++เที่ยววัดแก้วพิจิตร ปราจีนบุรี ชมอุโบสถลูกผสม 4 ชาติ แห่งเดียวในประเทศไทย++




          ผมคิดว่าส่วนใหญ่แล้ว เวลาที่เราคิดจะพักผ่อนด้วยการท่องเที่ยว สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมต่างๆ ก็มักจะผุดขึ้นมาในความคิดของเรามากมาย ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นสถานที่ไกลตัวที่มีความแปลกใหม่ไม่คุ้นเคย แต่น้อยครั้งนักที่เราจะนึกถึงสถานที่ท่องเที่ยวใกล้ๆ ตัวโดยเฉพาะในจังหวัดที่ตัวเองพำนักอยู่ ผมเองก็เช่นกันหลังจากเดินทางท่องเที่ยวมาก็มากทั้งเหนือสุดในสยาม ตะวันตกสุดหรือตะวันออกสุด ก็ไปมาแล้ว แต่หลายๆ ที่ในจังหวัดปราจีนบุรีที่ผมอยู่นั้น ผมกลับยังไม่เคยไปเยี่ยมชมเลยซักครั้ง ด้วยเหตุนี้วันนี้ผมจึงขอเสนอทริปแถวบ้าน ด้วยการพาไปเยี่ยมชม "วัดแก้วพิจิตร" ซึ่งมีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ตรงที่ "อุโบสถศิลปะลูกผสม 4 ชาติ" ซึ่งมีเพียงแห่งเดียวในประเทศไทย นับว่าน่าสนใจมากๆ เลยทีเดียวครับ



วันนี้ขอเชิญไปเที่ยวชม "วัดแก้วพิจิตร" ด้วยกันนะครับ




เอกลักษณ์โดดเด่นของที่นี่ คืออุโบสถลูกผสมแห่งนี้


ประวัติ

          "วัดแก้วพิจิตร" เป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2422 ซึ่งตรงกับรัชสมัยของ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ตั้งอยู่ในเขตหมู่ 4 ตำบลบางบริบูรณ์ อำเภอเมือง จังหวัดปราจีนบุรี บนริมฝั่งขวาของแม่น้ำปราจีนบุรี ห่างจากตัวเมืองไปทางทิศตะวันออกประมาณ 2 กิโลเมตร สร้างขึ้นโดยนางประมูลโภคา (แก้ว ประสังสิต) ซึ่งเป็นภรรยาของขุนประมูลภักดี เพื่อใช้ในการทำบุญตักบาตร ถือศีลฟังธรรมโดยมีผู้ร่วมกันบริจาคที่ดิน แรงงานและทุนทรัพย์ในการก่อสร้าง สิ่งก่อสร้างในระยะแรก ประกอบด้วย ศาลาการเปรียญ หอสวดมนต์ กุฎิ พระอุโบสถ ศาลาท่าน้ำและเรือนแพ ต่อมาในช่วงปี พ.ศ. 2456 "เจ้าพระยาอภัยภูเบศร (ชุ่ม อภัยวงศ์)" ได้บูรณะวัดแห่งนี้ และสร้างศาสนสถานต่าง ๆ ภายในวัด เช่น โบสถ์ อาคาร รร. อภัยพิทยาคาร และ รร. พระไตรปิฎกและวินัย ซึ่งปัจจุบันเป็นอาคารพิพิธภัณฑ์ของวัด เป็นต้น



ด้านหน้าอุโบสถ




มุมนี้เป็นด้านหลังอุโบสถ


มาถึงวัดทั้งทีแล้ว ก่อนจะไปเยี่ยมชมสิ่งที่น่าสนใจภายในวัดแก้วพิจิตร ก็ต้องพาไปไหว้พระเพื่อความเป็นศิริมงคลกันก่อนครับ สามารถไหว้พระได้ทั้งบริเวณด้านหน้าโบสถ์ หรือที่ศาลาริมน้ำก็ได้ครับ ไหว้พระเสร็จแล้วค่อยไปเที่ยวชมวัดกันนะครับ



