... Simplicity is Happiness ♥ ...
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2557
 
27 สิงหาคม 2557
 
All Blogs
 

[นิทานสอนใจ] : ข้าวเปล่าหนึ่งถ้วย สร้างมนุษย์ที่ดีแก่สังคมได้อย่างไร?

ค่ำวันหนึ่งเมื่อ 20 ปีที่แล้ว
มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งท่าทางเหมือนนักศึกษา
กำลังลังเลอยู่หน้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง
เมื่อลูกค้าส่วนมากออกจากร้านแล้ว
เขาจึงเดินเข้าร้านมาด้วยอาการเขินอาย
"ขอข้าวเปล่าถ้วยหนึ่ง ขอบคุณครับ" เด็กหนุ่มก้มหน้าพูด

เจ้าของร้านอาหารเพิ่งเปิดใหม่เป็นเถ้าแก่หนุ่มสาวคู่หนึ่ง
เห็นเด็กหนุ่มไม่เอากับข้าวก็รู้สึกสะท้อนใจ แต่ก็ไม่ได้ถามอะไร
เขารีบตักข้าวพูนถ้วยส่งให้กับเด็กหนุ่มคนนั้น

เด็กหนุ่มจ่ายเงินพร้อมกับพูดด้วยเสียงแผ่วเบาว่า
"ผมขอน้ำแกงราดบนข้าวสักหน่อยได้ไหมครับ?"

"ตามสบายเลยค่ะ ไม่คิดตังค์" เถ้าแก่เนี้ยพูด
เขากินไปได้ครึ่งถ้วย ก็สั่งอีกถ้วยหนึ่ง

"ไม่อิ่มใช่ไหม? ถ้วยนี้เดี๋ยวผมตักให้คุณมากหน่อย" เถ้าแก่พูดด้วยความเอาใจใส่
"ไม่ใช่ครับ ผมเอาใส่กล่อง พรุ่งนี้จะเอาไปกินที่มหาลัยนะครับ"

เมื่อเถ้าแก่ได้ยิน ก็เดาออกว่า เด็กหนุ่มคนนี้คงมาจากต่างจังหวัดเป็นแน่
ฐานะที่บ้านคงไม่สู้จะดีนัก เขาคงมาเรียนที่ไทเป (ประเทศไต้หวัน) คนเดียว
และคงจะทำงานและก็เรียนไปด้วย ดูก็รู้ว่าเด็กคนนี้คงจะลำบากอยู่ไม่น้อย

เขาจึงตักโร่วจ้าว ซึ่งเป็นเนื้อเคี่ยวซอสสำหรับราดบนข้าว ใส่ไว้ที่ใต้กล่องข้าว
และเอาไข่ตุ๋นชาใส่ไปด้วยหนึ่งฟอง จากนั้นจึงตักข้าวอัดไปเต็มกล่อง
มองดูแล้วเหมือนไม่มีอะไรอยู่ในกล่องข้าว นอกเสียจากข้าวเปล่า

เมื่อภรรยาของเขาเห็นดังนั้น ก็เข้าใจในสิ่งที่สามีกำลังทำ
ว่าต้องการช่วยเหลือเด็กหนุ่มคนนี้ แต่ไม่เข้าใจว่า
ทำไมไม่ราดโร่วจ้าวไว้บนข้าว จะใส่ไว้ใต้ข้าวทำไม?

เถ้าแก่กระซิบบอกภรรยาว่า "เด็กผู้ชายรักศักดิ์ศรี หากเขาเห็นว่าบนข้าวมีโร่วจ้าว
เขาอาจคิดว่าเราทำทานแก่เขา หากเป็นอย่างนี้ คราวหน้าเขาจะไม่กล้ามาอีก
ถ้าเขาไปกินร้านอื่นก็ได้กินแต่ข้าวเปล่า แล้วจะเอาแรงที่ไหนไปเรียนหนังสือ!"


"คุณเป็นคนดีจริงๆ จะช่วยเขายังกลัวเขาอายอีก"
"หากผมไม่ดี คุณจะแต่งงานกับผมเหรอ"
เถ้าแก่หนุ่มหยอกเย้าผู้เป็นภรรยา

"ขอบคุณครับ ผมอิ่มแล้ว แล้วเจอกันใหม่ครับ"
เด็กหนุ่มพูดจบก็หยิบข้าวกล่องแล้วเดินออกจากร้านไป

เมื่อเด็กหนุ่มถือข้าวกล่องที่ดูหนักกว่าข้าวเปล่าออกจากร้านไป
ก็หันมายิ้มให้เจ้าของร้านทั้งสอง

"สู้ๆ นะ พรุ่งนี้พบกันใหม่" เถ้าแก่พูดและโบกมือให้กับเด็กหนุ่มคนนั้น
ในคำพูดประโยคนั้นของเขาแฝงด้วยคำเชิญให้เด็กหนุ่มมากินข้าวที่นี่ใหม่ในวันพรุ่งนี้
เด็กหนุ่มน้ำตาคลอ ไม่กล้าหันไปมองเจ้าของร้าน กลัวว่าน้ำตาจะร่วงให้เขาทั้งสองเห็น

