|
 |
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 |
|
|
 |
7 ตุลาคม 2552
|
|
|
|
+++เที่ยวนครนายก+++ไหว้หลวงพ่อปากแดง+++ล่องเรือที่เขื่อนขุนด่านปราการชล
เที่ยวใกล้ๆบ้านที่จังหวัดนครนายกครั้งนี้ ใช้เวลาครึ่งวันเอง เนื่องจากต้องเปลี่ยนแผนการเที่ยว จากการที่ต้องพาเด็กๆไปเล่นที่ดรีมเวิร์ลยามปิดเทอม ... แต่ พอไปเห็นคิวเพื่อซื้อตั๋วที่ทางเข้า โห...คนเยอะแยะมากมายมหาศาล
แบบนี้ไม่มีทางสนุกแน่นอน เพราะต้องเสียเวลาไปกับการเข้าคิวยาวเพื่อเล่นทุกๆอย่าง
เราจะแวะนมัสการหลวงพ่อปากแดงที่วัดพราหมณีกันก่อน ซึ่งอยู่บนเส้นทางที่จะไปน้ำตก+เขื่อนนั่นแหล่ะค่ะ หาไม่ยากเลย ... ... วัดนี้เขาว่าดัง มีคนชอบไปขอเลขเด็ดๆกันเยอะ
ถึงไม่ขอเลข ก็ขอเข้าไปทำบุญเฉยๆอย่างปกติก็ดี ไหนๆก็ผ่านแล้วนี่นะ
ในวัดมีขายของ/อาหาร เหมือนตลาดนัดย่อมๆ ....คนเยอะ
เมื่อไหว้พระแล้ว ไปทำบุญเจิมหน้าผาก ได้ตะกรุดมาคนละ 1 องค์

จากนั้นมุ่งหน้าไปเที่ยวเขื่อน......
เขื่อนขุนด่านปราการชล ++++++จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี+++++++++
เขื่อนขุนด่านปราการชล เป็นเขื่อนคอนกรีตอัดบดยาวที่สุดในประเทศไทยและในโลก
ตั้งอยู่ที่บ้านท่าด่าน ตำบลหินตั้ง อำเภอเมือง จังหวัดนครนายก
สร้างขึ้นตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อบรรเทาความทุกข์ยากที่เกิดกับประชาชนชาวนครนายก และจังหวัดใกล้เคียง
ตัวเขื่อน ประกอบด้วยเขื่อนหลักและเขื่อนรองสร้างด้วยคอนกรีตบดอัด ปัจจุบันเป็น เขื่อนคอนกรีตบดอัดที่มีความยาวที่สุดในโลก มีความยาวรวม 2,720 เมตร ความสูง (สูงสุด) 93 เมตร
รับน้ำที่ไหลจากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ผ่านน้ำตกเหวนรกลงสู่อ่างเก็บน้ำ มีความจุ 224 ล้าน ลบ.ม.
ประโยชน์ มีน้ำในการทำเกษตรกรรม การอุปโภคบริโภค แก้ปัญหาดินเปรี้ยว เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลา และบรรเทาอุทกภัย เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ ของนครนายก
นักท่องเที่ยวสามารถชมอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ได้จากบริเวณสันเขื่อน จะเห็นทิวทัศน์ด้านหน้าเขื่อน และชมทิวทัศน์เมืองนครนายกด้านหลังเขื่อน
ในอนาคตมีโครงการจะสร้างแก่งเทียมเพื่อการท่องเที่ยวและกีฬา และเป็นสนามสลาลอมนานาชาติ ซึ่งจะเป็นแห่งเดียวในภูมิภาคนี้ หากก่อสร้างแก่งเทียมแล้วเสร็จ จะสร้างกิจกรรมท่องเที่ยว และสร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการด้านการท่อง เที่ยวของจังหวัดนครนายกเพิ่มขึ้น
....
ทำการว่าจ้างเรือหางยาวเพื่อล่องดูวิวทิวทัศน์เหนือเขื่อน สนนราคาคนละ 200 บาท เราไปกัน 4 คน และเด็ก 1 คน เขาลดราคาให้เด็กเหลือ 100 บาท ... จ่ายไปทั้งหมด 900 บาท ...
