เนื่องจากในปี 2553 นี้ ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี นายศิริพงษ์ ห่านตระกูล ได้ประกาศให้เป็น "ปีแห่งการท่องเที่ยวจังหวัดปราจีนบุรี" เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวและชักชวนนักท่องเที่ยวให้มาเที่ยวจังหวัดปราจีนบุรีกันมากขึ้น ดังนั้นในวันนี้ผมจึงขอสนองนโยบายของท่านผู้ว่าฯ และตอบแทนจังหวัดที่ผมทำงานอยู่ ด้วยการมาแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดปราจีนบุรีให้ทุกท่านได้รู้จัก ซึ่งผมก็หวังว่าน่าจะช่วยให้ผู้สนใจที่แวะมาเยี่ยมชมบล็อกนี้ ได้มองเห็นภาพคร่าวๆ ของสถานที่ท่องเที่ยวในปราจีนบุรีได้ชัดเจนขึ้น...สำหรับช่วงเดือนกุมภาพันธ์แบบนี้ การท่องเที่ยวน้ำตกต่างๆ หรือการล่องแก่งหินเพิงคงจะยังไม่เหมาะสมนัก เพราะเป็นฤดูแล้งที่มีน้ำน้อย ควรจะไปเที่ยวกันในฤดูฝนมากกว่า ดังนั้นวันนี้ผมจึงขอแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวใกล้ตัวที่สามารถเที่ยวได้ทุกฤดู ซึ่งนักท่องเที่ยวที่แวะมาเยือนจังหวัดปราจีนบุรี มักไม่พลาดที่จะมาเที่ยวชมกัน นั่นก็คือ "ตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร" ซึ่งตามความเห็นของผมคิดว่าน่าจะเป็นตึกโรงพยาบาลที่สวยที่สุดในประเทศไทย และเป็นตึกเก่าแก่ เพิ่งมีงานฉลองครบ 100 ปีไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมานี่เองครับ+++ นี่ล่ะครับ ตึกโรงพยาบาลที่สวยที่สุดในประเทศไทย +++ อันที่จริงแล้ว ผมควรจะเรียกตึกนี้ว่า "อดีตตึกโรงพยาบาล" ซะมากกว่า เพราะในปัจจุบัน ตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศรแห่งนี้ ไม่ได้ใช้เป็นตึกผู้ป่วยอีกต่อไป แต่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของกรมศิลปากร และได้ปรับเปลี่ยนบทบาทจากสถานที่รักษาคนเจ็บไข้ได้ป่วย มาเป็นการให้ความรู้ในฐานะพิพิธภัณฑ์แพทย์แผนไทยอภัยภูเบศร โดยที่แห่งนี้ได้ถือเป็นศูนย์การรวบรวมอนุรักษ์ตำราไทย สมุนไพรไทย การแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้านของจังหวัดปราจีนบุรี อีกทั้งยังเป็นแหล่งการศึกษา ค้นคว้า วิจัย และเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับวิถีชีวิตของคนท้องถิ่น ที่เกี่ยวข้องกับสมุนไพรและการแพทย์ท้องถิ่นด้วยครับ+++ สีเหลืองสดใสของตัวตึก ช่างตัดกันกับฟ้าสีฟ้าสดดีเหลือเกิน +++ประวัติความเป็นมาของตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร แรกเริ่มเดิมทีก่อนที่จะมาเป็นโรงพยาบาลและพิพิธภัณฑ์นั้น ตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศรมีเจ้าของนามเดียวกับชื่อตึกคือ เจ้าพระยาอภัยภูเบศร (ชุ่ม อภัยวงศ์)" ซึ่งท่านเคยเป็นผู้สำเร็จราชการมณฑลบูรพา (พระตะบอง เสียมราฐ ศรีโสภณ พนมศก) และว่าราชการเมืองพระตะบองในช่วง พ.