Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2550
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
17 มิถุนายน 2550
 
All Blogs
 
มนุษย์กับความฝันและการคิดที่สร้างสรรค์ : ภาพสะท้อนบางอย่างในสังคมไทย




ความเรียง


มนุษย์ทุกคนล้วนมีความฝัน ไม่ว่าความฝันนั้นจะเป็นอะไรตาม
เพราะความฝัน เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้มนุษย์ทุกคน อยากที่จะมีวันพรุ่งนี้ที่ดีขึ้น เพื่อที่จะก้าวไปสู่วันพรุ่งนี้ที่พึงปรารถนา
แต่สังคมนั้นหรือประเทศนั้น ไม่ใช่บุคคลเพียงคนเดียว ล้วนด้วยประกอบกันขึ้นจากคนทุกคนหรือประชาชนทุกคน
ความฝันในที่นี้หมายถึง การคิดฝันอย่างสร้างสรรค์ มีเหตุมีผลรองรับ ไม่ใช่ความฝันอย่างลมๆแล้งๆ เพราะนั่นไม่ใช่ความฝัน แต่เป็นความเพ้อเจ้อ
ความฝันทำให้มนุษย์ มีกำลังใจที่จะสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ออกมา ซึ่งสิ่งที่สร้างสรรค์นั้น ย่อมเกิดประโยชน์ต่อตัวเอง ต่อสังคมรอบข้าง ต่อประเทสชาติ และต่อโลก หรือมวลมนุษย์ที่อาศัยอยู่ในโลกใบนี้
สิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นในโลกนี้ ล้วนเกิดจากความฝันและการคิดที่สร้างสรรค์
มนุษย์ทุกคนที่มีชิวิตอยู่บนโลกนี้ จำเป็นต้องมีความฝันและสร้างความฝันให้เกิดขึ้น เพื่อเป็นพลังผลักดันให้ก้าวไปสู่สิ่งที่ฝันไว้
ถึงแม้ว่า ปัจจัยหลายๆอย่างในบางสังคมจะไม่เอื้อให้มนุษย์มีพลังสร้างสรรค์ อันนำไปสู่ความฝันที่วาดไว้ก็ตาม
คนไทยเรา พลังแห่งความฝันและการคิดที่สร้าวสรรค์ยังมีน้อย เมื่อเทียบกับหลายๆชาติหรือหลายๆ ประเทศที่อยู่ในประเทศกำลังพัฒนาด้วยกัน
เพราะอัตลักษณ์ของคนไทยส่วนใหญ่ไม่ค่อยเรียนรู้อะไรที่ลึกซึ้งนัก รับเรื่องราวหรือข่าวสารที่หนักๆไม่ค่อยได้ รับได้แต่ข้อมูลข่าวสารที่เบาๆและเน้นไปในด้านบันเทิงเป็นหลัก แม้แต่ในส่วนของความเป็นบันเทิง ก็รับสารทางบันเทิงที่มีเนื้อหาที่หนักๆหรือสร้างสรรค์ในเชิงลึกไม่ได้
สื่อศิลปะทุกแขนงที่มีเนื้อหาในเชิงลึก เชิงลึกทั้ง วิทยาการแขนงต่าง ทั้งปรัชญา ล้วนแล้วแต่บูรณาการความคิดฝันของคนในสังคมนั้นให้พัฒนาขึ้น นอกเหนือจากความรู้โดยตรงที่ศึกษาจากสถาบันการศึกษา เพราะศิลปะแขนงต่างๆที่มีเนื้อหาดังกล่าวนั้น มีอิทธิพลต่อการกระตุ้นจินตนาการที่สร้างสรรค์ของมวลมนุษย์

