Group Blog
ธันวาคม 2553

 
 
 
1
2
3
4
6
7
8
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
26
27
28
29
30
31
 
 
งานเฉลิมฉลองวันคริสตสมภพ (วันคริสตมาส)


ขอขอบคุณภาพจากคริสตจักรสืบสัมพันธ์วงศ์ ถนนประมวล บางรัก


Christmas มาจากคำภาษาอังกฤษโบราณว่า Christes Maesse วันคริสตมาสที่มีการเฉลิมฉลองกันทั่วโลกนั้น มาจากการจัดเพื่อระลึกถึงวันประสูติของพระเยซูคริสต์ที่ ชาวคริสตชนทั่วโลกนับถือกันนั่นเองค่ะ ประเพณี นี้ ได้เริ่มมาจากรุงโรมในศตวรรษ ที่ 4 และ ค่อยๆ เผยแพร่ไปทุกทวีป เพราะคริสเตียนเชื่อว่าพระเยซูทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้าผู้ทรงสร้างโลกนี้ และมนุษย์ทุกคนก็มีบาปติดตัวมารวมทั้งการทำบาปรายวันของพวกเรามนุษย์ทั่วไป พระเจ้าจึงทรงให้พระเยซูคริสต์ลงมาประสูติบนโลกนี้เพื่อจะช่วยชำระบาปของมนุษย์ นั่นเอง ในวันนั้น ครอบครัวก็จะมารวมตัวกันทานอาหารร่วมกัน แลกของขวัญกัน และก็จะมีการต้อนรับแขกผู้มาเยือนที่จะมาร้องเพลงตามบ้าน(carolling)บางพื้นที่ก็อาจมีการร้องเพลงนี้ก่อนคืนคริสตมาส บรรดาญาติพี่น้องลูกหลานที่จากไปทำงานไกลๆก็ได้มาเจอกัน เหมือนวันรวมญาติของไทยน่ะค่ะ ในประเทศไทยก็มักจะมีการร้องเพลงอวยพรตามบ้านก่อนคืนคริสตมาส ในสมัยที่ยังเป็นเด็กกว่านี้ก็ได้ไปร่วมสนุกมากค่ะ ทุกคนจะมารวมตัวกันค่อนข้างดึกแล้วแยกย้ายไปตามบ้านของคนรู้จัก ไปยืนร้องเพลงร้องจนกว่าเจ้าของบ้านจะเปิดประตูให้ แล้วเชื้อเชิญเข้าในบ้าน รับประทานขนมเล็กๆน้อย ทักทายและก็อธิษฐานขอพรจากพระเจ้า ตามธรรมเนียมคริสเตียน แล้วก็ลากลับเพื่อไปบ้านอื่นต่อ บางครั้งจะมีลูกเล่นสนุกๆจากเจ้าของบ้านเช่น แกล้งไม่ได้ยินปิดไฟเงียบจนนึกว่าถ้าจะหลับหมดแล้วพอจะเดินกลับก็ปรากฏไฟเปิดสว่างเลย หรือเคยมีอยู่ครั้งนึงไปที่อ.ฝาง สมัยนั้นมีมิชชันนารีอยู่ที่นั่นแยะ ยืนร้องเพลงไปก็หนาวสั่นไปแต่สนุกค่ะ อีกครั้งได้มีโอกาสไปฉลองที่สิงค์โปร์ก็ร่วมสามสิบปีที่แล้วสมัยยังเริ่มรุ่นๆเลยล่ะค่ะ บ้านเรายังไม่ค่อยจะมีคอนโดกันเท่าไหร่นักตอนนั้น ที่โน่นอยู่ตึกสูงๆ พวกทูตสวรรค์นำเสียงเพลงแห่งความสุขแบบเราๆไปกันแยะเข้าลิฟต์ไม่พอรอหลายรอบเพื่อนชาวสิงค์โปร์ชวนเดินขึ้นบันได ไอ้เรารึ ก็นึกว่าไม่กี่ชั้น ที่ไหนได้เกือบสิบชั้นแทบแย่ค่ะ แต่พวกนี้เค้าชินกันก็ไม่ค่อยเหนื่อย เราคนไทยอยู่บ้านหลังขึ้นบันไดอย่างมากก็สองชั้นแค่นั้น แต่ก็ไม่เคยลืมเรื่องนี้เลยสนุกมาก


