|
|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | 31 | |
|
|
|
9 ตุลาคม 2566
|
|
|
|
ตามหานกแก้ว : วัดลำมหาเมฆ
เราไปมาแล้วสองวัดตั้งแต่อยุธยาถึงปทุมธานีก็ยังไม่เจอนกแก้วเลย เหลือหมายสุดท้ายจาก comment ในคลิปนกแก้วโม่งที่วัดปะมุง ซึ่งมีคนเขียนว่าที่วัดลำมหาเมฆ ปทุมธานีก็มีนกแก้วโม่ง แล้วมีคนมาตอบความเห็นนี่ว่า ไม่ใช่ แต่เป็นนกแก้วคอแหวนสีกุหลาบ แล้วนกแก้วทั้งสองชนิดนี้ต่างกันอย่างไร นกแก้วโม่งมีชื่อภาษาอังกฤษว่า Alexandrine parakeet มีที่มาจากพระเจ้าอเล็กแซนเดอร์มหาราชได้นำพวกมันจากรัฐปัญจาบ ในประเทศปากีสถานปัจจุบัน ไปยุโรปในคราวที่มาทำสงครามกับอินเดีย ขณะเดียวกันพื้นที่ของอินเดียก็มีนกแก้วอีกหนึ่งชนิดที่มีความใกล้ชิดกัน
คือนกแก้วคอแหวนสีกุหลาบ (Rose-ringed parakeet) ซึ่งปัจจุบันก็จะเห็นว่าอาศัยอยู่ร่วมกัน แต่นกแก้วคอแหวนสีกุหลาบนั้น มีอีกแหล่งอาศัยคือแถบตอนกลางของทวีปแอฟริกา ซึ่งทำให้ชาวยุโรปนำพวกมันไปเลี้ยงได้โดยอาจจะผ่านทางตุรกี รวมถึงในยุคอาณานิคมอินเดียก็อาจมีการนำไปที่ยุโรป
แม้นกแก้วคอแหวนสีกุหลาบจะมีขนาดตัวเล็กว่านกแก้วโม่ง แต่ที่น่าสนใจคือ นกที่เพาะเลี้ยงในกรงที่มีการผสมแบบ inbreed พบว่ามันมีการกลายพันธ์เป็นนกแก้วสีต่างๆ เช่น สีเหลือง สีฟ้า เป็นต้น มีแม้กระทั่งนำมาผสมกับนกแก้วโม่ง เพื่อให้มีขนาดตัวที่ใหญ่ขึ้น ทำให้กลายเป็นนกแก้วสวยงามที่นิยมเลี้ยงอย่างกว้างขวางในยุโรป แน่นอนว่าก็ต้องมีคนสนใจนำเข้ามาเพื่อเลี้ยงในประเทศไทยแน่นอน ในขณะที่นกแก้วโม่งในธรรมชาติเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง แต่นกแก้วคอแหวนสีกุหลาบเป็นสัตว์สวยงามที่สามารถเลี้ยงได้
เมื่อมีคนซื้อไปแล้วไม่อยากเลี้ยง หรือหลุดจากกรงไปยังภายนอก พวกมันสามารถปรับตัวให้กินอาหารได้หลากหลาย และมีความก้าวร้าวกว่า ทำให้พบนกแก้วคอแหวนสีกุหลาบแพร่กระจายในธรรมชาติมากขึ้น ในขณะที่นกแก้วโม่งมีจำนวนที่ลดลงจากแหล่งอาหารและการหาโพรงรัง ทำให้เป็นไปได้มากว่า ในอนาคตจะเกิดการผสมข้ามสายพันธ์ ระหว่างนกสองสายพันธ์นี้ เช่นที่เกิดกับกรณีของนกกระสาปากเหลือง ที่พบน้อยมากในธรรมชาติ ทำให้ต้องไปผสมกับนกกาบบัว ที่ถูกปล่อยออกมาจากสวนสัตว์ และมีความสามารถในการแข่งขันสูง ทำให้เกิดนกลูกผสมเป็นนกกระสาปากเหลืองสีประหลาด นั่นอาจจะทำให้นกกระสาปากเหลืองสายเลือดแท้สูญพันธฺ์ไปในที่สุด
มาถึงตรงนี้ แล้วจะแยกพวกมันออกจากกันได้อย่างไร ผมนี้มีความรู้ไม่มาก ก็เลยอาศัยแยกจากกันโดยพื้นที่ โดยก่อนหน้านี้ที่ถ่ายมา ก็น่าจะเป็นนกแก้วโม่งทั้งหมด แต่ใน blog นี้ คงเป็นภาพนกแก้วคอแหวนสีกุหลาบชุดแรก หากจะแยกด้วยขนาด นกแก้วโม่งจะตัวใหญ่กว่าที่ขนาด 56-62 ซม. ในขณะที่นกแก้วคอแหวนสีกุหลาบตัวจะเล็กกว่าที่ขนาด 40 ซม.
นกแก้วโม่งตัวผู้มีแถบแหวนตรงคอสีดำหนา โค้งไล่เป็นวงไปต้นคอเป็นแถบสีชมพูกว้าง นกแก้วคอแหวนสีกุหลาบตัวผู้มีแถบแหวนสีดำตรงคอที่เล็กกว่า โค้งไล่เป็นวงไปถึงต้นคอมีแถบสีชมพูเจืออยู่บางๆ และนกแก้วโม่งนั้นมีแต้มสีชมพูเข้มที่บริเวณหัวใหล่อย่างชัดเจน
หากเห็นนกแก้วที่ไม่มีแหวนรอบคอแสดงว่าเป็นตัวเมีย ต้องแยกโดยดูแต้มสีชมพูบนไหล่เข้มที่มีอยู่เฉพาะในนกแก้วโม่งแทน แต่หากได้เห็นตัวจริงๆ ผมว่าแยกด้วยสีของตัวนกนี่ล่ะ นกแก้วโม่งจะสีเขียวเข้มๆ นกแก้วคอแหวนสีกุหลาบจะสีเขียวอ่อนๆ
และนั่นก็เป็นเรื่องราวของนกที่ได้ชื่อว่าเป็น alien species ของไทย
Create Date : 09 ตุลาคม 2566 |
|
5 comments |
Last Update : 12 ตุลาคม 2566 13:31:38 น. |
Counter : 491 Pageviews. |
|
|
|
| |
โดย: หอมกร 9 ตุลาคม 2566 10:34:41 น. |
|
|
|
| |
โดย: อุ้มสี 9 ตุลาคม 2566 16:17:27 น. |
|
|
|
| |
โดย: ทนายอ้วน 10 ตุลาคม 2566 21:37:10 น. |
|
|
|
| |
|
|
ผู้ชายในสายลมหนาว |
|
|
|
|