ไปไหว้พระเพื่อความเป็นศิริมงคลกันก่อน หยิบธูปเทียนตามมาเลยครับ




ดื้อใหญ่ตั้งใจไหว้พระมาก มีแอบอฐิษฐานขอพรพระด้วย




ปิดทองหลังพระ




มีเสี่ยงเซียมซีด้วยครับ เสี่ยงเสร็จแล้วมาดูคำทำนายได้เลย




ดื้อเล็กเอาแต่ดื้อ ไม่ยอมมาไหว้พระด้วยกัน


สิ่งน่าสนใจ

อุโบสถหรือโบสถ์

          อุโบสถล้อมรอบด้วยกำแพงแก้วเตี้ย ๆ รูปสี่เหลี่ยม บนกำแพงแก้วมีพานปูนปั้นขนาดใหญ่ประดับอยู่โดยรอบ กึ่งกลางกำแพงแต่ละด้านมีประตูทางเข้าทำเป็นซุ้มยอดเจดีย์อย่างศิลปะเขมร เมื่อเดินผ่านประตูกำแพงแก้วเข้าไปในเขตอุโบสถ จะเห็นซุ้มใบเสมาทำเป็นทรงมณฑปประดิษฐานอยู่ทั้งแปดทิศ อุโบสถแห่งนี้มีสถาปัตยกรรมที่น่าชมไปหมด นับแต่ด้านนอกอาคาร ซึ่งนำรูปแบบสถาปัตยกรรมอยุธยามาใช้ในการออกแบบ คือ บนหลังคามีมุขประเจิดยื่นออกมาทั้งด้านหน้าและด้านหลังอาคาร นอกจากประดับช่อฟ้าใบระกาที่สวยงามแล้ว ยังประดับบราลีที่กลางสันหลังคาอุโบสถอีกด้วย ซึ่งหาชมได้ยากแล้วในปัจจุบัน ส่วนที่หน้าบันเป็นปูนปั้นรูปพระวิมานของพระอินทร์ ใต้หน้าบันเป็นสาหร่ายรวงผึ้งลวดลายเครือเถามีใบไม้อย่างศิลปะตะวันตก ชายคารอบอาคารนี้หรือที่เรียกว่าปีกนก ยื่นออกมาโดยมีเสาเซาะร่องแบบศิลปะกรีกรองรับเรียงรายอยู่รอบอาคาร โดยที่หัวเสาแต่ละต้นนั้นทำเป็นกลีบบัวและเทพนมอ่อนช้อยประดับอย่างสวยงาม



ด้านข้างอุโบสถ




กำแพงแก้วที่ล้อมรอบอุโบสถ




มีระฆังแขวนอยู่หน้าซุ้มใบเสมาที่อยู่โดยรอบอุโบสถด้วย


ลักษณะเด่นของอุโบสถ เป็นการนำศิลปะไทย จีน ฝรั่ง เขมร มาผสมผสานกันได้อย่างสวยงาม มีแห่งเดียวในประเทศไทย

1. ศิลปกรรมไทย คือ รูปแบบแผนผังอุโบสถ, ช่อฟ้า, ใบระกา, หางหงส์, บานประตูหน้าต่าง ลงรักปิดทองเป็นทวารบาล



หน้าบันเป็นปูนปั้นรูปพระวิมานของพระอินทร์ ศิลปกรรมไทย


2. ศิลปกรรมจีน คือ รูปปั้นมังกรเขียวหน้าจั่ว, หลังคาลายมังกร, ราวบันไดขึ้นอุโบสถ



รูปมังกรเขียวบริเวณเสามุขประเจิดตรงหน้าจั่ว ศิลปกรรมจีน




รูปมังกรแบบจีนบริเวณราวบันไดขึ้นอุโบสถ


3. ศิลปกรรมเขมร คือ รูปแบบหลังคา กำแพงแก้ว ซุ้มประตูแก้ว



ซุ้มประตูแก้ว ศิลปกรรมเขมร




สองเด็กดื้อบริเวณซุ้มกำแพงแก้ว




นาฬิกาบอกเวลา 11.48 น. ซึ่งเป็นปริศนาธรรมว่ายังไม่เที่ยงทั้งเวลาและชีวิตครับ


4. ศิลปกรรมฝรั่ง คือ เสาแบบโครินเธียล, โดมหลังคาโรงเรียนบาลีนักธรรมวินัย, การวาดภาพรูปชาวต่างประเทศล้อมรอบใต้ชายหลังคาด้านนอกอุโบสถ



