ฤดูหนาว เรื่องราว ภาพอตีด และ ห้วยตึงเฒ่า
สายลมหนาวพัดมาแล้ว ผมคิดว่าปีนี้กรุงเทพมหานครจะต้องหนาว เพราะฝนตกซุกตลอดฤดูฝนที่ผ่านมา เป็นการคาดเดาจากประสบการณ์ส่วนตัว แต่ก็เป็นการคาดเดาที่ถูกต้อง ในส่วนลึกของหัวใจ ผมก็ต้องการให้อากาศหนาวอย่างนี้เอง
สายลมหนาวที่กำพัดมาเบาๆ ในขณะนี้ มันเป็นบรรยากาศที่ชวนฝัน ผมชอบฤดูหนาว แม้ว่ามันจะเจือปนด้วยความเศร้าอย่างประหลาดในความรู้สึกของผม และก็ทำให้ผมนึกถึงสถานที่แห่งหนึ่งพร้อมกับภาพของอดีต ห้วยตึงเฒ่า คือสถานที่นั้นและภาพอดีตเหล่านั้น
ห้วยตึงเฒ่า ฟังดูช่างแก่ชรายิ่งกับคำว่า เฒ่า แต่คำว่า ตึง ในภาษาเหนือนั้นผมไม่ทราบว่าหมายถึงอะไร
หรือบางทีมันเป็นเหมือนนัยยะหนึ่งที่ส่งสัญญาณแห่งความก่ชราในหัวใจของผมเอง...เก็บฝันนั้นจนแก่ชรา
นานแล้ว ใครคนหนึ่งเคยพูดถึงความหมายของมัน แต่จำไม่ได้ หรือว่าใครคนนั้นอาจจะไม่เคยพูดถึงความหมายนี้ก็ไม่แน่ใจนัก
ส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมนึกถึงสถานที่นี้ก็เพราะน้องผู้ชายคนหนึ่งซึ่งเป็นคนเชียงใหม่พูดถึงห้วยตึงเฒ่า เพราะเมื่อไม่นานมานี้เขากลับบ้านและบอกว่าได้แวะไปนั่งดื่มกินที่นั่น ท่ามกลางบรรยากาศที่หนาวเย็น แต่ผมก็ไม่ได้ถามความหมายของคำว่า ห้วยตึงเฒ่า กับน้องผู้ชายคนนี้
ทว่าก็ฉุดใจให้หวนคำนึงถึงห้วยตึงเฒ่าซึ่งเคยไปสัมผัสหลายครั้งเมื่อวันเวลาที่ผ่านเลย
ในวันเวลาที่ผ่านเลย มักจะทำให้คนเราหวนคิดคำนึงถึง เมื่อมีบางสิ่งบางอย่างมาสะกิดใจ
คืนนี้เป็นอีกคืนหนึ่งที่หนาวเย็นของกรุงเทพมหานคร มหานครที่แออัด ไม่บ่อยนักที่ความหนาวจะมาเยือนและเยือนอย่างยาวนานเช่นนี้ ความหนาวมักคู่กับความคิดคำนึงเสมอ
ผมก็กำลังคิดคำนึงถึงวันเวลาที่ผ่านเลย ความสุข ความอบอุ่น ความอาลัย ความเจ็บร้าว และห้วยตึงเฒ่าในวันเวลาที่ผ่านมาเหล่านั้น
วันเวลาเหล่านั้น ได้เดินอยู่กับใครคนหนึ่ง ได้มองผิวน้ำที่เป็นระลอกทะยอยเข้าสู่ฝั่ง ขณะนั่งอยู่ด้วยกันบนแพริมน้ำหลังเล็กๆ ของร้านอาหารริมน้ำเหมือนกับเป็นโลกส่วนตัว จนกระทั่งอาทิตย์ยามอัสดงสะท้อนแสงกับผิวน้ำเป็นประกาย ดวงตาของใครคนนั้นยิ่งงามซึ้ง แต่ดูใสซื่อบริสุทธิ์ และเอียงอายในบางครั้งเมือจ้องมอง
