บั้งไฟพณานาคที่ไปดูมา
ครั้งแรก ไปกะเพื่อนปีที่เขาฮิตสุดๆที่มีหนัง15ค่ำกำลังดัง เพือนขับรถมาจากหาดใหญ่เลยนะ และนัดกะพี่ที่โคราชด้วยเผื่อจะไปค้างบ้านเพื่อนแกที่โพนพิสัยแต่ในที่สุดก็ไปกะเพื่อนที่ลงทุนขับรถมาจากหาดใหญ่ แล้วนัดกะพี่ที่โคราชว่าไปเจอกันที่โพนพิสัยเลยแล้วค่อยโทรหากันที่นั่น พี่เค้าจะออกจากโคราชเที่ยง พวกเราฟีเวอร์จัดอยากเห็นมากเลยไม่รอไปพร้อมกันเที่ยงไปถึงอุดร เพื่อนเลยพาแวะไปอีกทางแยก ไม่วิ่งตรงไปหนองคายเลย เพื่อไปสกลนครไปหาเพื่อนเขาก่อน แต่มันเป็นทางอ้อมไปหนองคายได้ ไม่เจอเลยนั่งทานไก่ย่างสมตำแถวนั้น ติดใจอร่อยเลยสั่งใส่กล่อง เผื่อไปกินริมโขง เรา3ชีวิตจะไปทางไหนดี แผนที่ก็ไม่มีและไม่เคยมาเส้นนี้ด้วย เลยใช้ปากถามดะไปถามตำรวจที่ป้อม ตำรวจก็ใจดีแนะนำทางลัด ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าลัดจริงๆและประทับใจเส้นทางนี้มากเส้นทางที่เราใช้เดินทาง จากแถวสกลที่ตำรวจบอกนะ ไปบ้านแวงน้อย เลี้ยวซ้ายไปบ้านม่วง ผ่านบ้านดุง บ้านปากธาตุ และถึงอ.โพนพิสัยพอเราแวะถามเด็กผู้หญิงคนนึงแถวนั้นก็ขอติดรถไปด้วย และลงที่หมู่บ้านแถวนั้นแล้วน้องเขาก็บอกทางไปต่อตลอดเส้นทางที่เราไปแทบไม่มีรถและมีแต่บ้านชาวบ้าน ยังกะย้อนยุคไปสมัยก่อน ไม่ก็เป็นวิวทุ่งนา ฉางข้าว บรรยากาศดีมากเลย เปลี่ยวแต่ไม่น่ากลัว เพราะเป็นที่โล่งคงไม่มีใครดักปล้น และมีลางสังหรณ์คิดว่าคงได้เห็นแน่คืนนี้ เพราะบังเอิญเมฆเป็นรูปพญานาคแบบที่แผ่ล้อมพระพุทธเจ้า แต่เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปเก็บไว้ ระหว่างทางที่บ้านและเพื่อนๆก็โทรถามตลอดถึงไหนเป็นไง เพราะปีนั้นคนไปเยอะมาก มีการถ่ายทอดเส้นทางทางทีวี ว่ารถติดมากไม่เขยื้อนเลยตั้งแต่อุดร ตรงข้ามกะเส้นทางที่พวกเรามาไม่มีรถสักคัน555555 เพื่อนบางคนก็ห่วงมากขนาดแนะนำไปพักบ้านเพื่อนที่นั่น เขาก็อยากหาเพื่อนไปดูเหมือนกัน ทั้งที่ไปไม่เคยเจอไม่เคยรู้จักกันนะก็โทรถามติดต่อเพื่อจะนัดกันตลอดเป็นมิตรภาพรวมตัวเพราะอยากดูมาก พอเข้าเขตโพนพิสัยที่มีแต่ทุ่งนาประมาณเกือบ6โมงเย็น รถไม่รู้แห่มาจากไหนติดยังกะกรุงเทพ ฝนก็ตกบางคนทนฝนไม่ไหวก็กลับกัน เลยถามคนที่เดินทางกลับบางพวกว่าอีกไกลไหม เขาบอกอีก2กม.