ถามเขาว่าจะใช้เวลาเท่าไหร่ เขาว่าประมาณ 1 ชม. แต่จริงๆ ก็เกือบ 2 ชม. ได้ นี่ขนาดไม่ได้เดินขึ้นไปดูน้ำตกนานเท่าไหร่นะคะ
ในเรือมีชูชีพให้บริการ และควรจะสวมไว้ตลอดเพื่อความปลอดภัย ยกเว้นจะถอดออกเวลาขึ้นบกชมน้ำตกค่ะ
(ขากลับ คนขับเรือยังเตือนให้ใส่เสื้อชูชีพจนกว่าจะจอดเข้าท่า เพราะจะมีเจ้าหน้าที่คอยมองอยู่ ... คงเป็นมาตราการให้คนเรือดูแลนักท่องเที่ยว เพื่อความปลอดภัย)
มีน้ำตกให้เดินชม 3 แห่ง คือ น้ำตกแสนงอน น้ำตกคลองคราม และน้ำตก....??? แหะๆ ลืมซะแล้ว !!!







แล้วไปนั่งรถชมสันเขื่อนค่ะ ค่ารถคนละ 20 บาท มีไกด์มาอธิบายข้อมูลของเขื่อนให้ฟังบนรถด้วยค่ะ

ข้อมูลก็จะประมาณนี้ค่ะ (อ้างอิงจากเว็ปค่ะ)
ความเป็นมาของโครงการ
ลุ่มแม่น้ำนครนายกเห็นลุ่มแม่น้ำขนาดใหญ่ มีพื้นที่รับน้ำประมาณ 2 , 430 ตารางกิโลเมตร
ครอบคลุมพื้นที่ตั้งอำเภอเมือง อำเภอบ้านนา อำเภอปากพลี ไปจนถึงอำเภอองครักษ์ ลุ่มน้ำ นครนายกตอนบน มีต้นกำเนิดอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่จากบริเวณต้นน้ำจนถึงอ่างเก็บน้ำ
คลองท่าด่าน มีลักษณะเป็นหุบเขาแคบ ๆ และพื้นที่สูงชัน พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นป่าไม้ตอนกลาง ได้แก่
พื้นที่ส่วนขยายของโครงการชลประทานท่าด่าน เป็นที่ราบมีผู้คนอาศัยอยู่หนาแน่น ในบริเวณนี้ ระดับน้ำใต้ดินมีการลดระดับหรือพื้นที่ลาดเทค่อนข้างมากทำให้น้ำไหลบ่ารุนแรง
ในช่วงฤดูฝนและตอนล่างได้แก่บริเวณพื้นที่ชลประทานนครนายก เป็นพื้นที่ราบกว้างขวาง มีระดับน้ำใต้ดินต่ำจึงเกิดปัญหาขาดแคลนน้ำในฤดูแล้งส่วนในฤดูฝนกลับเกิดปัญหาน้ำท่วม
เนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบที่มีความลาดเอียงน้อยทำให้น้ำระบายอกยากน้ำจึงท่วมขังเป็นเวลานาน
ลุ่มน้ำนครนายกได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงเดือนตุลาคม ทำให้เกิดฝนชุกโดยเฉลี่ยประมาณ 1 , 500 ถึง 2 ,000 มม. ต่อปีหรือร้อยละ 87
และระหว่างเดือนมิถุนายนถึง เดือนตุลาคม ยังเป็นช่วงที่มีน้ำท่าสูงสุดถึงร้อยละ 93 ของปริมาณน้ำท่าเฉลี่ยทั้งปี
น้ำฝนที่ตกลงมาจะไหลเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎร ไร่นา และพื้นที่ทำการเกษตรโดยรอบ บางแห่งน้ำท่วมแช่อยู่นาน จนไร่นาและพื้นที่ทำการเกษตรเสียหาย อ่างเก็บน้ำที่มีอยู่ก็ไม่สามารถเก็บกักน้ำส่วนกินนี้ไว้ในฤดูแล้งได้
ดังนั้นช่วงปลายปีเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนพฤษภาคมอันเป็นช่วงฤดูแล้ง จึงมักเกิดการขาดแคลนน้ำอย่างรุนแรง
แม้ว่าบริเวณลุ่มแม่น้ำจะมีระบบชลประทานขนาดเล็กและขนาดกลางโดยมีฝาย เช่น ฝายท่าด่าน หรือเขื่อนทดน้ำตามลำน้ำเป็นระยะๆ เพื่อใช้ตัวลำน้ำเอง เป็นพื้นที่เก็บกักน้ำในช่วงฤดูฝน และยังใช้อ่างเก็บน้ำตามลำน้าสาขาทางต้นน้ำนครนายก ช่วยเก็บกักด้วย ก็ยังพอที่จะช่วยป้องกันน้ำหลากในช่วงฤดูฝน และไม่เพียงพอที่จะเก็บกักน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้ง โดยเฉพาะบางทีที่ฝนทิ้งช่วง
