|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
ขนมตั้งเปรต..ในงานบุญเดือน 10 ชาวเมืองคอน
วันนี้ (14 ตค. 50) เป็นวันสุดท้ายของงานบุญสารทเดือน 10 ของเมืองนครศรีธรรมราชในปีนี้ ช่วงเดือนที่แล้วแม่ผมไปทำงานอยู่นครศรีธรรมราช 17 วัน ในระหว่างนั้นมีการแถลงข่าวงานบุญเดือนสิบ ที่โรงแรมทวินโลตัส ซึ่งในงานก็บอกเล่าประวัติความเป็นมาของประเพณีนี้ ที่สรุปได้ว่าเป็นการทำบุญให้บรรพบุรุษที่ทำไม่ดีตอนมีชีวิตอยู่ ทำให้ตายไปต้องไปอยู่ในแดนอบายภูมิ 2 แห่ง คือ เปรตภูมิ กับคนนรกภูมิ โดยเชื่อกันว่า.. ผู้ที่อยู่ในแดนอบายภูมิดังกล่าวนี้จะมารับอาหารและบุญกุศลจากลูกหลานในวันแรม 1 ค่ำ ถึงแรม 15 ค่ำเดือนสิบ ดังนั้นในวันนี้ลูกหลานจะเตรียมอาหารหวานคาวใส่หฺมฺรับ (สำรับ)เพื่อส่งไปให้บรรพชนรวมทั้งจัดอาหารให้บิดามารดา ผู้มีพระคุณ และถวายพระภิกษุด้วย เพื่อความเป็นศิริมงคลแก่ตนและครอบครัว จากที่แม่ผมฟังที่มาของประเพณีทำให้สรุปได้ว่าคนไทยในอดีตจริงใจ กตัญญู และยอมรับความจริงมาก คือ รู้ว่าบรรพชนตนเองทำตัวไม่ดี ต้องไปเป็นเปรตใช้กรรม แต่ลูกหลานก็ไม่อายยอมรับได้ และมีความกตัญญูโดยการทำบุญไปให้ทุกปี
โดยในวันแรม 15 ค่ำ จะเรียกว่าวันหลองหฺมฺรับ(ฉลองสำรับ) หรือส่งเปรต ก็จะมีการยกหฺมฺรับใหญ่ถวายพระ และทำหฺมฺรับไปตั้งรวมไว้ที่บริเวณตั้งเปรต ในอาหารที่ตั้งสำรับนี้ขนมหวานสำคัญของประเพณีเดือนสิบที่ขาดไม่ได้ของชาวนครฯ คือ ลา พอง ไข่ปลา(กง) สะบ้า และดีซำ(เบซำ) เมื่อตั่งสำรับอาหารเสร็จก็จะอธิษฐานให้เปรตบรรพชนได้กิน แล้วก็จะมีการให้สัญญาณชิงอาหารและสิ่งของที่ตั้งไว้ให้เปรต เรียกว่า "การชิงเปรต" เป็นกิจกรรมหนึ่งในประเพณีนี้ที่ทำให้เกิดความสนุกสนาน
โดยขนมทั้ง 5 ที่ใช้ในวันหลองหฺมฺรับจะเป็นขนมที่ทำจากแป้งผสมกับน้ำตาลแล้วนำไปทอดทั้งสิ้น ซึ่งในวันแถลงข่าวมีขนมทั้ง 5 มาให้สื่อมวลชนชิม แม่ผมชิมแล้วไม่ชอบสักอย่าง เพราะแม่ผมไม่ชอบแป้งทอดหวานๆ แบบกระด้างๆ ซึ่งขนมแต่ละอย่างจะมีความหมายและวิธีทำคร่าวๆ ดังนี้
ขนมลา มีความหมายใช้แทนเสื้อผ้า แพรพรรณ เครื่องนุ่งห่ม เหตุเพราะขนมลามีรูปทรงดังผ้าถักทอ พับ แผ่ เป็นผืนได้
วิธีทำขนมลา
