สำหรับคำถามข้างต้น เป็นคำถามที่หลายคนอยากรู้มากๆ ... และคำตอบยอดฮิตก็คือ “ถ้ารู้ตรูก็รวยไปแล้ว จะมาบอกทำไม (วะ)!” แต่เชื่อผมเถอะครับว่ามันมีคำตอบที่สมเหตุสมผล และหากคุณนำหลักการของคำตอบไปใช้ โอกาสที่คุณจะกำไรจากการซื้อหุ้นมีสูงกว่าขาดทุนอย่างแน่นอน... อยากรู้แล้วใช่มั้ยครับ ติดตามกันเลย...

"หลักการของการซื้อหุ้นให้กำไรตั้งแต่ต้น ผมขอเรียกมันสั้นๆ ว่า Buy the Profit Stock หรือ BPS จากประสบการณ์ของผมมีดังต่อไปนี้"

ประการแรก “ต้องซื้อหุ้นให้เหมือนคุณคิดจะทำธุรกิจ”

ประเด็นแรกของการซื้อหุ้นสำหรับผมก็คือ เราต้องซื้อหุ้นให้เหมือนกับเราจะเข้าไปเป็นเจ้าของกิจการ แนวคิดนี้ง่ายๆ แต่เป็นแนวคิดที่ยิ่งใหญ่ และสามารถเปลี่ยนชีวิตคุณได้ หากคุณเคยได้ยินกฎ 80/20 คือ คนส่วนใหญ่ 80% จะเป็นคนจน และอีก 20% จะเป็นคนรวย สาเหตุที่คนรวยน้อยกว่าคนจน ก็เพราะ “คนรวยคิดต่าง” ... ในตลาดหุ้น คุณจะเห็นคนที่คิดเก็งกำไร โดยไม่สนใจว่าบริษัทเหล่านั้นจะทำอะไร หรือสนใจแค่เปลือก แต่หวังที่จะกินส่วนต่างราคาหุ้นมากกว่า ถ้าคุณคิดแบบนี้ = คุณคิดเหมือนคนส่วนใหญ่ แล้วคนส่วนใหญ่รวยหรือจนจากตลาดหุ้นล่ะ?

สำหรับคนที่มีทักษะของ BPS จะเข้าถือหุ้นแบบที่คิดว่าตนเองเป็นเจ้าของกิจการ แนวคิดแบบนี้จะทำให้เราหาข้อมูลพื้นฐานของบริษัท มองหา Key Success Factor ของกิจการ หรือโมเดลกิจการ และวิเคราะห์ให้รอบด้านก่อนตัดสินใจซื้อหุ้น หากคุณทำแบบนี้คุณคือคนส่วนน้อย แต่นั่นอาจไม่พอที่จะทำให้คุณมีทักษะแบบ BPS และซื้อหุ้นให้กำไร ยังมีแนวคิดอื่นๆ อีก ไปต่อกันเลยครับ

(อ่านเจาะหุ้นรายตัวเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิ๊ก "เจาะหุ้นวีไอไม่เสี่ยง')

ประการที่สอง “ซื้อหุ้นในทางต่ำ”

คำว่า “หุ้นทางต่ำ” หมายถึงหุ้นที่มีส่วนเผื่อความปลอดภัย หรือ Margin of Safety สำหรับการซื้อหุ้นพื้นฐานดี ซื้อเหมือนเราคิดจะทำธุรกิจยังไม่มากพอ คุณต้องซื้อหุ้นทางต่ำ หรือซื้อหุ้นให้มีราคาที่ดีด้วย หุ้นดี + ราคาหุ้นดี =  ความสำเร็จ การที่คุณจะสามารถซื้อหุ้นถูกราคาได้ เราต้องรู้จักการประเมินมูลค่าหุ้น หรือ ทำ Stock Valuation เพื่อให้คุณได้เห็นภาพ ผมขอยกตัวอย่างดังต่อไปนี้

