Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2553
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
3 พฤษภาคม 2553
 
All Blogs
 
‘ปาน’ หลากชนิดของเบบี๋












         เมื่อลูกน้อยเกิดมาคุณพ่อคุณแม่ย่อมรู้สึกปลาบปลื้มยินดี แต่เอ๊ะ...ทำไมที่ผิวหนังมีรอยปื้นและสีผิดปกติ ซึ่งบางครั้งอาจพบตั้งแต่แรกเกิดหรือเกิดขึ้นภายหลังก็ตาม หากคุณพ่อคุณแม่สงสัยว่าความผิดปกตินั้นเป็นปานหรือไม่ และมีอันตรายต่อลูกน้อยไหม เรามาทำความรู้จักปานในทารกแรกเกิดกันดีกว่า

สำหรับทารกแรกเกิดอาจพบปานได้หลายชนิด ดังนี้

          1.ปานดำแต่กำเนิด (Congenital Melanocytic Nevus) แรกเกิดอาจเห็นเป็นสีค่อนข้างแดง ต่อมาภายในเวลาไม่กี่เดือนจะมีสีน้ำตาลเข้มขึ้น หรือบางรายอาจเห็นเป็นสี ดำเข้มหรือน้ำตาลเข้มตั้งแต่แรกคเกิดส่วนใหญ่จะมีขนาดโตกว่าไฝธรรมดา ผิวอาจเรียบหรือนูน ขรุขระเล็กน้อย และอาจมีขนอยู่บนปานดำนั้นร่วมด้วย ปานชนิดนี้มักไม่มีอันตราย นอกจากมีผลในด้านความสวยงาม แต่หากมีขนาดใหญ่ อาจมีโอกาสกลายเป็นมะเร็งได้

          2.ปานมองโกเลียน (Mongolian spot) จะมีลักษณะเป็นปื้นสีเทาหรือสีน้ำเงิน อ่อนขนาดใหญ่ ขนาดตั้งแต่ 0.5 – 11 ซม. มักจะพบบริเวณก้น หลัง อาจพบที่ไหล่หรือศีรษะได้บ้าง ปานชนิดนี้ไม่มีอันตรายใดๆ และมักจะจางหายไปได้เองใน 1 ขวบปีแรก

          3.ปานแดง แบ่งออกได้ตามลักษณะดังนี้
             -  ปานแดงสตรอเบอรี่ (Strawberry Nevus) เป็นตุ่มหรือก้อนนูนสีแดงเข้ม พบในช่วง 1-4 สัปดาห์หลังคลอด มักพบบริเวณใบหน้าและลำคอ ระยะแรกจะโตเร็วจนถึงอายุประมาณ 1 ขวบ จากนั้นสีจะม่วงคล้ำขึ้น และ 85% จะหายไปได้เองภายในอายุประมาณ 7 ขวบ  เหลือเป็นแผลจางๆ  
          ปานชนิดนี้โดยทั่วไปแล้วไม่จำเป็นต้องรักษาเพราะหายเอง แต่ในบางครั้งอาจมีภาวะ แทรกซ้อนได้ เช่น การติดเชื้อ ถ้ามีแผลเกิดขึ้นอาจติดเชื้อได้  มีเลือดออก หากปานมีขนาดใหญ่มากอาจมีภาวะหัวใจล้มเหลวได้  หรือเกิดเกร็ดเลือดต่ำ ซึ่งเกิดจากปฏิกิริยาเกร็ดเลือดทำลาย กันเอง  ซึ่งหากมีภาวะแทรกซ้อน แพทย์จะพิจารณาให้การรักษา เช่น ให้รับประทานยาหรือฉีดยาสเตียรอยด์ (steroid)  เพื่อให้ก้อนปานยุบลงได้ จี้ไฟฟ้าหรือจี้เย็นใช้แสงเลเซอร์ เป็นต้น

 


             -  ปานแดงจากผนังเส้นเลือดผิดปกติ (Capillary Hemangioma) ลักษณะเป็นตุ่มนูนหรือปื้นสีแดงขนาดใหญ่ที่บริเวณใบหน้าซีกใดซีกหนึ่งของร่างกาย 
          ปานชนิดนี้อาจพบความผิดปกติของตาร่วมด้วย เช่น ถ้าพบปานชนิดนี้บริเวณเปลือกตาหรือขมับ อาจมีขนาดใหญ่ขึ้นเบียดตา หรือเกิดต้อหิน ทำให้ตาบอดได้ นอกจากนั้นแล้วอาจพบร่วมกับความผิดปกติของสมองหรือกระดูกได้
          การรักษาปานชนิดนี้มักใช้แสงเลเซอร์ (Vascular laser) ซึ่งผลของการรักษาขึ้นอยู่กับขนาดและตำแหน่งของปานแดง

          4.ปานโอตะ (Nevus of Ota) อาจพบในเด็กแรกเกิด หรือบางรายพบในตอนเป็นผู้ใหญ่แล้ว ลักษณะจะคล้ายปานมองโกเลียน คือมีสีเทาหรือน้ำเงิน แต่มักพบบริเวณโหนกแก้ม หรือขมับ ปานลักษณะนี้จะไม่จางหายไปเหมือนปานมองโกเลียน และจะไม่กลายเป็นมะเร็ง จึงไม่มีอันตรายใดๆ นอกจากไม่สวยงามเท่านั้น เมื่อเด็กโตขึ้นสามารถใช้เลเซอร์รักษาได้

          ปานส่วนใหญ่มักจะไม่อันตราย แต่คุณพ่อคุณแม่ควรหมั่นสังเกตการเปลี่ยนแปลงและความผิดปกติ และหากไม่แน่ใจว่าลูกเป็นปานชนิดใดและอันตรายหรือไม่ ควรพาไปพบแพทย์ผิวหนัง เพื่อรับการวินิจฉัยและติดตามการรักษาต่อไป





นิตยสาร Modern Mom   
 

From: //variety.teenee.com/science/22253.html


Create Date : 03 พฤษภาคม 2553
Last Update : 3 พฤษภาคม 2553 20:57:09 น. 0 comments
Counter : 402 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

bloglover
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add bloglover's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.