Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2555
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
1 สิงหาคม 2555
 
All Blogs
 
House Of Sand (2005) : วิมานทรายในสายลม


House Of Sand 2005 :
หนังบราซิล Original Tiltes :Casa de Areia (2005)
ความยาว 115 นาที ประเภท Drama เรตติ้ง IMDb :7.4
ผู้กำกับ: Andrucha Waddington
เนื้อเรื่อง /เขียนบท : Elena Soarez , Luiz Carlos Barreto 
ดารานำแสดง : Fernanda Montenegro, Fernanda Torres และ Ruy Guerra --


ใกล้จะถึงวันแม่แล้ว ช่วงนี้เราจะได้เห็นเหตุการณ์ และประโยคสนทนารอบตัวๆ ล้วนแต่เปิดประเด็นเกี่ยวกับพระคุณแม่กันให้เห็นได้ทั่วไป และให้บังเอิญเสียจริงๆ ที่หนังเรื่องนี้ก็มีประเด็นเรื่องแม่ และครอบครัวเช่นเดียวกัน จึงเป็นหนังที่ฉันอยากแนะนำให้คุณๆ ได้ชมกันในช่วงนี้ หรือโอกาสถัดๆ ไป เพราะหนังให้อารมณ์ซาบซึ้งถึงพระคุณแม่ และความอบอุ่นของครอบครัวได้เป็นอย่างดี ดีชนิดทำให้ฉันน้ำตาไหลพรากในช่วงท้ายๆ เรื่องได้ก็แล้วกัน

House of sand เป็นเรื่องราวชะตากรรมของสองแม่ลูกที่ต้องติดแหง่กอยู่กับสถานที่ที่ๆ พวกเธอปรารถนาจะหลีกหนีออกไปแทบขาดใจ แต่ยิ่งหนี ยิ่งไร้ซึ่งความหวัง จนสุดท้ายปลงตกว่า ถ้าการไม่ชอบที่มีอยู่มันทุกข์มากนัก หรือ ถ้าไม่สามารถหลีกหนีจากสิ่งที่เกลียดได้ละก็ งั้นก็ทำใจให้ชอบมันเสียสิ แล้วจะได้อยู่กับมันได้

เพราะประเด็นหลักของการมีอยู่ มันไม่ใช่สถานที่หรือบุคคล แต่มันเป็นคุณค่าของการมีอยู่ ที่แต่ละคนจะต้องค้นหามันด้วยตัวเอง และเข้าใจมันด้วยตัวเอง ซึ่งหนังก็จะพาผู้ชมค้นหาไปพร้อมๆ กัน ผ่านตัวละคร 2 รุ่น ในดินแดนที่เต็มไปด้วยทะเลทรายอันกว้างไกลสุดลูกหูตา



หนังเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในท้องทะเลทรายอันสวยงามในบราซิล ปี 1910 สองแม่ลูก แม่ (Fernanda Montenegro) และลูกสาว Urea (Fernanda Torres) ผู้ซึ่งอยู่ในวัยแรกรุ่นได้อพยพตามสามีชราวัย 59 มาในดินแดนอันแห้งแล้งกลางทะเลทรายแห่งหนึ่ง เนื่องจากชายชราได้ซื้อผืนดินแห่งนี้ไว้


ระหว่างการเดินทางอันแสนทรหด จนมาถึงดินแดนดังกล่าว มันเป็นส่วนหนึ่งของทะเลทราย ดีหน่อยตรงที่มันยังติดกับหนองน้ำให้พอใช้ดื่มกินได้บ้าง Urea รู้ว่าตัวเองกำลังตั้งครรภ์ จึงได้พยายามบอกสามีชราให้ย้อนกลับไปยังเมืองที่เคยอยู่อาศัย แต่ชายชราก็ตอบปฏิเสธอย่างสิ้นเชิง ไม่แน่ว่าสำหรับเขา ชีวิตในเมืองอาจวุ่นวาย และต้องดิ้นรนเกินกว่าคนวัยเขาจะต่อสู้เพื่อครอบครัวได้ หรือเหตุผลอีกประการคือ เขาใช้เงินทั้งหมดซื้อภรรยามาแต่งงาน และซื้อผืนดินแห่งนี้จนหมดตัวแล้ว

