สวัสดีค่ะพี่ๆและเพื่อนๆว้าว..วันนี้ได้กลับมาเขียนบล๊อกต่อแล้วดีใจกับตัวเองจัง(พูดเองเออเองคนเดียว)มามะ..ขอรวบสองวันไปเลย มิฉะนั้นคงยังอีกนานกว่าจะจบทริป 11 วัน(จริงๆเที่ยวแค่8วันเท่านั้นค่ะ)วันสุดท้ายของทริปขึ้นเครื่องช่วงบ่ายและมาถึงกรุงเทพฯหกโมงเช้าเท่ากับนับวันเดินทางไปซะสามวัน

หลังจากที่เขียนเล่าไปแล้ววันแรกที่ไปเกาะคาปรีและวันที่สองไปเที่ยวที่อมาลฟีที่สวยงามนะคะ เช้าวันนี้ต้องโบกมือลาเมืองซอเรนโตที่คณะเราได้มานอนค้างกันที่นี่สองคืนค่ะ

ใช้เวลาเดินทางหนึ่งชั่วโมงรถวิ่งผ่านภูเขาไฟวิสุเวียสที่พ่นลาวามาถมทับเมืองปอมเปอีเป็นเวลานานกว่าพันปีค่ะ จนเมื่อสองร้อยกว่าปีที่ผ่านมานี่เองค่ะมีคนไปขุดค้นพบเข้า ปัจจุบันจึงกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังอีกแห่งหนึ่งของอิตาลีค่ะ

จากซากโบราณที่ขุดค้นพบแสดงให้เห็นว่าเมืองนี้เป็นเมืองที่ใหญ่โตมากค่ะ มีทั้งสนามกีฬา,โรงอาบน้ำสาธารณะ(ต้นกำเนิดธุรกิจออน.ย่านถนนรัชดาภิเษก),โรงละคร, วิหาร, ตลาดและสถานบริการ(จริงๆนะไกด์บอกจะมีอยู่ย่านหนึ่งที่มีการขายบริการ เชื่อจริงๆแล้วค่ะว่าอาชีพนี้ก็เป็นอาชีพที่เก่าแก่จริงๆ)

คุณจะรู้ตัวไหมว่าวันหนึ่งๆมีนักท่องเที่ยวมายืนจ้องดูคุณเป็นพันๆคน

อย่างที่เราทราบกันดีอยู่แล้วว่าชาวโรมันนั้นนับถือและศรัทธาต่อเทพเจ้าดังนั้นภายในวิหารจึงยังพอเหลือรูปปั้นของเทพเจ้าให้นักท่องเที่ยวได้ชมพร้อมสถาปัตยกรรมและซากวัตถุโบราณอื่นๆ ที่แสดงให้เห็นความรุ่งเรืองและความเจริญต่างๆของเมืองนี้ก่อนที่ลาวาจะทับถมหายไปเป็นพันปี

ลาวาได้ทับถมกลืนกินเมืองนี้และผู้คนทั้งเมือง(นึกถึงภาพแล้วหดหู่นะคะ)ผู้คนไม่มีทางรู้ตัวเลยว่าความตายกำลังมาเยือนอย่างฉับพลันซึ่งตอนนั้นคงกำลังใช้ชีวิตกันอย่างเป็นปรกติ

จากโบราณสถานเมืองปอมเปอีเรานั่งรถสามชั่วโมงเพื่อเข้าสู่โรมเพื่อเริ่มต้นโปรแกรมวันที่สี่ในตอนช่วงเช้าที่พิพิธภัณฑ์วาติกัน(เย้..ดีใจครั้งนี้ได้เข้าพิพิธภัณฑ์) ตื่นเต้น ตื่นเต้น เอ้อ..พี่หัวหน้าทัวร์คะอย่าเดินเร็วนักซีคะ

ยังไงวันนี้ก็ได้ใช้ความรู้ที่เคยได้ร่ำเรียนมาบ้างละนะ เคยลงเรียนวิชาเทพนิยายที่เป็นพื้นฐาณของวรรณคดี(EN291)ที่รามฯค่ะ ขอคุยหน่อยเถอะได้ A วิชานี้ด้วยค่ะ วันนี้พอได้ใช้ทำมาหากินบ้างค่ะ(ช่วยอธิบายให้คุณสามีได้รู้เรื่องกับเขาบ้างนิดหน่อย) ใครสนใจอ่านลองเข้าไปโหลดอ่านได้นะคะ มีทั้งของกรีก โรมัน คริสเตียน อังกฤษและยุโรปตอนเหนือค่ะทำให้เวลาเราดูหนังหรือไปเที่ยวแถบนี้เข้าใจและสนุกมากขึ้นค่ะ

ชิ้นนี้เราชอบมาก ซึ่งเราว่า(ไม่แน่ใจทีเดียวนะคะ)น่าจะมาจากเรื่องหนึ่งในภารกิจสิบสองอย่างของเฮอร์คิวลิส ที่ต้องไปปราบวัวที่เทพเจ้าโพไซดอนแกล้งให้บ้าอาละวาดไปทั่วเมือง

