"คืนนี้รัศมิจันทร์เพ็ญพรรณพราว ไร้ทั้งดาวแลเหล่าเมฆเฉกนีลลาพัสตรา เฉลิมประภา
มณฑลประพันธ์ ข้าพเจ้ายลจันทร์โพ้นผ่านช่องบัญชร พลันภัสสรแห่งแสงสำแดงมันตรา
สรพกายาพลันสั่นทะท่าว ร้อนเร่าราวมังสาผ่าปริยะแยก แตกยะยับทุรน !
ทั้งโลมาทนต์ยาวยะเยื้อย เปลือยคมตาวยาวฟะเฟื้อยทนต์ศูล ปูนเคียววาววะวาบ-
ทศนัข พักตร์ยืดยาวทีละคราวทีละน้อย ชิวหาห้อยรระรินเอฬา ประกายตาภินท์แผกแตก
ซร่าน พลันผันผ่านสู่เปลวอัคนี !
หูชูชี้แชรงแทงพ้นคลั่ง ดั้งแด่นแค่นครืดครืดคราดคราด จตุรบาทยันดาลขานขับ
หะโหย โวยหะหวนราวคร่ำครวญคำราม สะเทือนคามอาณานิวาสสะพรึง !
ตะบึงตะบันรันแล่นไร้ลิขิต ฤทธิปีศาจร้ายในกายบงการ พาลมฤคคคึกคนอง กระโจน-
จ้องมองหาเหยื่อ เลือดแลเนื้อเพื่อสนองความกระหนกระหายภายใน สองตาให้วาววาบ
นาสิกซึมซราบวิสัยสิ่งสังเวย
ร่างสัตตรีเผยผ่านครรลอง สยดสยองสองไนยนางค้างขาวเหลือก ร่างเกลือกกับ
กองเลือดแดงฉาน คล้ายนางหมายคลานการหลบหนี ซอกคอกมังสีขาดขย้ำ เลือดแดง
จนแดงคล้ำคระคลุ้งคาว ใบหน้าเคยขาวแหว่งวิ่น แมลงวันบินกินเกาะ ทรวงถันถูกเลาะ
แหลวแหลกเลอะเลือน ร่างนางทิ้งกองเหมือนตุ๊กตา ผู้คนโรยราไร้สัญจร
ตื่นตอนเช้าข้าพเจ้ายันกายครอง สมองร้องร้าวราวจะระเบิด เกิดอะไรขึ้นกับเรา
เอาสองมือลูบใบหน้า เลือดเกรอะกรังเหมือนว่ายังไม่แห้งดี เสื้อสีแดงขาดกระรุ่งกระ-
ริ่ง บางสิ่งภายในเลวร้ายคงอยู่ บางสิ่งดูอิ่มเอมสุขสม บางครั้งกลับทุกข์ระทมปวดร้าว
บางคราวว่าคงเพียงฝัน กระนั้นมันเหมือนจริงยิ่งกว่าจริง !
(ต่อเมื่อมีเวลาครับ)
ขอบคุณภาพจาก เน็ต