ในช่วงแรกทั้งหมดต้องเผชิญหน้ากับพวกอพยพที่เข้ามาแย่งชิงข้าวของ ต้องผจญกับกลโกงที่ชายชราจ่ายค่าจ้างปลูกบ้าน แต่คนงานเหล่านั้นแอบหลบหนีไปในตอนเช้า หรือแม้กระทั่งคนงานที่เขามาด้วยก็พร้อมใจกันหันหลังกลับ ทิ้งให้ชายชรา ภรรยาสาว และแม่ยาย ไว้สถานที่นี้เพียง 3 คน


เช้าวันหนึ่งเมื่อชายชรารู้ว่าคนงานต่างหลบหนีงานไปกันจนหมด ด้วยความโกรธจัด เขาตั้งใจจะลงมือก่อสร้างบ้านต่อด้วยตัวเอง แต่โชคร้าย หลังคาบ้านพังลงมาทับจนเขาเสียชีวิต ทั้งสองแม่ลูกไม่รู้ว่าจะรู้สึกดีใจหรือเสียใจดี เพราะทั้งคู่นั้นต้องการหนีไปจากสถานที่แห่งนี้ตั้งแต่แรก ติดแต่ว่าชายชราไม่ยอมปล่อยให้พวกเธอกลับไป

ชีวิตหลังจากไม่มีผู้นำครอบครัว Urea จึงจำเป็นต้องเข้มแข็ง เธอพยายามหาทุกทางเพื่อที่จะหนีออกไปจากสถานที่แห่งนี้ ทั้งคู่พากันเดินไปเรื่อยๆ จนได้พบว่า ใกล้ๆ สถานที่ที่พวกเธอตั้งถิ่นฐานนั้น มีเกาะแห่งหนึ่ง มีชนผิวสีตั้งครอบครัวกันอยู่ เธอได้รู้จักกับพ่อหม้ายหนุ่ม ผู้มีลูกติดเป็นชาย 1 คน เขาคือ Massu (Seu Jorge)

Massu พยายามช่วยเหลือสองแม่ลูกมาตลอด อาจจะเป็นเพราะเขาอยากมีใครสักคนมาทดแทนภรรยาที่เสียชีวิตจากการคลอดลูกชาย แต่เขาก็ไม่เคยเปิดเผยความนัยใจ เป็นเพียงผู้เฝ้าดูและคอยช่วยเหลือทั้งคู่มาตลอด

แม้จะสองแม่ลูกจะพบว่าบริเวณใกล้เคียงมีผู้คนพักอาศัย และมีพ่อค้าจากในเมืองเดินทางมาทุกเดือน แต่พวกเธอก็ไม่สามารถขอเดินทางออกไปกับพ่อค้าได้ เพราะเขามีเหตุผลต่างๆ นาๆ ที่จะไม่ยอมให้เธอเดินทางออกไป และเหตุผลสำคัญคือ เธอใกล้คลอดแล้วนั่นเอง

ในที่สุด Urea ก็คลอดลูกสาว ชื่อว่า Maria หญิงทั้งสามยังคงอาศัยอยู่ในวิมานทรายหลังนั้นเรื่อยมา แต่ Urea ก็ไม่เคยละความพยายาม วันหนึ่งเธอพบว่าพ่อค้าที่เดินทางค้าขายไปมาระหว่างที่นี่กับในเมืองนั้น เสียชีวิตลงจากคำบอกเล่าของ Massu เธอไม่เชื่อจึงอยากพิสูจน์ด้วยตัวเองว่าเขาตายจริงหรือว่าเป็นเพียงคำพูดของ Massu ที่ไม่อยากให้เธอย้ายออกจากที่นี่