ศ.2446 ก่อนที่ไทยจะเสียดินแดนส่วนนี้ให้กับฝรั่งเศส อันเป็นเหตุให้ท่านเจ้าพระยาฯ ต้องอพยพครอบครัวและบริวารมุ่งสู่ จ.ปราจีนบุรี ด้วยไม่ต้องการเป็นข้ารับใช้ฝรั่งเศสและหวังจะเข้ามารับราชการสนองพระเดชพระคุณพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5+++ ตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร สวยทุกมุมมอง +++ เมื่อได้ที่ทางเรียบร้อยแล้ว ในปีพ.ศ.2452 ท่านเจ้าพระยาอภัยภูเบศรจึงได้ว่าจ้างให้บริษัทโฮวาร์ดเออร์สกิน ออกแบบก่อสร้างอาคารหลังใหม่ซึ่งต้องการรูปแบบคล้ายกับอาคารที่เคยพำนักอยู่ที่พระตะบอง กล่าวคือเป็นอาคารสถาปัตยกรรมแบบตะวันตกสองชั้นก่ออิฐถือปูน หลังคาทรงปั้นหยามุงด้วยกระเบื้องลอนเล็กที่สั่งมาจากฝรั่งเศส ตรงกลางหลังคามีโดมและที่ยอดโดมมีเครื่องบอกทิศทางลมรูปไก่ ขนาดตัวอาคารกว้าง 18.60 เมตร ยาว 38.40 เมตร ภายในอาคารแต่ละชั้นแบ่งออกเป็น 3 ห้อง หน้าห้องมีระเบียงขนาดใหญ่และมีบันไดขึ้นสู่ชั้นบน+++ หน้าบัน บริเวณยอดโดม +++ อันที่จริงแล้วเจ้าพระยาอภัยภูเบศรมิได้สร้างอาคารหลังนี้ขึ้นมาเพื่อตัวท่านเอง แต่มุ่งหวังจะให้เป็นที่ประทับแรมอย่างสมพระเกียรติของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ในการเสด็จประพาสเมืองปราจีนบุรี จึงได้สร้างตึกใหญ่ขึ้นภายในบริเวณหมู่เรือนพักของท่าน (ซึ่งก็คือตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร) แต่พระองค์ท่านก็เสด็จสวรรคตเสียก่อน ต่อมาในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 เจ้าพระยาอภัยภูเบศรได้ถึงแก่อสัญกรรมและได้ใช้ตึกหลังนี้ตั้งบำเพ็ญกุศลเป็นครั้งสุดท้าย แต่กลับเป็นครั้งแรกที่ถือว่าได้ใช้ตึกนี้เพื่อเจ้าของอย่างแท้จริง+++ ลองถ่ายเจาะมุมสวยๆ มาให้ชมกัน +++ต่อมาตึกหลังนี้เป็นมรดกตกทอดมาถึงพระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวีในรัชกาลที่ 6 (พระนามเดิมว่า เครือแก้ว อภัยวงศ์ ทรงมีศักดิ์เป็นหลานปู่ของเจ้าพระยาอภัยภูเบศร) และพระองค์ได้ประทานตึกหลังนี้ให้แก่ทางราชการ เมื่อปี พ.ศ. 2482 จนได้กลายมาเป็นตึกผู้ป่วยหลังแรก+++ ภาพนี้เป็นด้านข้างของตึก มุมนี้ก็สวยนะ +++ ต่อมาในปี พ.