...........มองทองฟ้าเมื่อคราอัสดงคต
เกิดปรากฎ(ฎะ)การณ์งามล้ำเลอค่า
แสงสุรีย์สาดส่องต้องเมฆา
แสงเจิดจ้าหลากเฉดสีดั่งมีมนต์
........สะกดให้ดั่งที่นี้แดนที่ฝัน
ตราบกัปกัลป์นั้นจักงามล้ำเลิศล้น
ฤาธรรมชาติอาจมีอุบายใช้เล่ห์กล
ทำให้คนหลงใหลไม่รู้ลืม
ขอเขียนแค่นี้ก่อน เพราะต่อไปไม่ไหวแล้ว การที่ไม่ได้เขียนบทกวีมายาวนานก็ทำให้สะดุดไปเหมือนกัน เฉกเช่นชีวิตของมนุษย์เราถ้าทำอะไรไม่ต่อเนื่อง ชีวิตก็จะสะดุดไปชั่วขณะ
เช่นกัน ผมชอบธรรมชาติ ชอบการท่องเที่ยว แต่ด้วยภาระทางการงานและหลายปัจจัย ทำให้นานๆ ครั้งจึงจะเดินทางออกไปในสถานที่แปลกใหม่สักแห่ง แม้มากมายหลายแห่งจะอยู่ใกล้แค่เอื้อม แต่ก็ใช่ว่าจะเดินออกไปสู่สถานที่แห่งนั้นได้ง่ายนัก
ครั้งนี้ก็เช่นกัน เพือนรุ่นน้องชวนไปเที่ยว บางปู จึงติดกล้องไปด้วย และก็มาจบลงที่อ่าวบางปู จึงนั่งริมอ่าวบางปูซึ่งขณะนี้ได้ทำกำแพงซิมนต์(ผมเรียมถูกหรือเปล่าไม่รู้)แล้ว ก่อนหน้านี้ ยังไม่มีกำแพงกั้นน้ำกัดเสาะอย่างนี้ (สิบกว่าปีที่แล้ว) ในร้านหนึ่งที่รุ่นน้องเขาสนิทกัน จึงเก็บภาพยามเย็นที่หน้าร้านแห่งนี้ซึ่งอยู่อยู่ติดริมอ่าว
ผมพบว่า แสงสียามเย็นเหนืออ่าวบางปู(และคงทุกอ่าว ทุกริมทะเล) คงจะมีแสงสีของดวงอาทิตย์ยามสะท้อนกับก้อนเมฆประมาณนี้ ซึ่งมันต่างจากที่มองจากกรุงเทพฯ หรือในเมืองอื่น ทั้งที่ห่างกันไม่กี่สิบกิโลเมตรเท่านั้น
ผมจึงขอตั้งภาพชุดนี้ว่า "ทะเลเมฆ ณ อ่าวบางปู" แต่ฝีมือการภ่ายภาพก็ได้แค่นี้ และลงบางภาพไว้ ณ ที่นี้ เพื่อเป็นอนุสรณ์
จากใจจริง
เกรียงไกร หัวบุญศาล