รถค่อยๆๆเขยิบทีละนิด เลยนั่งทานไก่กะข้าวเหนียวและขนมที่ตุนในรถฆ่าเวลา จนเข้าหมู่บ้านก็เห็นบั้งไฟพญานาคลอยขึ้น คนงี้เฮใหญ่เลย ได้ยินเสียงเฮดีใจไปทั่ว ยังกะดูกีฬาเลยวุ้ยเราก็ชักใจแป้วจะได้ถึงโขงรึเปล่าเนี้ยรถไม่ขยับเลย แถมสัญญาณโทรศัพท์ล่มทุกเครือข่าย เพราะคนใช้เยอะมาก เลยติดต่อใครไม่ได้แม้แต่พี่ที่โคราชที่นัดกันไว้เลยตัดสินใจจอดในหมู่บ้านแล้วเดินตากฝนไปกัน เบียดไปกะรถติดนะแหละ ประมาณเกือบ2กม.ได้มั้ง ทางก็แฉะไปด้วยน้ำฝน สงสารแต่คนแก่ที่แห่มาดู ก็มีเพราะชาวบ้านแถวนั้นก็มีน้ำใจเปิดบ้านให้ปูเสื่อนอนกันเลย แต่ยังล้น ต้องปูนอนแถวฟุตบาทกันแทบทุกพื้นที่เต็มไปด้วยคน วัดก็เนืองแน่น ของกินขายดีจนทำไม่ทัน พวกเรายังโชคดีที่กินบนรถมาก่อนไม่งั้นแย่เหมือนกัน ไม่รู้โชคดีหรือเปล่าที่ฝนตกคนกลับกันเยอะ ไม่งั้นคงหมดหวังได้ดูแน่ๆๆ ช่วงทุ่มเลยลุยๆๆปีนๆจนได้ไปนั่ง ริมฝั่งน้ำเลยละ ชนิดเท้าแช่น้ำได้เลยพอลูกไฟบั้งไฟพญานาคลอยขึ้น โห...ขนาดเขียนยังขนลุก ประทับใจมากกลางความมืดและสายฟ้าแลบ ลูกไฟสีแดงยังกะลูกแก้วขนาดผลแอปเปิ้ล และไม่มีควัน ลอยขึ้นช้าๆๆกว่าพุทั่วไป บางทีมีหยุดนิ่งและลอยขึ้นต่อ บางลูกดูระยะแทบจะห่างแค่10เมตร กลางสายน้ำและความมืด ดูยังใจไม่ใช่พุอย่างทีItvหรือพุทั่วไปแน่นอนอันนี้ขอยืนยันเพราะเห็นใกล้ๆๆมากะตาแล้ว ขอบอกเป็นอะไรที่ตื่นเต้นมากคุ้มกับการที่ดั้นด้นไปดู แค่บรรยากาศริมฝั่งโขงก็คุ้มแล้ว ให้ไปดูอีกก็จะไปพอ2ทุ่มกว่าก็หมดพวกเรารอจนเที่ยงคืนค่อยกลับ รอในรถทั้งตัวแฉะๆนะแหละ เพราะถึงกลับทันทีมีค่าเท่ากันเพราะรถติดมากแทบไม่เคลื่อน ไม่อยากบรรยายสภาพแต่ละคน ตอนไปซื้อของที่เซเว่นนะ สภาพคนสวยคนหล่อไฮโซขนาดไหน ยังกะไปลุยสนามรบบุกป่ามา คนนี้ลันเซเว่น ของกินขายดียังกะแจกฟรี น้ำร้อนต้มไม่ทันคิดดูแล้วกัน ตลกแต่เสี่ยๆๆบางคนถามเราพึ่งมาจากดูบั้งไฟเหรอครับ 5555555เพราะผมก็พึ่งมาเหมือนกัน อันที่จริงไม่ต้องบอกเราก็รู้ เพราะสภาพเยินไม่ต่างกัน เขระไปด้วยตมเปื้อนเสื้อผ้านะสิ ข้างทางคนเอาเต้นท์เอาเปลมานอนเป็นระยะยังกะแค้มปิ้ง กลับถึงบ้านตี5สลบ วันต่อมาพี่ที่โคราชกลับจากโพนพิสัยมาหา เพราะหากันไม่เจอทั้งที่อำเภอนิดเดียวแต่คนเยอะมากไง พวกพี่เค้าเห็นลูกเดียวตอนรถติด6โมงเพราะพี่เค้าไม่ลงลุยเดินแบบพวกเราเลยอดดู ที่น่าเจ็บใจพี่แกนะรถติดใกล้ๆๆเราแถวทางเข้าโพนพิสัยนะแหละ แต่โทรหากันไม่ได้และรถก็ติดเยอะมากเลยไม่เห็น แถมยิ่งน่าเสียดายอีกรอบ หน้าบ้านที่เราไปจอดรถกัน ก็คือบ้านเพื่อนพี่เขาถ้าเราเจอกันก็จะได้พักที่นั่นแหละ เสียดายคลาดแคล้วกันไม่งั้น คงไม่เดินขาลากกันหรอก