ศ. 2480 เมื่อพระองค์ได้นำเสด็จสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี พระราชธิดา ไปประทับที่ประเทศอังกฤษ จึงประทานที่ดินและสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดนั้นแก่มณฑลทหารบกที่ 2 จังหวัดปราจีนบุรี เพื่อใช้เป็นสถานพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร และได้เปลี่ยนเป็น โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2509 โดยมีสมเด็จเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี และพระนางเจ้า สุวัทนา พระวรราชเทวี เสด็จฯ มาทรงเปิดป้าย "โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร" พร้อมทั้งทรงรับโรงพยาบาลแห่งนี้ไว้ในพระอุปถัมภ์+++ ลวดลายปูนปั้นสวยๆ สไตล์บาโร้ค +++ เดิมตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ใช้เป็นตึกอำนวยการ ได้มีการดัดแปลงทำชั้นล่างเป็นห้องตรวจโรค ห้องจำหน่ายยา และห้องผ่าตัด ชั้นบนทำหน้าที่รับคนไข้หญิง โดยมีเรือนคนไข้ชายแยกต่างหาก มีเตียงรับคนไข้ 50 เตียง มีโรงประกอบอาหารคนไข้ โรงซักฟอก ที่เก็บศพ เรือนพักคนงาน บ้านนายแพทย์ อย่างละ 1 หลัง บ้านพักพยาบาลอีก 3 หลัง การเข้าถึงโรงพยาบาล เข้าได้ทางเรือเพียงอย่างเดียว จนมีการสร้างถนนขึ้นในปี พ.ศ. 2486 จนถึงปี พ.ศ. 2512 ตึกอำนวยการในปัจจุบันได้ก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ จึงมีการเคลื่อนย้ายการบริการทางการแพทย์ไปยังตึกแห่งใหม่ ส่วนตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศรจะใช้ในการประชุมสัมมนาในบางกรณี+++ ประตูไม้สีทึมๆ ดูขลังดี +++ ในปี พ.ศ. 2533 กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศรเป็นโบราณสถานของชาติ ต่อมาได้มีการบูรณะตึกครั้งใหญ่ในปี พ.ศ. 2537 โดยงบประมาณของจังหวัดปราจีนบุรี จำนวน 2.5 ล้านบาท และคุณป้าจรวย ประสมสิน บริจาคสมทบอีก 100,000 บาท และมีการจัดตั้ง "พิพิธภัณฑ์การแพทย์แผนไทยอภัยภูเบศร" ขึ้นภายในตึก+++ ด้านหน้าตึกอีกมุมหนึ่ง ++++++ โถงทางเข้าด้านหน้าตึก เมื่อก่อนใช้สำหรับเทียบรถ ++++++ รูปปั้นท่านเจ้าพระยาอภัยภูเบศร บริเวณด้านหน้าตึก ++++++ เดี๋ยวเข้าไปเที่ยวด้านในตึกกับสองเด็กดื้อกันเลยนะครับ +++ "พิพิธภัณฑ์การแพทย์แผนไทยอภัยภูเบศร" ได้เริ่มโครงการมาตั้งแต่ปี 2536 เป็นศูนย์การรวบรวมอนุรักษ์ตำราไทย สมุนไพรไทย การแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้านของจังหวัดปราจีนบุรี อีกทั้งยังเป็นแหล่งการศึกษา ค้นคว้า วิจัยและเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับวิถีชีวิตของคนท้องถิ่น ที่เกี่ยวข้องกับสมุนไพรและการแพทย์ของท้องถิ่น ชั้นล่าง จัดแสดงประวัติตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ตำนานหมอหลวง การแพทย์แผนไทย แพทย์พื้นบ้านและตัวอย่างเครื่องมือเครื่องใช้ทางการแพทย์แผนไทย เช่น ตู้ยา หินฝนยา หินชนวน มีดหมอ หม้อกลั่นน้ำมันไม้หอม ชั้นบน จัดแสดงสมุดข่อย หนังสือและตำรายา หินบดยาในอดีตสมัยทวารวดี ได้ทราบข้อมูลคร่าวๆ กันไปแล้ว