|
22 ธันวาคมในอดีต
22 ธันวาคม 2228 ราชทูตไทย ชุดที่ 3 มีออกพระวิสูตรสุนทร คือโกษาปานเป็นราชทูต ออกเดินทางไปฝรั่งเศสได้เฝ้าพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ที่พระราชวังแวร์ซายส์ เมื่อ 1 กันยายน 2229 เดินทางกลับถึงปากน้ำเจ้าพระยาเมื่อ พ.ศ. 2230 โกษาปาน เรื่องโกษาปานไปฝรั่งเศสนั้น ในพงศาวดารได้กล่าวไว้อย่างคลุมเครือว่า สมเด็จพระนารายณ์มหาราชได้ทรงปรึกษากับเจ้าพระยาโกษา (เหล็ก) ว่าควรจะส่งผู้ใดออกไปดี เจ้าพระยาโกษาเหล็ก จึงได้กราบทูลว่า มีน้องชายของท่านคนหนึ่งชื่อ ปาน เป็นคนฉลาดเฉลียว และมีสติปัญญาดี สมเด็จพระนารายณ์จึงโปรดให้เข้าเฝ้า ทรงพระราชปฏิสันถารจนเป็นที่พอพระราชหฤทัยแลัว จึงกำหนดตัวให้เป็นราชทูตเพื่ออัญเชิญพระราชสาส์นของพระองค์ออกไปเจริญทางพระราชไมตรีกับ พระเจ้ากรุงฝรั่งเศส และพงศาวดารกรุงเก่าฉบับหมอบรัดเล (พ.ศ.2407) กล่าวเลอะเลือนว่าสมเด็จพระนารายณ์มหาราชโปรด ให้นายปานเป็นนายกำปั่นเดินทางไปสืบว่า สมบัติของพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสจะมีอยู่จริงตามที่เจ้าพระยาวิชาเยนทร์ได้กราบทูลหรือไม่ และในครั้งนั้นนายปานได้นำอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญคาถาอาคมไปกับตนด้วย ในระหว่างการเดินทางปรากฏว่ากำปั่นที่นายปาน ได้เป็นผู้บังคับการนั้นไปตกวังน้ำวนอยู่ถึง 3 วัน ไม่สามารถจะแล่นฝ่าออกไป อาจารย์ผู้นี้ก็ได้ทำพิธีปัดเป่าด้วย คาถาอาคมจนสามารถนำเรือกำปั่นฟันฝ่าออกไปได้และยังมีเรื่องที่เกี่ยวกับอภินิหารต่างๆ อีกอย่างมากมาย ดังที่ปรากฏอยู่ในพระราชพงศาวดารฉบับดังกล่าว โกษาปานมีบุตรชายชื่อ คุณทอง ได้เป็นที่พระยากลาโหมในรัชสมัยขุนหลวงสรศักดิ์ ถึงอย่างไรก็ดี ต้องนับว่าสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ทรงมีพระปรีชาญาณอันสุขุมล้ำเลิศ ที่ได้ทรงเลือกสรรโกษาปานให้เป็นราชทูตไปประเทศฝรั่งเศส เพราะโกษาปานได้รับการต้อนรับจากฝรั่งเศสอย่างสมเกียรติ และได้รับความชมเชยจากทางนั้นว่าเป็นผู้ที่มีความสามารถ มีรับผิดชอบ ในตอนกลางคืนก็ได้นำบันทึกมานั่งจดเป็นรายงานเพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายสมเด็จพระนารายณ์ บันทึกรายงานของโกษาปานนี้ ปรากฏว่าสมเด็จพระนารายณ์ทรงสนพระทัยอย่างยิ่ง ได้โปรดให้ตรีทูต หรือ ขุนศรีวิสารวาจา เข้าเฝ้าอ่านเรื่องราวที่โกษาปานได้รายงานถวายตั้งแต่ต้นจนจบ แล้วจึงโปรดให้กราบทูลลาออกจากที่โปรดให้เข้าเฝ้าได้ โกษาปานกลับมาจากฝรั่งเศสได้ 8 เดือนเศษ ก็ปรากฏว่าสมเด็จพระนารายณ์เสด็จสวรรคต เมื่อวันที่ 11 กรกฏาคม 2231 สมเด็จพระเพทราชาได้เสด็จขึ้นครองราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์ต่อมา ในระยะนี้ปรากฏว่า โกษาปานต้องทำงานหนัก เนื่องจากสมเด็จพระเพทราชาต้องพระประสงค์จะขับไล่ทหารฝรั่งเศสให้ออกไปจากป้อมที่เมืองบางกอก เมื่อตกลงกันไม่ได้จึงได้เกิดรบกันขึ้น