- ผสมแป้งมันสำปะหลัง 9 ส่วน แป้งข้าวเจ้า 2 ส่วน และ น้ำตาลปี๊บ 5 ส่วน โดยผสมน้ำตาลปี๊บและน้ำเปล่าเล็กน้อย และนำ ไปตั้งไฟอ่อน ๆ เพื่อให้น้ำตาลปี๊บกับน้ำละลายเข้ากันได้ดี ทิ้งไว้ให้อุ่น แล้วเทแป้งทั้งสองลงไปจนหมด ในขณะที่เทต้องใช้ไม้พายเล็ก ๆ กวนให้แป้งและน้ำตาลปี๊บเข้ากัน ซึ่งการกวนแป้งนี้ใช้เวลาประมาณ 30 นาที แป้งที่ออกมาจะมีลักษณะเหนียว ๆ ข้น ๆ มีสีน้ำตาลอ่อน
- ถ้าจะทำขนมลากรอบ ตั้งกระทะใช้ไฟแรงปานกลาง เช็ดกระทะด้วยแท่ง อะลูมิเนียมยาวที่พันผ้าไว้ ตรงปลาย ซึ่งจุ่มน้ำมันพืชเตรียมไว้ จากนั้นตักแป้ง ใส่ลงในกระป๋องสเตนเลส ที่เจาะรูไว้ แล้วนำมาโรยวนรอบกระทะ 2-3 รอบ ทิ้งไว้ สักครู่เพื่อให้ขนมสุกออกสีเหลือง ใช้ที่ตักขนมลาแซะ ขนมขึ้นมาพันกับแท่งอะลูมิเนียมอีกอันหนึ่งให้ทั่วทั้งแท่ง แล้วค่อย ๆ ดึงขนมออกมาโรยน้ำตาลตั้งพักไว้
- ถ้าเป็นขนมลานิ่มให้ตักขนมจากกระทะขึ้นมาเป็น แผ่นเลย แล้วตั้งทิ้งไว้ 1 คืน เพื่อให้ขนมนิ่ม จากนั้น พับเป็นแผ่นสี่เหลี่ยม นอกจากนี้ยังมีการนำขนมลานิ่มมาห่อพระธาตุ แล้วประดับด้วยขนมอื่นๆ
ขนมพอง มีความหมายว่าเป็นเครื่องประดับ และเป็นสัญลักษณ์แทนเรือ แพ ที่บรรพบุรุษใช้ข้ามห้วงมหรรณพ เหตุเพราะขนมพองนั้นแผ่ดังแพมีน้ำหนักเบาย่อมลอยน้ำ และขี่ข้ามได้
วิธีทำขนมพอง ทำจากข้าวเหนียวเหมือนกับขนมนางเล็ด แช่ข้าวสารเหนียวไว้สัก 1 คืนก็พอ แล้วนำมานึ่งให้สุก อัดลงพิมพ์ที่ทำจากแผ่นไม้ไผ่บาง ๆ มัดด้วยหวายเป็นรูปกลม ใส่กระด้งไปตากแดดจนแห้ง แล้วจึงเอามาทอดให้ฟูพอง
ขนมเจาะหู (เบซำ หรือดีซำ) ใช้แทนเงิน เบี้ยหรือสตางค์มีรูในสมัยก่อน สำหรับใชัสอย เหตุเพราะรูปทรงของขนมคล้ายเบี้ยหอย
วิธีทำขนมเจาะหู (เบซำ หรือดีซำ) ทำจากแป้งข้าวจ้าวและน้ำผึ้งโหนด โดยแช่ข้าวสารไว้เพียงคืนเดียว แล้วนำมาล้างให้หมดกลิ่น กระจายทิ้งไว้จนแห้งจึงเอามาตำให้ได้แป้งเนื้อละเอียดเป็นผง ร่อนเอาแต่ที่ละเอียดจริง ๆ ผึ่งทิ้งไว้ให้แห้งอีกครั้ง แล้วจึงเอาลงละลายกับน้ำผึ้งโหนดให้แค่นพอปั้นได้ แล้วให้ปั้นแป้งเป็นวงแบน ๆ เจาะตรงกลางให้เป็นรู (เหมือนโดนัท) เอาไปทอดจนสุก
ขนมบ้า มีความหมายว่า เงินเหรียญ และเป็นสัญลักษณ์แทนลูกสะบ้า สำหรับใช้เล่นต้อนรับสงกรานต์ เหตุเพราะขนมบ้ามีรูปทรงคล้ายลูกสะบ้า การละเล่นที่นิยมในสมัยก่อน
วิธีทำขนมบ้า ทำจากแป้งข้าวเหนียวกับน้ำผึ้งโหนด โดย นำข้าวสารเหนียวโดยแช่น้ำไว้ 1 คืน แล้วนำมาล้างให้หมดกลิ่น กระจายทิ้งไว้จนแห้งจึงเอามาตำให้ได้แป้งเนื้อละเอียดเป็นผง ร่อนเอาแต่ที่ละเอียดจริง ๆ ผึ่งทิ้งไว้ให้แห้งอีกครั้ง แล้วจึงเอาลงละลายกับน้ำผึ้งโหนดให้แค่นพอปั้นได้ โดยปั้นแป้งให้เป็นแผ่นกลมๆ แล้วทอด
