|
ห้วงเสน่หา ปรารถนาแห่งหัวใจ 16
17 ตามทันทั้งกรรมและบุญ
สาลี่นั่งรอป่านแก้วอยู่ที่ร้านอาหารตามที่นัดพบกัน สาลี่ชวนไผ่หลิวมาเป็นเพื่อน คราแรกไผ่หลิวไม่ยอมเพราะไม่ชอบหน้าพี่เขย พี่สาวลงทุนไหว้วอนอยู่นานให้เหตุผลที่น้องสาวยอมใจอ่อน เจ๊ไม่เห็นใครแล้วนะหลิว ต้องพึ่งลุงของพี่ป้อ แต่เจ๊ไม่ค่อยกล้า ขอร้องนะหลิว ไปเป็นเพื่อนเจ๊ที เจ๊หมดกับครอบครัวนี้ไม่เหลือแล้วนะทำไมเจ๊โง่อย่างนี้ สาลี่ก้มหน้าเช็ดน้ำตาป้อยๆ ไผ่หลิวเบือนหน้าหนี เจ๊ท้องสามเดือนแล้วนะหลิวไม่สงสารหลานหรือ เจ๊ เธอบีบแขนพี่สาวปลอบใจ คิดเดี๋ยวนั้นหากลูกสาวนายพลไม่ช่วยก็จะช่วยเองสองพี่น้องนั่งรออย่างกระวนกระวายใจผู้ที่นัดให้มาพบกันก็ไม่เคยเห็นหน้ากันเสียด้วย ป่านแก้วพาร่างบาง เดินมาพร้อมกับทนายความวัยกลางคน เปิดประตูร้านเข้าไป ป่านแก้วมองหาผู้นัดให้พบบิดาบอกรูปพรรณมาว่า ผมบ๊อบสั้นเสื้อสีกรมท่า ไผ่หลิวหันมาเห็นป่านแก้ว จึงสะกิดพี่สาว ใช่มั้ยนั่น สาลี่ตาแดงช่ำเพราะร้องไห้ เงยหน้าขึ้นมองไปตามที่น้องสาวชี้ให้ดู ป่านแก้วเหลือบมองส่งยิ้มนำมาก่อน สองพี่น้องใจชื้นด้วยรอยยิ้มเป็นมิตรนั้น ดูสวยสว่างจริงใจ สองสาวยกมือไหว้ป่านแก้ว เพราะอาวุโสกว่า และดูอีกฝ่ายใจดีไม่น้อย ป่านแก้วแนะนำตัวเอง ฉันป่านแก้วค่ะคนที่นัดคุณ ฉันเป็นญาติผู้พี่ของป้อ แต่ปีเดียวกัน ไปหรือยังค่ะ ไผ่หลิวเห็นรถป่านแก้วก็จำได้ว่าตนเคยชนประตูครั้งหนึ่ง จึงเอ่ยกับป่านแก้ว หลิวว่าเหมือนเคยเห็นคุณที่แท้แล้วหลิวชนประตูรถคุณ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องเรียกค่าเสียหายแล้วสิ ป่านแก้วเอ่ยกลั้วหัวเราะสองสาวดูชอบป่านแก้วมาก เฮียมอญดุใหญ่เพราะหลิวชนกับเขาแทบจะรายเดือน คุณคงขับรถเก่งน่าดูล่ะสิ ใบประกาศก็คือค่าปรับ ค่าซ่อมไงคะ ป่านแก้วเปิดประตูรถชวนสองสาวให้ขึ้นรถไปด้วยกัน สาลี่เอ่ยกับไผ่หลิว ดีเหมือนกันนะเอารถหลิว จอดไว้ที่นี่ก่อน เกรงใจคุณป่านเอาเป็นว่าหลิวขับตามไปดีกว่า เจ๊ ไปกับคุณป่านก็แล้วกัน สาลี่เดินคู่ไปกับไผ่หลิวนำป่านแก้วและทนายร่างภูมิฐานไปติดต่อขอประกันตัว สักพักใหญ่เจ้าหน้าที่ไปเบิกตัวปรนัยออกมา