::: ชบาแจ๊ดแจ๋ :::
ชบากระบี่ เช้าหลังคืนที่ฝนตก (มั้ง) เดาเอาก็หลับสนิทไม่ฝันไม่ได้ยินอะไรเลย ตื่นมาเห็นพื้นเปียกๆกับมีเห็ดขึ้น 

เมื่อพิเคราะห์ดูแล้วเจ้าเห็ดน่าจะขึ้นมาเมื่อวานซืน ถนนไม่ได้เปียกซักกะหน่อยมีแต่หญ้าที่ชุ่มน้ำค้าง อยู่บางกอกนานไปแล้วละมั้ง
รูปนี้วางกล้องเปะปะ ไม่ได้เล็งกะลูกกะตา กางเกงจะเปียกเอา

ด้วยความอยากรู้ว่า "ชบา" ในภาษาอังกฤษคืออะไร แต่ไม่เจอ ไปเจอ "ชปา"แทน ซึ่งแปลว่า กุหลาบ
ชบา หางยาว คือกุหลาบ
เจ้าชบาแดงที่ปรากฎในบล๊อกนี้เท่าที่จำได้มีอยู่ ๒ ดอก เพียงแค่หามุมถ่ายต่างๆกัน หลับตานึกหมุนภาพไปเร็วๆชบาให้ดอกทั้งปี รึเปล่าหนอ

วันก่อน"ฆ่า"เวลาที่ร้านทำผมเจอะเรื่องชบาในนิตยสารพอดี อ่านเพลินๆรูปสวยๆแปลตามความเข้าใจได้ว่า ชบาเป็นดอกไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่อินโดนีเซียผู้มีศรัทธราจะนำดอกชบาสีแดงมาบูชารูปปั้นเทพเจ้า(ไม่แน่ใจชื่อแล้วสิไม่เขียนดีกว่า)

แนวต้นชบาแดงนี้นอกจากมีดอกที่แดงแจ๊ดแจ๋แล้ว ใบก็ยังแดงด้วยแต่ดูดีๆก็มีสีเขียวปนๆด้วย เม็ดสีกระจายไปถึงใบได้ด้วยละมั้ง

วันก่อนโน้นรื้อกล่องใส่หนังสือไปเจอสมุดวิชาวิทยาศาสตร์ตอน ม.๑ เข้า เปิดไล่ๆดูเจอภาพดอกชบา (ให้เพื่อนวาดให้ ) ดอกชบาเป็นโมเดลของดอกสมบูรณ์เพศ จำได้คร่าวๆว่าทุกกลุ่มจะต้องเอาดอกชบามาผ่าครึ่งให้เห็นกระเปาะเห็นรังไข่ แล้ววาดรูป ... ตอนวาดรูปนี่สิทุกกลุ่มไม่ได้วาดจากดอกไม้จริงหรอก วาดตามรูปที่คุณครูขึ้นกระดานซะงั้น ตอนนั้นกลัววาดผิด ไม่สวย แล้วได้คะแนนน้อย แต่ถ้ามีน้องนุ่งลูกหลาน หรือเป็นครูเองนะ จะให้เด็กเค้าวาดจากแบบจริงๆไปเลย เข้าทำนองวิชา "วิทยาศาตร์ + ศิลปะ" โหดจริงๆเรา

อับละอองเกสรตัวผู้/อับละอองเรณู/ละอองเกสรตัวผู้ ถ้าตัดคำว่าเกสรตัวผู้ออกก้น่าจะรู้ว่าเป็นตัวผู้นะ เพราะมีคำว่าละอองก็ต้องรู้แล้วว่าปลิวลมได้ คิดลึกไปป่าวเนี่ยตรู


พอเห็นละอองเกสรนึกขึ้นมาได้ว่า ตัวเราหรือเพื่อนผู้ร่วมชั้น ม.๑ ตอนโน้นได้เห็นเมล็ด(แก่/เมล็ดที่ผสมแล้ว)ของชบาไหมนะ เหมือนจะได้เห็นเป็นเม็ดเล็กๆ สีดำอยู่ในออวุล(ทำเท่ห์ผิดถูกไม่รู้ ออวุล แปลว่ารังไข่เนอะ ถ้าไม่ใช่แย้งเลยนะคะ)
เดี๋ยวนี้ไม่รู้ว่าหลักสูตรการเยนเปลี่ยนไปขนาดไหน เห็นหลานๆ ม.ต้นก็เริ่มเรียนเคมี ฟิสิกส์ ชีวะ คณิตฯ ม. ปลายกันแล้ว เป็นเด็กนักเรียนสมัยนี้นี่เครียดจัง สมัยวาฬเด็กๆอายุขนาดนี้เอาแต่เล่นลูกเดียว

ชบาชมพูย้อนแสง เห็นครั้งแรกนึกโฟกัสที่เงาของเกสร แต่ตอนถ่ายเล็งไปที่เกสรแทน
ต้นชบากับคนตาบอด "เฉลียง"
ผลิดอกงามแตกกิ่งใบ จับดวงใจแม้ใครบังเอิญได้เดินมองมา อาจจะพบเห็น เห็นด้วยตา ต้นชบาขึ้นในโรงเรียนสอนคนตาบอด
ไม่อาจชมดอกชบา ด้วยดวงตาสองตามีกรรมโลกจึงมืดมน ไม่อาจพบเห็นเหมือนบางคน ว่าดอกผลนั้นมีสีสันรูปทรงอย่างไร
บอดก็เพียงสายตาเท่านั้น แต่จิตใจก็ยังผูกพันความงาม อาจจะรับ รู้ไปตาม สูดกลิ่นงามฟังเสียงวิไลร่มไม้บังเงา
ต่างก็เพียง ผู้จะชม สิ่งจะชมสำคัญในมันนั่นคืออันใด เหตุกับผลนั้นหรือว่าใจ ต้นชบาก็มีความหมายไปตามคนมอง
สิ่งจะงามอยู่กับใจ บอดที่ใจ เห็นไปอย่างไรไม่มีวันงาม โลกจะสวยนั้นสวยไปตาม จิตที่งาม มองโลกสดใสไปในทางดี
เนื้อร้องของเพลงบอกความหมายชัดเจนอยู่แล้ว
เจ้าชบาถึงแม้ไปขึ้นผิดที่ผิดทางในโรงเรียนสอนคนตาบอด ทว่า ยังมีคนรับรู้ถึงคุณค่าในตัวชบา ข้าพเจ้าคิดว่า ชบาเองก็รู้ตัว่าตัวเองงามงด แต่ถ้ายิ่งมีรับรู้ ชื่นชม เจ้าชบาก็มีความสุข ไม่ใช่แนวบ้ายอนะ แต่คล้ายๆเสริมความเชื่อมั่นน่ะ อย่างนี้นี่เอง ที่ใครๆเขาว่าการทำให้"ตัวเอง" หรือ"คนอื่น" รู้สึกถึงความมีค่า เป็นสิ่งที่ดี
Create Date : 20 พฤษภาคม 2552 |
|
9 comments |
Last Update : 20 พฤษภาคม 2552 11:52:52 น. |
Counter : 5076 Pageviews. |
|
 |
|