เพราะพวกพี่เค้าเตรียมเด็กวินมอไซต์พาลัดเละไปที่โขงและจองที่นั่งวีไอพีให้แล้วนะจิ น่าเจ็บใจไหมละ แต่ก็ไม่ผิดหวังหรอกที่ไปครั้งนั้น เพราะคนรู้จักที่ไปหลายคนไปแล้วอดดู เพราะรถติดคาอยู่ที่แถวอุดร หนองคายก็มี จะถอยกลับก็ไม่ได้ไปหน้าได้อย่างเดียว5555555 โชคดีม๊ากแต่เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปแค่นั้นเอง ไปครั้งที่2รู้ป่าวหนองคายเป็นเมืองที่น่าอยู่ติดอันดับ7ของโลกนะคะ แต่เราไม่เข้าตัวจังหวัด เลี้ยวซ้ายไปอ.โพนพิสัย มีกล้วยหอมขายเหลืองยาวเป็นกม.เต็ม2ข้างทาง ตลอดข้างทางด้านขวาของหมู่บ้านเขตโพนพิสัย จะใกล้แม่น้ำโขง แต่ละซอยจะมีป้ายบอกเป็นจุดชมบั้งไฟพญานาค แล้วแต่ใครอยากไปชมจุดไหน ชาวบ้านเขาใจดีให้ใช้บริเวณดูได้ และเขาเข้าใจทำต้อนรับนักท่องเที่ยว คือพวกต้นข่อยคงเกิดเองตามธรรมชาติ ก็ดัดตกแต่งเป็นรูปต่างๆๆส่วนใหญ่เป็นสัตว์ พญานาคก็มี เป็นรูปคนก็มีแต่จะเป็นแบบวิถีชีวิต เช่นคนต่อยมวย หมอลำ คนไถนา แล้วแต่ต้นนั้นจะดัดแปลงเป็นอะไรได้ เสียดายถ่ายไม่ได้สักต้นเพราะรถวิ่งเร็วนะ พอถึงบริเวณสี่แยกก็เลี้ยวขวาเข้าตัวอำเภอ วนไปทางโน้นนี้จนทะลุแถวบริเวณวัดไทย แอบเอารถไปจอดไว้สถานีตำรวจ ซอยที่เดินผ่านมาจนถึงแม่น้ำโขง ที่นี่มีบริการห้องน้ำห้องอาบน้ำก็มีนะค่าบริการ 3-5บาท และมีร้านอาหารหมูกะทะ ร้านอาหารใกล้ๆๆ บ้านชาวบ้านในซอยรู้สึกเขาจะทำเป็นโฮมสเตย์แทบทั้งหมด ราคาเท่าที่รู้100บาทต่อคนไม่แน่ใจรวมอาหารด้วยเปล่า จัดสถานที่ตอนบ่าย3กว่า แดดร้อนแต่พอทน ที่ที่พากันเลือกวีไอพีมีเก้าอี้ด้วยนั่งดูสบายเลย มีคนเอาพลาสติกแบบซองแซมพูเป็นผืนขนาดเสื่อปูนอนมาขายด้วยแผ่นละ10บาทเลยซื้อปูรอง2แผ่น ไม่รู้พากันคิดไงขึงเชือกกันอยู่ก๊กเดียว555555 ยังกะด้ายสายสิญน์ใครห้ามเข้า แต่ก็เอาไม่อยู่ดึกๆๆคนก็ขอเดินข้ามผ่านเพียบเซ็งเลย ใช้แรงงานหลานให้2พี่น้องจัดที่ก่อนอยากถ่ายกะป้ายวิวหากินนี้จัง แต่ประชาชีชาวบ้านนั่งเต็มไปหมด อดแอ็คเลยเรา งั้นเอาทั้งป้ายทั้งตัวประกอบเลยแล้วกัน555555 แถวบริเวณวัดไทยเขาจะมีการจัดงานฉลองด้วยนะ เลยเดินเที่ยวบริเวณงานฆ่าเวลา เดินดูไม่ไหวยาวมากชาวบ้านขายของเพียบ แต่ไม่แพงหรอก 10-30บาทประมาณนี้แหละ เลยเดินกลับที่นั่ง ถ้าจะเดินเที่ยวต่ออีกด้านโน้นไปสุดสายตาโน่นแหละ แถววัดจุมพลบรรยากาศงานวัดก็ไม่ต่างกันหรอก บางกลุ่มเอาเต้นท์มานอนคงมานอน2วันแล้วมั้งเพราะเมื่อวันที่28ไม่ขึ้นสักลูก