สาลี่โผกอดร่างสันทัดของสามีเขากอดภรรยาแนบแน่น ขอบใจมากสาลี่ไม่ทิ้งพี่ คุณป่านแก้วช่วยค่ะชื่อของผู้มาช่วยเหลือสะท้านใจปรนัยรุนแรง เมื่อมาพบกันที่ห้องของผู้กำกับจึงเผชิญหน้ากันทนายความแนะนำ ท่านนายพลสั่งให้มาประกันตัวคุณครับ หวัดดีป้อ ป่านแก้วทักทายญาติผู้น้อง ส่วนปรนัยรู้สึกอึ้ง กายเย็นวาบราวกับว่าถูกน้ำเย็นราดรดในยามที่เขาร้อนสุดขีด เขายกมือไหว้ขอบคุณทนายและหันมาไหว้ป่านแก้วญาติผู้พี่ ป่านแก้วรับไหว้อีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มแจ่มใส และเต็มไปด้วยความจริงใจ ขอบคุณมากครับที่ช่วยป้อ ใบหน้าของเขายามนี้แยกไม่ได้ว่าดีใจหรือเสียใจเพราะรอยยิ้มปนไปกับน้ำตา พ่อบอกว่าช่วยเถอะเป็นพี่น้องกัน ป้อไม่ต้องคิดมากเรื่องคดีความ ให้คุณวิชัยจัดการ เขาเป็นทนายของพ่อ แล้วนี่นามบัตรของป่านมีอะไรก็โทรไปหานะป้อไม่ทิ้งหรอกจะช่วยให้ถึงที่สุด ปรนัยรับมาถือด้วยมืออันสั่นเทาปากสั่นระริกเช่นเดียวกับน้ำตาเอ่อท้น ป่านแก้วตบแขนอีกฝ่ายปลอบใจอีกฝ่ายเฉกเช่นผู้ชายกระทำต่อเพื่อน ไม่เอ่ยถ้อยคำใดแต่แสดงความจริงใจให้ปรากฏ ป่าน เขาเรียกเสียงสั่น ไม่โกรธบ้านเราเหรอที่ทำกับย่า เรื่องของผู้ใหญ่เราเป็นเด็กอย่าไปใส่ใจเลย ไผ่หลิวเหยียดปากหยันพี่เขยเมื่อนึกถึงครอบครัวของเขา ฟังคร่าวๆเข้าใจว่าสองบ้านโกรธกัน แล้วป่านแก้วยังมีน้ำใจมาช่วยเหลือ ไผ่หลิวรู้สึกถูกชะตากับป่านแก้วยิ่งนัก เสร็จธุระป่านแก้วกลับทนายความไผ่หลิวขับรถพาพี่สาวพี่เขยไปส่งบ้านปรนัยนั่งเงียบ ไผ่หลิวอ่ยกระทบกระแทก พ่อแม่พี่เขาติดธุระเหรอถึงไม่มาดูพี่ เหมือนตอกย้ำรอยบาดแผลในใจเขาให้เปิดกว้างขึ้น ปรนัยพิงร่างชิดกับประตูรถเบือนหน้าออกมองข้างทางด้วยความละอายเหลือเกินแล้ว ไผ่หลิวขยับจะพูดแต่พี่สาวซึ่งนั่งคู่มาด้วยแตะขาน้องสาวเบาๆเป็นเชิงขอร้อง ไผ่หลิวมองค้อนแต่ยอมปิดปากไม่เอ่ยให้สะเทือนใจอีก ถึงบ้านปรนัยขอตัวไปพักผ่อนตามลำพัง สาลี่สั่งคนรับใช้เรื่องงานในบ้านจากนั้นจึงตามขึ้นไป ห้องนอนมิได้ล็อกจึงดึงลูกบิดเข้าไปได้ สามียังนั่งถือนามบัตรของญาติผู้พี่ด้วยน้ำตาเอ่อคลอ เธอจับแขนเขาบีบปลอบโยนแม้ไม่ทราบมาก่อนว่าความเป็นมาของสองครอบครัวมีอะไรเกิดขึ้น