เสาแบบโครินเธียล ศิลปกรรมฝรั่ง




ภาพวาดชาวต่างประเทศล้อมรอบใต้ชายหลังคาด้านนอกอุโบสถ


          เมื่อเข้าไป ภายในอุโบสถ จะเห็นความโดดเด่นหลายอย่าง คือ มีเสานางเรียงสองแถวขนานไปตามความยาวของอุโบสถ ช่วยนำสายตาไปสู่องค์พระประธานภายในอาคาร เสานางเรียงดังกล่าวเป็นเสาเซาะร่องแบบกรีกเหมือนด้านนอกอาคาร แต่ต่างกันที่เป็นหัวเสาแบบไอโอนิก คือม้วนเป็นก้นหอย ส่วนที่กรอบประตูหน้าต่างทำเป็นกรอบยอดแหลมคล้ายโดมในศิลปะเปอร์เชีย ประดับลายไม้ฉลุที่ช่องแสงเหนือหน้าต่างประตู ส่วนที่บานประตูหน้าต่างของอุโบสถ ยังเขียนภาพลงรักปิดทองเป็นรูปเทวดาฝีมือประณีตน่าชม ตอนบนของผนังเขียนเป็นภาพชาวต่างชาติทั้งฝรั่ง แขก จีน ไทย ส่วนที่เพดานประดับด้วยไม้แกะสลักรูปดาวเพดานเป็นดวงกลมโต แต่ละดวงทิ้งระยะห่างกันอย่างลงตัว โดยมีโคมไฟระย้าทำด้วยแก้วเจียระไนห้อยประดับอย่างสวยงาม



ภาพลงรักปิดทองเป็นรูปเทวดาที่บานประตูอุโบสถ




ภายในอุโบสถ




ภาพจิตรกรรมบนผืนผ้าภายในอุโบสถ


หลวงพ่ออภัย

          เป็นพระประธานในอุโบสถ สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2464 ในช่วงรัชกาลที่ 6 โดย "สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ" ทรงออกแบบพระพุทธรูปองค์นี้ เป็น "ปางประทานอภัย" ทำจากทองแดง หน้าตักกว้าง 1.7 ม.พุทธลักษณะของพระพุทธรูปปางประทานอภัยองค์นี้ ต่างจากที่พบเห็นทั่วไป คือ ยกพระหัตถ์ทั้งสองข้างขึ้นระดับพระอุระโดยหันฝ่าพระหัตถ์ด้านในออก แต่หลวงพ่ออภัยวางพระหัตถ์ขวาเหนือเข่า หันฝ่าพระหัตถ์ออกเล็กน้อย ส่วนพระหัตถ์ซ้ายวางอยู่ที่พระเพลา พระพุทธรูปมีลักษณะเหมือนมนุษย์สามัญและเลียนแบบพระพุทธรูปคันธารราษฎร์ของอินเดีย พระพักตร์เป็นแบบประติมากรรมกรีกโรมัน พระเกศาหยักศกรวบเป็นมวยกลางพระเศียร ครองจีวรเป็นริ้วแบบธรรมชาติ ด้านหลังฐานชุกชีขององค์พระเป็นที่บรรจุอัฐิของเจ้าพระยาอภัยภูเบศร (ชุ่ม อภัยวงศ์) และพระยาอภัยภูเบศร (เลื่อม อภัยวงศ์) ครับ



หลวงพ่ออภัย พระประทานปางอภัยภายในอุโบสถ




ด้านหลังองค์พระหลวงพ่ออภัย ตรงฐานบรรจุอัฐิเจ้าพระยาอภัยภูเบศร


อาคารพิพิธภัณฑ์

          อาคารนี้เคยเป็น "รร. อภัยพิทยาคาร" และ "รร. พระไตรปิฎกและวินัย" มาก่อน มีรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบตะวันตกยุคโคโลเนียล ที่น่าสนใจคือหลังคาทำเป็นโดม มีหน้าบันอยู่กึ่งกลางอาคาร รอบอาคารเป็นชานชาลาเดินได้รอบ มีเสาแบบกรีกรองรับชายคา เป็นเสาเซาะร่อง หัวเสาแบบไอโอนิก หรือหัวเสาแบบก้นหอยภายในอาคารจัดเป็นพิพิธภัณฑ์แสดงข้าวของเครื่องใช้ของสงฆ์ และชาวบ้านแถบเมืองปราจีนบุรี เช่น เครื่องถ้วยชามที่เคยใช้ในสำรับอาหาร เครื่องพิมพ์ดีด เป็นต้น