ชาวโรมันนับถือเทพเจ้าหลายองค์ของกรีกเเต่เรียกกันคนละชื่อ(ยกเว้นเทพเจ้าApollo) อย่างเทพAthenaของกรีกชาวโรมันเรียก Minerva ลูกสาวคนโปรดของ Zeus ได้ชื่อว่าเป็นเทพีนักรบ สันติสุข เฉลียวฉลาด จะถือเกราะอ่อนที่ทำจากหนังแพะของซุสซึ่งมีหัวเมดูซาอยู่ที่ตรงกลางเกราะ

ขอบอกตามตรงค่ะว่าดูไม่ทันงานเยอะมากๆ วันนั้นนักท่องเที่ยวก็เยอะแถมหัวหน้าทัวร์ก็เดินเร็วมากๆค่ะ กลับมาบ้านหาดูในกระทู้พันทิปดีกว่าอีก 555

เห็นภาชนะนี้แล้วทำให้นึกถึงโกศของชาวกรีกโบราณทีนักกวียุคโรแมนติกอย่าง John Keats เห็นภาพที่ปรากฏอยู่ด้านข้างจึงเอาไปแต่งเป็นบทกวีชื่อ Ode on a Grecian Urn ถ้ามีเวลาได้ดูมากกว่านี้เราอาจจะแต่งกลอนแปดให้ได้สักห้าสิบสตางค์(ไม่ถึงบาท)

ห้องโถงที่มีการจัดแสดงโชว์ศิลปะบนผืนพรมก็สวยงามไม่แพ้กันค่ะ กระเบื้องโมเสสก็ใช่ย่อย

รู้สึกเสียดายกับอดีตที่แก้ไขอะไรไม่ได้ที่ทำให้รูปปั้นหลายๆชิ้นขาดความสมบูรณ์ไปแต่ก็ดีใจที่วันนี้ได้มีโอกาสได้เข้ามาเดินเหยียบย่ำอยู่ในบางมุมบางฉากของเรื่อง Davinci Code

วันนี้รอบๆวาติกันมีนักท่องเที่ยวที่มากันเป็นหมู่คณะเข้าแถวรอคิวกันเยอะมากค่ะ ไม่แน่ใจว่ารอเข้าร่วมพิธีอะไรกันหรือเปล่า ด้านในก็ยังคงเยอะเหมือนเดิมเช่นกันค่ะ

ด้านนอกวาติกันวันนี้ฟ้าใสสวยมากเลยค่ะ อากาศก็กำลังดีสิบกว่าๆไม่หนาวและไม่ร้อนจนเกินไป

และถ้าท่านมาเที่ยวที่โรมโปรแกรมที่ไม่พ้นต้องมีสามแห่งดังต่อไปนี้ค่ะ วาติกัน โคลอสเซี่ยม น้ำพุเทรวี่และบันไดสเปนค่ะ เพราะฉะนั้นวันนี้เป็นวันหนึ่งที่ท่านจะต้องเดินเยอะวันหนึ่งค่ะ

โคลอสเซี่ยมมีความสำคัญอย่างไร หาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่อากู๋กันนะคะ อิ อิ ไฟเริ่มอ่อน บางทัวร์ท่านจะไม่ได้เข้าไปชมด้านในได้แต่เพียงถ่ายรูปอยู่ด้านนอก แต่วันนี้เราได้เข้าไปด้านในและข้างบนค่ะ ให้เวลา30นาที พอขึ้นไปถึงถ่ายรูป แชะ แชะ แชะ เรารีบลงกันเถอะ

จากโคลอสเซี่ยมมาน้ำพุเทรวี่ น้ำพุที่ใหญ่ที่สุดในกรุงโรมเชียวนะคะ ซึ่งครั้งนี้เราขอไม่โยนเหรียญแล้วค่ะ กลัวกลับมาอีก อยากไปประเทศอื่นๆบ้างน่ะ แล้วก็ร้านขายไอติม(เจลลาโต้)ที่คนเยอะๆ คือถ้าเรายืนตรงกลางหันหน้าเข้าหาน้ำพุหัวมุมขวามือ ซื้อไอติมสามารถเข้าห้องน้ำได้ฟรี แต่เราว่าร้านทางซ้ายมือตำแหน่งประมาณ11นาฬิกาอร่อยกว่าค่ะ(คหสต)

ย่านบันไดสเปนก็ยังคึกคักเหมือนเดิม ถูกใจคนชอบช็อบปิ้งร้านแบรนด์เนม

อ่างน้ำพุที่เมมโมรี่ในสมองบันทึกเอาไว้ได้ตั้งแต่ครั้งที่แล้วว่าเป็นฝีมือของพ่อของศิลปินผู้ทีชื่อเสียงอีกคนของอิตาลี คือพ่อของแบรนีนี่นั่นเองค่ะ

วันนี้เดินมาทั้งวันเริ่มตาปรือแล้วค่ะ  ขอจบและจากไปโดยดื้อๆก่อนแบบนี้แล้วกันนะคะ ค่อยมาต่อสี่วันที่เหลือเร็วๆนี้ค่ะ

ขอบคุณเพื่อนๆพี่ที่เข้ามาเยี่ยมมาชมกันไว้ในโอกาสนี้ด้วยนะคะ