บ่อน้ำพุร้อนแม่ฝาง อุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก

เจ้.. เราขับรถขึ้นเชียงใหม่กันเถอะ.. เจ้ไปเที่ยวมาร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ..รอบนี้ให้ผมมีส่วนร่วมด้วย... พ่อน้องชายชวนเที่ยว..แบบเอาจริงเอาจัง...ที่สุดในชีวิต
แล้ว the gang ก็ก่อตัวกันขึ้น...คอเดียวกันไปด้วยกัน.. พวกชอบเถลไถลออกนอกเส้นทางเวลาเจอวิวเทพ ๆ ... คุณพี่สาว เจ้าชายนิทรา คุณน้องขา คุณน้องกระหนุงกระหนิงจาก blog ทุ่งกระเจี่ยว (กลัวจำไม่ได้) ... เดินทางจากอุบล..ไปตามทาง.. ขึ้นเหนือ (ยังไม่ล่องใต้) ... โดยมี ด.ช.น้ำหมึก เจ้าถิ่นรออยู่ที่เชียงใหม่
เที่ยวละไมรอบนี้ไม่ไล่ตามลำดับการเดินทาง.. ขอเปลี่ยนแนวบ้าง... เล่าตามเทรนด์..ก็แล้วกันนะคะ..
เอาตารางเที่ยวทริปมาราธอน ตามที่พี่ Maew-Tua-Lek ว่าไว้ให้ดูก่อนนะคะ .. ค่อยมาตัดสินกันว่า .. the gang เชื่อฟังตารางเที่ยวแค่ไหน...
วันศุกร์ที่ 24 ธ.ค. : เดินทาง ออกจากอุบล เดินหน้าขึ้นไปทางขอนแก่น แวะพักพิษณุโลก
วันเสาร์ที่ 25 ธ.ค.: แวะกราบพระพุทธชินราช ก่อนไป อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ไต่ขึ้นไปอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย ตรงดิ่งเข้าลำปาง ไฮไลท์ที่ เงาพระธาตุกลับหัว แห่ง พระธาตุลำปางหลวง วัดศรีชุม (วัดพม่าในไทยที่ใหญ่ที่สุด) ค่ำ ๆ ถึงเชียงใหม่ เก็บ ด.ช. น้ำหมึก หลังเลิกเรียน หม่ำอาหารพื้นเมือง เดินถนนคนเดิน วัวลาย ถ่ายรูปแสงสียามค่ำคืนในเชียงใหม่ สัมผัสบรรยากาศหนาวในเมือง ---- ไปตามโปรแกรมค่ะ แต่มาค่ำที้่ลำปางซะก่อน เลยแค่ผ่าน ไม่ได้แวะ.. ที่ใดเลย
วันอาทิตย์ 26 ธ.ค. : ส่ง ด.ช.น้ำหมึกไปเรียน(เพราะขาดไม่ได้) the gang เที่ยวเองยถากรรม เป้าหมายที่ดอยอินทนนท์ น้ำตกขุนแม่ยะ ซากุระแม่วาง พระธาตุฯ บ่ายสอง กลับเข้ามาในเมือง ไปขุนช่างเคี่ยนรอ ด.ช.น้ำหมึก แดดหมด.. ไปถ่ายรูปวิวยามค่ำ ที่ดอยสุเทพ แล้วไปหาที่กินในเชียงใหม่ เดินถนนคนเดินท่าแพ เป้าหมายถ่ายรูปโคมไฟสวยๆ ที่ถนนท่าแพ แวะหา JinnyTent ร้านเต้ยติ่มซำ แล้วแวะหาเสบียงที่จะไปแค้มปิ้งวันรุ่งขึ้น ---- แล้วเราก็ได้ไปถึงแค่ขุนวาง ... แน่นิ่งกับซากุระ.. เพลินกับดอกไม้รองเท้านารี จนลืมขุนช่างเคี่ยน.. แต่ยังคงได้แวะไปกินติ่มซำ.. น้องจินนี่.. ก่อนส่งสองสาวไปช็อปปิ้ง... กระเป๋าเบาหวิว..ที่ถนนคนเดินวันอาทิตย์ ส่วนตัวเองควงหนุ่ม ๆ ... ไปหาซื้อเสบียง เตรียมทำอาหารกินเอง.. มี ด.ช.น้ำหมึกอาสาเป็นพ่อครัว..
วันจันทร์ 27 ธ.ค. : ออกจากเชียงใหม่ ขับไต่ ไป ฝาง ผ่าน แม่ริม แม่แตง เชียงดาว ไชยปราการ แวะหาที่ถ่ายรูปไปเรื่อยที่ไหนสวย หยุดที่นั่น พักที่ดอยผ้าห่มปก(น้ำพุร้อนฝาง) นอนอาบน้ำร้อนแช่น้ำร้อนก่อนนอน กลับมานอนพักผ่อน หรือทำแค้มปิ้งกัน ตามความต้องการ ที่บ้านปางดอย ฝาง มีโปรแกรมนอนดูดาว.. กลางสวนส้ม ---- ละเลียดวิวแถว ๆ ดอยหลวงเชียงดาว เพลินไปหน่อย.. ไปถึงฝาง จวนค่ำแล้ว.. จะทันเที่ยวมั้ยคะ..
วันอังคาร 28 ธ.ค.: ตื่นตี 2 จ้างเหมารถ 4w ขึ้นดอยผ้าห่มปก ชมหมอกงามยามเช้า (อันนี้เจ้ติดต่อจองรถแล้ว) สายๆ กลับลงมาเก็บของ เดินทาง ออกจากฝาง แม่อาย แม่จัน ไป พัก เชียงรายเตรียม เที่ยวงานดอกไม้ หาที่พักแถวๆ ริมน้ำ กก เย็นนี้มีนัดกับพี่ Maew-Tua-Lek
วันพุธ ที่ 29 ธ.ค. : แอ่วงานเชียงรายดอกไม้บาน แวะวัดร่องขุ่น ก่อนกลับเข้าไปนอนในเชียงใหม่.. ก่อนกลัีบ แวะไปทักทายน้องก๋า กะว่าก๋า ไปหยิกแก้มหมิงหมิงเล่น..
วันพฤหัสบดี ที่ 30 ธ.ค. : ได้เวลากลับบ้านแล้วคร๊าบ.. แวะไปเรื่อย ๆ ก่อนถึงบ้าน..
---------------------------------------------------------------------------------
ยังอยู่วันที่ 27 ธ.ค. ค่ะ..
เราทำให้กล้องไม่ได้พัก..ไม่ได้ผ่อน (รวมถึงคนขับรถ.. ที่ยิงมาจนยาว..แล้วมาตายตอนใกล้จะจบ.. เดือดร้อน จขบ.ต้องขับรถคลำหาทางเข้าที่พักเอง..)
ถึงแล้ว.. บ่อน้ำพุร้อนแม่ฝาง.. อุทยานแห่งชาติดอยฟ้าห่มปก..

เรามาทันลาแสงสุดท้ายแห่งวัน..

และทันเวลาที่น้ำพุที่พุ่งสูงที่สุดในไทย.. พุ่ง..พล่าน..สู่ยอดฟ้าเบื้องบน...


เวลาแห่งการแสดง น้ำพุพุ่งสูงอันนี้.. มีทุกครึ่งชั่วโมง... (ซึ่งคุณเจ้าชาย.. พลาดทุกครั้ง... คิคิ มีเหตุ..ค่ะ มีเหตุ) .. ตั้งแต่มาเยือนจนถึงเวลากลับ.. น้ำพุที่นี่ เราได้เห็นน้ำพุพุ่งถึีง 3 ครั้ง..
เิดิมที ที่นี่มีน้ำพุที่พุ่งขึ้นสูงโดยธรรมชาติจริง ๆ แต่ไม่ได้อยู่ ณ จุดที่ัตั้งในปัจจุบัน แต่อยู่บริเวณตอนหน้า ๆ ที่ลานจอดรถ.. แต่มาช่วงหลัง มีการต่อท่อส่งน้ำพุร้อน เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า .. ทำให้น้ำพุพุ่งสูงลดแรงพุ่งเลย...
ทางอุทยานจึงจัดตำแหน่งให้น้ำพุพุ่งให้นักท่องเที่ยวดู ณ จุดใหม่.. ต้นไม้ข้าง ๆ ยังไม่ชินเลยค่ะ ยืนต้นตายซีกเดียว..น่าสงสารมาก..