ไปชมอาคารพิพิธภัณฑ์กันต่อเลยครับ




เดิมเป็น รร. พระไตรปิฎกและวินัยมาก่อน




วันนี้พาสองเด็กดื้อมาชมพิพิธภัณฑ์กันด้วย




อีกมุมหนึ่งของอาคารพิพิธภัณฑ์ครับ เห็นหมู่รูปปูนปั้นอยู่ด้านหน้าด้วย




หน้าบันกึ่งกลางอาคารพิพิธภัณฑ์




อนุสาวรีย์เจ้าพระยาอภัยภูเบศร ที่สวนด้านหน้าพิพิธภัณฑ์




จากมุมนี้ จะเห็นต้นไม้ด้านขวาเป็นต้นพิกุลที่สมเด็จพระเทพรัตนฯ ทรงปลูก




ด้านหน้าอาคารจะเห็นหลังคารูปโดมอย่างชัดเจน




ตามสองเด็กดื้อเข้าไปชมภายในพิพิธภัณฑ์กันเลย




ภายในพิพิธภัณฑ์ห้องแรกเป็นหินมีลายพระหัตถ์พระราชวงศ์




ลายพระหัตถ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว




ห้องถัดมา แสดงวิถีชีวิตแบบไทยๆ




เครื่องพิมพ์ดีดเก่าก็มีให้ดู




ไหโบราณหลากหลายขนาด




ข้าวของเครื่องใช้สมัยโบราณ




หินลูกปัดเก่าๆ สีสวยสดใส




เก็บภาพนางแบบตัวน้อยตรงระเบียงพิพิธภัณฑ์ซะหน่อย


ศาลาจตุรมุข ลายขนมปังขิง

          ศาลาหลังนี้ตั้งอยู่ริมแม่น้ำบางปะกงที่เคยเป็นด้านหน้าวัดมาก่อน เป็นศาลาโถงเปิดโล่งทรงจตุรมุข มีการประดับลายไม้ฉลุตามส่วนต่าง ๆ ของอาคารตั้งแต่หลังคา หน้าบัน และขื่อคาของศาลา เป็นรูปแบบสถาปัตยกรรมที่นิยมมากในช่วงปลายรัชกาลที่ 6 ถึงต้นรัชกาลที่ 7



ศาลาแบบขนมปังขิง ตั้งอยู่ริมแม่น้ำปราจีนบุรี




ลวดลายไม้ฉลุอันงดงามตามส่วนต่างๆ ของศาลา


พระรัตนสุวรรณ

          เป็นพระทองคำทรงเครื่อง ประดับอัญมณี ปางมารวิชัย หน้าตักประมาณ ๔ นิ้ว กว้างประมาณ ๗ นิ้ว ไม่สามารถระบุได้ว่าสร้างตั้งแต่ครั้งใด ได้แต่สันนิษฐานกันว่าน่าจะสร้างในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น เป็นพระพุทธรูปที่รัชกาลที่ ๕ พระราชทานแก่หลวงอภัยพิทักษ์ บุตรชายคนโตของพระยาอภัยภูเบศร (นอง) เมื่อแรกไปรับราชการที่เมืองพระตะบอง

ต่อมาภายหลัง "พระยาอภัยภูเบศร (ชุ่ม)" ซึ่งเป็นเจ้าเมืองพระตะบองคนสุดท้ายก่อนที่ไทยจะเสียดินแดนให้ฝรั่งเศส ได้นำกลับจากเมืองพระตะบอง เพราะถือว่าเป็นพระประจำตระกูลอภัยวงศ์ ให้เป็นพระประจำวัดแก้วพิจิตร เพื่อเป็นที่สักการะแด่ประชาชนทั่วไป แต่ด้วยในเวลานั้น จังหวัดปราจีนบุรียังกันดารและขโมยชุกชุม คณะกรรมการจึงพิจารณาให้นำพระรัตนสุวรรณไปเก็บไว้ในตู้นิรภัยของธนาคารเป็นการชั่วคราว จนถึงปี พ.ศ. ๒๕๔๖ ซึ่งเป็นเวลาครบรอบ ๑๒๕ ปีของการสร้างวัด จึงได้อัญเชิญมาประดิษฐานไว้ที่วัดเป็นการถาวร เพื่อให้ประชาชนกราบไหว้บูชาเป็นสิริมงคลต่อไป



