข้ามผ่านความรู้สึก "หมดแรงใจ" ไปได้หรือเปล่านะ หรือเขาเลือกที่จะยอมแพ้เหมือนกับตัวละครจากสองเรื่องข้างบน แต่ไม่ว่าแบบไหนก็เข้าใจ และได้แต่เพียงให้กำลังใจอยู่ห่างๆค่ะ ไม่รู้จะทำอะไรให้ได้มากไปกว่านี้ สิ่งที่บอกได้อย่างเดียวก็คือ งานชิ้นนี้เป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่ไม่ได้แค่เกิดจากฝีมือ แต่เกิดจากพลังใจอันมหาศาลของศิลปินที่แสดงให้เห็นจากความวิจิตรนั้น ไม่หรอกค่ะ สุดท้ายแล้วหลังจากเลิกกัน แต่สุดท้ายก็กลับมาคืนดีกันอยู่ดี พระเอกก็รักและหวังดีกับนางเอกเหมือนกัน แต่รู้ตัวว่าถ้ายังคบกันต่อไป ทุกอย่างก็คงอีหรอบเดิม สู้ให้นางเอกมีคนดูแลที่ดีกว่าเขาดีกว่า (ซึ่งหนิงแอบเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง) แต่เอาเป็นว่าการเลิกกันครั้งนี้ก็ทำให้ทั้งคู่ได้เรียนรู้กันมากขึ้น เหมือนกับนางเอกไม่ต้องเป็นฝ่ายพยายามอยู่ฝ่ายเดียวอีกแล้ว อะไรทำนองนี้ค่ะ
ที่หยิบเฉพาะประเด็นตอนที่พยายามจนหมดกำลังใจ เพราะเห็นเคสนี้มันทำให้รู้สึกมากๆเท่านั้นเองค่ะ โดย: peiNing วันที่: 13 กันยายน 2557 เวลา:22:04:52 น.
|
peiNing
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?] เป็นเด็กกรุงเทพแท้ๆ แต่อยู่บ้านนอกของกรุงเทพน่ะนะ ไม่ได้ชอบอะไรเป็นพิเศษนอกจากแกล้งสัตว์เลี้ยงที่บ้าน นั่นคือนกฮู้ผู้มีอายุ 10 ปีได้ (นกแก่มีหนวด) (แต่ตอนนี้ในที่สุดนกฮู้ก็จากไปอย่างสงบ ไม่รู้อายุรวมเท่าไรแต่มาอยู่ที่บ้านได้ 11 ปี ขอไว้อาลัยปู่ฮู้ ขอให้ไปสู่สุขคตินะ T^T) ขอชี้แจงอีกอย่าง ชื่อ peiNing นี้ เป็นชื่อที่พี่กะน้องใช้ร่วมกันสองคน ดังนั้นอย่างงว่าเดี๋ยวก็แทนตัวว่ารุ้งบ้างหนิงบ้าง ก็มันคนละคนนิ (รุ้งน่ะคนพี่ หนิงน่ะคนน้อง)
FB สำหรับคนชอบงานเขียน peiNing ค่ะ
FB สำหรับคนชอบบทความสอนห้องเรียนนิยายค่ะ
|
คิดว่าความพยายามจะส่งผลให้ประสบความสำเร็จซะอีก เศร้า
ก็พยายามแล้วแต่อีกนิดเดียวเอง
วัดร่องขุ่น งดงามมากค่ะ ไปดูของจริงมาแล้วคิดว่า อ.ท่านคงไม่ถอดใจแน่นอน
ขอบคุณมากๆนะคะ