odm DD169 ONE แรงบันดาลใจจากเข็มทิศ
แบรนด์ odm เป็นแบรนด์นาฬิกาแฟชั่นจาก hongkong ที่จะมีการออกแบบและมีเอกลักษณ์ของตัวเอง อย่าเช่นเรือนนี้ DD169 พอได้เห็นหน้าตาก็อ๋อทันที เพราะได้แรงบันดาลใจจากเข็มทิศ ไม่มีเข็มวินาที ใช้แรกๆ ก็อาจจะงงหน่อยเพราะจะรู้สึกดูเวลายาก แต่ทุกวันนี้นาฬิกาเปลี่ยนจากหน้าที่หลักจากการดูเวลามากลายเป็นเครื่องประดับแทนแล้ว จึงไม่มีปัญหาถึงรุ่นนี้จะดูเวลายากไปนิด แต่ถูกกลบด้วยดีไซน์แปลกใหม่แทนข้อมูลจำเพาะDD169 เป็นนาฬิกากินถ่าน เรือนที่ได้มาด้วยตัวเรือนนาฬิกากรอบเรือนสีดำและค่อนข้างจะบาง แบบนาฬิกามินิมอล แต่หน้าปัดกลับเล่นเส้นขีดจนบางครั้งก็รู้สึกรกตาไปบ้าง แต่โดยรวมถือว่าออกแบบมาได้ค่อนข้างลงตัว โดดเด่นโดยเฉพาะเข็มเวลาที่เป็นรูปแบบเข็มทิศถึงจะดูเวลายากไปนิด แต่ทางผู้ผลิตก็หาวิธีดูเวลามาให้ ดังนี้ตัวนี้ยอมรับว่าซื้อเพราะดีไซน์ลูกเล่นจริงๆ ไม่มีอะไรมาก และล่าสุดลดราคาจาก 7 พัน ลงมาเหลือแค่ 1800 ราคานี้ถือว่าคุ้มค่าคุ้มราคาเอามากแบบอื่นๆ ก็ดูสวย แต่แดงจะดูเด่นฝาหลังออกแบบเรียบร้อย แต่ดูดีเป็นอีกเรือนที่น่าใส่ คุ้มค่าคุ้มราคา ลูกเล่นและดีไซน์ถือว่าน่าสนใจ และยิ่งลดราคาช่วงนี้เลยทำให้ราคายิ่งน่าสนใจ
ZEPPELIN 100 Jahre Alarm Chronograph 7680-2 เรือเหาะเยอรมัน
ZEPPELIN แปลว่า เรือเหาะ สังเกตได้จากตราสัญลักษณ์ที่เป็นรูปเรือเหาะ ซึ่งแบรนด์นี้มาจากเยอรมัน นอกจากสวิสแล้วก็เยอรมันนี่แหละ ที่เป็นอีกประเทศที่จริงจังในเรื่องของการผลิตนาฬิกาโดยจะเห็นได้จากยี่ห้อดังๆ หลายยี่ห้อที่มาจากเยอรมัน เช่น LACO JUNGHANS เป็นต้นตัวที่จับมารีวิววันนี้เป็นรุ่นรหัส 7680-2 อยู่ในซีรี่ส์ครบรอบ 100 years กินถ่าน หน้าปัดสีดำ กระจกเป็น mineral มากับสายหนังสีดำ เป็นโครโนกราฟ จับเวลา และยังตั้งเป็นนาฬิกาปลุกได้ด้วย (ทุกวันนี้มีใครใช้ฟังก์ชั่นนี้ไหม คาดว่าคงไม่มี) (วงบนซ้ายจะเป็นวงจับเวลา 30 นาที วงขวาเป็นเข็มวินาที จะเดินตลอด ส่วนวงล่างเป็นวงตั้งเวลาปลุก) มากับขนาดหน้าปัดขนาด 42 มิล ขนาดกำลังดี พิ้นสีดำ เส้นต่างๆ บนหน้าปีดเป็นสีขาว ตัดกันสวยงาม ขอบวงเป็น tachymeter มีวันที่ตรง 4 นาฬิกา มีพรายน้ำ แต่พรายน้ำเป็นจุดๆ บนหน้าปัดและบนเข็มชั่วโมง และเข็มนาทีซึ่งแปลก แล้วก็สวยงามไปอีกแบบ กระจกเป็นทรงนูนๆ ไม่ได้แบนราบ และจุดเด่นอีกจุดคือขาตัวเรือน ที่ทำเป็นขาต่างระดับ 2 ชั้น ขอบข้างตัวเรือนด้วย ที่เป็นทำเป็นขอบนูนๆ (อธิบายยากไว้ดูในคลิปดีกว่า) ซึ่งก็ดูดีไปอีกแบบและเป็นเอกลักษณ์ฝาหลังเหมือนจะมีอยู่ 2 แบบ ซึ่งก็จะเขียนว่า made in germany และมีรูป logo ด้วย อาจจะไม่ได้สวยมาก แต่ก็ไม่ขี้เหร่เอาจริงๆ ตัวนี้ได้มาแบบงงๆ ไปประมูลมือ 2 มา แล้วได้เฉย ได้มาแบบไม่แพง แต่รุ่นนี้ราคาจริงๆ จะอยู่ที่ประมาณ 279 ยูโร พูดถึงดีไซน์ ถึงจะเป็นนาฬิกาโครโน แต่ก็ดีไซน์มีจุดเด่นเฉพาะตัว เรียบหรูดูดี ทำให้ไม่จำเจเหมือนโครโนหลายๆ ยี่ห้อที่ทำออกมาแล้วคล้ายๆ กัน แค่ต่างกันตรงตรายี่ห้อ เป็นอีกเรือนที่เหมาะกับการใส่เวลาทำงาน แต่งตัวเป็นทางการหน่อยๆ ถ้าเอามาใส่เวลาแต่งตัวสบายๆ รู้สึกว่าไม่เหมาะเท่าไหร่ จะดูไม่เข้าสักเท่าไหร่ แต่โดยรวมถือว่าทำออกมาได้น่าใช้ และราคาไม่แพง จับต้องได้ ถ้าพูดถึงการเก็บงานก็ไม่ได้ขี้เหร่ อาจจะสู้พวกเรือนละ4-5 หมื่นขึ้นไปไม่ได้ แต่เนื้องานถ้าในระดับราคาเดียวกัน หมื่นต้นๆ ถึงสองหมื่น ไม่แพ้แน่นอน
NOMAD Devil Fish ปลาปีศาจ Limited 55 เรือน
NOMAD DEVIL FISHNomad นาฬิกา homage แบรนด์คนไทย เป็นนาฬิกาที่จับเอาดีไซน์ของ Bulova Snorkel 666 ที่ออกมาในปี 1960 มาทำใหม่ปรับดีไซน์เล็กน้อยให้ดูหล่อ และทันสมัยขึ้นตัวต้นแบบเดวิล ฟิช ตัวเรือนทำมาจาก Bronze หน้าปัดสีน้ำเงินสวยมาก กระจกแซฟไฟร์ หน้าตายังคงเอกลักษณ์เดิมๆ ไว้ ขนาดตัวเรือนที่กว้างถึง 47 มิล ดูใหญ่มาก ใส่แล้วดุดันมากๆ เครื่องใช้ของไซโก้ NH35 สำรองพลังงาน 40 ชั่วโมง กันน้ำ 200 เมตร ขนาดสาย 22 มิล ซึ่งหาสายเปลี่ยนใหม่ได้ง่าย ซึ่งต้องเปลี่ยนเพราะสายเดิมเป็นสายยางแบบไม่ค่อยถูกชะตาและสวยเท่าไหร่ ฝาหลังเป็นสเตนเลส สลักรูปปลาปีศาจ และ รันเลขไว้ด้วย ของผมได้เบอร์ 29 มา กล่องเป็นไม้ แนวๆ sevenfriday และที่สำคัญแถมหน้าปัดมาด้วย 1 ชิ้น เผื่อเบื่อหน้าน้ำเงิน ก็ไปเปลี่ยนได้ ราคา 8 พัน ถือว่าคุ้มค่ามากๆ ในสเปคระดับนี้หลังจากได้มาและลองใส่ยิ่งใส่ก็ยิ่งชอบ ตัวเรือนดูเหลี่ยมๆ แต่ขอบบาเซิลทรงกลมหมุนได้ และด้วยความเป็นคนชอบหน้าใหญ่ๆ อยู่แล้ว จึงไม่มีปัญหาพยายามใส่บ่อยๆ เพื่อให้พาติน่ามันขึ้น แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผลเท่าไหร่ อาจจะด้วยเป็นคนไม่ค่อยมีเหงื่อ แต่โดยรวมถือว่าตัวนี้ไม่ผิดหวังจริงๆ นาฬิกา bronze ราคาต่ำหมื่นหาได้ที่ใหนกันล่ะ
Marina Militare Originale Aquatosphere Limited 99 เรือน