ศาลาการเปรียญ ที่ประดิษฐานพระรัตนสุวรรณ




พระรัตนสุวรรณ พระพุทธรูปทรงเครื่องเก่าแก่ของวัด


หอพระไตรปิฎกและหอระฆัง

          อยู่ทางด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ของอุโบสถ หอพระไตรปิฎกเป็นอาคารก่ออิฐถือปูน ๒ ชั้นสร้างเชื่อมกันกับหอระฆัง หลังคาปีกนกประดับช่อฟ้าใบระกาหางหงส์ ส่วนหอระฆังเป็นหลังคาทรงมณฑป



หอพระไตรปิฎกและหอระฆัง




อีกมุมหนึ่งครับ




มณฑปด้านหน้าวัด ภายในประดิษฐานพระพุทธบาทจำลอง




แม่น้ำด้านหลังวัด เป็นเขตอภัยทาน มีท่าน้ำสำหรับให้อาหารปลาด้วย


          หลังจากที่ผมได้ไปสัมผัสกับที่เที่ยวใกล้บ้านอย่าง "วัดแก้วพิจิตร" แห่งนี้มาแล้ว ทำให้ผมได้ทราบว่า ใกล้ๆ ตัวเรายังมีสิ่งที่น่าสนใจอีกมากมายรอให้ได้ไปค้นหา โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางไปไหนไกลๆ เลยครับ แล้วคุณล่ะครับได้แวะเที่ยวใกล้บ้านบ้างหรือยัง ไม่แน่ว่าอาจได้พบเรื่องราว สาระความรู้มาเล่าสู่กันฟังแบบนี้บ้างก็ได้ สุดท้ายนี้ขอเชิญชวน สำหรับท่านที่แวะเวียนผ่านมาทางจังหวัดปราจีนบุรี อย่าลืมมาเยี่ยมชมอุโบสถลูกผสมสี่ชาติ แห่งเดียวในประเทศไทยกันนะครับ รับรองหาชมที่อื่นไม่ได้แน่นอน แล้วเจอกันใหม่ทริปหน้า สวัสดีครับ











Create Date : 26 มกราคม 2553
Last Update : 30 มิถุนายน 2556 2:02:17 น. 36 comments
Counter : 14715 Pageviews.

 
วัดสวย

ถ่ายรูปสวย

อิ่มตา อิ่มใจ และอิ่มบุญเน๊าะ

อนุโมทนาบุญค่ะ


โดย: นาฬิกาสีชมพู วันที่: 26 มกราคม 2553 เวลา:0:27:51 น.  

 
วันนี้สองดื้อเข้าวัด...ดูเรียบร้อยเชียวคร่า

ชวนเพื่อนไปเที่ยวปราจีนบ้างดีก่า ใกล้กันแค่นี้เอง


โดย: โฮมสเตย์ริมน้ำ วันที่: 26 มกราคม 2553 เวลา:1:03:08 น.  

 
ถูกต้องนะคร๊าบบบบบบบบ

เป็นรายชื่อผู้บริจาคค่ะ เค้าเรียกว่าแผ่นจารึก ที่เห็นนั่นเป็นกระเบื้องนะคะ ไม่ใช่กระดาษ เหนื่อยจริงๆค่ะ แต่ขึ้นไปแล้วถือว่าคุ้มมากคร่า


โดย: โฮมสเตย์ริมน้ำ วันที่: 26 มกราคม 2553 เวลา:1:19:03 น.  

 
"แจ่ม"เลยครับ...


โดย: ขึ้นเป้ วันที่: 26 มกราคม 2553 เวลา:2:09:54 น.  

 
เห็นอุโบสถแล้ว ต้องบอกว่าลูกประสมจริงๆ

สวยงามมากครับ


โดย: นายหัวเด่น วันที่: 26 มกราคม 2553 เวลา:6:51:49 น.  

 
ตามเด็กๆมาเที่ยวด้วยคนค่ะ


โดย: lovely_ung วันที่: 26 มกราคม 2553 เวลา:8:59:30 น.  