แต่พอจะเดาได้ถึงความตื้นตันใจของปรนัย เธอเอ่ยแผ่วเบาอย่างไม่ค่อยแน่ใจว่าสิ่งที่พูดออกไปจะทำให้สามีเป็นเช่นไร คุณป่านรับปากเป็นมั่นเหมาะเธอคงไม่ทิ้งพี่หรอกค่ะ พี่ละอายใจ น้ำเสียงของเขาปนสะอื้นน้ำตาที่สู้อดกลั้นเอ่อท้นลงมาไม่ขาดสาย พ่อแม่ของพี่ตัดขาดญาติมิตรไม่ไปแม้แต่งานศพของย่าทั้งๆที่สมบัติทุกวันนี้เป็นของย่า คุณพ่อคุณแม่พูดกรอกหูว่าย่าไม่เคยให้อะไรเขาเลย พี่นึกทบทวนอยู่ทุกวันทำไมพ่อกับแม่จึงเป็นคนอย่างนี้ เงินทองมันสำคัญมากกว่าลูก แล้วเขาหาเงินมาเพื่ออะไรกันพี่ไม่เข้าใจเลยสักนิด สาลี่กอดสามีอย่างปลอบใจ ในยามทุกข์ยาก เธอจะอยู่เคียงข้างเขา ไม่ทอดทิ้งไปไหน เธออยากให้เขารู้ เมียคนนี้คือญาติคนหนึ่งของเขาเช่นกัน!!
ประณตวางหนังสือพิมพ์ลงเพราะอ่านอย่างไรก็ไม่รู้เรื่องในสมองมีแต่เรื่องของประโยชน์ในที่สุดก็บ่นพรำ กำลังได้รับ สัมปทานไม้แล้วปรนัยมาขนของหนีภาษีอย่างนี้เสียชื่อหมดพ่อแม่พลอยบรรลัยไปด้วย ท่านโทรมาเมื่อเช้าขอยกเลิกเรื่องหุ้นสัมปทานบอกว่าทางเรากลิ่นไม่ดี จะได้ยังไง เงินลงทุนไปไม่ใช่น้อยอย่างนี้ต้องคืนเงินเราซิไม่ได้ล่ะต้องไปคุยกันให้รู้เรื่อง สองสามีภรรยาออกไปหาท่านซึ่งเป็นคนมีสีและมีอิทธิพลรอยกายของท่านเป็นชายฉกรรจ์ผมตัดสั้นทุกคน ดูก็รู้ว่ามือปืนในเครื่องแบบทั้งนั้น เงินทองอะไรกันคุณประณต ก็เงินที่ท่านเรียกมาก่อนจะทำสัญญา ผมทำเป็นใบเบิกทางหมดแล้ว เช่นนั้นท่านจะเลิกสัญญากับผมดื้อๆไม่ได้ท่านท่าทางอารมณ์เย็นแต่แววตาแข็งกร้าวจ้องสองผัวเมียจนพวกเขารู้สึกหนาวๆร้อนๆ แล้วยังมือปืนคนหนึ่งเข้ามากระซิบอย่างพร้อมเอามือแตะปืนที่พกอยู่ที่เอวที่ยิ่งทำให้ขวัญกระเจิง ทางคุณมีกลิ่นไม่ดีจะให้ผมเข้ามาร่วมด้วยได้ไงใครได้ยินก็ต้องคิดว่าผมต้องค้าไม้เถื่อนด้วยล่ะซิ แต่ผมไม่ได้ค้า ประณตพยายามต่อรองถ้างานนี้ถูกหักหลังเขาก็แทบจะหมดตัว ลูกกับพ่อจะหนีกันไม่พ้น ท่านคิดโกงผมชัดๆ เขาตบโต๊ะบันดาลโทสะ ชายฉกรรจ์ชะงักเข้ามาประชิดตัวคนทั้งคู่ สุดฤทัยกลัวจนปากคอสั่น ประณตขบกรามแน่น ท่านพูดยิ้มๆ คิดจะมีเรื่องกับผมก็ได้นะคุณประณต คุณประณต กลับเถอะค่ะฉันกลัว