หนึ่งสัปดาห์ของการรัฐประหาร
นับแต่เกิดเหตุการณ์รัฐประหารโดย บิ๊กตู่ วันนี้ครบหนึ่งสัปดาห์พอดี หลังการปฏวัติรัฐประหารรัฐบาลพลเอกชาติชาย เป็นต้นมา ผมไม่ชอบเรื่องการรัฐประหารเลย แม้ไม่ออกไปต่อต้าน ก็ต่อต้านในใจ แม้ในครังนี้ (๒๒ พ.ค. ๒๕๕๗) นี้ก็ตาม แต่เพียงแค่เห็นว่า นักการเมือง ทำเกินไปจริงๆ ไม่ยอมซึ่งกันและกัน และปลุกกระแสมวลชนของตัวเองขึ้นมาเป็นฐานให้ตัวเองดูชอบธรรม และนำมวลชนของแต่ละฝ่ายก่อความยุ่งยากให้กับประเทศและประชาชนส่วนใหญ่ จนนำไปสู่การรัฐประหาร แต่ครั้งนี้ และสิ่งที่คณะ คสช. ที่นำโดยบิ๊กตู่ ก็ยังมองว่า มีเจตนาดี เป็นการรัฐประหารที่จำเป็น หากไม่เช่นนั้น ประเทศไทยเละแน่ และไม่รู้ว่าจะจบตรงจุดไหน ที่ผ่านมา ผมกลัวและเกลียดการรัฐประหารที่สุด แต่ที่ผ่านมา ผมกลัวการปลุกมวลชนมาสู่กันมากกว่า เพราะถ้ามวลชนประทะกันหรือยังยืดเยื้อต่อไปอีกยาวนาน ประเทศไทยจะเป็นอย่างไร ผมยังนึกภาพไม่ออก ผมยังต่อต้านการรัฐประหารอยู่ แต่ว่า เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในนามหัวหน้าคณะ คสช. ครั้งนี้ ผมก็ชื่นชมในใจที่ยังยึดหลักความสงบสุขของประเทศเป็นที่ตั้ง ไม่ได้ไปรุกไล่ฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่ง (เหมือน รัฐประหาร ๒๕๔๙) ใครมีคดีก็ส่งไปตามกระบวนการ การรัฐประหารในครั้งนี้ ผมจึงมองว่า อาจจะถูกที่ถูกเวลา และเจตนาหากเป็นเช่นนี้จริง ย่อมจะนำความสงบมาสู่ประเทศโดยเร็ว และในโอกาสนี้ หากจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขอะไร ปฏิรูปอะไร ก็ทำให้เสร็จไปเสีย จะได้ไม่ต้องมาเสียใจ หรือคิดในภายหลัง ว่าไม่ได้ทำอย่างนั้นอย่างนี้ เพราะการรัฐประหาร คำสั่งของหัวหน้ารัฐประหารก็คือกฎหมายและเป็นสิ่งที่สามารถทำได้ทุกอย่างที่เป็นประโยชน์กับประเทศแล้ว อย่าให้สูญเปล่าอีกเลย ใครว่าจะปฏิรูปอะไรก็ให้เร่งทำเสีย (แต่ผมว่า การปฏิรูปทุกอย่าง หากไม่ปฏิรูปจิตใจของคนมันก็ยาก ต่อให้มีกฎหมายเป็นแสนล้านมาตรา ก็ตาม เพราะคนไทยเป็นพุทธก็จริง แต่เป็นพุทธที่แท้จริงน้อยมาก ส่วนใหญ่ก็เอาความรู้สึกเป็นความจริง เป็นที่ตั้ง จึงเกิดความวุ่นวายดั่งที่รู้กันอยู่)
ผมว่าการรัฐประหารครั้งนี้ ผ่านมาหนึ่งสัปดาห์ ต่างจากการรัฐประหารปี ๒๕๔๙ เพราะครั้งนั้น รัฐประหารดูเหมือนจะเพื่อโค่นล้มฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง มันจึงนำมาซึ่งการต่อต้านและความขัดแย้งที่ยาวนาน และก็สะท้อนภาพคนไทยเราเองว่า เรากำลังตกอยู่ท่ามกลางหรือถูกปกคลุมด้วยความโง่เขลา จนกระทั่งเราต้องทนทุกข์มายาวนาน (เพราะเอาแต่ความรักความเกลียดอย่างไม่ลืมหูลืมตาเป็นที่ตั้ง)
การรัฐประหารครั้งนี้ แม้ผมไม่เห็นด้วยเรื่องการรัฐประหาร แต่ จากสิ่งที่คณะ คสช. ทำ ที่นำโดย บิ๊กตู่ ผมก็ขอชื่นชมอยู่ในใจ และขอเป็นกำลังใจให้ทำให้ประเทศกลับสู่ปกติสุขเหมือนที่เคยเกิดขึ้นกับประเทศไทย เคยเกิดขึ้นในจิตใจที่คนไทยยึดถือมายาวนาน นั่นคือ รู้รักสามัคคี คนไทยทุกภาคทุกคนเป็นพี่น้องกัน เห็นต่างอย่างสร้างสรรค์ และจะไม่ตกเป็นเครื่องมือของใครที่ไม่หวังดีต่อประเทศชาติอีกแล้ว บิ๊กตู่ จึงเหมือนตาชั่ง ที่จะต้องเป็นตาชั่งที่แท้จริง เพราะว่า เบื้องล่างของตาชั่งคือเปลวไฟ พร้อมที่จะลุกไหม้ หากตาชั่งเอียง หากตาชั่งเอียง เช่นที่เกิดขึ้นกับการรัฐประหารปี ๒๕๔๙ วันนั้น ผมคาดว่า แผ่นดินจะลุกเป็นไฟอย่างแน่นอน แต่ ณ เวลานี้ ผมยังเชื่อมั่นในบิ๊กตู่ ว่าจะเป็นตาชั่งที่เที่ยงตรง เพราะหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา ผลงานนั้นบ่งบอก สิ่งที่ผมคาดหวังก็คือ อยากให้ประเทศไทย จะกลับมาสงบสุขได้อีกครั้ง และโดยเร็ว ไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหาร แต่ก็ขอให้การรัฐประหารครั้งนี้ นำพาประเทศไปสู่สันติสุขโดยเร็ว
สุดท้าย ผมชอบเพลงนี้มาก
https://www.youtube.com/watch?v=3SAihx2bYqg
Create Date : 30 พฤษภาคม 2557 |
Last Update : 30 พฤษภาคม 2557 2:20:35 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1051 Pageviews. |
|
|