แต่การเข้าถึงวิชาการ และศิลปะในเชิงลึกของสังคมไทยยังอ่อนด้อยอยู่มาก
การอ่านและการเขียน ของคนในสังคมไทยยังไม่ได้รับการพัฒนาอย่างจริงจัง ส่วนใหญ่ นิยมฟังและดูเป็นหลัก
นักเรียน นักศึกษาไทยส่วนใหญ่จะสนใจแต่ตำราเรียนเป็นหลัก และปฏิเสธที่จะรับสารในเรื่องอื่นๆ ที่แตกต่างจากวิชาที่เรียน เพราะมุ่งที่จะทำคะแนนสอบให้ได้เกรดดีๆเป็นหลัก
ผู้ที่จบการศึกษา การอ่าน แทบจะกลายเป็นสารพิษที่ไม่อยากจะรับประทาน จิตนาการที่จะต่อยอดเหมือนเดินมาสู่ทางตัน ยกเว้นผู้ที่เข้ามาอยู่ในสายงานที่ต้องขบคิดและแก้ปัญหาอยู่ตลอดเวลา และใครที่เข้าไปอยู่ในระบบราชการ คล้ายกับตกลงไปสู่ห้องมืดที่ไร้แสงสว่าง เพราะต้องปฏิบัติไปตามกรอบตามระเบียบทางราชการอย่างเคร่งครัด

หากมองในเบื้องลึก สภาพของสังคมไทยทั้งอดีตและปัจจุบัน การทำมาหากินที่ฝืดเคือง ความไม่แน่นอนในอนาคตจากปรากฏการณ์ทางสังคมในช่วงต่างๆ บีบคั้นจิตใจของผู้คนส่วนใหญ่ในสังคม
ทำให้ผู้คนในสังคม ไทยมุ่งเอาชีวิตให้รอดไปวันต่อวัน
ความฝันและพลังแห่งการสร้างสรรค์ต่างๆ เพียงแค่ให้มีชีวิตอยู่รอด ไม่ได้คิดไกลไปถึงการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ให้เกิดขึ้น
ทำให้สังคมไทยเป็นสังคมที่ไม่มองอะไรที่ลึกซึ้ง ขาดรากฐานการคิดที่มีเหตุมีผล
ทั้งที่นับถือพุทธศาสนาเป็นส่วนใหญ่
พุทธศาสนาที่มุ่งสอนในเรื่องความมีเหตุมีผล
จึงนำมาซึ่งความอ่อนไหวตามกระแส โดยขาดการไตร่ตรองด้วยเหตุและผลต่อสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้น บางครั้งจึงเอาสัญชาตญาณเป็นสิ่งช่วยตัดสินใจในการกระทำการต่างๆ โดยไม่ได้มาจากการคิดใคร่ครวญอย่างลึกซึ้งเสียก่อน
การขาดสวัสดิการจากภาครัฐ เป็นสิ่งหนึ่งที่ปิดกั้นความฝันและจินตนาการที่สร้างสรรค์ของผู้คนในสังคมไทยส่วนใหญ่ซึ่งยังยากจน นอกเหนือจากที่กล่าวมาแล้วข้างต้น
ประชาชนคนไทยจำนวนไม่น้อย มีความฝันมีจินตนาการที่สร้างสรรค์ แต่ต้องดิ้นรนในการทำมาหากินเพื่อให้อยู่รอด ทำให้ไม่สามารถสร้างพลังสรรค์และความฝันที่สร้างสรรค์ให้เกิดขึ้นมาได้ อย่างเต็มที่ เพราะพะวงกับการทำมาหากิน และคิดถึงอนาคตในช่วงที่แก่ชราลงไปว่าจะเป็นอยู่อย่างไร
ไม่เหมือนสังคมของประเทศที่พัฒนาแล้วในหลายประเทศ โดยเฉพาะในสังคมยุโรป มีระบบสวัสดิการจากรัฐที่จะดูแลในช่วงที่แก่ชรา (แม้ว่าในช่วงวัยทำงานจะจ่ายภาษีที่ค่อนข้างแพง แต่ผลตอบแทนจะกลับมาในรูปแบบสวัสดิการในช่วงที่สูงวัยจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิตก็คุ้มค่า)จึงไม่ต้องกังวลถึงช่วงเวลาที่ชราภาพ
สังคมของเขา ผู้คนจึงมีความฝันและพลังสร้างสรรค์อย่างเต็มที่
การศึกษาหาความรู้จากสิ่งต่างๆ จึงมีเวลาที่จะทุ่มเทศึกษาวิจัยในเรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างลึกซึ้ง
แต่สิ่งสำคัญก็คือ สังคมไทยขาดทักษะในการอ่านและเขียน ร่วมทั้งขาดพื้นฐานในการแสวงหาความรู้ จึงทำให้สังคมไทยเป็นสังคมตามกระแส มากกว่าจะวิเคราะห์สิ่งต่างๆ จนบางครั้งกลายเป็นเครื่องมือของกลุ่มอำนาจใดกลุ่มอำนาจหนึ่งใช้เป็นฐานในการขึ้นสู่อำนาจ โดยที่ตัวเองยังแยกไม่ออกว่ากลายเป็นเครื่องมือของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งด้วยความบริสุทธิ์ใจ
ความรู้สึกที่เกลียดสุดขั้ว รักสุดใจ หากเกิดขึ้นในสังคมไหน สังคมนั้นจะกลายเป็นสังคมที่ด้อยปัญญาไปโดยปริยาย ไม่ว่าสังคมนั้นจะมีผู้ที่จบการศึกษาขั้นสูงมากกว่าครึ่งค่อนประเทศ หรือทั้งประเทศก็ตาม เพราะความรู้สึกเหล่านั้น ไม่ใช่สังคมที่อุดมด้วยปัญญา ไม่ใช่สังคมที่มีความฝันและจินตนาการในทางที่สร้างสรรค์อย่างแน่นอน

