บทที่ 21 อนาคตของกล่อมแก้ว
บทที่ 21 อนาคตของกล่อมแก้ว

ณภัทร์วางโทรศัพท์มือถือลงบนโต๊ะเขียนหนังสือด้วยความกังวล หลังจากที่โทร.ไปหาช่อทิพย์หลายรอบแต่ว่าคนเป็นเพื่อนก็ไม่ยอมรับสายเสียที กว่าสามวันที่เธอขาดเรียนไปอย่างไม่มีสาเหตุแถมยังขาดการติดต่อจากเพื่อนๆ อีก ณภัทร์ได้แต่หวังว่าจะไม่เกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นกับเพื่อนรัก หวังว่าช่อทิพย์คงไม่คิดทำร้ายตัวเองเพื่อประชดให้กับความรักที่ได้สูญเสียไป

ตอนนี้เวลาเกือบห้าทุ่มแล้ว แต่ชายหนุ่มรู้สึกนอนไม่หลับจึงออกมาเดินชมพระจันทร์นอกชานเรือนก่อนจะได้ยินเสียงของนางบงกชซึ่งกำลังสนทนากับคบเพลิงอยู่เงียบๆ ริมระเบียงบ้าน ณภัทร์รีบเบี่ยงตัวหลบเข้าไปอีกฟากเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายได้เห็น

“เจ้าคบ...บอกน้าว่ามาสิว่าความสัมพันธ์ของนายกับณภัทร์ตอนนี้เป็นยังไง?...อยู่ในฐานะอะไร” หลังจากที่ถูกถามเรื่องการเรียนมานานคบเพลิงก็ต้องเบิกตากว้างกับคำถามของนางบงกชที่ยืนอยู่ตรงหน้า ชายหนุ่มเสเป็นหันหน้าหนีก่อนยักไหล่และยกยิ้มน้อยๆ

“ก็เพื่อนไงครับ...ผมกับภัทร์เราเป็นเพื่อนกัน” คำตอบที่ได้ยินทำเอาคนที่แอบฟังอยู่ต้องใจหายวาบ

“แต่เหมือนว่าณภัทร์เขาจะไม่ได้คิดกับแกแค่นั้นนะคบเพลิง ช่วงที่น้าไม่อยู่นี่เกิดอะไรขึ้นรึเปล่า?...แกได้ไปทำอะไรภัทร์มั้ย?” สายตาคมกริบของนางบงกชทำเอาคนเป็นหลานหัวเราะร่า คบเพลิงหันมาจ้องหน้าผู้เป็นน้าตรงๆ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของเขาทำให้ณภัทร์คาดเดาคำตอบไม่ถูกเลย

“ทำไมน้าต้องคิดว่าผมจะทำอะไรภัทร์ด้วยล่ะ?...ถึงผมทำ...มันก็แค่ความสนุกชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้นแหละครับ” บงกชตบแขนหลานชายเข้าไปฉาดใหญ่จนชายหนุ่มสะดุ้งโหยง เสียงหัวเราะร่าเริงของเขามันทำให้หยดน้ำตาของณภัทร์ร่วงเผาะลงมาจากขอบตาร้อนผ่าวในที่สุด... แค่ความสนุกชั่วครั้งชั่วคราวอย่างนั้นเหรอ?

คบเพลิงไม่ควรพูดคำนี้ออกมาเลย... ในที่สุดแล้วเขาก็ไม่คิดอะไรกับเราจริงๆ ณภัทร์ !


