"ได้โปรด! Please!" บทที่ 8 (ํYURI)
8 “อรุณสวัสดิ์ค่ะแม่” พันไมล์ลงมาจากชั้นสองในเวลาเกือบหกโมง ซึ่งถือว่าสายกว่าทุกวัน “เมื่อคืนกลับมากี่โมง?” พันสาเงยหน้าขึ้นถามลูกสาว “ตีหนึ่งกว่าค่ะ บังเอิญเจอคนรู้จัก เลยคุยกันเพลินไปหน่อย” เธอยิ้มแหยๆ อย่างรู้สึกผิด “ทีหลังถ้าดื่มจนดึก ก็ไม่ควรขับรถ” “ไมล์ดื่มนิดเดียวค่ะแม่ แต่ต้องพาคนไปส่งบ้าน ก็เลยช้า” “งั้นเหรอ” พันสาพยักหน้ารับรู้ ไม่ซักไซ้มากความมองว่าลูกสาวเป็นผู้ใหญ่แล้ว ก่อนบุ้ยใบ้ไปบนโต๊ะกินข้าว “แม่ทำโจ๊กหมูไว้ ทานก่อนแล้วค่อยไปทำงาน” “ขอบคุณค่ะแม่” เธอนั่งทานมื้อเช้าจนเสร็จ แล้วนึกอะไรขึ้นได้ จึงขอโจ๊กใส่ถุงบอกว่าจะเอาไปฝากคน ซึ่งพันสาก็ไม่หวงทั้งยังบอกให้เอาไปหลายๆ ถุง พันไมล์ตักเผื่อให้เพื่อนร่วมงาน แต่วันนี้พิเศษตรงบวกเพิ่มอีกหนึ่งถุง ...สำหรับคุณแมวสวยแสนหยิ่งคนนั้น ยังไม่น่าตื่นหรอกมั้ง พันไมล์แอบย่องเข้าห้องนอนของหล่อน เพื่อดูว่ารังสิมาเป็นอย่างไรบ้าง ชะเง้อมองวงหน้าสวยที่ยังคงหลับสนิทบนเตียงกว้าง พลันอมยิ้มในหน้า เวลาหลับดูใสซื่อไร้เดียงสา ไม่เหมือนตอนตื่นฤทธิ์เยอะเกิน อดคิดเปรียบเทียบหล่อนในใจไม่ได้ เธอเผลอไผลชื่นชมความงดงามของหล่อนหลายนาที คิดไม่ถึงว่าอีกคนจะขยับตัว และปรือตาตื่นขึ้น “อืม...” รังสิมากระพริบตาถี่ๆ ก่อนเบิกตากว้างตกใจ หลังเห็นใครอีกคนอยู่ภายในห้องส่วนตัวของตน พอเห็นหน้าชัดๆ ก็เอ่ยเรียกชื่อออกมา “มะ ไมล์” “ฉันเอง” “เมื่อคืนเธอ...” “เมื่อคืนส่งคุณเสร็จ ฉันกลับบ้าน นี่เพิ่งจะมาถึง” พันไมล์พอเดาได้ว่าหล่อนจะถามอะไร “ฉันเอาโจ๊กมาฝาก” “อ๋อ” รังสิมาส่งเสียงต่ำรับรู้ สำรวจตัวเองที่สวมชุดเมื่อคืนเต็มยศ กลิ่นเหล้ายังคงโชยตลบเหม็นไปหมด ขยับลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง หล่อนตบข้างเตียงเป็นสัญญาณให้อีกคนนั่ง เธอชะงักเล็กน้อยก่อนทำตาม ทั้งคู่อยู่ห่างกันในระยะมือเอื้อมถึง “ขอบคุณนะที่มาส่ง” “เป็นหน้าที่ค่ะ คุณเป็นผู้ว่าจ้างของฉัน” “แค่นั้น?” “ค่ะ” “ฉันอยากเป็นมากกว่านั้น” หล่อนส่งสายตาเต็มไปด้วยความหมาย ก่อนถามด้วยประโยคเดิม “ทำสัญญานายทาสกับฉัน?” “อย่ามาล้อเล่นค่ะ ฉันไม่เหมาะกับคุณหรอก หาคนอื่นเถอะ” “รู้ได้อย่างไร ยังไม่ได้ลองเลย” มันใช่เรื่องที่ควรลองหรือไง? “...” “บางเรื่องไม่จำเป็นต้องคิดเยอะนักก็ได้ เชื่อความรู้สึกตัวเองบ้าง” “พวกเราต่างกันเกินไป ฉันน่ะไม่มีอะไรจะเสียหรอก คุณต่างหากที่จะเสียหาย” “ถามจริงๆ เธอชอบฉันบ้างหรือเปล่า?” รังสิมาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงยั่วยวนมีเสน่ห์บนเตียงกว้าง สายตาคู่สีนิลชวนให้คนมองหวั่นไหว “อย่าตอบนะว่า...ไม่” อา ขาวจัง... พันไมล์จ้องคอเสื้อที่กระดุมเปิดกว้างจนเห็นร่องอกวับๆ แวมๆ ผิวขาวดูเนียนนุ่มชวนสัมผัส เธอกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น ...สมาธิเริ่มแตกกระเจิง หนีหายไปไหนไม่รู้ “ฉะ ฉัน...ไม่ได้ไม่ชอบคุณ” “แปลว่าเธอชอบฉัน” หล่อนกระหยิ่มยิ้มย่อง สายตาดูแพรวพราวระยิบระยับ อะไรของคุณ? เธอรีบปั้นหน้าเคร่งขรึม “แปลเข้าข้างตัวเองไปไหม” “ฉันไม่ได้เข้าข้างตัวเอง แต่ฉันเชื่อมั่นในเสน่ห์ของตัวเองต่างหาก อีกไม่นานเธอต้องหลงเสน่ห์ฉันแน่...เชื่อเถอะ” คนฟังส่ายหัวกับความเย่อหยิ่งหลงตัวเองของอีกฝ่าย ซึ่งที่จริงหล่อนก็มีดีให้หยิ่ง แต่มีหรือที่พันไมล์จะยอมรับง่ายๆ จึงใช้กลยุทธ์เปลี่ยนเรื่อง “รีบลุกไปล้างหน้าล้างตาเถอะ เดี๋ยวฉันต้องไปทำงานแล้ว ฉันเอาโจ๊กหมูมาฝาก วางอยู่ที่โต๊ะข้างนอก” “ซื้อมา?” “เปล่าแม่ฉันทำน่ะ อร่อยมากๆ” “แม่เธอขายอยู่แถวไหน? เผื่อติดใจจะไปอุดหนุน” “อย่าลำบากเลย ไกลเกิน” “ไกลแค่ไหนฉันก็ต้องไปหาให้ได้ อยากได้ลูกสาวก็ต้องเข้าทางแม่” “เฮอะ พูดอะไรเรื่อยเปื่อย” พันไมล์จะลุกหนี แต่รังสิมาไวกว่า ยกมือกดไหล่เธอไม่ให้ขยับ พร้อมยื่นหน้าไปข้างแก้ม แล้วกดจมูกหอมหนึ่งฟอดเบาๆ แล้วผละออกห่าง “หอมกว่าเมื่อวานนิดนึง” “อะไรของคุณ!” สาวแว่นยกมือจับแก้มที่โดนขโมยหอม ใบหน้าขึ้นสีแดงเรื่อไปถึงใบหู ขี้อายหรือเนี่ย...