66. ความเกิดแห่งกองทุกข์ และ ความดับแห่งกองทุกข์ ตอนที่ 7

การปฏิบัติศีล สมาธิ และ ปัญญา
เพื่อทำให้เกิด การเคลื่อนไปตามทาง “อริยมรรคมีองค์ 8” สู่ความดับแห่งกองทุกข์ทั้งมวล
สามารถปฏิบัติได้ 2 แนวทาง คือ
แนวทางที่ 1 ปฏิบัติศีลให้สูงขึ้นโดยลำดับ (ให้เป็นอธิศีล) โดยใช้ศีลที่พระพุทธองค์ทรงบัญญัติเอาไว้ คือ ศีล 5 ศีล 8 ศีล 10 และ ศีลพระปาฏิโมกข์
แนวทางที่ 2 ปฏิบัติศีลให้สูงขึ้นโดยลำดับ (ให้เป็นอธิศีล) โดยใช้อริยมรรคมีองค์ 8 เป็นแนวทางในการกำหนดตั้ง เรียกว่า อธิสีลสิกขา อธิจิตตสิกขา และ อธิปัญญาสิกขา
***************
แนวทางที่ 1 เป็นแนวทางที่หลายๆคน อาจมองว่า เป็นเรื่องที่ปฏิบัติได้ค่อนข้างยาก เพราะ มีศีลที่ต้องยึดถือปฏิบัติค่อนข้างมาก
แต่ถ้าหากเข้าใจ หลักการปฏิบัติศีล สมาธิ และ ปัญญา แล้ว
จะพบว่า จริงๆแล้ว ไม่ได้ยากจนเกินไปนัก
เพราะ เมื่อเราสามารถปฏิบัติศีลข้อหนึ่งข้อใดได้ จนเป็นปกติของเราแล้ว เราก็ไม่ต้องยึดต้องถือศีลข้อนั้น อีกต่อไป
หรือ ศีลบางข้อ อาจเป็นปกติของเราอยู่แล้ว เช่น ไม่ลักทรัพย์ ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่เสพสุราและสิ่งเสพติด ฯลฯ แนวทางที่ 2 เป็นแนวทางที่ผู้เขียนยึดถือปฏิบัติอยู่
ผู้เขียนคิดว่า แนวทางที่ 2 เป็นแนวทางที่เหมาะอย่างยิ่ง สำหรับผู้ปฏิบัติที่เป็นฆราวาส
***************
เป้าประสงค์หลักของการปฏิบัติศีล สมาธิ และปัญญา คือ
เพื่อละกิเลส คือ ราคะ โทสะ และ โมหะ
***************
๔. วัชชีปุตตสูตร
ว่าด้วยภิกษุวัชชีบุตร
[๘๕] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ กูฏาคารศาลา ป่ามหาวัน เขตกรุงเวสาลี
ครั้งนั้น ภิกษุวัชชีบุตร๑รูปหนึ่ง เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายอภิวาทแล้วนั่ง ณ ที่สมควร
ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ สิกขาบท ๑๕๐ ถ้วน๒นี้ มาถึงวาระที่จะยกขึ้นแสดงเป็นข้อ ๆ ตามลำดับ ทุกกึ่งเดือน ข้าพระองค์ไม่สามารถศึกษาในสิกขาบทนี้ได้”
พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า “ภิกษุ ก็เธอจักสามารถศึกษาในสิกขา ๓ คือ อธิสีลสิกขา อธิจิตตสิกขา และอธิปัญญาสิกขา หรือ”
ภิกษุวัชชีบุตรนั้น กราบทูลว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์สามารถศึกษาในสิกขา ๓ คือ อธิสีลสิกขา อธิจิตตสิกขา และอธิปัญญาสิกขาได้”
พระผู้มีพระภาคจึงตรัสว่า ถ้าเช่นนั้น เธอจงศึกษาในสิกขา ๓ คือ อธิสีลสิกขา อธิจิตตสิกขา และอธิปัญญาสิกขา
เมื่อใด เธอศึกษาอธิสีลสิกขา อธิจิตตสิกขา และอธิปัญญาสิกขา เมื่อนั้น เธอผู้ศึกษาอธิศีลสิกขา อธิจิตตสิกขา และอธิปัญญาสิกขาอยู่ ก็จักละราคะ โทสะ และโมหะได้ เพราะละราคะ โทสะ และโมหะได้ เธอจักไม่ทำกรรมที่เป็นอกุศล จักไม่ประพฤติสิ่งที่เลวทรามอีก
ครั้นต่อมา ภิกษุนั้นศึกษาอธิสีลสิกขา อธิจิตตสิกขา และอธิปัญญาสิกขา เมื่อเธอผู้ศึกษาอธิศีลสิกขา อธิจิตตสิกขา และอธิปัญญาสิกขาอยู่ ก็ละราคะ โทสะ และโมหะได้ เพราะละราคะ โทสะ และโมหะได้แล้ว เธอจึงไม่ทำกรรมที่เป็นอกุศล ไม่ประพฤติสิ่งที่เลวทรามอีก
วัชชีปุตตสูตรที่ ๔ จบ เชิงอรรถ : ๑ วัชชีบุตร หมายถึงเป็นบุตรของวัชชีราชสกุล (องฺ.ติก.อ. ๒/๘๕/๒๓๙)
เชิงอรรถ : ๒ สมัยที่พระวัชชีบุตรกราบทูลพระผู้มีพระภาคนั้น สิกขาบทที่ทรงบัญญัติไว้มีเพียง ๑๕๐ ข้อ (องฺ.ติก.อ. ๒/๘๕/๒๔๐)
{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๒๐ หน้า :๓๑๐-๓๑๑ } หมายเหตุ:
1. สิกขาบท น. ข้อศีล, ข้อวินัย. (ความหมายจาก พจนานุกรมแปล ไทย-ไทย อ.เปลื้อง ณ นคร)
2. ภายหลังสิกขาบทได้เพิ่มเป็น 227 ข้อ ชาญ คำพิมูล
Create Date : 30 สิงหาคม 2563 |
Last Update : 30 สิงหาคม 2563 13:43:17 น. |
|
1 comments
|
Counter : 611 Pageviews. |
 |
|
|
imiwin