ลำน้ำนครนายกเองก็ไม่สามารถเก็บกักน้ำไว้เพื่อชลประทานได้ ตรงกันข้ามเมื่อถึงช่วงฤดูฝน น้ำกลับไหลบ่าลงมาท่วมบ้านเรือน ไร่นา และพื้นที่การเกษตร ของราษฎรทำให้เกิดการสูญเสียอย่างมาก พื้นที่บางส่วนจมอยู่ในน้ำเป็นเวลานาน
แต่พอถึงฤดูแล้ง น้ำกลับแห้งผากจากสภาวะน้ำท่วมแช่อยู่เป็นเวลานาน สลับกับความแล้งซ้ำซาก ทำให้ดินกลายสภาพเป็นกรดที่เรียกว่าว่า ดินเปรี้ยว
ในแต่ละปี ดินเปรี้ยวสร้างความสร้างความเสียหายอย่างหนักให้กับผลผลิตทางการเกษตรในจังหวัดนครนายก
ด้วยเหตุผลดังกล่าว โครงการเขื่อนคลองท่าด่านฯจึงเกิดขึ้นโดยมีความ มุ่งมั่นที่จะขจัดปัญหา น้ำท่วม น้ำแล้ง และดินเปรี้ยว
ด้วยการพัฒนาแหล่งน้ำ และระบบชลประทานขนาดใหญ่ ที่สามารถเก็บกักน้ำและจัดสรรน้ำอย่างเป็นระบบ ให้พอเพียงกับความต้องการของกิจกรรมทุกประเภท ภายในลุ่มน้ำนครนายกและพื้นที่ใกล้เคียง
ดังนั้นเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2536 เนื่องในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงพระราชทานพระราชดำริให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชลประทานพิจารณาวางโครงการและก่อสร้างเขื่อนคลองที่ด่านฯ และได้ดำเนินการก่อสร้างเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2542
โดยจะใช้เวลาก่อสร้าง 5 ปี
และเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2544 พระบาทสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เสด็จพระราชดำเนินทรงวาง ศิลาฤกษ์เขื่อนคลองท่าด่านฯ ซึ่งนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณและเป็นสิริมงคลสูงสุดแก่พสกนิกรชาวจังหวัดนครนายก
โครงการก่อสร้าง 5 ( โครงการท่าด่าน ) สำนักโครงการขนาดใหญ่
เขื่อนคลองท่าด่านฯ เป็นโครงการชลประทานขนาดใหญ่ จุดประสงค์หลัก คือ สร้างเพื่อเก็บกักน้ำในช่วงหน้าฝนไว้ในหน้าแล้ง และควบคุมไม่ให้เกิดน้ำท่วมบ้านเรือนราษฎร ไร่นา และพื้นที่การเกษตรในหน้าฝน
โดยสร้างครอบฝายท่าด่าน
ที่ตั้งโครงการ บ้านท่าด่าน ตำบลหินตั้ง อำเภอเมือง จังหวัดนครนายก
ลักษณะโครงการ
เขื่อนคอนกรีตบดอัดแน่น (Rcc Dam: Roller-Concrete Dam) ประกอบด้วย
เขื่อนหลัก RCC-B และ เขื่อนรอง RCC-S ความสูงเขื่อน ( สูงสุด ) 93 เมตร ความยาวเขื่อนรวม 2 , 720 เมตร ความกว้างสันเขื่อน ( กว้างที่สุด ) 8 เมตร ระดับสันเขื่อน +112 เมตร (รทก.) ปริมาตรตัวเขื่อนทั้งหมด 5.47 ล้านลูกบาศก์เมตร
เขื่อนดินปิดช่องเขาต่ำ (Saddle Dam) เป็นเขื่อนดินบดอัด
ความสูง 46 เมตร ความยาว 350 เมตร ปริมาตรเขื่อน 1.22 ล้านลูกบาศก์เมตร
อ่างเก็บน้ำ (Reservoir)
ระดับน้ำที่เก็บกักปกติ +110 เมตร ( รทก. ) ปริมาณน้ำเก็บกัก 224 ล้านลูกบาศก์เมตร
อาคารประกอบ