น่ารักเชียว “มอร์นิ่งคิสไง” รังสิมาคลี่ยิ้มหวาน “จริงๆ อยากจูบนะ แต่ฉันมีแต่กลิ่นเหล้า” หล่อนไม่อยากให้จูบแรกของเรา รสชาติแย่เกินจะรับไหว “คุณตัวเหม็นมากๆ” เธอจงใจย้ำ “เดี๋ยวราดน้ำหอมทั้งขวดก็หอมเองแหละ จะให้เธอดมคนแรกเลย” รังสิมายักคิ้วแบบกวนๆ “หอมจนฉุน คงได้เป็นลมพอดี” เห็นหงิมๆ ไม่คิดว่าจะปากเก่ง คนโดนว่ากลอกตาไปมา ก่อนคลี่ยิ้มหวาน “ฝากบอกคุณแม่ด้วยนะ” “บอกอะไร?” “ ‘ว่าที่ลูกสะใภ้’ ฝากขอบคุณสำหรับโจ๊ก” ว่าทงว่าที่อะไร มั่วไปเรื่อย “ฝันไปเถอะ” แม้จะตอบไปแบบนั้น แต่หัวใจพันไมล์เต้นกระหน่ำบ้าคลั่งกระแทกซี่โครง ไม่เคยเจอใครหยอด แล้วทำให้ว้าวุ่นใจขนาดนี้มาก่อน ...ทักษะหว่านเสน่ห์ของหล่อนช่างน่าเกรงขามเหลือคณา “จะรอดูค่ะที่รัก” รังสิมายั่วคิ้วแบบยั่วๆ ลุกจากเตียงเดินส่ายสะโพกซ้ายขวา ไปหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วหายเข้าห้องน้ำไป ซะ เซ็กซี่ไปแล้ว พันไมล์หายใจไม่ทั่วท้อง เผลอจ้องบั้นท้ายงอนๆ ของหล่อน พอตั้งสติได้ก็บ่นกับตัวเอง คุณแมวยั่วสวาท เอ๊ย ยั่วประสาทชัดๆ Rrrrr เสียงมือถือหล่อนดังขึ้น ใบหน้ารังสิมาเย็นยิ่งกว่าน้ำแข็ง หลังเห็นชื่อคนโทรเข้า แต่จะไม่รับก็ไม่ได้ จึงกดปุ่มสีเขียว “สวัสดีค่ะแม่” รังสิมาฟังคนในสายสั่งการยาวเหยียด ทำอะไรไม่ได้นอกจากฟังเงียบๆ รุ่งนภาเป็นผู้หญิงเก่ง เป็นพวกเผด็จการ ไม่ค่อยฟังใคร เอาตัวเองเป็นใหญ่ ไม่แปลกใจเลยที่พ่อหล่อนจะทนไม่ไหว และขอหย่าหลายปีก่อน อีกคนต้องการให้หล่อนไปร่วมงานประมูลแทนในคืนนี้ หลังแม่พูดธุระจบ หล่อนจึงได้มีโอกาสพูดบ้าง “เข้าใจแล้วค่ะ” รังสิมารับคำ ก่อนพูดเรื่องของตนบ้าง “เค้กจะไปภูเก็ต น่าจะเป็นกลางเดือนหรือปลายเดือนหน้า” “มีอะไร?” รุ่งนภาถาม เชื่อว่าลูกสาวต้องมีเหตุผลสำคัญมากพอที่จะไปด้วยตัวเอง “แค่ยอดจองต่ำผิดปกติค่ะ” “คิดว่าเป็นเพราะอะไร?” “คุณพิษณุรับผิดชอบที่นั่น” หล่อนเรียกน้าเขยเต็มยศ บ่งบอกว่าไม่สนิทสนมเลยสักนิด “...” “ถ้าเขาก่อเรื่องอีก เค้กอาจจะทำอะไรมากกว่าเงียบนะคะ” รังสิมาทนไม่ได้ที่เขาโกงบริษัท โกงผู้ถือหุ้น เพียงแต่หาหลักฐานเล่นงานเขายังไม่ได้ หลังพนักงานระดับล่างยอมรับผิดและเข้าคุกแทน พิษณุเป็นคนจำพวก ‘โกงแล้ว โกงอยู่ โกงต่อ’ เป็นพวกโลภมาก มีความทะเยอทะยานสูง ไม่ยอมหยุดง่ายๆ จึงต้องมีใครสักคนหยุดเขาไว้ ...