อยากเอามานอนเหมือนกันกลางคืนบรรยากาศดีมากเลย เย็นสบาย เริ่มถ่ายความงามคลาสสิคของแสงอาทิตย์ลับขอบฟ้า ประมาณช่วงเวลา5โมงเย็น ฝั่งตรงข้ามเป็นประเทศลาวจนเกือบ6โมงเย็น พระอาทิตย์เริ่มคล้อยตก ขอบอกว่าสวยมากถึงไม่ได้เห็นบั้งไฟพญานาค ได้มาชมพระอาทิตย์ตกที่นี่ก็คุ้ม ยิ่งมืดคนยิ่งเยอะมาเพิ่มเป็นเท่าตัวเลย กลับประมาณ2ทุ่มครึ่ง คนยิ่งมาเพิ่มแน่นเลย ที่จุดนี้เขาจะมีการลอยกระทงไฟก่อน แล้วปล่อยเรือไฟทีแรกคิดว่าคนพายเรือจุดไฟ ที่แท้มองดูใกล้ๆๆไม่ใช่เป็นเรือไม้จุดคบไฟนะ นั่งคอยจนไม่รู้จะดูอะไรแล้ว ครั้นจะไม่ดูก็กลัวเผลอแล้วลูกไฟจะขึ้นจะอดดู ปีนี้ขึ้นช้ามากครั้งแรกมาดู6โมงกว่าๆๆก็ขึ้นบ้างแล้ว กว่าจะเห็นเกือบ2ทุ่มแนะ จนแอบอธิฐานว่ามาดูครั้งนี้ขอให้ลูกถ่ายรูปติดสักรูปก็ยังดี ไม่อยากจะเชื่อเลยสักพักพวกเด็กข้างๆร้องเฮกันและคนส่วนใหญ่ก็เฮ เพราะขึ้น3ลูกไล่ๆๆกันเลย ขนลุกเลยเพราะฟลุ๊กโชคดีถ่ายติด เพราะถ่ายโน่นถ่ายนี้พอดี พอเห็นลูกแรกกดแทบไม่ถูก ลูก2น่าจะไม่ทัน มาได้ฟลุ๊กลูกที่3นี่แหละเล็งแบบเดาๆๆเอาเพราะฟ้ากว้างมองลูกไฟที่จอไม่เห็นแน่นอน และถ้ามัวเล็งอยู่ต้องไม่ทัน ขึ้นอยู่กะโชคละงานนี้ ที่ดูใกล้ๆๆไม่เห็นก็หลายคน คงเพราะมัวแต่คุยกัน ไม่ก็มัวเมาดื่มกะกิน มาขอดูกล้องเราใหญ่เลยว่าถ่ายติดไหม ลูกไฟเป็นไง คงเพราะดูไม่ทันเลยไม่เห็น แถมรูปบั้งไฟพญานาค อยากรู้เลยขยายมากๆๆมาให้ดูว่าเป็นสีอะไร ว่าเป็นก๊าซไหมนะ หลังจากนั้นก็นั่งคอยต่อจน2ทุ่มครึ่ง ยังไม่มีวี่แววจะมีอีก เห็นเขาลอยแพไฟอีกรอบ ก็ยังไม่มา กลัวรถติดกลับถึงบ้านดึกเลยกลับกัน รถก็ไปเรื่อยๆๆไม่ติดแฮะครั้งนี้ ระหว่างเดินทางฟังวิทยุของสถานีหนองคาย จะมีคนที่ไปชมโทรเข้ามารายงาน มีหลายคนมาจากทาภาคใต้สุราษก็มีภูเก็ตนครศรีธรรมราชก็มา และไม่ใช่มาครั้งแรกแต่ละคนมาเกิน2ครั้งคงประทับใจอยากมาลุ้นดูอีก ถึงปีนี้จะน้อยลูกส่วนใหญ่ก็บอกจะมาอีก เท่าที่ฟังปีนี้ที่บ้านปากสวย ปากเซ น้ำเป และวัดหลวงขึ้นมากกว่าเพื่อนเกือบ10ลูก ถ้าได้มาดูอีกก็จะมาแต่ต่อไปจะเปลี่ยนจุดชม เพราะที่เดิมเปิดไฟสว่างไม่ค่อยได้บรรยากาศการดูที่ธรรมชาติเท่าไหร่
ติดตามดูต่อที่YouTube ใจรักJairukChannel
ติดตามดูต่อที่Facebook ใจรักJairukChannel
เก็บตก บัวหิมะตายแล้วไปไหน จิตรกรผู้อาภัพVincent Van Gogh สูตรหน้าใสเด้ง น้ำเอนไซด์ความรักของผู้ชายคนหนึ่ง(ตอนที่1)ความรักของผู้ชายคนหนึ่ง (2) Monetจิตรกรเอกของโลก แรงบันดาลใจMonet