ต้นคริสต์มาส ในสมัยโบราณหมายถึงต้นไม้ในสวนสวรรค์ ซึ่งอาดัมและเอวาไปหยิบผลไม้มากินและทำบาปไม่เชื่อฟังพระเจ้า ตั้งแต่ ศตวรรษที่11 ชาวคริสต์แสดงละครที่หน้าวัด ถึงความหมายของคริสต์มาสและเอาตันไม้ต้นหนึ่งไว้ตรงกลางเพื่อประดับฉาก แสดงถึง บาปกำเนิดของอาดัมและเอวาต้นไม้ที่ใช้เป็นต้นสน เนื่องจากเป็นต้นไม้ที่หาง่ายที่สุดในประเทศเหล่านั้น การแสดงละครคริสต์มาสแบบนี้ มีมาเป็นเวลาช้านานหลายร้อยปีจนถึงศตวรรษที่15 พระสังฆราชหลายแห่งได้ห้ามแสดง เนื่องจากการแสดงนั้นกลายเป็นการเล่น เหมือน ลิเกล้อชาวบ้าน ผู้ปกครองบ้านเมือง และศาสนาซึ่งไม่ตรงกับบรรยากาศของการฉลอง ชาวบ้านรู้สึกเสียดายที่ไม่มีโอกาสดูละครสนุกๆแบบนั้นอีก จึงไปสนุกกันที่บ้านของ ตน โดยเอาต้นไม้มาไว้ที่บ้าน เพราะต้นไม้เป็นจุดเด่นในลานวัด ที่เขาเคยร่วมสนุกกัน จากนั้นก็เริ่มมีการแขวนลูกแอปเปิ้ลและแขวนแผ่นขนมปังเพื่อระลึกถึงศีลมหาสนิท ซึ่งก็มีวิวัฒนาการ เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ จนในที่สุด ก็กลายเป็นขนมและของขวัญ อย่างที่เห็นอยู่ทุกวันนี้
แม้ว่าประเพณีการตั้งต้นคริสต์มาสมีความเป็นมาดังกล่าว ชาวคริสต์ในสมัยนี้ก็ยัง นิยมทำกันอยู่ เพราะเห็นว่ามีความหมายถึงพระเยซู ผู้เปรียบเสมือนต้นไม้แห่งชีวิต ที่เขียวสดเสมอในทุกฤดูกาล ซึ่งหมายถึงนิรันดรภาพของพระเยซู และนอกจากนั้น ยังหมายถึงความสว่าง ของพระองค์เสมือนแสงเทียนที่ส่องในความมืด ทั้งยัง หมายถึงความชื่นชมยินดีและความสามัคคีที่พระเยซูประทานให้ เพราะต้นไม้นั้น เป็นจุดรวมของครอบครัวในเทศกาลนั้น