Marina Militare Originale บอกชื่อยี่ห้อไปแต่ละคนคงส่ายหัวเพราะไม่รู้จัก แน่นอน เพราะมันเป็นนาฬิกาแบรนด์ Homage ซึ่งพวกนี้จะทำออกมาไม่มาก และขายกันในวงแคบๆซึ่งเจ้าเรือนนี้มีชื่อรุ่นว่า Aquatosphere เป็นรุ่น limited ทำออกมาประมาณ 80 เรือน โดยทางแบรนด์ก็ได้ดีไซน์ออกมาได้ค่อนข้างสวยงาม ลงตัวไปทุกมุมมองจริงๆ ไม่ว่าจะหน้าปัดแบบ Fume ที่ไล่เฉดสี การแกะฝาหลังเป็นรูปม้าน้ำ และมีการรันนัมเบอร์ ยิ่งทำให้ดู limited สุด (ผมเบอร์ 78) หรือเม็ดมะยมที่มีตราสัญลักษณ์ที่ดูแล้วหล่อ ส่วนเครื่องใช้รุ่นยอดฮิต NH35 จาก Seiko ซึ่งก็ถือว่าอยู่ในระดับมาตรฐานไม่ขี้เหร่เลย ที่สำคัญดำน้ำ 300 เมตร ในราคาเรือนละครึ่งหมื่น เจ๋งสุดๆพอเอาขึ้นข้อก็ดูหล่อ และแปลกตา อาจจะด้วยสีหน้าปัดเป็นน้ำตาล สายก็น้ำตาลที่คุณภาพดี ขาสายขนาด 22 มม ที่ถือว่าใหญ่สวยกำลังดี และหาสายเปลี่ยนได้ไม่ยาก ที่ชอบมากๆ ก็ขอบบาเซิลที่หมุนได้ และเป็นสีน้ำตาลเหมือนหน้าปัด ซึ่งสวยดี ไม่ค่อยมีคนทำเป็นเรือนนึงที่บอกตรงๆ ไม่มีที่ติเลยสำหรับผมนะ และขึ้นแท่นเป็นเรือนโปรดเรือนรักอีกเรือนเลย นี่ถ้าเขาทำหน้าปัดสีอื่นออกมาขายก็จะซื้อนะ เพราะชอบมากจริงๆ ใครสนใจเจ้าเรือนนี้ก็ไปหาได้จากเพจ Homage thai เอาละกัน ไม่แน่ใจว่าขายหมดไปหรือยังนะ แต่คิดว่าน่าจะมีเรือนสำรองเก็บไว้เซอร์วิสลูกค้าอยู่ ลองอ้อนพี่เขาดีๆ เผื่อใจอ่อนขายให้ก็ได้ปล.เจ้าเรือนนี้ราคาเต็ม 8,900 บาทนะ และที่งงกับเจ้าเรือนนี้คือสรุปจะเป็นรุ่นขึ้นฟ้าหรือดำน้ำกันแน่ แสงในที่มืดสีฟ้าสวยดีนะฝาหลังรูปม้าน้ำ และรันนัมเบอร์ด้วยเม็ดมะยมตีตราแบรนด์อย่างสวยด้วยความขี้เกียจถ่ายรูปเอง ขอขอบคุณรูปภาพบางรูปจาก ana-digi ด้วยครับ
GXW-56-1A ยักษ์ดำ-แดงในตำนาน
ถ้าพูดถึง Casio ทุกคนจะต้องนึกถึงซีรี่ย์ G-Shock ก่อนเป็นอันดับแรก และรุ่นที่เราจะกล่าวถึงก็คือรุ่นที่ถูกเรียกว่าเป็น King of G-shock หรือรุ่นยักษ์ ซึ่งเป็นรุ่นยอดนิยม ซึ่งก็จะมีทั้งรหัส GX ที่เป็นสีดำล้วน และตัวดำแดงที่เป็นรหัส GXWก่อนซื้อไปจับตัวดำล้วนมาแล้วรู้สึกว่ามันกลืนไปหน่อย มันควรจะมีการตัดสีมันจะเด่นและสวยกว่า ก็เลยมาจบที่ดำแดงตัวนี้ ซึ่งก็ไม่ผิดหวัง ด้วยรูปทรงและคู่สีที่ match กันได้ลงตัวเลยทำให้ยักษ์ดำแดงดูโดดเด่น หล่อกว่าตัวดำล้วนพอสมควร (ความเห็นส่วนตัวนะ) ที่มันเป็นยักษ์เพราะขนาดมันระดัง 55 มิล ซึ่งถือว่าใหญ่ และมาพร้อมระบบ Multiband6 เป็นระบบที่ควบคุมด้วยคลื่นวิทยุ* ระบบแรกในโลกที่สร้างขึ้นมาเพื่อรับสัญญาณเทียบมาตรฐานเวลาจากสถานีส่งสัญญาณใน 