 
แฮะๆ! จริงๆ หญิงต้องผ่านวัดแก้วพิจิตรทุกวัน แต่ไม่ค่อยได้เข้าไปไหว้พระเลย (อายจัง) แต่ตรงแม่น้ำด้านหลังน้องแยมเค้าจะไปให้อาหารปลาอยู่บ่อยๆ ( ตากับยายชอบพาไปอ่ะนะ อิอิ)


โดย: ying&yammy วันที่: 26 มกราคม 2553 เวลา:11:04:27 น.  

 
วัดสวยจังเลยค่ะ...

ใกล้ๆ บ้านมีของดีดีที่เรามักจะหลงลืมไปนะคะ

ต่อไปหนึ่งก็ว่าจะลองเที่ยวใกล้ๆ บ้านเหมือนกันค่ะ
จะได้ไม่ต้องเสียค่าน้ำมันวิ่งไปไกลๆ ด้วย



โดย: chenyuye วันที่: 26 มกราคม 2553 เวลา:11:21:44 น.  

 
เหมือนมาวัดเดียวได้เที่ยวสีประเทศนะคะ


โดย: ณ มน วันที่: 26 มกราคม 2553 เวลา:11:25:46 น.  

 
ดีจังนะคะ มีวัฒนธรรมผสมกันตั้ง4ชาติ

แถมมีพิพิธภัณฑ์ ให้เที่ยวด้วย

เด็กดื้อยังน่ารักเหมือนเดิมเลยค่ะ


โดย: อาราเล่ กะ กั๊ตจัง วันที่: 26 มกราคม 2553 เวลา:11:57:16 น.  

 
เดิมเวลาใครถามว่าปราจีนมีอะไร ก็คิดถึงแต่โรงพยาบาล ตอนนี้ก็มีวัดแก้วพิจิตรอีกสถานที่ที่ควรไปชม และที่เคยรีวิวพิพิธภัณฑ์ตะเกียง เนาะ


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 26 มกราคม 2553 เวลา:15:40:33 น.  

 
โว้ว ๆ สวยจัง เคยไปมาแล้วแต่มัยถ่ายไม่ได้สวยเท่านี้เลยนะ ซูฮก ๆ เลย
เป็นโปสการ์ดได้สบายเลยแต่ละรูป สวย คม สมจริง


โดย: น้ำ-ฟ้า-ป่า-เขา วันที่: 26 มกราคม 2553 เวลา:15:56:15 น.  

 
สวัสดีค่ะ

พี่แหม่มแวะมาเยี่ยมกันค่ะ
วัดแก้วพิจิตรสวยจังเลยค่ะ ทุกอย่างอยู่ในบริเวณวัดหมดเลยเหรอค่ะ
ถ่ายรูปออกมาสวยด้วย ท้องฟ้าก็เป็นใจ


โดย: mamminnie วันที่: 26 มกราคม 2553 เวลา:16:35:56 น.  

 
บ้านนี้เที่ยวบ่อยเหมือนกันเนอะ ชอบจัง


โดย: chava วันที่: 26 มกราคม 2553 เวลา:18:20:35 น.  

 
แปลก...แปลกมาก
คนคิดไอเดียนี้ น่าจะคิดอยู่นานกว่าจะสร้างออกมาได้
ผสมผสาน ไทย จีน เขมร น่ะไม่เท่าไหร่
แต่เอาฝรั่งมาใส่ด้วยนี่สิแปลก....

ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมครับ


โดย: wicsir วันที่: 26 มกราคม 2553 เวลา:21:51:21 น.  

 
ว๊าวววววว.................


รูปสวยสุโค่ย.......ขอเดาว่ากล้องเฮียนิกรอ่ะเปล่า 555+ เเบบว่าเล็งๆอยากได้อยู่


โดย: แบกกล้องท่องโลก วันที่: 27 มกราคม 2553 เวลา:12:05:45 น.  

 
รูปสวยมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆค่ะ

ว่าจะชวนไปดูรูปกล้วยไม้ที่สุโขทัยอายเลยอ่ะ

ถ่ายไม่สวยอะคะ

แอบๆๆไปดูก็ได้นะคะเชิญที่บล็อกค่ะ


โดย: dbh วันที่: 27 มกราคม 2553 เวลา:17:40:56 น.  

 
มาส่งสองดื้อเข้านอนคร่า (แอบดึกไปนีสสสส..)

ฝันดีนะคร้า


โดย: โฮมสเตย์ริมน้ำ วันที่: 28 มกราคม 2553 เวลา:0:13:18 น.  