สุขฤทัยยกมือไหว้ก่อนรีบลุกอย่างเกรงกลัวไม่สนใจว่าสามีจะตามมาหรือไม่ ขอตัวเองรอดเป็นใช้ได้ ประณตผุดลุกจากเก้าอี้ ผมยอมท่านเพราะผมมีลูกไม่ดี ผมขอโทษที่ทำให้ท่านอารมณ์เสีย ขอบใจที่พูดกันรู้เรื่อง ประณตออกมาจากห้องโถง แค้นแทบกระอักเลือด เมื่อมาถึงรถสุขฤทัยเอาแต่ร้องไห้คร่ำครวญถึงเงินที่สูญเสียไปเป็นจำนวนมาก บอกแล้วว่าอย่าเสี่ยงทำ คุณคิดแต่ทางได้เงินอย่างเดียวไม่คิดว่าเขาจะมาไม้นี้ เพราะป้อ ประณตโทษปรนัย ถึงไม่มีเรื่องป้อ มันก็คิดหักหลังอยู่แล้ว พี่นั่นแหละไม่น่ามายุ่งกับคนแบบนี้ เสียเงินแทบหมดตัว เงียบเสียที เป็นเงินของกูเรื่องของกู มึงเงียบได้แล้วอีสุขฤทัย ประณตตวาดใส่หน้าเมียอย่างสุดกลั้น เขาบันดาลโทสะเมื่อเสียอะไรไม่เท่าเสียรู้คน โดยเฉพาะไม่มีทางจะโต้ตอบทางนั้นเลย เขาเป็นแค่อดีตข้าราชการซีเจ็ดออกมากินบำเหน็จ เส้นสายภายในก็ไม่มี หรือมีก็คงสู้อิทธิพลคนมีสีไม่ได้ ลูกชายหญิงวัยรุ่นสองคนทำท่าจะเข้าหาบิดามารดา หากว่ามารดาเดินกึ่งวิ่งพรวดๆขึ้นบนบ้านไป บิดาก็หน้าเครียดจนดูเขียวคล้ำไป เด็กทั้งสองจึงปิดปากที่จะบอกว่าพี่ชายได้ประกันตัวออกมาแล้ว ที่บ้านอมร อมรชะโงกดูแผ่นกระดาษสี่เหลี่ยมเล็กๆในมือภรรยาไผ่หลิวดูชื่นชมนักหนาอดถามไม่ได้ นามบัตรใครของผู้ชายหรือถึงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ บ้าน่า นั่นใคร คนที่หลิวขับรถชนเขาไงเฮีย เขามาทวงค่าเสียหายหรือ เฮีย เธอทำเสียงดังว่าเขาอย่างนี้ไม่ได้นะ เขาเป็นคนดีมาก ขนาดไม่ได้คบหากับเฮียป้อเป็นสิบๆปียังยอมประกันให้เลย ไอ้ป้อได้ประกันแล้วหรือ อือแล้วไปเรียกเขาว่าไอ้ได้ไงเขาเป็นพี่ ปีเดียวกัน รู้จักหรือเฮีย แหมแล้วปิดเงียบเชียว มันเป็นญาติของเพื่อนเฮียเอง หยิ่งเหมือนไม่ใช่คนเดินดิน มันไปบ้านนอกเห็นพวกเฮียแล้วมันมองเหมือนหมูเหมือนหมา เฮียเลยไม่ค่อยชอบหน้า เห็นก็ทำเป็นไม่รู้จัก แล้วใครประกันมันล่ะ อมรคว้านามบัตรจากมือไผ่หลิวไปทันที เพ่งมองอยู่นาน ป่านแก้ว ป่านแก้วหรือนี่ ไผ่หลิวตื่นเต้นเมื่อรู้ว่าอมรรู้จักป่านแก้ว รู้จักหรือเฮีย นี่แหละเพื่อนรักของเฮีย เราอยู่กลุ่มเดียวกันตั้งแต่สามขวบยันสิบขวบเลยไม่ห่างกันหรอกย่าป่านตาย