ความคิดฝันและพลังสร้างสรรค์ของมวลมนุษย์นั้น เป็นสิ่งที่เกื้อกูลให้สังคมนั้น ประเทศนั้น เป็นสังคมหรือประเทศที่เปี่ยมด้วยปัญญา และพัฒนาไปในทิศทางที่พึงปรารถนา



เกรียงไกร หัวบุญศาล
๑๖ มิถุนายน ๒๕๕๐



Create Date : 17 มิถุนายน 2550
Last Update : 17 มิถุนายน 2550 12:15:02 น. 5 comments
Counter : 781 Pageviews.

 
การคิดอย่างผ่องใส
ในการคิดของคนเรานั้น ก็คิดไปต่างๆนาๆ สุดแต่ตามจะคิดกันไปบ้างก็คิดให้เกิดทุกข์
บ้างก็คิดให้เกิดสุข วิถีชีวิตของคนเราส่วนหนึ่งก็เกิดจากคิด คิดอย่างต่อเนื่องคิดอย่างเป็นระบบ
จะคิดกันอย่างไรก็แล้วแต่ ขอให้ท่านคิดอย่างเป็นสุขและสงบ คิดให้เกิดคุณทั้งในตัวเราและผู้อื่น
หลีกเลี่ยงในการคิดอย่างเป็นโทษ ต่อตัวเองและผู้อื่นแต่ของให้อยู่บนบรรทัดของความเป็นจริง
วิธีการ ในการคิดอย่างผ่องใส ให้ท่านปล่อยว่างทุกสิ่งทุกอย่างจากจิตจากใจ ชั่วขณะหนึ่ง
ให้ท่านนั่งหลับตาลง ภาวนาในใจว่า เราจะทำใจของเราให้เป็นสุข ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม
เราจะทำใจของเราให้ผ่องใส ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม เราจะไม่หวั่นไหว เราจะไม่หวั่นไหว
ขอให้ท่านสละเวลาเพียงเล็กน้อย เพื่อที่จะฝึกการคิดของท่านท่านฝึกไปวันละเล็กวันละน้อย
ท่านจะมีความสุขใจ เกิดขึ้นไม่มากก็น้อยท่านลองฝึกฝนดู



โดย: สุเทพ อยู่เย็น suthep9@hotmail.com IP: 125.24.66.18 วันที่: 17 ธันวาคม 2550 เวลา:0:08:35 น.  

 
การออกกำลังจิต
การออกกำลังจิต หมายถึงการฝึกจิตฝึกความคิด การสร้างสมาธิ การสร้างความแช่มชื่นทางจิตใจ
การฝึกจิตนั้น เริ่มต้นการฝึกสมาธิ ด้วยการกำหนดลมหายใจเข้าออก
การฝึกสมาธิ
หายใจเข้ารู้ลมหายใจ หายใจออกรู้ลมหายใจ เอาความรู้สึกอยู่กับลมหายใจจนจิตสงบและมีพลัง
มีความสดชื่นทั่วทั้งกายและใจ ประโยชน์มีมากมายในสมาธินั้นอาทิเช่น
1.ช่วยทำให้จิตผ่อนคลาย หายเครียด เกิดความสงบ ขจัดความวิตกกังวล
2.ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน การเล่าเรียนและการทำกิจทุกอย่าง
3.ช่วยเสริมสร้างสุขภาพกายใจให้แข็งแรง และแก้ไขบำบัดโรคได้
ขอให้ท่านจงมีความสุขในการฝึกฝนตนทั้งกายและใจเถิด


โดย: สุเทพ อยู่เย็น suthep9@hotmail.com IP: 125.24.66.18 วันที่: 17 ธันวาคม 2550 เวลา:0:09:51 น.  