เดี๋ยวเราไปชมภาพภายในพิพิธภัณฑ์กันเลยดีกว่าครับ +++ เดินเข้ามาด้านในตึกชั้นล่าง ก็จะเจอห้องโถงกลางนี้ก่อนเลย ++++++ ชั้นล่างห้องด้านซ้ายมือ จัดแสดงประวัติความเป็นมาของตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ++++++ หัวเสาราวบันไดเก่าของตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ++++++ บนเพดานทุกห้อง จะมีภาพเขียนสีเป็นลวดลายเถาดอกไม้ สวยงามมาก ++++++ ชั้นล่างห้องขวามือ มีตู้เก็บสมุนไพรหลายร้อยชนิดจัดแสดงอยู่ ++++++ ในแต่ละลิ้นชักจะมีข้อมูลสมุนไพรแต่ละชนิดอยู่ภายใน ++++++ สองเด็กดื้อกำลังสนใจเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ ++++++ ในโหลดองก็มีตัวอย่างพืชสมุนไพรให้ชม ++++++ ขวดที่มีงูนี่ ไม่รู้เป็นยาดองเหล้าหรือเปล่า +++++++ เครื่องใช้แพทย์แผนไทย อย่างมีดหั่นสมุนไพรแห้งอันนี้ อยู่ชั้นล่างห้องด้านหลัง ++++++ เครื่องมือหินบดยาสมุนไพร ++++++ รางบดยาสมุนไพรอีกแบบหนึ่ง ++++++ ชุดนี้เป็น หม้อกลั่นน้ำมันไม้หอมกฤษณา++++++ วัตถุโบราณก็มีให้ชมกัน ++++++ ลวดลายกระเบื้องปูพื้นภายในตึก เป็นกระเบื้องนำเข้าจากอิตาลี สวยดีเหมือนกันนะ ++++++ กระเบื้องปูพื้นแต่ละห้อง ลวดลายก็จะไม่เหมือนกัน ++++++ บริเวณบันไดทางขึ้นชั้นสอง เดี๋ยวขึ้นไปดูข้างบนกันดีกว่า ++++++ ห้องโถงบนชั้นสอง จัดแสดงภาพถ่ายพระบรมราชวงศ์ ++++++ ตำรายาโบราณ จัดแสดงอยู่ในห้องบนชั้นสองห้องด้านขวามือ ++++++ มุมหนึ่งภายในตึก ++++++ กลอนหน้าต่างทองเหลืองลายพิณ สวยคลาสสิกดีไหมครับ ++++++ มุมสวยๆ บนชั้นสอง ++++++ ลงจากชั้นบนออกไปชมสวนด้านหลังตึกกันบ้างดีกว่า ++++++ ประตูด้านหลังตึก เดินออกไปชมสวนสมุนไพรได้ ++++++ ด้านหลังตึก จะเป็นสวนสมุนไพรอภัยภูเบศร ++++++ เข้าไปชมสวนกันเลยดีกว่า เดินตามมาเลยครับ ++++++ ถ้าเดินเมื่อยแล้วก็มานั่งพักที่มุมนั่งเล่นสวยๆ ภายในสวนกันได้นะครับ ++++++ น้ำพุสไตล์ยุโรป ดูเข้ากับตัวตึกดี ++++++ มุมหนึ่งในสวนสมุนไพรครับ ดูเผินๆ เหมือนเดินชมสวนเมืองนอกเลยนะครับ +++ นอกจากจะมีพิพิธภัณฑ์แพทย์แผนไทยให้ได้ชมกันแล้ว ที่โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ยังมีกิจกรรม "นวดตัว อบ-ประคบสมุนไพร" ให้ได้ใช้บริการกันด้วย ซึ่งได้รับความนิยมทั้งจากนักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไปเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะช่วงวันหยุดถึงกับต้องจองคิวกันล่วงหน้าเลยล่ะครับ ผู้ทำการนวดของที่นี่ก็ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นชาวบ้านเมืองปราจีนบุรีที่ผ่านการอบรมตามหลักสูตรแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เชี่ยวชาญทั้งการนวดเพื่อรักษาสุขภาพ นวดเพื่อบำบัด หรือจะเป็นการนวดเพื่อผ่อนคลาย ใครเดินเที่ยวแล้วเกิดปวดเมื่อย อย่าพลาดใช้บริการนะครับจะได้กลับบ้านแบบสบายเนื้อสบายตัวครับ+++ บริเวณทางเข้าศูนย์นวดสมุนไพร ++++++ เคาน์เตอร์ยื่นบัตรและลงทะเบียนก่อนเข้าไปนวดสมุนไพร ++++++ วันนี้มีนักท่องเที่ยวมาใช้บริการนวดกันอย่างคับคั่ง ++++++ มีร้านกาแฟในโรงพยาบาลให้แวะชิมกันด้วย ++++++ ภายในร้านอภัยภูเบศรกาแฟสด ตกแต่งทันสมัยดี ++++++ สองเด็กดื้อนั่งทานไอศครีมกันอย่างเอร็ดอร่อย ++++++ ดื้อใหญ่หน้าร้านอภัยภูเบศรกาแฟสด +++ หลังจากเดินเที่ยวชมตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร และนวดตัวกันเรียบร้อยแล้ว ก่อนกลับบ้านอย่าลืมแวะไปเลือกซื้อ "ผลิตภัณฑ์สมุนไพรอภัยภูเบศร" กันด้วยนะครับ มีสินค้าให้เลือกหลากหลายชนิด ตั้งแต่ครีมบำรุงผิว สบู่ ครีมหมักผม ยาดม ยาอม ยาหม่อง ยาเม็ดแคปซูลสมุนไพรชนิดต่างๆ น้ำสมุนไพร และผลิตภัณฑ์อื่นๆ อีกมากมายบรรยายไม่หมดครับ ผลิตภัณฑ์สมุนไพรของที่นี่มีชื่อเสียงโด่งดังไปไกลถึงต่างประเทศเลยนะครับ ในแต่ละปีมีออเดอร์จากต่างประเทศจำนวนมาก ทำรายได้เข้าประเทศได้เยอะเลยล่ะครับ+++ หน้าร้านขายผลิตภัณฑ์สมุนไพรอภัยภูเบศร ++++++ ยาอมมะขามป้อม มีสรรพคุณบรรเทาอาการไอ ขับเสมหะ ช่วยบำรุงเสียง ++++++ สบู่ขมิ้นบำรุงผิว มีสรรพคุณบรรเทาผื่นคัน และบำรุงผิวพรรณ ++++++ ยาแคปซูลบัวบก มีสรรพคุณบำรุงสมอง ช่วยให้เลือดไหลไปเลี้ยงสมองมากขึ้น +++ "โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร" อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ เลยนะครับ มีเวลาแค่เพียงวันเดียวก็สามารถมาเที่ยวชมได้อย่างสะดวกสบาย สามารถจัดเป็นทัวร์สุขภาพ พาคุณพ่อคุณแม่หรือผู้หลักผู้ใหญ่มานวดประคบอบสมุนไพร และเลือกซื้อผลิตภัณฑ์สมุนไพรจากภูมิปัญญาไทยกลับไปใช้ รับรองว่าจะสร้างความประทับใจและได้สุขภาพดีกลับไปอย่างแน่นอนครับ อยากขอเชิญชวนให้มาเที่ยวกันมากๆ ต้อนรับปีการท่องเที่ยวปราจีนบุรีครับ สำหรับทริปนี้ก็คงต้องขอจบเพียงเท่านี้ ไว้จะมาแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวแห่งอื่นๆ ของจังหวัดปราจีนบุรี ให้ได้ชมกันอีกในทริปต่อๆ ไปนะครับ สวัสดีครับสถานที่ตั้ง : "โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร" 32 / 7 ม.12 ถ.ปราจีนอนุสรณ์ ต.ท่างาม อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี เปิดให้ผู้สนใจเข้าชมตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ตั้งแต่เวลา 08.30-16.00 น.โดยไม่เสียค่าเข้าชมแต่อย่างใด โทร. 0-3721-1523, 0-3721-1088
แต่ยังถือว่าโชคดีที่ได้ดูจากบล็อกนี้แทน เพราะภาพสวยมากเลยค่ะ