Urea เดินทางรอนแรมกลางทะเลทรายจนไปเจอคาราวานแห่งหนึ่ง ที่นั่นเต็มไปด้วยปัญญาชนหนุ่มจากในเมือง พวกเขาเดินทางมาที่นี่ทุกปี Urea มีความสัมพันธ์กับหนุ่มคนหนึ่ง เขาสัญญาว่า จะพาเธอ มารดา และลูกสาวออกไปจากที่แห่งนี้

... ชะตาชีวิตของ Urea และ Maria ลูกสาว ก็คล้ายกับชะตาชีวิตของเธอกับมารดา และมันจะเป็นวงจรเช่นนี้ไปเรื่อย จนกว่าจะมีใครสักคนได้ค้นพบบทเรียนอะไรบางอย่าง เพราะชีวิตล้วนแล้วแต่มีบทเรียนที่สอนเราเรื่อยมา หากเราเพิกเฉยมัน เหตุการณ์ในชีวิตของเราก็จะเกิดขึ้นซ้ำๆ เรื่อยไป หากแต่ถ้าเราค้นพบ ตะหนัก และได้เรียนรู้ และแก้ไขข้อผิดพลาดที่เคยกระทำ และนั่นก็เท่ากับเราสอบผ่านบทเรียนนั้นแล้ว โอกาสที่จะผิดพลาดในเรื่องเดิมก็น้อยลง  .. เหมือนเรื่องราวของ Urea กับ Maria ที่เราจะได้เห็นกันในตอนท้ายของเรื่อง

-- หนังเรื่องนี้ในตอนแรกฉันก็คิดเหมือนคุณ (555 รู้นะว่าคิดอะไรอยู่) ว่ามันต้องเป็นหนังดราม่าหนักๆแน่ๆ ซึ่งจริงๆ แล้วก็เป็นอย่างนั้นแหล่ะ เพียงแต่มันดูสนุก ชวนลุ้นไปกับตัวละคร และที่สำคัญฉากในหนังสวยมากๆ ทั้งสวยและแปลกตาดี

ในตอนท้ายมีฉากที่ทำให้ฉันซาบซึ้งจนน้ำตาไหล หนังทำได้ดี ไม่มีบทพูดเยิ่นเย้อ แต่สายตา และท่าทีที่ตัวละครสื่อถึงกัน ผสมกับเรื่องราวที่คนดูได้รับรู้ถึงชีวิตพวกเขามาโดยตลอด ยิ่งทำให้รู้สึกซาบซึ้งไปกับความรู้สึกของตัวละคร ความรักของแม่ ความรักของครอบครัวได้อย่างลึกซึ้ง

ในประโยคสุดท้ายลูกสาวเล่าให้แม่ฟังว่า " แม่รู้ไหม ตอนนี้มีคนไปเหยียบดวงจันทร์ได้แล้วนะ " แม่ถามว่า "เขารู้ได้อย่างไรว่าเป็นดวงจันทร์" ลูกสาวตอบว่า " ไม่รู้สิ เขาบอกว่า เขาเหยียบลงไปบนผืนทราย" แล้วแม่ก็นิ่งไป

... ฉันประทับใจกับตอนจบนี้มาก บางทีสิ่งที่เราไขว่คว้า ที่มันสุดแสนไกลเกินเอื้อม มันอาจจะอยู่ใกล้กับเราที่สุด .. สุดท้ายแล้วไม่ว่าจะเดินทางไปแสนไกลขนาดไหน แต่สถานที่ที่อบอุ่นและทำให้เรามีความสุขที่สุด อาจจะเป็นบ้านที่เต็มไปด้วยคนที่เรารัก และรักเรานั่นเอง ...

House Of sand Movies trailer :



Create Date : 01 สิงหาคม 2555
Last Update : 1 สิงหาคม 2555 21:06:23 น. 0 comments
Counter : 1912 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

CyberAngel
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




Friends' blogs
[Add CyberAngel's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.