คราวนี้หล่อนไม่ยอมให้เกิดความผิดพลาดซ้ำสอง “หาหลักฐานมาให้ได้ ไม่งั้นน้ารุ้งของเธอคงไม่ยอมรามือแน่” ผู้เป็นแม่เตือน รุ่งนภารู้จักอุปนิสัยของน้องสาวตัวเองดีว่าเป็นคนประเภทไหน ถ้ารักใครก็เข้าข้างแบบไม่ลืมหูลืมตา “...” “ถ้าเป็นไปได้ อย่าให้ความผิดสาวไปถึงน้ารุ้งด้วย...ได้รึเปล่า?” แม้นจะไม่สนิทรักใคร่กันเหมือนก่อน แต่ก็เป็นพี่น้องแท้ๆ ที่คลานตามกันมา ถึงแม่ไม่บอก เค้กก็ไม่ทำร้ายน้ารุ้งหรอกค่ะ “เข้าใจแล้วค่ะ” ลูกสาวรับปาก “ไปกับใคร?” “มีเพื่อนไปด้วย” “งั้นเหรอ ระวังตัวด้วย” “ค่ะ” “แค่นี้นะ” รุ่งนภาบอกแล้ววางสายไป บทจะหมดธุระก็ตัดจบดื้อๆ ช่างเป็นแม่ลูกที่รักใคร่สนิทสนมกันมาก เย็นชาชะมัด! รังสิมาบ่นในใจ ก่อนเปิดข้อความที่ตนส่งหาพันไมล์ชั่วโมงก่อน อีกฝ่ายอ่านแล้ว แต่ไม่ยอมตอบกลับ นี่ก็อีกคน เมื่อเช้าหลังอาบน้ำเสร็จ รังสิมาออกมาก็ไม่เจอกับสาวแว่น เจอแต่ชามโจ๊กอุ่นๆ ที่อีกฝ่ายเทใส่ชามไว้ พร้อมมีขวดยาแก้ปวดตั้งอยู่ใกล้ๆ และกระดาษโน้ตเขียนข้อความด้วยลายมืออ่านยากทิ้งไว้ ‘ถ้าไปทำงานไม่ไหวก็อย่าฝืน’ ข้อความที่แฝงความเป็นห่วงแบบอ้อมโลก ทำให้รังสิมาอมยิ้ม แล้วนั่งทานโจ๊กใส่ไข่ชามนั้นอย่างมีความสุข อืม อร่อยทีเดียว หล่อนคิดแบบนั้นหลังตักทานไปหลายคำ ก่อนหยิบอุปกรณ์สื่อสารมาพิมพ์ข้อความหาพันไมล์ RangSima : ขอบคุณนะสำหรับโจ๊กและยา ฉันกำลังนั่งทานโจ๊กของ ‘แม่สามี’ เสร็จแล้วจะออกไปทำงาน RangSima : ถ้าคิดถึงก็แวะมาหาที่ออฟฟิศได้ ฉันอนุญาต แล้วส่งสติกเกอร์แมวสวยเชิดหน้าแบบหยิ่งๆ ปิดท้าย หล่อนยิ้มกับอุปกรณ์สื่อสารราคาแพง เมื่อคิดว่าอีกฝ่ายจะมีสีหน้าแบบไหนตอนอ่าน ก็เพียงพอให้รังสิมามีความสุขไปได้หลายชั่วโมง ช่วงสายรังสิมานั่งอ่านและเซ็นเอกสาร ปิดด้วยประชุม งานรุมจนหัวหมุน ตกบ่ายหล่อนเริ่มมึนหัว จนต้องหยิบขวดยาแก้ปวดของพันไมล์ที่ติดมาด้วยทานไปหนึ่งเม็ด แต่ผ่านไปช่วงหนึ่งยังไม่ดีขึ้นนัก เหมือนหัวจะระเบิด...