ในช่วงเวลาที่เรารอคุณเจ้าชาย กลับมาจากการไปดุทำเลที่พัก บ้านปางดอยงาม กับคุณพี่ประจักษ์ เจ้าของที่พัก ที่มาดักรอพวกเราที่ลานจอดรถในอุทยาน.. เพื่อฉกตัวคุณเจ้าชายไปดูที่พัก ก่อนที่พวกเราจะหลงป่าหลงเขา.. เพราะคุณพี่เค้ามีนัดสอนเด็ก ๆ ว่ายน้ำในตอนเย็น..(พวกเราก็มาซะเย็นย่ำ แบบไม่เกรงใจใคร..)
คุณน้องขา จะพาเที่ยวรอ.. นะคะ..

บ่อน้ำพุร้อนเกิดได้อย่างไร
เกิดจากการหลอมเหลวของหินที่อยู่ใต้เปลือกโลกไหลแทรกขึ้นมาใกล้ผิวเปลือกโลก ทำให้หินบริเวณนั้นร้อนขึ้น เป็นเหตุให้น้ำบาดาลที่ไหลผ่านชั้นหินนั้นร้อนตามไปด้วย และดันตัวเองผ่านรอยแยกของหินพุ่งขึ้นมาเหนือพื้นดิน

กลุ่มหินที่เห็นเป็นหินอัคนีที่เกิดจากการเย็นตัวลงของหินหลอมเหลวที่พุ่งจากใต้ผิวโลกขึ้นมาเหนือพื้นดิน ผ่านการผุกร่อนอันยาวนาน จากสายลม แสงแดด.. และสายฝน.. ซึ่งจะละลายเอาแร่ธาตุต่างๆ ออกมา บริเวณพื้นผิวของหิน จะพบมอส ไลเคนเกาะอาศัยอยู่เพื่อดูดความชื้่นและแร่ธาตุไปใช้ .. เป็นผลให้โครงสร้างของหิน ค่อย ๆ เปลี่ยนสภาพกลายเป็นดิน...


กิจกรรมฮอตฮิต.. ในบ่อน้ำพุร้อนทุกแห่ง..คือการต้มไข่..

ถ้าต้มไข่ไก่จะใช้เวลาประมาณ 10 นาที แต่ถ้าเป็นไข่นกกระทา.. ใช้เวลา 5 นาที.. ส่วนไข่คน.. คงต้องไปถามคุณเจ้าชายและ ด.ช.น้ำหมึก.. ว่าใช้เวลาเท่าไหร่..
แร่ธาตุในน้ำพุร้อน เช่น แคลเซียม โซเดียม (2 อย่างนี้ไม่มีกลิ่น) ซัลเฟอร์ (หรือกำมะถัน ตัวก่อให้เิกิดกลิ่นไข่เน่า..อันเหลือร้าย..ของบ่อน้ำพุร้อน) ซึ่งเชื่อว่ามีคุณสมบัติในการรักษาโรคผิวหนัง และไขข้ออักเสบได้ ทั้งยังช่วยให้เลือดหมุนเวียนได้ดีเมื่อนำมาอาบ.. ทางอุทยานได้การันตีแล้วว่า น้ำพุร้อนที่นี่สามารถใช้อาบได้อย่างปลอดภัย..


ปล่องระบายไอร้อน ไอร้อนที่เห็นอยู่ เกิดจากอุปกรณ์แยกไอ โดยเมื่อน้ำร้อนไหลจากหลุมเจาะ เข้าสู่ตัวถังเก็บ ส่วนของน้ำร้อนจะอยู่ด้านล่างของถังเก็บเนื่องจากมีความหนาแน่นมากกว่า ส่วนที่เป็นไอร้อนจะลอยตัวสูงขึ้น.. จึงต้องต่อท่อเพื่อระบายไอร้อนทิ้ง ส่วนที่เป็นน้ำร้อนจะเข้าสู่ระบบผลิตกระแสไฟฟ้าต่อไป

ธารน้ำร้อน.. ส่งผ่านตามท่อ.. ไปผุดพลุ่ง.. ตามรายทาง.. อุณหภูมิของน้ำ.. ร้อนแตกต่างกัน แต่ที่แน่ ๆ คือ..ร้อน.. ทั่วทั้งบริเวณจะพบบ่อน้ำร้อนได้ประมาณ 40 บ่อ อุณหภูมิตั้งแต่ 50-87 องศาเซลเซียส...