6 ประเทศได้แก่ ประเทศเยอรมัน อังกฤษ สหรัฐอเมริกา จีนซึ่งมี 1 สถานีในแต่ละประเทศ และประเทศญี่ปุ่นซึ่งมี 2 สถานี และระบบ Tough solar หรือเราเรียกว่าตัวกินแสงอาทิตย์นอกจากหน้าปัดด้านในที่มีกรอบสีแดงแล้ว ปุ่มกดด้านข้างทั้ง 4 ปุ่มก็เป็นสีแดงด้วย และกรอบฝาหลังก็แดง รุ่นนี้ดีตรงบอกเวลาเป็นดิจิตอล เลยทำให้ดูเวลาง่าย เวลากดไฟเวลาดูในที่มืดสีจะออกสีเขียว ก็สวยดี ถึงมันไม่ใช่รุ่นพิเศษ แต่เห็นออกมาทีไรหมดไวแทบทุกทีตัวนี้ทุกวันนี้ก็เป็นอีกเรือนที่ใส่ติดข้ออยู่บ่อยๆ ด้วยความหล่อของมัน จึงทำให้แต่งตัวเวลาไปเที่ยว ไปซื้อของข้างนอก หรืออยู่บ้านแต่งตัวสบายๆ ก็จับมาใส่ได้ ถ้าเป็นแฟน G-Shock แล้วไม่มีตัวนี้ไม่ได้แล้วจริงๆ นะ ของมันต้องมีคุณสมบัตินาฬิกา G-SHOCK จาก CASIO ยังคงพัฒนานาฬิการุ่นใหม่ที่ยกระดับมาตรฐานในด้านความแข็งแกร่งทนต่อ แรงกระแทก และมีการใช้ยูรีเทนทั้งแบบแข็งและแบบอ่อนทำให้นาฬิกาสามารถทน แรงกระแทกได้ดียิ่งกว่าเดิม ยูรีเทนแบบแข็งตรงส่วนด้านนอกของนาฬิกาป้องกันแรงกระแทกจากภายนอก ยูรีเทนแบบอ่อนปกป้องด้านในอยู่รอบๆโมดูลมีรูปร่างแบบใหม่ที่สามารถขยายและ หดได้เมื่อมีแรงกดพร้อมๆกับรับแรงกระแทกและกันไม่ให้การกระทบกระเทือนไปที่ โมดูล ตัวป้องกันออกแบบมาให้ปกคลุมหน้าปัดกว้างที่สุดเท่าที่จะทำได้โดยไม่บดบัง ข้อมูลบนหน้าปัดทั้งนี้เพื่อปกป้องหน้าปัดจากการกระแทก มีการฝัง GEL® ไว้ที่เลข 12, 3, 6, และ 9 เพื่อการป้องกันภายในอีกชั้น การป้องกันรอยกระแทกจากตัวปกป้องและการคืนตัวอย่างรวดเร็วของα GEL® ทำให้เกิดโครงสร้างกันกระแทกรูปแบบใหม่ที่ หัวสายนาฬิกามีสกรูยึดไว้ทั้ง 2 ข้างเพื่อลดโอกาสที่หัวนาฬิกาจะหลุดออกเมื่อนาฬิกาตกพื้น ที่พื้นผิวหน้าของปุ่มขนาดใหญ่มีลวดลายเพื่อลดโอกาสการลื่นหลุดมือและช่วย ให้ใช้งานได้มีประสิทธิภาพขึ้น สกรูที่ยึดตัวสายช่วยลดช่องว่างระหว่างสายกับตัวเรือนเพื่อป้องกันไม่ให้ โคลนและดินหลุดเข้าไประบบ พลังงานแสงอาทิตย์แบบทนทาน (Tough Solar power system) ให้พลังงานมากมายเพื่อให้นาฬิกาทำงานได้โดยไม่ต้องกังวลว่าไฟจะหมด คุณสมบัติทั้งหมดนี้บรรจุอยู่ในตัวเรือนดีไซน์ที่ใหญ่ที่สุดที่เคยมีมาของ ตระกูล G-SHOCK ทั้งหมดเพื่อลุคที่ดูแข็งแรงและทรงพลังข้อมูลจำเพาะกระจกมิเนอรัลทนทานต่อแรงสั่นสะเทือนกันโคลนกันน้ำลึก 200 เมตรวัสดุตัวเรือน / กรอบ: เรซินสายเรซินไฟ EL