เทพพิพิธต้องจำใจพากล่อมแก้วออกมาทานอาหารเย็นนอกบ้านเมื่อถูกบิดาและมารดาของเขาบังคับให้ดูแลเธอ หญิงสาวสั่งอาหารมามากมายหลายอย่างหากแต่ชายหนุ่มตรงหน้ากลับไม่มีอารมณ์ที่จะทานอะไรเลย สีหน้าบูดบึ้งเย็นชาทำให้กล่อมแก้วไม่กล้าตักอะไรใส่ปากแม้จะรู้สึกหิวมากก็ตามที

“เทพ...ลองทานนี่ดูนะ แกงเขียวหวานไก่” กล่อมแก้วตักเนื้อไก่ในแกงเขียวหวานใส่จานให้ชายหนุ่ม ก่อนที่เทพพิพิธจะจ้องหน้าเธอตาขวาง

“ไม่ต้องมายุ่งกับฉันได้มั้ย ถ้าฉันจะกิน ฉันตักเองได้” เสียงตะคอกนั้นทำให้ร่างแบบบางชะงักงันก่อนจะก้มหน้างุด สีหน้าที่ไม่พอใจกับท่าทีเหนื่อยหน่ายเย็นชาตั้งแต่ที่เธอเก็บข้าวของมาอยู่กับเขาที่บ้านทำให้หยดน้ำตาน้อยๆ ต้องไหลลงเปื้อนแก้มของกล่อมแก้วลงมาเป็นทาง

“ฉันมันคงทำให้นายไม่พอใจมากสินะ...” ดวงตาแดงก่ำเงยขึ้นมองเขาตรงๆ เทพพิพิธแสยะยิ้มใส่หน้าอีกฝ่าย

“เธอมันเลว...” สามคำที่หลุดออกมาจากปากของชายหนุ่มผู้ที่เธอรักสุดหัวใจประหนึ่งว่ามันกลายเป็นเหล็กแหลมที่ปักลงกลางใจกล่อมแก้วอย่างแรง หญิงสาวกัดฟันแน่น เม้มปากมองหน้าเขาทั้งน้ำตา

“ที่ฉันทำไปทั้งหมดก็เพราะว่าฉันรักนายยังไงล่ะเทพพิพิธ ฉันรักนายมาก รักมากยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด”

“มันมากเสียจนทำให้เธอกล้ายอมทรยศเพื่อนที่รักเธออย่างเช่นกิ่งดาวใช่มั้ย?” ดวงตากร้านกร้าวที่เบิกกว้างทำให้กล่อมแก้วพูดอะไรไม่ออก “จำเอาไว้นะ ไม่ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น...ผู้หญิงคนเดียวที่ฉันรักก็คือกิ่งดาว” เทพพิพิธสะบัดเสียงก่อนจะหยัดกายขึ้น กล่อมแก้วรีบคว้าแขนเขาไว้ในทันที
ชายหนุ่มฟาดธนบัตรสีเทาลงบนโต๊ะพร้อมกับแกะมือเธอออกอย่างแรง

“เชิญเธอนั่งกินไปคนเดียวตามสบายเถอะ” ดวงตาที่เต็มไปด้วยไฟแห่งความโกรธแค้นจ้องหน้าหญิงสาวเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเอี้ยวตัวเดินหนีไปในที่สุด


กิ่งดาวยืนกล้าๆ กลัวๆ อยู่หน้าบ้านของชายหนุ่มก่อนที่จะตัดสินใจกดกริ่งไปหนึ่งครั้ง นายทรงยุทธ์รีบผลักประตูบ้านออกมาดูแขกสาวที่มายืนรออยู่หน้ารั้วประตูอย่างไม่อยากเชื่อสายตา

แม้จะไม่ค่อยกล้าสู้สายตาเขาสักเท่าไหร่หากแต่กิ่งดาวก็ฝืนยิ้มทั้งน้ำตาให้กับชายคราวพ่อ หญิงสาวยกมือไหว้ทำความเคารพก่อนถามถึงชายหนุ่มที่เธอต้องการพบ

“เทพอยู่มั้ยคะ...” คำถามที่ได้ยินทำให้ชายสูงวัยต้องหลุบตาลงต่ำ นายทรงยุทธ์ถอนหายใจยาว เม้มปากส่งยิ้มให้กิ่งดาวด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความหนักใจและเป็นกังวล