จากนั้นเป็นต้นมา นอกจากว่าเป็นช่วงปิดเทอม พลบค่ำของทุกวัน
เด็กหนุ่มก็จะมากินข้าวที่ร้าน เขาสั่งข้าวเปล่าหนึ่งถ้วยและข้าวเปล่าหนึ่งกล่องเอากลับบ้าน
และใต้กล่องข้าวก็จะมีอาหารที่แตกต่างกันไปในแต่ละวัน จนเด็กหนุ่มเรียนจบปริญญาตรี
ผ่านมา 20 ปีแล้ว ที่ร้านบุฟเฟต์แห่งนี้ไม่ได้ต้อนรับลูกค้าคนพิเศษคนนี้อีกเลย

อยู่ๆ ทางการก็ส่งจดหมายมาบอกว่าจะทำการเวนคืนที่และร้านของเขาก็เป็นหนึ่งในนั้
สองสามีภรรยาอายุใกล้จะ 50 ปี เมื่อรู้ข่าวนี้ต่างก็กลัดกลุ้มใจ ชีวิตต่อไปข้างหน้าจะทำอย่างไร
เงินทองที่จะได้จากทางการก็ไม่เพียงพอกับการจัดซื้อบ้านที่มีทำเลดีอย่างนี้ได้อีก
แล้วลูกๆ ที่กำลังเรียนอยู่จะหาค่าเทอมมาจากไหน?
ต่างก็กอดกันร้องไห้ไม่รู้จะจัดการกับชีวิตอย่างไรดี

เช้าวันหนึ่ง ชายคนหนึ่งแต่งกายภูมิฐานเข้ามาหาสองสามีภรรยา
"สวัสดีครับคุณทั้งสอง ผมเป็นรองผู้จัดการบริษัท...
ผู้จัดการใหญ่ของเราต้องการให้คุณเข้าไปทำร้านอาหารในบริษัทของเรา
ที่กำลังจะทำการเปิดใหม่ในเร็วๆ นี้ เรื่องค่าใช้จ่ายไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งและอุปกรณ์ต่างๆ
ค่าวัสดุในการทำอาหารทางเราจะเป็นผู้รับผิดชอบ ขอเพียงคุณจัดหากุ๊กปรุงอาหาร
และบริหารงานก็พอ ส่วนกำไรแบ่งครึ่งกับบริษัทของเราครับ"

ผู้จัดการใหญ่ของบริษัทเป็นใครกัน?
ทำไมเขาถึงดีกับเราอย่างนี้?

เราไม่เคยรู้จักผู้หลักผู้ใหญ่ในสังคมเลยสักคนเดียว? สองสามีภรรยาต่างทำหน้างงๆ

"คุณทั้งสองเป็นผู้มีพระคุณของผู้จัดการใหญ่ของเรา
ท่านบอกว่าท่านชอบกินไข่ตุ๋นชาและโร่วจ้าวของร้านคุณมาก
รายละเอียดผมทราบเพียงแค่นี้ นอกเหนือจากนี้คุณคงจะทราบได้เอง
เมื่อได้เจอกับผู้จัดการใหญ่ของเรา"

เมื่อเดินทางไปถึงบริษัท สองสามีภรรยาจึงรู้ว่า ผู้จัดการใหญ่ของบริษัทนี้
ก็คือเด็กหนุ่มที่มากินข้าวเปล่ายามพลบค่ำทุกวันนั่นเอง หลังจากจบมหาวิทยาลัย
เขาก็มุมานะสร้างเนื้อสร้างตัวจนสามารถเปิดบริษัทแห่งนี้ได้
เขาสำนึกบุญคุณข้าวเปล่าที่สองสามีภรรยาให้เขากินตลอดเวลาที่เรียนมหาวิทยาลัย
หากไม่มีสองสามีภรรยาช่วยเหลือเขาในตอนนั้น เขาคงลำบากและไม่สามารถเรียนจนจบได้

เรื่องราวก่อนเก่าแต่หนหลังถูกรื้อฟื้นขึ้นในวงสนทนาเคล้าเสียงหัวเราะและน้ำตา
เมื่อถึงเวลาที่สองสามีภรรยาจะลากลับ ชายหนุ่มยืนขึ้นโค้งคำนับพร้อมกับพูดว่า
"สู้ๆนะครับ ต่อไปนี้บริษัทของเราต้องพึ่งพาคุณแล้วนะ พรุ่งนี้พบกันใหม่นะครับ"



ให้ด้วยความยินดี รับด้วยจิตสำนึกคุณ โลกนี้ยังมีความอบอุ่นอยู่เสมอ



credit: นุสนธิ์บุคส์ facebook.com




 

Create Date : 27 สิงหาคม 2557
0 comments
Last Update : 1 มิถุนายน 2558 8:53:32 น.
Counter : 1122 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ดอกไม้บานริมรั้ว
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [?]






▼ ห้อง SHOP 1 ▼

เสื้อ
แขนกุด สายเดี่ยว
แขนสั้น
แขน 3-5 ส่วน
แขนยาว กันหนาว
-------------------------
กางเกง
กระโปรง
เดรส
รองเท้า
ชุดผ้าไหม ชุดไทยๆ
ผ้าคลุมไหล่ / ผ้าพันคอ / หมวก
ตุ๊กตา

[ วิธีสั่งซื้อ ]
[ อัตราค่าส่ง & ข้อชี้แจง ]

▼ ห้อง SHOP 2 ▼

!! Clearance SALE !!
ล็อต : (A) - (O)


ล็อต : (P)
ล็อต : (Q)
ล็อต : (R)

Friends' blogs
[Add ดอกไม้บานริมรั้ว's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.