Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2554
 
20 ตุลาคม 2554
 
All Blogs
 
Vanity Fair(2004) : สู่ฝัน วันเกียรติยศ


--
Vanity Fair(2004)
เรท PG-13  ความยาว : 141 นาที  ประเภท :  Drama | Romance
ผู้กำกับ : Mira Nair
บทประพันธ์/เขียนบท : Matthew Faulk,Mark Skeet
ดารานำแสดง : Reese Witherspoon,Romola Garai และ Jonathan Rhys Meyers
 รางวัลที่ได้รับ :  ได้รับการเสนอเข้าชิง 3 รางวัล และชนะเลิศ 1 รางวัล
--
 
Vanity Fair เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในประเทศอังกฤษในช่วงปี 1802 หนังเล่าเรื่องราวของเบกกี้ (Reese Witherspoon) หญิงสาวผู้ซึ่งมีความกล้าหาญ เฉลียวฉลาด หน้าตาสวยงาม เธอพยายามทำทุกอย่างเพื่อยกระดับตัวเองให้เทีียมหน้าตาผู้คนในสังคม แต่ด้วยต้นทุนที่ำต่ำเพราะทั้งกำพร้าและยากจน จึงต้องผ่านเรื่องราวที่ท้าทายต่างอีกมากมายกว่าจะถึงวันนั้น

หนังเริ่มเรื่องตอนที่เบกกี้เพิ่งเรียนจบจากโรงเรียนกุลสตรีกับเพื่อนสนิท เอมิลี่(Romola Garai) ทั้งสองมีฐานะต่างกัน ดังนั้นเมื่อเรียนจบทั้งคู่จึงต้องแยกกันไปมีชีวิตของตัวเอง เอมิลี่นั้นมีคู่หมั้นเป็นหนุ่มหล่อคือ จอร์จ (Jonathan Rhys Meyers)ผู้มีความทะเยอทะยานอยากเป็นชนชั้นสูงด้วยตระกูลของเขานั้นเป็นพ่อค้า ในช่วงแรกเบกกี้ต้องไปทำงานเป็นครูสอนลูกๆ ของขุนนางในชนบท และที่นี่ทำให้เธอได้พบกับหญิงชราผู้มั่งคั่งที่เอ็นดูเธอ และหลานชายนายทหารหนุ่มสุดหล่อ รอว์ดอน (James Purefoy) แต่หญิงชรากลับไม่ยอมรับเธอเป็นหลานสะไภ้เพราะชาติกำเนิดของเธอ

แต่ในคืนหนึ่งขณะที่สังสรรค์ในงานสังคม มีประกาศว่าข้าศึกมาประชิดเมืองแล้ว พวกหทารจึงต้องออกไปรบ  รอว์ดอนก็เช่นเดียวกัน ทิ้งให้เบกกี้ซึ่งมีครรภ์แก่ ช่วงนี้จึงเป็นช่วงที่ยากลำบากของเบกกี้และประชาชนอังกฤษที่ต้องหลบหนีเอาตัวรอด เมื่อสงครามสงบเหล่าทหารและประชาชนเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก และเมื่อรอว์ดอนรอดมาก็ทั้งคู่ก็ต้องใช้ชีวิตด้วยความลำบาก 

หนังเล่าเรื่องราวชีวิตในช่วง 20 ปีของเบกกี้ซึ่งเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่จะประสบความสำเร็จในชีวิต เธอมีความทะเยอทะยานที่เข้าสู่สังคมชั้นสูง และลงมือทำุทุกวิถีทางเพื่อไปสู่จุดมุ่งหมายที่ใฝ่ฝันด้วยความกล้าหาญเกินหญิงในยุคนั้น แม้รอว์ดอนผู้สามีจะเตือนว่า "การชนะได้อะไรมา ไม่เท่่ากับสิ่งที่ต้องเสียไป"

มิร่า แนร์ผู้กำกับหญิงชาวอินเดียกำกับภาพยนตร์เรื่องนี้เรื่องราวในหนังจึงเต็มไปด้วยกลิ่นไอของอินเดียที่ผู้กำกับพยายามสอดแทรกเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นอาหาร ภารกิจของทหารที่ต้องเิดินทางไปประจำการที่นั่น และสีสันของเสื้อผ้านักแสดงฝ่ายหญิง แม้การเต้นระบำในเรื่องก็ยังมีสไตล์แบบภารตะ

หนังเรื่องนี้นับว่าเป็นหนังที่ดูได้เพลินๆ เพราะเปี่ยมด้วยด้วยฉากสวยงาม การแต่งกายของเหล่านักแสดงก็สวยงามตระการตา แม้เรื่องราวจะเป็นละครที่เกี่ยวกับชีวิตชนชั้นสูงที่เอาแต่คิดเรื่องความสนุกสนานเพลิดเพลินไปวันๆ แต่ก็สะท้อนความจริงให้เราเห็นอีกด้านหนึ่งของแวดวงไฮโซ ซึ่งฉันเชื่อว่าแม้ในปัจจุบันก็ยังคงมีคนแบบเบกกี้อยู่ไม่น้อย

ความทะเยอทะยานของคนนั้นไม่ว่ายุคไหนก็เหมือนกัน การดิ้นรนเพื่อให้ได้รับการยอมรับนั้น ล้วนแต่ต้องมีสิ่งแลกเปลี่ยนเสมอ และราคาที่ต้องจ่ายไปนั่นต่างหากที่ควรคำนึงถึง ถ้าหากได้รับการยอมรับให้เชิดหน้าชูตาในสังคมชั้นสูงได้ แต่เบื้องหลังของการปืนป่ายขึ้นไป จะต้องสูญเสียศักดิ์ศรีในตัวเอง บางทีก็ต้องหันกลับมาคิดให้ดีว่ามันคุ้มกันหรือไม่

---  Vanity Fair 2004 : Movie Trailer



Create Date : 20 ตุลาคม 2554
Last Update : 21 ตุลาคม 2554 2:43:41 น. 2 comments
Counter : 5530 Pageviews.

 
เวลาดูหนังแนวนี้ มักถามตัวเองเสมอ ใส่ไปได้ยังไงชุดแบบนี้ หนักแย่


โดย: kid^_^ วันที่: 21 ตุลาคม 2554 เวลา:11:40:46 น.  

 
แสดงว่าคุณ kid^_^ รู้จักผู้หญิงน้อยไป 555 เพื่อความสวยความงามอ่ะ ให้ลำบากอย่างไร เราก็ทนด้ายยย ค่ะ :)


โดย: CyberAngel วันที่: 21 ตุลาคม 2554 เวลา:12:10:36 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

CyberAngel
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




Friends' blogs
[Add CyberAngel's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.