สมมติว่า... หุ้น A ทำกำไรเฉลี่ย 5 ปี ได้ 1 บาทต่อหุ้น และมีแนวโน้มการเติบโตราวๆ 15% ต่อปี เมื่อเราได้ข้อมูลแบบนี้เราสามารถประเมินได้คร่าวๆ ว่า หุ้นตัวนี้ควรมีราคา 1 x 15 = 15 บาทต่อหุ้น หากหุ้นตัวนี้มีปันผลปีละ 0.10 บาทต่อหุ้น =  หุ้นตัวนี้มี Dividend Yield ราวๆ 10%ต่อปี หากเราต้องการซื้อหุ้นที่มีส่วนเผื่อความปลอดภัย หรือซื้อหุ้นทางต่ำ เราควรรอให้ราคาหุ้นย่อลงมาเหลือ 10 บาทต่อหุ้น แล้วค่อยซื้อ เราจะมีส่วนเผื่อความปลอดภัยอยู่ 5 บาทต่อหุ้น ทำแบบนี้โอกาสที่จะซื้อหุ้นแล้วขาดทุนมีต่ำมากทีเดียวครับ

ประการที่สาม “จงซื้อให้ได้ปริมาณ”

การที่เราซื้อหุ้นถูกตัว ซื้อหุ้นถูกราคา นั้นยังไม่เพียงพอ สิ่งที่จะทำให้พอร์ตการลงทุนของเรากำไรอย่าง “เป็นกอบเป็นกำ” เราต้องซื้อหุ้นให้ได้ปริมาณ เพื่อให้มองเห็นภาพ ขอยกตัวอย่างดังต่อไปนี้

หุ้น A ตัวเดิม หากเราซื้อได้ในราคา 10 บาทต่อหุ้น และหุ้นปรับขึ้นไปสู่มูลค่าที่แท้จริงของมันคือ 15 บาทต่อหุ้นตามที่เราคำนวณเอาไว้ ลองมาดูว่าถ้าเราซื้อหุ้นตามปริมาณต่อไปนี้จะเป็นอย่างไร

ถ้าเรามีหุ้น A 1,000 หุ้น เราจะได้กำไร 5,000 บาท

ถ้าเรามีหุ้น A 10,000 หุ้น เราจะได้กำไร 50,000 บาท

ถ้าเรามีหุ้น A 100,000 หุ้น เราจะได้กำไร 500,000 บาท

ถ้าเรามีหุ้น A 1,000,000 หุ้น เราจะได้กำไร 5,000,000 บาท!!

เราจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ยิ่งปริมาณหุ้นมากเท่าไร เราก็จะได้กำไรมากเท่านั้น ดังนั้นปริมาณหุ้น หรือ “น้ำหนักในการลงทุน” จึงสำคัญ และถือเป็นหนึ่งในทักษะของ BPS อย่างไม่ต้องสงสัย ยังไม่จบแค่นี้ หากเราคิดถึงเงินปันผล หุ้น A ปันผลหุ้นละ 0.10 บาท ถ้าเรามี 1 ล้านหุ้น เราจะได้เงินปันผล1 แสนบาท แค่เงินปันผลก็ถือว่าได้น้ำได้เนื้อกันแล้วครับ (ปัญหาต่อจากนี้คือการหาเงินมาซื้อหุ้น รีบลงมือซะ! มันจะดูยากในตอนแรก แต่พอคุณเริ่มสะสมมันจะไปสู่จุดหมายได้จริงๆ) ทำได้สามขั้นตอนนี้นอกจากคุณจะซื้อหุ้นที่ทำกำไรได้โดยไม่ขาดทุนแล้ว คุณจะรวยกับหุ้นได้อย่างยั่งยืนอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม... สิ่งที่ผมบอกกล่าวไปข้างต้นเป็นเพียงแนวคิด การลงมือทำจริงในสนามจริงนั้นไม่ง่าย ต้องอาศัยทักษะ และความเพียรพยายามเป็นอย่างมาก แต่หากคุณทำได้ สิ่งนี้สามารถเปลี่ยนชีวิตคุณ แม้มันจะยาก แต่มันจะยากอยู่อย่างนั้น หากเราไม่เริ่มต้นทำมันเสียที...

Create Date : 23 เมษายน 2559
Last Update : 23 เมษายน 2559 15:26:19 น.		0 comments
Counter : 945 Pageviews.
Share Tweet