อาคารผันน้ำ (Diversion Sluice) อาคารระบายน้ำล้น (Spillway) อาคารระบายน้ำฉุกเฉิน (Bottom Outlet) อาคารระบายลำน้ำเดิม (River Outlet) อาคารระบายน้ำคลองชลประทาน (Irrigation Outlet)
การบริหารจัดการ น้ำ เพื่อแก้ปัญหาน้ำแล้งเมื่อเขื่อนเสร็จ
เขื่อนคลองท่าด่านฯ สามารถจัดสรรน้ำให้กับพื้นที่ได้ทั้งหมด 206 , 359 ไร่ โดยเป็นพื้นที่ ชลประทานสุทธิทั้งหมดจำนวน 6 , 000 ไร่ ประกอบด้วย
- โครงการท่าด่านเดิม 6 , 000 ไร่ ส่งน้ำให้ราษฎรโดยก่อสร้างคลองส่งน้ำดาดคอนกรีต ยาว 21.91 กม. ช่วยให้น้ำไม่สูญเสียระหว่างทาง ซึ่งเป็นโครงการเก่าตามพระราชดำริ ถูกใช้งานมานานแล้วและเคยให้น้ำแก่เกษตรกรได้ประมาณหมื่นไร่
นอกจากปัญหาหลักๆ ที่จะได้รับการแก้ไขจากการสร้างเขื่อนคลองท่าด่านฯ แล้ว ผลพลอยได้ที่ตามมาก็คือ ประโยชน์ทางอ้อมซึ่งล้วนแต่จะเป็นผลดีอย่างใหญ่หลวงแก่ชาวนครนายก เช่น
ทัศนียภาพและสิ่งแวดล้อม บริเวณตัวเขื่อนและรอบอ่างเก็บน้ำ จะได้รับการพัฒนากลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว ที่มีคุณค่าในเชิงสันทนาการและการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ อีกทั้งพื้นที่อ่างเก็บน้ำ ยังกลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์สัตว์น้ำนานาชนิด รวมถึงเป็นแหล่งชุมชนของนกนานาพันธุ์
ซึ่งนอกจากจะสร้างความสมบูรณ์ทางระบบ นิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพแล้วยังช่วยสร้างงาน สร้างรายได้ให้ท้องถิ่นอย่างมหาศาล สมดังพระราชประสงค์ขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงหมายให้ น้ำทิพย์นี้นำความสุขสมบูรณ์มาสู่ราษฎรของพระองค์อย่างยั่งยืนตลอดไป เขื่อนคลองท่าด่านฯ เพื่อประโยชน์สุขของประชาชน
• แหล่งน้ำและระบบชลประทานขนาดใหญ่ ที่สามารถเก็บกักน้ำและจัดสรรน้ำอย่างเป็นระบบ สำหรับพื้นที่ทำการเกษตรรวมทั้งแหล่งน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภคของจังหวัด • บรรเทาอุทกภัยแก่พื้นที่ทั้งสองฝั่งของแม่น้ำนครนายก • เกษตรกรได้รับประโยชน์จากโครงการประมาณ 5 , 400 ครัวเรือน • ใช้น้ำชลประทานชะล้างดินเปรี้ยวจนเหมาะสมแก่การใช้เพาะปลูก • เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลาและแหล่งประมงน้ำจืด • เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์แห่งใหม่ • เศรษฐกิจของจังหวัดนครนายกขยายตัว ราษฎรมีรายได้มากขึ้น
Create Date : 07 ตุลาคม 2552 |
Last Update : 7 ตุลาคม 2552 12:43:30 น. |
|
5 comments
|
Counter : 4306 Pageviews. |
|
 |
|
|
โดย: Sasi_chon วันที่: 7 ตุลาคม 2552 เวลา:15:46:03 น. |
|
|
|
โดย: Poo (myroom_pu ) วันที่: 7 ตุลาคม 2552 เวลา:16:26:43 น. |
|
|
|
โดย: praraam วันที่: 7 ตุลาคม 2552 เวลา:21:42:57 น. |
|
|
|
โดย: ไอฟายน้อย (Ces ) วันที่: 13 ตุลาคม 2552 เวลา:6:30:53 น. |
|
|
|
| |
|
 |
ceacar salad |
|
 |
|
|
ขอบคุงค่ะ