 
โยคะ
โยคะคือศาสตร์การบริหารกายและจิตที่มีประสิทธิภาพสูงส่งมาก มีประโยชน์ต่อร่างกายและจิตใจมาก และจิตใจมากต่อผู้ฝึกฝน และยังสร้างพลังความเชื่อมั่นในตัวเองได้อย่างสูง และยังสามารถ
พัฒนาได้อย่างต่อเนื่อง ในการฝึกของท่านที่สนใจ ยังได้ช่วยชะลอความชราได้
การฝึกฝน
ในการฝึกฝนนั้นให้ท่านเลือกสถานที่ที่สงบ สะอาด อากาศถ่ายเทได้สะดวกไม่ร้อน ไม่หนาวไป
เสื้อผ้าควรใส่เสื้อผ้า ที่เหมาะแก่การฝึกและควรถอดเครื่องประดับต่างๆ ออกเสียก่อน
อาหารสำหรับผู้ฝึก
ควรรับประทานอาหารประเภท ผัก ผลไม้ และดื่มน้ำเปล่าให้พอเพียงต่อความต้องการของร่างกาย
ควรรับประทานอาหารประเภท เนื้อสัตว์ ให้น้อยลง ได้เป็นไปได้ท่านควรงดประทานเนื้อสัตว์
แต่ถ้าท่านยังงดรับประทานไม่ได้ ก็ขอให้ประทานน้อยลงมาสักหน่อย เพื่อสุขภาพของท่าน
เวลาในการฝึกฝน
สำหรับเวลาในการฝึกนั้น เวลาที่เหมาะเป็นตอนเช้า ให้มีแสงแดดอ่อนๆ ถ้าเป็นตอนเย็น
ควรเป็นเวลาที่ว่างต่อภารกิจต่างๆ และมีแสงแดดอ่อนเช่นกัน



โดย: สุเทพ อยู่เย็น suthep9@hotmail.com IP: 125.24.66.18 วันที่: 17 ธันวาคม 2550 เวลา:0:11:26 น.  

 
การสร้างความพึงพอใจในการฝึก (โยคะเทพ)
ให้ท่านเห็นความสำคัญของร่างกายนี้ ถ้าไม่มีร่างกายจิตนี้ก็อยู่ไม่ได้ เราจึงจำเป็นต้องบริหารร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ เพื่อเป็นปัจจัยในการในการดำรงชีวิต และป้องกันความเจ็บไข่ได้ป่วย แม้เราจะอายุมากขึ้นก็ตาม แต่จะมีอายุมากอย่างมีประสิทธิภาพ เราไม่หวังผลเลิศเลอใดๆ
ในการฝึกขอให้เรามีความสุขในการฝึก เป็นความสุขเล็กๆ อย่างหนึ่ง โดยอาศัยความสม่ำเสมอเป็นหลัก ขอให้เราท่านทั้งหลายจงมีความสุขในการฝึกเถิด


โดย: สุเทพ อยู่เย็น suthep9@hotmail.com IP: 125.24.66.18 วันที่: 17 ธันวาคม 2550 เวลา:0:13:14 น.  

 
หนังสือโยคะเทพ (ไทยอังกฤษ) การเรียบเรียงโดย นายสุเทพ อยู่เย็น ( สงวนลิขสิทธิ์ )
1464 สำนักงานสุสานหลวงวัดเทพศิรินทราวาส
แขวงเทพศิรินทร์ เขต ป้อมปราบศตรูพ่าย กรุงเทพมหานครฯ 10100
โทร 02 - 2218877 ( ประเทศไทย ) E–Mail suthep9@hotmail.com



โดย: สุเทพ อยู่เย็น suthep9@hotmail.com IP: 125.24.66.18 วันที่: 17 ธันวาคม 2550 เวลา:0:14:56 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

huaboonsan
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]





.....มีความฝันเป็นเรือ
ล่องลอยไปในทะเล
แห่งกาลเวลา............

Friends' blogs
[Add huaboonsan's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.