“ไม่อยู่จ้ะ พอดีว่าเทพพาหนูแก้วไปทานอาหารข้างนอกน่ะ” ใบหน้านวลเนียนเรียบนิ่งไร้อารมณ์ทันทีที่ได้ยินคำตอบจากคนตรงหน้า เขาทั้งสองคงกำลังทานอาหารอย่างมีความสุขด้วยกัน... แล้วเธอจะมาหาเขาให้เสียเวลาทำไมกันล่ะกิ่งดาว เขาไม่ได้สนใจเธออีกแล้ว อย่าลืมว่าทั้งสองคนหมั้นกันแล้วนะ

“งั้นก็ไม่เป็นไรค่ะ” กิ่งดาวฝืนยิ้มแม้จะเจ็บร้าวไปทั้งหัวใจ หญิงสาวเอี้ยวตัวหันกลับมา ค่อยๆ เดินไปตามถนนเบื้องหน้าด้วยร่างกายที่ไร้เรี่ยวแรง

วันนี้ทั้งหมดก็แทบจะทานอะไรไม่ลง เพราะมีเรื่องให้ต้องคิดมากกอปรกับอาการแพ้ท้องที่เริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งยังต้องทำการบ้านหลายวิชา หญิงสาวจึงอ่อนแอลงมากอย่างน่าเป็นห่วง ยิ่งคิดไปถึงกล่อมแก้วและเทพพิพิธที่กำลังมีความสุขอยู่ด้วยกัน หนทางที่เดินไปเบื้องหน้ามันก็ยิ่งพร่ามัว สิ่งที่ได้พบเจอมันแทบจะทำให้เธอไม่อยากจะมีชีวิตอยู่อีกต่อไป... ร่างบอบบางเซถลาล้มลงข้างฟุตบาทในที่สุดแต่ยังโชคดีที่มีพลเมืองดีมาพบเข้าเสียก่อน
สุรเดชตบแก้มกิ่งดาวเบาๆ สามสี่ครั้ง บีบนวดหญิงสาวอยู่นานโขกว่าเธอจะรู้สึกตัว ชายหนุ่มรีบควักเอาพิมเสนในกระเป๋าสะพายออกมาจ่อที่จมูกอีกฝ่ายขณะที่กิ่งดาวค่อยๆ ลืมตาขึ้นทีละนิด

“เดช...” กิ่งดาวคลี่ยิ้มออกมา นั่นทำให้ชายหนุ่มที่ประคองร่างเธอไว้ใจชื้นขึ้น สุรเดชค่อยๆ พยุงร่างนั้นมายังรถมอเตอร์ไซด์ที่จอดอยู่ กิ่งดาวใช้อีกมือจับไหล่เขาไว้ขณะก้าวขาขึ้นนั่งซ้อนท้ายชายหนุ่ม

“จับแน่นๆ นะดาว” น้ำเสียงนุ่มหันมาบอกเบาๆ กิ่งดาวใช้สองมือกอดเอวสุรเดชไว้แน่นก่อนแนบใบหน้าลงกับแผ่นหลังของชายหนุ่ม แม้สายลมเย็นยามค่ำจะทำให้หญิงสาวหนาวสะท้านไปทั่วสรรพางค์กายหากแต่ว่าไออุ่นจากชายหนุ่มตรงหน้าก็ทำให้เธอคลายหนาวลงไปได้มาก เมื่อเข้ามายังหมู่บ้านสุรเดชก็รีบตรงเข้าซอยมุ่งสู่บ้านของกิ่งดาวหากแต่หญิงสาวก็ออกปากบอกให้เขาพาเธอไปที่อื่นเสียก่อน

“ดาวยังไม่อยากกลับบ้าน เดชช่วยพาดาวไปที่ไหนก็ได้ ไปที่บ้านเดชก็ได้นะ...” น้ำเสียงอ่อนแรงเอ่ยบอก สุรเดชพยักหน้ารับเบาๆ ก่อนเลี้ยวรถตรงไปยังบ้านพักของตน