โดยโกษาปานเป็นผู้อำนวยการรบทางฝ่ายไทย จนนายพลเดส์ฟาซ ซึ่งเป็นผู้บังคับกองทหารฝรั่งเศสต้องยอมจำนน เมื่อกรณีที่พิพาทกันสงบลงโดยฝรั่งเศสยอมถอนทหารออกจากป้อม แล้วเดินทางออกจากกรุงศรีอยุธยาไปเรียบร้อยแล้ว ด้วยความดีความชอบของโกษาปานครั้งนี้ สมเด็จพระเพทราชาจึงโปรดให้เลื่อนเป็นเจ้าพระยาโกษาธิบดี ซึ่งตำแหน่งนี้เจ้าพระยาโกษาธิบดี(เหล็ก) พี่ชายของท่านได้เคยดำรงมาแล้วตั้งแต่รัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชและได้ถึงอสัญกรรมเสียเมื่อ พ.ศ.2226 โกษาปานได้จบชีวิตลงด้วยความโหดร้ายทารุณยิ่ง เนื่องจากระยะหลังสมเด็จพระเพทราชาทรงกริ้วโดยหาว่าเป็นขบถ ได้ถูกโบยอย่างหนัก และถูกจองจำอยู่ในคุกจนถึงอสัญกรรม เมื่อ พ.ศ.2243 ภรรยาตลอดจนทรัพย์สมบัติของท่านก็ถูกริบหมด ส่วนครอบครัวของท่านก็ได้แตกฉานซ่านเซ็นไปอยู่คนละทิศละทาง เมื่อกรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่าครั้งสุดท้าย คุณทองดี ซึ่งเป็นหลานปู่ของโกษาปานได้อพยพไปอยู่กับเจ้าพระยาพิษณุโลก ต่อมาเมื่อเหตุการณ์สงบ ได้มาตั้งนิวาสสถานอยู่ ณ ตำบลสะแกกรัง เมืองอุทัยธานี ท่านผู้นี้ปรากฏว่าเป็นบิดาของสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ปฐมกษัตริย์ในราชวงศ์จักรีแห่งกรุงรัตนโกสินทร์
22 ธันวาคม 2431 ไทยและฝรั่งเศสทำสัญญา 9 ข้อเกี่ยวกับดินแดนทางตะวันออกของหลวงพระบางในลาวซึ่งฝรั่งเศสส่งกำลังทหารเข้ายึดไว้อ้างว่าไว้คอยปราบฮ่อ ส่งผลให้ไทยต้องเสียแคว้นสิบสองจุไทยหรือสิบสองเจ้าไทยซึ่งมีพื้นที่ 87,000 ตร.กม. ให้แก่ฝรั่งเศส เนื่องจากการกำหนดพรมแดนไม่แน่นอน
22 ธันวาคม พ.ศ. 2472 คณะนักบินไทยนำเครื่องบิน "บริพัตร ขึ้นบินออกจากประเทศไทยเพื่อไปเยือนประเทศอินเดีย เครื่องบินรุ่น บ.ท. 2 (บริพัตร) นี้ ออกแบบและสร้างขึ้นโดย น.ท. หลวงเวชยันต์รังสฤษฎ์ (อดีต ผบ.ทอ.) ในปี พ.ศ. 2470 นับเป็นการสร้างเครื่องบินในราชการเป็นครั้งแรกของคนไทย พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานนามว่า บริพัตร ซึ่งมาจากพระนามของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมหลวงนครสวรรค์วรพินิต เสนาบดีกระทรางกลาโหม นอกจากนี้เครื่องบิน "บริพัตร ยังได้บินไปกรุงฮานอย ประเทศเวียดนามเพื่อเจริญสัมพันธไมตรี และนำพวงมาลาไปวางที่อนุสาวรีย์ทหารฝรั่งเศสที่เสียชีวิตในสงครามโลกครั้งที่ 1 ในปี พ.ศ. 2473 ด้วย วันนี้ในอดีต
22 ธันวาคม 2506 เปิดสำนักงานใหญ่ องค์การพุทธศาสนิกชนสัมพันธ์แห่งประเทศโลก (พ.ส.ล.) ในประเทศไทย ตั้งอยู่ในบริเวณพุทธสมาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ถนนพระอาทิตย์ กรุงเทพ ฯ
อ่านวันนี้ในอดีตจากทั่วโลก(ON THIS DAY:22 December)
Create Date : 14 ธันวาคม 2548 |
Last Update : 24 ธันวาคม 2548 23:56:13 น. |
|
1 comments
|
Counter : 1217 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
ปล. คลิ๊กที่ play นะจ้าคุณ Aisha