 
มาชมภาพสวยๆ ค่ะ

บล็อกนี้มีเด็กน่ารักตั้ง 2 คน


โดย: ชมจันทร์ วันที่: 28 มกราคม 2553 เวลา:8:57:25 น.  

 
พาไปชมวัดแจ้งมั่งนะ อยากเห็นมุมกล้องสวย สวย ที่วัดแจ้งบ้างและปลาตัวใหญ่มากก เด็ก เด็กคงชอบ วันนี้อิ่มบุญกับวัดแก้วแล้ว ขอบคุณนะคะ


โดย: NUTCHA IP: 172.16.0.155, 125.27.120.80 วันที่: 28 มกราคม 2553 เวลา:13:33:49 น.  

 
ตอบ คุณ NUTCHA ........ วัดแจ้งไม่ได้แวะไปเลยครับ ตอนนี้มีแต่ภาพถ่าย รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศรอยู่ใน stock รอนำเสนอเป็นคิวต่อๆ ไปแต่ยังไม่มีเวลาทำ blog เลยครับ


โดย: NET-MANIA วันที่: 28 มกราคม 2553 เวลา:19:18:30 น.  

 
หวัดดียามค่ำๆ .. จริงค่ะ่ ..บางอย่างอยู่ใกล้ ๆ ตัวกลับมองข้าม ว่างๆ จะหาโอกาศไปดูบ้าง ได้ความรู้ ประวัติศาสต์ เยอะเลยค่ะ มาตอบเรื่อง เหมืองปิลอ็ก รถเก๋งไม่น่าเอาไป ทางโค้งเยอะมาก บางช่วงเป็นหิน ก้อนๆ ..4*4 เหมาะที่สุดค่ะ น้อง นู๋ 2คน น่ารักจังค่ะ เหมือนเด็ก ญี่ปุ่น ขอให้มีความสุขกับการเที่ยว .. จ้า..


โดย: tifun วันที่: 28 มกราคม 2553 เวลา:19:19:51 น.  

 
แวะมาทักทายค่ะ อยากแวะมาบ่อยๆ ก้อเลยแอดเปนวีไอพีซะเลย มาชวนไปเที่ยวด้วยกันด้วยค่ะ


โดย: WikiPK วันที่: 28 มกราคม 2553 เวลา:22:38:17 น.  

 
ขอบคุณนะค่ะที่แวะเยี่ยมชม
น้องๆน่ารักจัง..ค่ะ อยากจะบอกว่าที่โม่แห้งและเตารีดเคยใช้แล้วค่ะโดยเฉพาะที่โม้แป้งโม่กันจนมือเป็นระวิงค่ะทักทายนะค่ะ


โดย: หมูหยอง_w วันที่: 28 มกราคม 2553 เวลา:22:53:54 น.  

 
ดูน้องสองดื้อมาแนวเกาหลีตามเทรนด์เลยเนอะ น่ากอดทั้งคู่เลย น่ารักจ้า

ดูน้องเพลินกว่าดูวัดเลย ฮิ ฮิ


โดย: วันที่ท้องฟ้าแจ่มใส วันที่: 28 มกราคม 2553 เวลา:23:49:57 น.  

 
สวัสดีค่ะ

ขอบคุณสำหรับข้อมูลที่ดีมากๆ เลยค่ะ ไว้ว่างๆ จะหาโอกาศไปเที่ยวบ้าง
ที่ กทม. วันนี้มีฝนตก ในสัปดาห์เดียวกันมีตั้ง 3 ฤดูเลยค่ะ ร้อน ฝน หนาว ระวังรักษาสุขภาพด้วยนะคะ


โดย: mamminnie วันที่: 29 มกราคม 2553 เวลา:16:37:59 น.  

 
เป็นวัดที่น่าสนใจจังค่ะ มีของเก่าๆให้ดูด้วย

ปล.นายแบบนางแบบตัวจิ๋วน่ารักน่าหยิกดีจัง 555


โดย: BooM_W วันที่: 30 มกราคม 2553 เวลา:9:31:59 น.  

 
ปราจีน เคยไปแต่โรงพยาบาล เจ้าพระยาอภัยภูเบศร
ไปเมื่อ ปี 38 นานมาก
แล้วยังเคยไป ปางสีดา ใช่เปล่า จำไม่ค่อยได้

ไว้จะมารื้อพื้นความจำ ในบลอก ต่อไป


ตัวเล็ก แก้มยุ้ย น่ารักมากเลย


โดย: me-o วันที่: 30 มกราคม 2553 เวลา:21:37:40 น.  