ชีวิตคนเราก็แปลก บางครั้งสิ่งที่เคยสุข อบอุ่น เมื่อผ่านไป มันก็เหลือเพียงความเศร้าและร้าวลึกอยู่ภายใน ไม่เฉพาะแต่เรื่องราวของความรัก แม้เรื่องราวทุกเรื่องราวในชีวิตคนเราก็เป็นเช่นนี้
วันเวลาเหล่านี้ เมื่อนานหลายปี ย่อมมีเวลาให้หวนกลับ เช่นเดียวกับวันเวลาที่ห้วยตึงเฒ่าของผมที่มีใครคนหนึ่งเป็นเพื่อนเคียงข้าง เป็นความสุข เป็นความอบอุ่น ให้รู้สึก ณ เวลานั้นว่า ดินแดนแห่งนี้ช่างงดงามทั้งธรรมชาติและจิตใจอันงดงามของใครคนนั้น
แต่วันเวลาเหล่านั้นอยู่ในช่วงเวลาที่แสนสั้น
แสนสั้นจนใจหาย
บางครั้ง รู้สึกเหมือนเพิ่งตื่นจากความฝัน ให้รู้สึกว่ามันผ่านไปแล้วหรือไรเหมือนกำแพงชีวิตปิดกั้นอดีตกับความจริงออกจากกันอย่างสิ้นเชิง ความประทับใจเหล่านั้น แท้จริงแล้วก็เป็นเพียงภาพที่ผุดขึ้นมาในห้วงนึก เมื่อความเหงาและหนาวเย็นมาเยือน แม้จะงดงามสักเพียงไหน มันก็ถูกทิ้งไว้ให้เป็นซากของอดีตไปแล้ว เหมือนกับมหานครอันรุ่งเรืองในอดีตที่ล่มสลาย ทว่าหากอยู่ในช่วงนั้นย่อมไม่อาจจะรู้ว่ามันจะมีวันเวลาล่มสลายลงอย่างง่ายดาย
ทุกสิ่งทุกอย่าง หลากหลายเรื่องราวในชีวิตคนเรา จะเหลือทิ้งไว้ก็เพียงภาพของอดีตเท่านั้น ผมก็ย่อมไม่อาจย้อนเวลากลับไปที่นั่นได้อีกแล้ว ไม่มีอะไรจะคงเดิม สรรพสิ่งล้วนแปรเปลี่ยนไปตามวันเวลา รวมทั้งสถานะภาพและจิตใจของใครคนหนึ่ง
ถ้าหากเรื่องราวในอดีตเป็นอาณาจักรอาณาจักรหนึ่ง ผมก็คงไม่อาจเข้าไปสู่อาณาจักรนั้นได้อีก เพราะเป็นอาณาจักรที่สาปสูญไปแล้ว
ฤดูหนาวปีนี้ ผมได้สัมผัสกับสายลมหนาวที่เฝ้าฝันมานาน แม้ว่าอยู่ในมหานครที่ไม่ค่อยจะได้พบกับความหนาวนัก แต่ก็มีความอ้างว้างที่แสนยาวนานเป็นเพื่อน
ฤดูหนาวเช่นนี้ อยากจะพาหัวใจออกไปท่องเที่ยวให้ไกลแสนไกล แต่ใจช่างอ่อนล้ายิ่ง เหมือนไม่อาจจะออกห่างจากความเหงาที่ยาวนานตลอดกาล
หวังเพียงว่า ให้สายลมหนาวนี้ยังคงพัดอยู่เช่นนี้อีกยาวนาน เผื่อว่าอาจจะได้สัมผัสกับสายลมแห่งอดีตที่พัดผ่านมาบ้าง.
ขอบคุณฤดูหนาวนี้
เกรียงไกร หัวบุญศาล ๑๗ มกราคม ๒๔๔๒
Create Date : 19 มกราคม 2552 |
|
8 comments |
Last Update : 19 มกราคม 2552 22:37:56 น. |
Counter : 784 Pageviews. |
|
|
|