ให้แสงสว่างพื้นหลัง หน้าปัดไฟ EL อัตโนมัติเต็มรูปแบบ, เลือกระยะเวลาการเรืองแสงได้ แสงระเรื่อใช้พลังงานแสงอาทิตย์ได้รับสัญญาณอัตโนมัติถึง 6* ครั้งต่อวัน (จะยกเลิกค่าที่รับได้อัตโนมัติที่เหลือทันทีเมื่อมีการรับค่าอีกค่าหนึ่งได้แล้ว)*5 ครั้งต่อวัน สำหรับการรับสัญญาณเทียบเวลามาตรฐานจากประเทศจีนการรับด้วยตัวเองผลการรับสัญญาณครั้งล่าสุดสัญญาณเทียบเวลามาตรฐานชื่อสถานี: DCF77 เมืองมายน์ฟลินเกน ประเทศเยอรมนีความถี่: 77.5 กิโลเฮิร์ตซ์ชื่อสถานี: MSF (เมืองอันธอร์น ประเทศอังกฤษ)ความถี่: 60.0 กิโลเฮิร์ตซ์ชื่อสถานี: WWVB (เมืองฟอร์ต คอลลินส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา)ความถี่: 60.0 กิโลเฮิร์ตซ์ชื่อสถานี: JJY (เมืองฟุกุชิมา, ฟุกุโอกะ/ซากะ ประเทศญี่ปุ่น)ความถี่: 40.0 กิโลเฮิร์ตซ์ (ฟุกุชิมา) / 60.0 กิโลเฮิร์ตซ์ (ฟุกุโอกะ/ซากะ)ชื่อสถานี: BPC (เมืองฉางชิว, มณฑลเหอหนาน ประเทศจีน)ความถี่: 68.5 กิโลเฮิร์ตซ์จับเวลาละเอียด 1/100 วินาที จับเวลาต่อเนื่องสูงสุด: 23:59'59.99'' รูปแบบการจับเวลา: การจับเวลาตั้งแต่เริ่มต้นถึงตำแหน่งปัจจุบัน (Elapsed time), จับเวลาเป็นช่วงๆในระหว่างจุดเริ่มต้นถึงสิ้นสุด (Split time) และเวลาเข้าเส้นชัยของผู้แข่งขันที่ได้ตำแหน่งที่ 1 และ 2ตัวนับเวลาถอยหลัง หน่วยวัด: 1 วินาที ช่วงเวลานับถอยหลัง: 24 ชั่วโมง ระยะเวลาที่เริ่มต้นนับถอยหลังที่ตั้งได้: 1 นาทีถึง 24 ชั่วโมง (เพิ่มทีละ 1 นาที, เพิ่มทีละ 1 ชั่วโมง)นาฬิกาปลุกที่ทำงานทุกวัน นาฬิกาปลุกที่ทำงานทุกวันที่ทำงานแยกกัน 5 ตัว (นาฬิกาปลุกที่ปลุกแค่ครั้งเดียว 4 ตัว และนาฬิกาปลุกที่ปลุกซ้ำได้ 1 เครื่อง)สัญญาณแจ้งต้นชั่วโมงตัวระบุพลังงานในแบตเตอรี่ประหยัดพลังงาน (จอแสดงข้อมูลจะไม่แสดงข้อมูลใดๆหากนาฬิกาวางทิ้งอยู่ในที่มืด)แสดงปฏิทินแบบเต็มโดยอัตโนมัติ (ถึงปี 2099)แสดงเวลารูปแบบ 12/24 ชั่วโมงเปิด/ปิดเสียงการทำงานของปุ่มการบอกเวลาแบบทั่วไป: ชั่วโมง นาที วินาที เวลาหลังเที่ยง เดือน วันที่ วันในรอบสัปดาห์อายุการใช้งาน โดยประมาณ:11 เดือนกับแบตเตอรี่ที่ชาร์จไฟได้ (ซึ่งเป็นเวลาการทำงานปกติโดยที่นาฬิกาไม่โดนแสง) และ 27 เดือนกับแบตเตอรี่ที่ชาร์จไฟได้ (ซึ่งเป็นเวลาการทำงานปกติเมื่อเก็บนาฬิกาไว้ในที่มืดพร้อมกับเปิดฟังก์ชัน ประหยัดพลังงานหลังจากที่ชาร์จแบตเตอรี่เต็มแล้ว)ขนาด: 55.5 X 53.6 X 17.5 mmน้ำหนักรวม: 88 gไฟ EL:เขียวอมฟ้า