พืชทนร้อนที่พบในบริเวณบ่อน้ำร้อน จะมีการปรับตัวให้ทนอุณหภูมิได้สูง โดยมีลักษณะอวบน้ำ (เช่นเดียวกับ จขบ. ที่ต้องปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อม.. อันมีเจ้าชายนิทรา.. อยู่ใกล้ ๆ ) มีขนาดใบเล็กเพื่อเก็บความชื้นไว้ในลำต้น.. ส่วนใหญ่เป็นพืชล้มลุกที่มีระบบรากฝอยเพื่อยึดเกาะพื้นดินที่มีน้ำขังได้ดี เช่น บัวบก ผักคราดหัวแหวน ผักแว่น น้ำนมราชสีห์ หญ้่าเกล็ดหอย เป็นต้น..( ซึ่งเราไม่เจอ..ซักกะต้นที่ว่ามา ยกเว้น..ต้นหญ้า..)

แอ่งน้ำอุ่น.. เป็นแอ่งน้ำที่เกิดจากการไหลมารวมตัวกันของน้ำร้อนจากบ่อน้ำพุร้อนกับธารน้ำเย็น..สายเล็ก ๆ ที่ไหลมาจากห้วยน้ำใจ (ชื่อเพราะ.. ) ทำให้เกิดแอ่งน้ำที่มีอุณหภูมิประมาณ 50 องศาเซลเซียส..

---------------------------------
ลองแอบไปกระซิบถามคุณน้องคนนี้สิคะ.. ว่าถ่ายได้รูปอะไร.. ที่แน่ ๆ จขบ... ถ่ายได้เจ้าก้นงอน..ที่มี blog เป็นของตัวเองแล้ว.. ว่าง ๆ แวะไปสิคะ ด.ช.น้ำหมึก.. River_Wang

จัดการเก็บภาพ เก็บบรรยากาศเสร็จ คุณน้องชายก็กลับมาพอดี..
ได้เวลาอาบน้ำแร่.. แช่น้ำร้อนค่ะ..

บริการอาบน้ำแร่ที่นี่ มีแบบบ่อส่วนตัว ในห้องส่วนตัว ต้องเข้าใช้บริการอย่างน้อยห้องละ 2 คน คิดราคาคนละ 50 บาท.. ในเวลาครึ่งชั่วโมง ไม่มีต่อเวลา เพราะเค้าไม่แนะนำให้แช่น้ำร้อนนานเกิน 20 นาที (อีก 10 นาทีให้เวลาผลัดผ้า..)