 
ดื้อเล็กนี่หน้าฟัดจังเลยค่ะ

สุผ่านปราจีนบ่อยๆ ไม่เคยรู้เลยค่ะว่ามีวัดสวยขนาดนี้

ยิ่งถ่ายรูปออกมาสวย ยิ่งน่าไปค่ะ


โดย: นู๋สุ วันที่: 31 มกราคม 2553 เวลา:9:12:59 น.  

 
ดีจังเลย..........ประชาสัมพันธ์จังหวัดปราจีนฯ จะได้มีคนมาเที่ยวบ้าง




โดย: sun_ice วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:18:49:12 น.  

 
เข้ามาทักทายครับพี่ ถ่ายรูปได้งามงดหมดจดจริงๆ
วัดนี้ยังไม่เคยไปเลย


โดย: Prinzknecht วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:13:32:20 น.  

 
สวัสดียามเช้าเด้อครับ อิอิ


โดย: Prinzknecht วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:10:36:28 น.  

 
แอบไปตามรอยคุณพ่อลูก 2 แล้วครับ แต่ไปถึงเย็น ภาพเลยไม่แจ่ม แถมพิพิธภัณฑ์ก็ปิดแล้ว และต้องรอพระสงฆ์ทำวัตรเย็นเสร็จ ถึงจะเข้าไปในอุโบสถได้ แต่ก็ได้น้ำมนต์มา 2 ขวด


โดย: ลุงเสือ IP: 124.122.18.92 วันที่: 28 กันยายน 2553 เวลา:21:47:07 น.  

 
เด็กปราจีนเหมือนกันก็ยังไม่เคยมีโอกาสเข้าไปชมเลยค่ะ รู้แต่ประวัติตามเขาเล่าว่า ไม่เคยไปดูของจริงสักครั้งทั้งที่มันก็ไม่ได้ไกลตัวเราเลย


โดย: rimpingringpim วันที่: 27 ตุลาคม 2554 เวลา:22:45:44 น.  

 
วัดแก้วพิจิตรดีมาก


โดย: แอม IP: 182.52.49.111 วันที่: 25 พฤษภาคม 2556 เวลา:11:27:15 น.  

 
ฝากท่านชาวพุทธครับ
การไหว้พระพุทธรูป ให้จุดธูปแล้วปัก จุดเทียนแล้วปัก แล้วปัก หรือวางดอกไม้ ในที่ ๆ จัดไว้ ไม่ต้องนำไปกองที่แท่นหรือมือพระ
อย่า ถือ ธูป เทียน ที่จุดแล้ว เพราะนั่นคือการ ....ไหว้ผี ครับ
ขอบคุณที่บอกต่อ ครับ...ลุงแดงเอง


โดย: แดง IP: 115.87.35.104 วันที่: 20 พฤษภาคม 2558 เวลา:7:59:01 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

NET-MANIA
Location :
ปราจีนบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 109 คน [?]




เริ่มเขียนบล็อก : 30 กรกฎาคม 2552


...... ด้วยความที่เป็นคนชอบเที่ยว ตอนที่ยังไม่มีลูกก็ได้ไปเที่ยวมาแล้วหลายที่ทั่วเมืองไทย จนมาวันนี้มีลูกแล้วสอง ก็ยังคงชอบเที่ยว และอยากให้เจ้าตัวเล็กรักการท่องเที่ยวด้วย ตอนนี้จะไปเที่ยวไหนเลยต้องกระเตงกันไปทั้งหมด เหนื่อยกว่าเที่ยวตอนยังไม่มีลูก แต่ก็มีความสุขมากกว่าเดิมเช่นกันครับ ......


สงวนลิขสิทธิ์ตาม พรบ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2539 ห้ามละเมิดไม่ว่าการลอกเลียน นำรูป ข้อความที่เขียนไว้หรือส่วนหนึ่งส่วนใดในบล็อกแห่งนี้ ไปเผยแพร่อ้างอิง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของบล็อก














New Comments
Group Blog
 
 
มกราคม 2553
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
26 มกราคม 2553
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add NET-MANIA's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.