Group Blog All Blog
|
การเมืองไทย (นักการเมือง) กำลังอยู่ภายใต้ปรากฏการณ์มิราจ (ของตัวเอง) มิราจ (mirage) เป็นปรากฏการณ์แสงที่เกิดตามธรรมชาติซึ่งรังสีแสงถูกเบนให้ผลิตภาพผิดตำแหน่งของวัตถุที่อยู่ไกลหรือท้องฟ้ารังสี แสงหักเหจริงเพื่อสร้างภาพหลอกที่ตำแหน่งของผู้สังเกต ทว่า สิ่งที่ภาพดูเป็นตัวแทนนั้นถูกตัดสินโดยสมรรถพลตีความของจิตมนุษย์ แสง ความคิด ความรู้สึกคือ สิ่งเดียวกันที่ใช่และไม่ใช่สิ่งเดียวกันในเวลาเดียวกัน ความหมายของความเป็นสิ่งเดียวกันหมายถึง มีกระบวนการทำงานเหมือนกัน ความหมายของความไม่ได้เป็นสิ่งเดียวกันหมายถึง มีภาวะทางกายภาพที่แตกต่างกัน การมีภาวะทางกายภาพที่แตกต่างกันระหว่างแสง ความคิด ความรู้สึกคือ ส่วน/สิ่งที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์มิราจหรือภาพลวงตาในความเป็นมนุษย์ขั้นที่หนึ่ง ปรากฏการณ์มิราจหรือภาพลวงตาในความเป็นมนุษย์ขั้นที่สองเกิดจากความคิดและความรู้สึกที่อยู่ภายในความเป็นมนุษย์ของเราทุกคน ความต้องการที่จะอยู่ภายใต้สิ่งที่ตัวเรามีคือ ความคิดความรู้สึกและการกระทำของตัวเองหรือในอีกความหมายหนึ่งคือ ความพยายามใช้ชีวิตอยู่บนสิ่งที่เราคิดและเข้าใจไปเองว่าคือ จุดยืนของตัวเราเอง คำถามคือ มากแค่ไหนที่เรารู้จักและเข้าใจคำว่า จุดยืนของตัวเราเอง ? ทำไมพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ตั้งพรรคการเมืองของตัวเอง? ทำไมพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา รับคำเชิญเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนต่อไป? ทำไมพรรคการเมืองที่เรียกตัวเองว่าฝ่ายประชาธิปไตยและได้รับคะแนนเสียงจากประชาชนจำนวนมากแต่ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้? ทำไมพรรคการเมืองที่เรียกตัวเองว่าฝ่ายประชาธิปไตยแสดงท่าทีต่อต้านการสืบทอดอำนาจต่อพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา? ทำไมพรรคความหวังใหม่ที่เป็นพรรคที่เพิ่งตั้งขึ้นมาใหม่กลับได้รับคะแนนเสียงจำนวนมากจากประชาชน? ทำไมพรรคความหวังใหม่ถึงชนะการเลือกตั้งซ่อมที่เชียงใหม่? ทำไมหัวหน้าพรรคความหวังใหม่ถึงเดินตกหลุมที่ตัวเองขุดเอาไว้เอง? ทำไมคุณหญิงสุดารัตน์ผู้มีชื่อเข้าชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนต่อไปถึงมีพฤติกรรมการแสดงออกที่แตกต่างออกไปจากที่เคยเป็น? ทำไมพรรคประชาธิปัตย์ได้คะแนนเสียงจากประชาชนน้อยกว่าที่พรรคคาดการณ์? ทำไมคุณอภิสิทธิ์แสดงท่าทีต่อต้านพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา? ทำไมรัฐบาลที่กำลังจัดตั้งถึงได้มีจำนวนพรรคการเมืองเข้าร่วมจัดตั้งมากเป็นประวัติการณ์? ทำไมทั้งรูปแบบและแนวทางการจัดตั้งรัฐบาลถึงได้มีความเหมือนกับการเมืองยุคเก่าไม่มีผิดเพี๊ยน? ไม่มีอะไรที่เป็นเหตุบังเอิญทุกสิ่งที่เกิดขึ้นจะมีภาพที่ซ้อนทับกันอยู่ภายในภาพที่ทุกคนมีอยู่ในความคิดและความรู้สึกของตัวเอง ถ้าเราไม่สามารถนำพาความคิดความรู้สึกและการกระทำของตัวเองเดินออกจากภาพที่ซ้อนทับกันอยูในภาพที่ตัวเราเองยึดดิตอยู่ได้เราก็จะตกอยู่ภายใต้ปรากฏการณ์มิราจที่อยู่ภายใต้ความเป็นมนุษย์และอยู่ภายใต้ความคิดความรู้สึกและการกระทำของตัวเอง คำถาม/ปัญหาเกิดจากความรู้ความเข้าใจและความไม่รู้ไม่เข้าใจในสิ่งเดียวกันในเวลาเดียวกันของตัวเราเอง ความรู้ความเข้าใจและความไม่รู้ไม่เข้าใจในสิ่งเดียวกันในเวลาเดียวกันของตัวเราเองเกิดมาจากมิติที่อยู่ภายใต้ความเป็นมนุษย์ของตัวเอง มิติที่อยู่ภายใต้ความเป็นมนุษย์ของตัวเองคือ มิติที่อยู่ภายใต้ระดับของความเป็นโมเลกุล อะตอมและควอนตัม ที่ทำให้เราคือ ผู้สร้างและทำลายของตัวเราเอง สถานการณ์ที่เกิดขึ้นคือ สถานการณ์ที่เปิดเผยให้เราทุกคนได้เห็นถึงสิ่งที่เราทุกคนมีความยึดติดอยู่ แต่แทนที่เราจะมองเห็นในสิ่งที่เรามีความยึดติดอยู่เรากลับมองเห็นในทิศทางตรงกันข้ามคือ สิ่งที่ผู้อื่นยึดติดอยู่ = การเกิดปรากฏการณ์มิราจหรือภาพลวงตา สิ่งที่ผู้อื่นยึดติดอยู่กับสิ่งที่เรายึดติดอยู่คือ สิ่งเดียวกันที่ใช่และไม่ใช่สิ่งเดียวกันในเวลาเดียวกัน = ความคิดความรู้สึกและการกระทำของตัวเอง ความคิดความรู้สึกและการกระทำของตัวเองกับความคิดความรู้สึกและการกระทำของผู้อื่นคือ สิ่งที่มีความเชื่อมต่อและไม่เชื่อมต่อในสิ่งเดียวกันในเวลาเดียวกัน การเชื่อมต่อและไม่เชื่อมต่อในสิ่งเดียวกันในเวลาเดียวกันเกิดจากมิติที่อยู่ภายใต้ระดับของความเป็นโมเลกุล อะตอมและควอนตัมที่อยู่ภายในของตัวเราเอง ความไม่รู้ไม่เข้าใจที่เกิดจากมิติที่อยู่ภายในของตัวเราเองคือที่มาของคำถาม/ปัญหาที่เราสามารถหาคำตอบและแก้ไขปัญหาได้จากภายในของตัวเราเองโดยใช้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นภายนอกเป็นข้อมูล ความไม่รู้ไม่เข้าใจภายในของเราสามารถแทนที่ด้วยความรู้ความเข้าใจในระดับของความเป็นโมเลกุล อะตอมและควอนตัมที่อยู่ภายนอกของเราเอง *สถานการณ์ที่เกิดขึ้นคือ สถานการณ์ที่บอกว่าไม่ว่าคุณจะเป็นใคร ทำอะไร อยู่ที่ไหน จงยึดติดอยู่ภายใต้สิ่งที่คุณมีและอย่ายึดติดอยู่ภายใต้สิ่งที่คุณมีในสิ่งเดียวกันในเวลาเดียวกัน สิ่งเดียวกันใช่และไม่ใช่สิ่งเดียวกันในเวลาเดียวกัน และเวลาเดียวกันใช่และไม่ใช่เวลาเดียวกันในเวลาเดียวกัน ทั้งหมดนี้คือ การเกิดปรากฏการณ์มิราจหรือภาพลวงตาขั้นที่หนึ่งที่นำไปสู่การเกิดปรากฏการณ์มิราจหรือภาพลวงตาขั้นที่สองของตัวเราเอง ถ้าเราไม่สามารถนำพาตัวเองเดินออกจากการเกิดปรากฏการณ์มิราจหรือภาพลวงตาขั้นที่หนึ่งของตัวเราเองได้ เราก็ไม่สามารถนำพาตัวเองเดินออกจากการเกิดปรากฏการณ์มิราจหรือภาพลวงตาขั้นที่สองของตัวเราเองได้ มนุษย์ใช้ชีวิตเดินวนภายใต้ปรากฏการณ์มิราจหรือภาพลวงตาของตัวเองและของกันและกัน และทำให้เกิดเป็นวงจรหรือวัฏจักรหรือค่าอนันต์ที่ไม่มีที่สิ้นสุดของตัวเองและของกันและกัน ยุติการกล่าวหากล่าวโทษตัวเองและกันและกันเพราะทุกคนคือ คนดีและคนไม่ดีของตัวเองและของกันและกัน เราเป็นทั้งคนดีและคนไม่ดีของตัวเราเองในสิ่งเดียวกันในเวลาเดียวกันเนื่องจากระดับของมิติที่อยู่ภายในของตัวเราเอง การมองเห็นการทำงานภายในของความคิดความรู้สึกและการกระทำของตัวเองอาจไม่ง่าย แต่ไม่ใช่สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ "ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ถ้าเราต้องการ" ชีวิตคือ ความไม่แน่นอนที่ยืนอยู่บนความแน่นอนในระดับของความเป็นโมเลกุล อะตอมและควอนตัมที่อยู่ภายในของเราเอง ถ้าเรามองเห็นความแน่นอนในระดับของความเป็นโมเลกุล อะตอมและควอนตัมที่อยู่ภายในของเราเอง เราก็จะสามารถจัดการกับความไม่แน่นอนในชีวิตของเราได้ การจัดการกับความไม่แน่นอนคือ การจัดการกับความไม่แน่นอนและไม่ใช่การจัดการกับความไม่แน่นอนในสิ่งเดียวกันในเวลาเดียวกัน ไอสไตน์กล่าวว่า จินตนาการสำคัญกว่าความรู้ และ การเมืองนั้นแสนสั้น แต่สมการคงอยู่ชั่วนิรันดร์ |
สมาชิกหมายเลข 3784113
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?] จุกมุ่งหมายคือ การรู้แจ้งเห็นจริงในฐานะมนุษย์ปุถุชนคนธรรมดาคนหนึ่ง There is no way to happiness, happiness is the way. การปิดทองหลังพระ ถ้าเราไม่หยุดปิด วันหนึ่งทองก็จะล้นมาด้านหน้าพระเอง คำพูดที่ปราศจากการกระทำนั้นได้ตายไปแล้ว Link |