ขนมไข่ปลา (ขนมกง ) เป็นเสมือนเครื่องประดับ ใช้ตกแต่งร่างกาย
วิธีทำขนมไข่ปลา (ขนมกง ) ทำจากแป้งข้าวเหนียว น้ำผึ้งโหนด กะทิ เมล็ดถั่วเขียว โดยเตรียมแป้งเหมือนขนมบ้าแต่ไม่ใส่น้ำผึ้ง ใส่หัวกะทิแทน เอาเมล็ดถั่วเขียวไปคั่วจนสุกหอม แล้วมาบดละเอียดกับครกบด ใส่น้ำผึ้งโหนดพอเหนียวจับตัว แล้วคลึงเป็นเส้นยาวเหมือนนิ้วมือ หรือเหมือนไข่ปลา (บางที่เรียกว่า ขนมไข่ปลา) แล้วไปคลุกแป้งที่เตรียมไว้ก่อนทอดกับน้ำมันร้อน ๆ
Create Date : 15 ตุลาคม 2550 |
Last Update : 4 พฤศจิกายน 2550 1:39:04 น. |
|
23 comments
|
Counter : 1117 Pageviews. |
|
|
|
โดย: ซอร์บอนน์ (ซอร์บอนน์ ) วันที่: 15 ตุลาคม 2550 เวลา:2:49:29 น. |
|
|
|
โดย: แป๊กก วันที่: 15 ตุลาคม 2550 เวลา:6:15:16 น. |
|
|
|
โดย: นินจาไร้เงา IP: 222.123.104.19 วันที่: 15 ตุลาคม 2550 เวลา:6:16:43 น. |
|
|
|
โดย: คุณย่า วันที่: 15 ตุลาคม 2550 เวลา:6:20:14 น. |
|
|
|
โดย: grappa วันที่: 15 ตุลาคม 2550 เวลา:7:12:31 น. |
|
|
|
โดย: kai (kaichu ) วันที่: 15 ตุลาคม 2550 เวลา:7:20:04 น. |
|
|
|
โดย: JewNid วันที่: 15 ตุลาคม 2550 เวลา:8:29:11 น. |
|
|
|
โดย: ทูน่าค่ะ วันที่: 15 ตุลาคม 2550 เวลา:10:31:35 น. |
|
|
|
โดย: กุมภีน วันที่: 15 ตุลาคม 2550 เวลา:12:54:53 น. |
|
|
|
โดย: c (chaiwatmsu ) วันที่: 15 ตุลาคม 2550 เวลา:14:11:50 น. |
|
|
|
โดย: เนระพูสี วันที่: 15 ตุลาคม 2550 เวลา:14:33:33 น. |
|
|
|
โดย: FreakGirL วันที่: 16 ตุลาคม 2550 เวลา:7:39:36 น. |
|
|
|
โดย: fairy_tells วันที่: 16 ตุลาคม 2550 เวลา:9:10:36 น. |
|
|
|
โดย: Megu วันที่: 19 ตุลาคม 2550 เวลา:13:01:51 น. |
|
|
|
โดย: แพนนี่ IP: 222.123.151.162 วันที่: 24 ตุลาคม 2550 เวลา:19:08:59 น. |
|
|
|
โดย: sine IP: 125.25.190.152 วันที่: 29 ตุลาคม 2550 เวลา:18:00:04 น. |
|
|
|
โดย: sine IP: 125.25.190.152 วันที่: 29 ตุลาคม 2550 เวลา:18:06:48 น. |
|
|
|
โดย: คุณศุภรัตน์ IP: 58.10.84.197 วันที่: 1 พฤษภาคม 2551 เวลา:9:18:28 น. |
|
|
|
โดย: เต้ IP: 118.173.160.4 วันที่: 2 กันยายน 2551 เวลา:17:52:58 น. |
|
|
|
โดย: เต้ IP: 118.173.160.4 วันที่: 2 กันยายน 2551 เวลา:17:52:59 น. |
|
|
|
|
|
|
|