ซานตาครอส เป็นจุดเด่นหรือสัญลักษณ์ที่เด็กและผู้คนนิยมกันมากที่สุดในเทศกาลคริสต์มาส แต่ที่จริง ซานตาครอสแทบจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเทศกาลนี้เลย ชื่อซานตาครอส มาจากนักบุญ นิโคลาส เป็นนักบุญ ชาวฮอลแลนด์นับถือเป็นนักบุญองค์อุปถัมภ์ของเด็กๆ นักบุญองค์นี้เป็นสังฆราช ของ ไมรา มีชีวิตอยู่ในศตวรรษที่4 เมื่อชาวฮอลแลนด์กลุ่มหนึ่งอพยพไปอยู่ในสหรัฐฯ ก็ยังรักษา ประเพณีนี้ไว้ คือฉลองนักบุญ นิโคลาส ในวันที่ 5 ธันวาคม ซึ่งหมายถึงนักบุญนี้จะ มาเยี่ยม เด็กๆ และเอาของขวัญมาให้เด็กอื่นๆ ที่ไม่ใช่ ลูกหลานของชาวฮอลแลนด์ที่อพยพมา ก็รู้สึกอยากมีส่วนร่วม ในประเพณีแบบนี้บ้างเพื่อรับของขวัญ ประเพณี นี้จึงเริ่มเป็นที่รู้จักและ แพร่หลายไปในอเมริกา โดย มีการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง คือ ชื่อนักบุญนิโคลาสก็เปลี่ยน เป็นซานตาคลอส และแทนที่จะเป็น สังฆราชซึ่งเป็นนักบุญองค์นั้นก็กลายเป็น ชายแก่ที่อ้วนใส่ชุดสีแดงอาศัย อยู่ที่ขั้วโลกเหนือ มีเลื่อน เป็นยานพาหนะมีกวางเรนเดียร์ลาก และจะมาเยี่ยมเด็กทุกคนในโลกนี้ในโอกาสคริสต์มาส โดยลงมา ทางปล่องไฟของบ้าน เพื่อเอาของขวัญมาให้ เด็กเหล่านั้นตามความประพฤติ ของเขา
ลักษณะภายนอกของซานตาคลอสที่ถูกสมมติขึ้นนี้ เหมือนกับจะลอกเลียนแบบมาจาก Thor ซึ่งเป็น เทพเจ้า ในนิยายโบราณของเยอรมัน และ ลอกเลียนแบบนักบุญนิโคลาส ที่นำของขวัญมาแจกเด็กๆ อันที่จริง ซานตาคลอส เป็นรูปแบบที่น่ารัก เหมาะสำหรับเป็นนิยายให้เด็กๆ เชื่อ แต่ อาจจะทำให้คน ทั่วไปหันมาสนใจ ให้ความสำคัญในตัวนิยายนี้ แทนการบังเกิดของพระ เยซู ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลาง ของเทศกาลคริสต์มาสนี้


การร้องเพลงคริสต์มาส เพลงคริสต์มาสที่เรานิยมร้องมากที่สุดในปัจจุบันได้แต่งขึ้นในศตวรรษที่ 19 จากประเทศอังกฤษเป็น ส่วนใหญ่ เพลงที่มีเสียงมากได้แก่ Silent Night, Holy Night เป็นภาษาไทยว่า "ราตรีสวัสดิ์ ราตรีสงัด" ความเป็นมาของเพลงนี้คือ วันก่อนวัน คริสต์มาส ของปี ค.ศ. 1818 คุณพ่อ Joseph Mohr เจ้าอากาสวัดที่ Oberndorf ประเทศออสเตรเลีย ได้ข่าวว่าออร์แกน ในวัดเสีย ทำให้วงขับไม่สามารถ ร้องเพลงตามที่ซ้อมไว้ได้ คุณพ่อเองตั้งใจจะแต่งเพลงคริสต์มาส หลังจากแต่งเสร็จก็เอาไปให้เพื่อน คนหนึ่งชื่อ Franz Gruber ที่อยู่หมู่บ้านใกล้ เคียงใส่ทำนองในคืนวันที่ 24 นั้นเอง สัตบุรุษ วัดใกล้ก็ได้ฟังเพลง Silent Night เป็นครั้ง แรก โดยการเล่นกีตาร์ประกอบการขับร้อง ซึ่งกลายเป็น เพลงที่นิยมมากที่สุดทั่วโลก

เทียนและพวงมาลัย ในสมัยก่อนมีกลุ่มคริสตชนกลุ่มหนึ่งในเยอรมัน ได้เอากิ่งไม้มาประกอบ เป็นวงกลมคล้ายพวงมาลัย แล้วเอาเทียน 4 เล่ม วางไว้บนพวงมาลัยนั้นในตอน กลางคืนของวันอาทิตย์ แรกของเทศกาลเตรียมรับเสด็จ ทุกคนในครอบครัวจะมารวมกัน ดับไฟ แล้วจุดเทียนเล่มหนึ่ง สวด ภาวนาและร้องเพลงคริสต์มาสร่วมกัน เขาจะทำดังนี้ทุกอาทิตย์จนครบ 4 อาทิตย์จนถึงวันคริสตมาส ประเพณีนี้เป็นที่นิยม และแพร่หลายในที่หลายแห่ง โดยเฉพาะที่สหรัฐอเมริกาซึ่งต่อมา มีการเพิ่ม โดยเอาพวงมาลัยพร้อมกับเทียนที่จุดไว้ตรง กลาง 1 เล่มไป แขวนไว้ที่หน้าต่างเพื่อช่วย ให้คนที่ผ่าน ไปมา ได้ระลึกถึงการเตรียมตัวรับวันคริสต์มาสที่ใกล้เข้ามา และพวงมาลัยนั้นยังเป็น สัญลักษณ์ที่คน สมัยโบราณใช้หมายถึงชัยชนะ แต่ในที่นี้หมายถึงการที่พระองค์มาบังเกิดในโลก และทำให้ทุกสิ่ง ทุกอย่างครบ บริบูรณ์ตามแผนการณ์ ของพระเป็นเจ้า