พวกเฮียก็บวชหน้าไฟให้ ป่านแก้วคนดีของเพื่อนๆจะเป็นยังไงบ้างนี่ อมรยังงงไม่หายครั้ง เมื่อเวลาเรียนบทเรียนสอนว่าโลกกลม เวลานี้มันพิสูจน์ออกมาแล้วว่าชีวิตคนเราเองเป็นวงเวียนกลมเหมือนโลกจริงๆ พี่ป่านสวยขาว ท่าทางใจดีมากๆเลยเฮีย เร็วๆรีบโทรไปหาดูซิเขาจำเฮียได้มั้ย ไผ่หลิวแนะนำเร่งร้อนอยากรู้จักสนิทสนมกับป่านแก้ว อมรพลิกนาฬิกาข้อมือดู เวลากว่าสามทุ่มแล้วเขาลังเลที่จะโทร หากว่าไผ่หลิวกดเบอร์ต่อเข้ามือถือตามหมายเลขที่ปรากฏในนามบัตร สัญญาณอีกทางดังอยู่นานแสดงว่าติดแล้ว ไม่มีคนรับ แต่อมรก็ใจเย็นรออีกฝ่ายหนึ่งหากเขามีตาทิพย์คงเห็น ขิมทำท่าจะรับหากลังเลเอื้อมมือปิดสัญญาณเสีย ไผ่หลิวทำหน้ายู่ สำหรับเฮียยังรักพวกมันเหมือนเดิมมีเพื่อนใหม่ก็ไม่รักเท่ากับพวกเพื่อนวัยเด็กอาจจะแปลกสำหรับคนอื่นที่ลืมเรื่องในตอนเด็กๆแต่สำหรับเฮียมีความสุขทุกครั้งที่ได้คิดถึง แววตาท่าทางของเขาแสดงออกชัดว่าเป็นเช่นที่เขาพูด!! ป่านแก้วปล่อยผมยาวสยายนั่งลงบนเก้าอี้ยาวตัวนุ่มในห้องของขิม ใส่ชุดคลุมขนาดสุ่มชุดนอนบางพลิ้ว ขิมวางปากกาปิดแฟ้มงานดึงร่างบอบบางไปชิดใกล้ ป่านแก้วหยิบรีโมทกดดูโทรทัศน์พร้อมปิดเพลงที่ขิมฟัง ฟังเพลงทำให้ได้อารมณ์ในการทำงาน โทรทัศน์ทำให้ได้รับข่าวสารโดยเฉพาะงานของคุณ ทั้งสองดูโฆษณาทางโทรทัศน์นั่งติชมร่วมกัน ป่านแก้วหยิบมือถือกดบันทึกเบอร์โชว์หมายเลขที่ติดต่อเเรามา เบอร์ของใครไม่รู้จักผู้ชายหรือ ชายหนุ่ม พยายามทำเสียงให้เป็นปกติ แต่ในใจหวงหญิงสาวขึ้นมาอย่างน่าประหลาด โทรมาเมื่อกี้เราไม่ได้รับให้ อ้าวทำไมล่ะ รับก็ได้ไม่เห็นเป็นไรเลย อยากให้ใครรู้หรือว่าเจ้าของมือถือมีผู้ชายอยู่ด้วย กลัวใช่มั้ยอีตาขิม ป่านแก้วดักคอ ซึ่งขิมไม่อยากยอมรับ กลัวอะไร กลัวว่าพ่อโทรมาแล้วจะต้อง.... เธอไม่เอ่ยคำว่ารับผิดชอบออกจากปาก ขิมไม่ได้ข่มขืนเป็นความเต็มใจของตัวเอง เฉดเช่นวันนี้เธอก็มาหาเขาถึงที่ ไม่ผิดหรอกถ้าขิมจะไม่รับผิดชอบ ดังนั้นป่านแก้วจึงไม่เคยชวนเขาไปหาบิดา ซึ่งขิมก็พอใจที่ป่านแก้วไม่เรียกร้องอะไรจากเขา ถ้าป่านแก้วต้องการให้มีการแต่งงาน เขาต้องทำตามความต้องการของป่านแก้วแน่ หากว่าเขาตอบได้ไม่เต็มปากหรอกว่าเต็มใจ ขิมอยากใช้ชีวิตเช่นนี้มากกว่าไม้ต้องผูกมัดอะไรกับใคร ในสายตาของคนอื่นขิมมีแต่ได้กับได้ไม่ต้องเสียอะไรให้ป่านแก้ว รับงานจากราชการมาหรือขิม ป่านแก้วเปลี่ยนเรื่องพูดซึงขิมพยักหน้ารับ ถูกและมีคุณภาพทำยาก เขาบอก ยากหรือตัวเป็นเจ้าของครีเอทีฟตั้งหลายคนช่วยกันเดี๋ยวเดียวก็ได้ คิดมาแล้วลองทำดูผลออกมาไม่ค่อยดีไม่ประทับใจ หัวข้ออะไรล่ะ ถามอย่างสนใจอยากช่วยเหลือ โอกาสการศึกษา ขิมบอกเรื่อยเรื่องงานหากมือซนเริ่มลวนลามป่านแก้วหักนิ้วมือจนเขาร้องโอ๊ยหันไปสนใจงานเพียงอย่างเดียว โอกาสการศึกษา ป่านแก้วทวนคำคิ้วเรียวหากสีเข้มขมวดมุ่นใช้ความคิด โอกาสของเด็กชนบทกับเด็กที่มีโอกาสในเมือง ขิมขยายความบ้าง อย่างพวกเราไงตอนเด็กๆ มีเจ้าพันเป็นนักแสดงแทนโทรทัศน์สมัยนี้ ลิเกบนโคก กลางนา ใช่ๆ ป่านโห เธอลาออกมาช่วยเราดีกว่า ขิมรีบพลิกแฟ้มงานร่างโครงงานเป็นข้อๆป่านแก้วยิ้มมุมปากลุกไปชงเครื่องดื่มมาให้อีกฝ่าย ขิมเอ่ยโดยไม่ละสายตาจากงานี่ทำอยู่เมื่อป่านแก้วกลับเข้ามาพร้อมกาแฟร้อน ว่าไงป่าน เรื่องงาน ยังไม่ตกลงเลยงานที่บริษัทก็ดี ผู้ชายก็หล่อมากแถมยังโสด เขากระแนะกระแหน นั่นสิสาวๆในบริษัทของถวิลหาทุกคนละ เธอหมดสิทธิ์แล้วยายป่าน เขาบอกเสียงเข้ม เขาปิดแฟ้มงานอีกครั้ง หันมารวบร่างบางไปกอดปล้ำกลิ้งไปตามพื้นพรมสบตากันนิ่งนาน แววตาหวานของเขาทำให้เธอพริ้มตาหลับไม่สบตาป่านแก้วรักเขาเต็มหัวใจตัวเองรู้ตัวดียอมเขาได้ทุกอย่าง ขิมหลับสนิทในขณะที่ป่านแก้วพลิกกายออกจากอกอุ่นเดินออกจากห้องปิดล็อกเบาเกรงคนตัวโตจะตื่น ชักม่านออกชมราตรีของบรรยากาศเบื้องล่าง รถบนถนนวิ่งขวักไขว่ไม่ขาดสาย ถอนใจยาวเมื่อนึกถึงชายร่างใหญ่ที่นอนหลับสนิทอยู่ในห้องแม้ว่าเขาจะควงเธอออกหน้าออกตา หากหญิงมากหน้ายังแวะเวียนชิดใกล้ไม่ขาด บางครั้งก็เกิดความเหงาอย่างบอกไม่ถูกเฉกเช่นคืนนี้ห่างกันเพียงผนังกั้นหากว่าเหงาเหลือเกิน ความสุขที่ได้ไม่เต็มอิ่มเพราะอะไรกันหนอ!!
Create Date : 30 สิงหาคม 2554 |
|
0 comments |
Last Update : 30 สิงหาคม 2554 8:12:15 น. |
Counter : 886 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
|