นี่แหละค่ะ หน้าตาห้องต่าง ๆ ของบ่อน้ำร้อนแบบส่วนตัว...
ในห้อง.. อ่ะ ๆ .. ไม่ให้เห็นหรอกค่ะ ต่างจากญีปุ่นลิบลับ มีก็อกให้ล้างตัวก่อนและหลังแช่น้ำร้อน.. แต่ขอโทษ .. น้ำเย็นสุด ๆ เลยคะ่... แทบไม่อยากล้างตัว (แต่ไม่ล้างก็ไม่ได้ค่ะ กลิ่นกำมะถัีนติดทน..เนื้อ ทนหนังจริงๆ ..)
ส่วนอีกแบบเป็นบ่อรวม จับปลาลงไปรวมกัน แยกชายหญิง แต่ขอโทษเหอะ.. บ่ออยู่กลางแ้จ้ง..
เวลาจะไปบ่อหญิงก็ต้องเดินผ่านบ่อชาย.. ไปบ่อชายก็ผ่านบ่อหญิง.. (จะแยกกันทำไมเนี่ย..) อ่างใหญ่พอจุปลาได้นับสิบ.. ถ้าลงแค่ 2 แบบที่ จขบ. และคุณน้องขาไปใช้บริการเวลาปลอดคน..ก็ว่ายน้ำเล่นได้ล่ะค่ะ.. คิคิ...
ราคาบริการบ่อรวม คนละ 20 บาท จะแช่นานแค่ไหนก็ได้ (ประมาณว่า .. ถ้าคุณเป็นลมคาบ่อน้ำร้อน .. ก็จะมีคนเห็น และลากคุณขึ้นมาเอง.. ต่างจากการไปนอนแช่บ่อในที่มิดชิดอย่างห้องรวม .. ถ้าคุณไปแช่กับผู้ไม่ประสงค์ดี..คุณอาจเ้ป็นศพได้..ถ้าไม่จำกัดเวลาแช่)
บริการอีกอย่างของการแช่น้ำร้อนในบ่อรวม คือ การใช้บริการอบไอกำมะถัน..ฟรี.. นานเท่าที่ต้องการ..
แต่ขอโทษ..อีกที..ค่ะ... ไอมันไม่ร้อน .. ไม่เหมือนอบซาว์นน่า.. แถมกลิ่นกำมะถันจาง ๆ .. ไ่ม่ค่อยน่าพิศมัย.. อบไปแล้ว.. หายใจขัด ๆ (ปกติก็ไม่ถูกโฉลกกับการอบไอน้ำทุกประเภทอยู่แล้ว.. เลยขอบะบายก่อนเวลาอันควร)
อุปกรณ์ที่ใช้ในการแช่ อาทิ ผ้าขาวม้า ผ้าถุง ผ้าเช็ดตัว ขอเช่าได้..ค่ะ .. มีราคาเช่าเล็กน้อย ใครไม่สันทัดก็หาไปเอง.. ถ้าใช้ห้องส่วนตัว จะก้าแผ้..ลงอ่าง.. ก็คงมิมีใครกล้า... ว่า..
อาบน้ำแร่.. แช่น้ำ.. ร้อนกันเสร็จ ลั่นล๊าถ่ายรูปซักหน่อยก่อนกลับเข้าบ้านปางดอย..

บริการอื่น ๆ ที่สามสาวสุดแสนประทับใจ ที่อุตส่าห์หนีเสียงกรนฟ้าคำราม หลังละห้อยละเหี่ยลงจากดอยผ้าห่มปก... ไปพักผ่อนประสาสาวๆ ที่บ่อน้ำร้อนฝาง.. หลังแช่น้ำร้อนจนสบายเนื้อสบายตัวดีแล้ว..
คือบริการนวดหน้าด้วยฝ่าเท้า..เอ๊ย.. นวดหน้า นวดตัว สปาเท้า .. ทำผม แต่งเล็บ.. เสริมความงาม.. กันสุดขั้ว...
เสียอย่างเดียวค่ะ คนให้บริการน้อย ต้องต่อคิวนาน.. เลยใช้บริการไม่ครบทุกอย่าง... จขบ. นั่งสับปะหงกรอคิว..จนตัวแทบร่วงจากเก้าอี้..ฤทธิ์ที่มัีวนอนดูดาว.. ได้นอนจริงแค่ไม่ถึง 2 ชั่วโมง ก่อนไปเดินข้ามเขา 7 ลูก...
ง่วงจริงๆ ..ค่ะ... ม่ายหวายแล้ว..
เดี๋ยวค่อยมาเล่า วีรเวร..วีรกรรมในการเดินป่า...ไปหาทะเลหมอก.. ที่ยอดดอยผ้าห่มปก...

แอบดีใจนิ๊ดนึงค่ะ .. ที่จองที่พักแบบเป็นหลังของบ่อน้ำพุร้อนฝางไม่ได้ .. เหลือที่กางเต้นท์ .. แต่สองจิตสองใจ.. ไม่กล้าสุ่มพัก เพราะไม่คิดว่าจะทนนอนดมเจ้ากลิ่นกำมะถันได้ทั้งคืน....
ดีใจ..ที่มีทางเลือกใหม่ที่ดีกว่า คือที่พักแสนน่าัรักที่ บ้านปางดอย... จริง ๆ.. นะ
Create Date : 10 มกราคม 2554 |
|
44 comments |
Last Update : 12 มกราคม 2554 20:14:38 น. |
Counter : 8615 Pageviews. |
|
 |
|