เพลงคริสต์มาส เริ่มมีขึ้นในศตวรรษที่ 5 ซึ่งผู้แต่งมีทั้งพระสงฆ์และฆราวาส เนื้อร้องเป็นภาษาละติน ลักษณะของเพลงเป็นแบบสง่า เน้นถึงความหมายของการเสด็จมา ของพระเยซูเจ้า แต่ในศตวรรษที่ 12 ได้มีการแต่งในท่วงทำนองที่ร่าเริงสนุกสนานมากขึ้น เริ่มจากประเทศอิตาลี โดยนักบุญฟรังซิส อัสซีซี และนักบวชคณะฟรังซิสกัน เป็นผู้สนับสนุน ให้มีเพลงคริสต์มาสแบบใหม่ ซึ่งชาวบ้านชอบ คือมีท่วงทำนองที่ร่าเริงกว่า และเน้นถึงความชื่นชมยินดี ในโอกาสคริสต์มาส เพลงเหล่านี้มีทั้งที่เป็นภาษาลาติน และภาษาพื้นเมือง เพลงหนึ่งที่แต่งในสมัยนั้น (แต่งคำร้องในปี ค.ศ.1274) และยังใช้อยู่จนถึงปัจจุบัน คือ เพลง Oh Come, All Ye Faithful หรือ Adeste Fideles ในภาษาลาติน เพลงคริสต์มาส ที่นิยมร้องมากที่สุดในปัจจุบันได้แต่งขึ้นในศตวรรษที่ 19 จากประเทศเยอรมัน และประเทศอังกฤษเป็นส่วนใหญ่ เพลงที่มีชื่อเสียงมากได้แก่ เพลง Silent Night, Holy Night ความเป็นมาของเพลงนี้คือ วันก่อนวันฉลองคริสต์มาส ของปี ค.ศ.1818 คุณพ่อโจเซฟ โมห์ (Joseph Mohr) เจ้าอาวาสวัดที่โอเบิร์นดอฟ (Oberndorf) ประเทศออสเตรีย ได้ข่าวว่าออร์แกนในวัดเสีย ทำให้วงขับร้อง ไม่สามารถร้องเพลงตามที่ซ้อมไว้ได้ จึงมีการแต่งเพลงคริสต์มาสใหม่ นำไปเพื่อนชื่อ ฟรานซ์ กรูเบอร์ (Franz Gruber) ใส่ทำนอง ในคืนวันที่ 24 นั้นเอง สัตบุรุษวัดนี้ ก็ได้ฟังเพลง Silent Night เป็นครั้งแรก โดยมีการเล่นกีตาร์ประกอบการขับร้อง ซึ่งกลายเป็นเพลงที่นิยมมากที่สุดทั่วโลก


คำอวยพรสำหรับเทศกาลคริสมาสใช้ คำอวยพรว่า Merry Christmas สุขสันต์วันคริสต์มาส คำว่า Merry ในภาษาอังกฤษโบราณ แปลว่า สันติสุขและความสงบทางใจ จึงเป็นคำที่ใช้อวยพรคนอื่น ขอให้เขาได้รับสันติสุข และความสงบทางใจ เนื่องในโอกาสเทศกาลคริสต์มาส ต่อมาคือ "เพลง" ที่ใช้เฉลิมฉลองทั้งจังหวะช้าและจังหวะสนุกสนาน ส่วนใหญ่แต่งในยุคพระราชินีวิกตอเรียแห่งอังกฤษ (ค.ศ.1840-1900) ปัจจุบันแพร่หลายไปทั่วโลกโดยแปลเป็นภาษาต่างๆ มากมาย


เป็นอย่างไรบ้างค่ะ พอจะได้ความรู้เพิ่มเติมมากขึ้นเกี่ยวกับวันคริสตมาสไหมค่ะ อย่าลืมน่ะค่ะ ซานตาคอสแท้จริงแล้วไม่ได้เกี่ยวกับเทศกาลคริสตมาสเลย (แต่ปัจจุบันเมื่อนึกถึงวันคริสตมาสก็จะคิดถึงซานตาคอส ทันที......... )ขอบคุณสำหรับข้อมูลบางส่วนจาก//www.mthai.com/scoop/christmas/






Create Date : 25 ธันวาคม 2553
Last Update : 25 ธันวาคม 2553 0:12:31 น.
Counter : 1858 Pageviews.