วันนี้นางสุรีย์ผู้เป็นแม่ไม่อยู่บ้านเพราะเดินทางไปเยี่ยมญาติที่ต่างจังหวัด เมื่อมาถึงบ้านได้สุรเดชก็รีบตะลีตะลานวิ่งไปเปิดไฟจนทั้งบ้านสว่างโร่ขึ้นมา กิ่งดาวเดินเนิบนาบขึ้นไปบนเรือนก่อนทรุดนั่งลงบนพื้นด้วยความเหนื่อยอ่อน ชายหนุ่มรีบหาน้ำหาท่ามาให้เธออย่างเป็นห่วง

“ดาวขอนอนพักที่นี่ซักหน่อยได้มั้ยเดช...” กิ่งดาวร้องขอ ก่อนที่คนตรงหน้าจะเบิกตากว้างครู่หนึ่ง

“ได้สิ...” เขาตอบเสียงหวาน รีบตรงเข้าห้องนอนก่อนกลับมาพร้อมกับหมอนและผ้าห่มผืนเล็กๆ ตอนนี้กิ่งดาวกำลังขาดกำลังใจ และเขาก็เป็นที่พึ่งแห่งเดียวที่พอจะให้เธอยึดเหนี่ยวได้

มือหนาส่งหมอนใบเล็กให้ก่อนที่หญิงสาวจะรับมาและวางมันลง สองตากลมใสที่รื้นด้วยม่านน้ำตาจ้องหน้าสุรเดชตรงๆ “เดช...กอดฉันหน่อยได้มั้ย?” เสียงสั่นเครือขอร้อง นั่นทำให้ชายหนุ่มสั่นสะท้านไปทั้งกาย กิ่งดาวเอื้อมมือไปจับข้อมือเขาไว้แน่น หยดน้ำตาค่อยๆ รินไหลอาบแก้มลงมาเป็นสาย

สุรเดชโถมกายเข้าสวมกอดร่างบอบบางตรงหน้าไว้แน่นก่อนที่กิ่งดาวจะเอาสองมือโอบรัดไหล่หนาเขาไว้ ซบใบหน้าลงกับบ่าพร้อมกับเสียงสะอื้นไห้ ชายหนุ่มลูบแผ่นหลังของเธอเบาๆ ปล่อยให้หญิงสาวได้ระบายความเศร้าออกมาจนหมด หากแต่ว่าหลังจากที่อาการโศกเศร้าทุเลาเบาบางลงแล้วทั้งสองกลับยังไม่คลายอ้อมกอดออกจากกัน... ความทรงจำอันแสนหอมหวานเมื่อครั้งความรักครั้งแรกเบิกบานยังตราตรึงหัวใจของกิ่งดาวอยู่เสมอ สุรเดชคือผู้ชายคนแรกที่เธอรัก และตอนนี้เขาก็คือคนเดียวที่รักเธอสุดหัวใจ ความใกล้ชิดและเลือดที่ฉีดพล่านอย่างร้อนแรงไปทั่วร่างกายทำให้ความต้องการที่ถูกซุกซ่อนกักเก็บไว้ทะลักออกมาจนหมด


นายบุญทิมจ้องมองข้าวของมากมายที่ช่อทิพย์ซื้อหามาจนเต็มบ้าน อีกทั้งเงินที่ส่งให้ผู้เป็นพ่อใช้จ่ายก็มากมายจนผิดปกติ ไม่นานนักชายสูงวัยก็รู้ความจริงเกี่ยวกับลูกสาวเพียงคนเดียวของเขา

ผู้เป็นพ่อยืนนิ่งค้างอยู่กลางเรือนขณะที่หญิงสาวค่อยๆ สาวเท้าเนิบนาบออกมาจากครัวหลังจัดผลไม้ใส่ตู้เย็นเสร็จ “พ่อ...อาการเป็นยังไงบ้าง ยังปวดหัวอยู่อีกรึเปล่า?” หญิงสาวเอ่ยถามอย่างเป็นห่วงก่อนที่จะย่นคิ้วด้วยความแปลกใจที่อีกฝ่ายได้แต่ยืนจ้องหน้าเธอแน่นิ่ง