ไม่อยากไปงานเย็นนี้เลย หญิงสาวเอนหลังพักที่โซฟา หวังว่าอาการจะทุเลาขึ้น เพื่อเตรียมตัวไปร่วมงานประมูลตามคำสั่งมารดา ใจจริงหล่อนไม่ได้ชอบออกงานสังคม แต่ทำเพื่อเป็นหน้าตาฐานะตัวแทนบริษัทเดอะวัน เรียลเอสเตทเท่านั้น ...หากหาคนอื่นมาทำหน้าที่นี้แทนได้ก็คงดี ติ๊ง! เสียงข้อความเข้าดังขึ้น 1000 Miles : ใครแม่สามีคุณ? นึกว่าไม่สนใจกันแล้ว หล่อนอดยิ้มไม่ได้ แต่ไม่ตอบคำถามนั้น RangSima : ปวดหัวจัง แต่ต้องไปงานประมูล อีกคนอ่านแล้วเงียบไปหลายวินาที ก่อนเขียนตอบกลับมา 1000 Miles : ไม่ไหวก็นอนพักสิ ไม่ก็ไปหาหมอ RangSima : ไม่หาหมอ 1000 Miles : กลัวหมอสินะ (ส่งสติ๊กเกอร์หมีหัวเราะเยาะ) อยู่ใกล้ๆ หน่อยไม่ได้ รับรองโดนแน่ RangSima : ฉันไม่ชอบหมอ 1000 Miles : จริงเหรอ... RangSima : ช่วยอะไรหน่อยสิ 1000 Miles : ว่ามา RangSima : ไปเป็นเพื่อนหน่อย ฉันต้องไปงานประมูลเครื่องเพชร 1000 Miles : งานแบบนั้น ฉันไม่มีชุดหรูๆ ใส่หรอกนะ เดี๋ยวคุณจะขายหน้าไปด้วย ไม่เห็นจะยาก RangSima : มาหาฉันที่บริษัท เดี๋ยวหาชุดให้ 1000 Miles : เอาจริง RangSima : ต่อไปเธอต้องออกงานกับฉัน ถือว่าทดลองงาน 1000 Miles : มีตัวเลือกอื่นไหม? RangSima : เผื่อฉันไม่ไหว เธอจะได้อุ้มกลับบ้าน 1000 Miles : ตัวเบาเหมือนนุ่นเลยเนอะ เมื่อวานปวดแขนแทบแย่ ขี้บ่นจริง หล่อนกลอกตา แต่ไม่ยอมหลงประเด็น RangSima : ไปด้วยกันนะไมล์ พลีส... ตื้อเก่งชะมัด เธอถอนใจ 1000 Miles : เคๆ ไม่เกินหนึ่งชั่วโมง RangSima : ขอบคุณนะ หล่อนเห็นคำว่า ‘อ่านแล้ว’ ยิ้มบางกับตัวเอง คิดไปถึงคำแนะนำของเพื่อนสนิทที่บอกว่าพันไมล์แพ้ไม้อ่อน โดยเฉพาะลูกอ้อน “ภายนอกพันไมล์ดูเฉยขรึม แต่จริงๆ แล้วเป็นคนอ่อนโยน และดูแลเอาใจใส่คนรอบตัวเสมอ ถ้าแกอยากให้น้องดีกับแก แกต้องดีกับน้องก่อน” มาศปรียาบอก รังสิมาจึงงัดทุกวิธีการออกมาเพื่อใช้กับเธอคนนี้ มีไม่กี่คนที่หล่อนสลัดความหยิ่งแล้วอ้อนเกินพิกัดแบบนี้ มีกุนซือดีสบายไปร้อยแปดอย่าง คงต้องหาของขวัญให้ยัยมาศหน่อยแล้ว
Create Date : 12 กรกฎาคม 2567 |
|
0 comments |
Last Update : 12 กรกฎาคม 2567 12:12:13 น. |
Counter : 138 Pageviews. |
|
|
|