14 comments
  
โดย: มิสเตอร์ฮอง วันที่: 25 ธันวาคม 2553 เวลา:0:21:30 น.
  
คุณครูมดอัพบล๊อกได้น่าอ่านมากเลย ขอบคุณที่นำมาแบ่งปันค่ะ ขอพระเจ้าอวยพระพรนะคะ
โดย: มะฮอกกานีใบใหญ่ วันที่: 25 ธันวาคม 2553 เวลา:0:38:31 น.
  
โดย: BabyGreace วันที่: 25 ธันวาคม 2553 เวลา:0:55:28 น.
  
ขอขอบคุณทุกท่านที่ได้ส่งภาพ christmas มาให้ อยากทำที่กล่องcomment อยากลงเพลงให้ฟังเพราะคริสเตียนมีเพลงที่แสนจะไพเราะมากมายแต่ยังทำไม่เป็นขอเวลาอีกนิดน่ะค่ะ ช่วงนี้ต้องขออนุญาตตอบในนี้เพราะยุ่งมากๆเลยค่ะ สุขสันต์วันคริสตมาสน่ะค่ะ ขอพระเจ้าอวยพระพรค่ะ
โดย: jewelmoda วันที่: 25 ธันวาคม 2553 เวลา:1:01:19 น.
  
Merry X'mas
โดย: dear1124 วันที่: 25 ธันวาคม 2553 เวลา:2:01:17 น.
  

มีความสุขในวันหยุดนะคะ
โดย: ท้องฟ้าสีครามยามเย็น วันที่: 25 ธันวาคม 2553 เวลา:10:59:05 น.
  
สวัสดีจร้า ชื่อหนิง น่ะจ๊ะ
โดย: ning.ple วันที่: 25 ธันวาคม 2553 เวลา:14:47:18 น.
  
Happy & Happy นะคะครูมด จุ๊บๆๆ
Photo Frames. Time of Gifts
โดย: ตุ๊กตา (เกลือหนึ่งกำน้อย ) วันที่: 25 ธันวาคม 2553 เวลา:19:50:49 น.
  
Merry x' mas & Happy New Year 2011 .. จ้า
โดย: ziemlung วันที่: 25 ธันวาคม 2553 เวลา:21:15:38 น.
  
ขอให้มีความสุข สุขภาพแข็งแรงตลอดไปนะคะ ขอบคุณที่เยี่ยมและมีมงกุฏงามๆไปฝากค่ะ Merry x' mas & Happy New Year 2011 (ลอกข้างบนมาอิๆๆ)
โดย: sarah@kw วันที่: 25 ธันวาคม 2553 เวลา:21:46:14 น.
  
โดย: deeplove วันที่: 25 ธันวาคม 2553 เวลา:22:37:25 น.
  
Merry X'Mas ka

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...
โดย: pinkyrose วันที่: 25 ธันวาคม 2553 เวลา:22:50:47 น.
  
คริสตสมภพ ภาษาอังกฤษว่าอะไรอ่ะ
โดย: N@mf0n IP: 180.214.214.136 วันที่: 27 พฤศจิกายน 2554 เวลา:15:54:16 น.
  
คริสตสมภพ ภาษาอังกฤษว่าอะไรอ่ะ
โดย: N@mf0n IP: 180.214.214.136 วันที่: 27 พฤศจิกายน 2554 เวลา:15:55:00 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jewelmoda
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 108 คน [?]



ผู้หญิงคนหนึ่ง ที่อยากทำงานด้านเด็ก อยากเป็นครู แต่กลับต้องไปทำงานแบงค์ เมื่อขอเออรี่ออกมา ขอหาข้อมูลเกี่ยวกับเด็ก เพื่อการพัฒนาเด็กไทย

Myspace angels graphics
New Comments
Friends Blog
[Add jewelmoda's blog to your weblog]