นายบุญทิมขบกรามแน่น พลันนั้นมือหนาของบิดาก็ฟาดลงตรงแก้มซ้ายของช่อทิพย์อย่างแรง ความแสบชาแล่นวาบไปทั่วใบหน้าและทั้งร่าง ริมฝีปากเรียวบางเม้มแน่นเข้าหากัน

“อย่าคิดว่าฉันจะไม่รู้นะว่าแกไปทำอะไรมา...จริงอยู่ว่าเรามันคนจน แต่ฉันไม่เคยเสี้ยมสอนให้แกทำตัวแบบนี้” ในน้ำเสียงอันแข็งกร้าวนั้นแฝงไปด้วยความรวดร้าวและเจ็บปวด ช่อทิพย์ค่อยๆ หันมาจ้องหน้าบิดา หยดน้ำตาของผู้ให้กำเนิดทำให้หญิงสาวเจ็บไปทั้งหัวใจ

“พ่อ...หนูขอโทษ” ช่อทิพย์ก้าวขาเข้าไปหาก่อนที่ชายสูงวัยจะถอยหลังไปด้วยสายตารังเกียจเดียดฉันท์

“ฉันไม่ใช่พ่อแก เพราะฉันไม่เคยมีลูกสาวอย่างแก” นายบุญทิมกัดฟันพูดทั้งน้ำตาก่อนสะบัดตัวเดินหนีไป

ช่อทิพย์ร้องเรียกผู้เป็นพ่อเสียงหลง เดินตามหลังบิดาไปได้สามสี่ก้าวก็ทรุดฮวบลงกับพื้นทั้งน้ำตา เธอมันเป็นลูกที่เลวยิ่งนัก ทำให้พ่อต้องเสียน้ำตา... หยดน้ำตาที่หลั่งไหลออกมาคงไม่อาจจะย้อนวันเวลาให้หวนกลับไปได้ ความผิดที่ได้กระทำลงไป...มันให้อภัยไมได้ !


วันนี้ณภัทร์มีสอบวิชาภาษาไทยที่ตึกสามัญ หลังจากที่ออกมาจากห้องสอบเกือบคนสุดท้ายก็รีบตะลีตะลานวิ่งลงบันไดจากชั้นสี่ลงมาอย่างกระหืดกระหอบ ก่อนที่ชายหนุ่มจะมาถึงคอพักบันได สายตาก็เหลือบไปเห็นสองร่างที่ยืนคุยกันอยู่บนชั้นสอง... คบเพลิงกับผู้หญิงคนนั้นนั่นเอง !

“วันนี้ตอนเย็นพี่คบว่างมั้ยคะ?...มยุรีว่าจะชวนไปดูคอนเสิร์ตเสียหน่อย” หญิงสาวเอ่ยบอกวงที่จะมาเล่นจนคบเพลิงหูผึ่ง เขาอยากไปใจแทบขาดแต่ยังไม่มีบัตรเท่านั้นเอง “ยุมีบัตรด้วยนะคะ...บัตรสองใบ” หญิงสาวหรี่ตา รอยยิ้มหยักสวยอันแฝงด้วยเลศนัยน์ทำให้ชายหนุ่มยกยิ้ม

“ได้ครับ น้องยุอุตส่าห์ชวนขนาดนี้แล้วพี่จะไม่ไปได้ยังไง วงนี้พี่ชอบมากเลยนะ”

“ดีค่ะ...งั้นเดี๋ยวยุขอตัวเข้าไปส่งงานก่อนนะคะ”

“จ้ะ...เดี๋ยวพี่ไปรอที่โรงอาหารนะ” คบเพลิงส่งยิ้มให้มยุรีก่อนเดินลงบันไดไปในที่สุด ณภัทร์เดินละลิ่วลงมาจากบันได้คล้ายร่างที่ไร้วิญญาณ เมื่อวันก่อนเขาบอกชายหนุ่มไปว่าวันนี้จะออกไปทานอาหารนอกวิทยาลัยกับเพื่อนๆ แต่เผอิญว่ากิ่งดาวขอตัวไปทำธุระก่อน และช่อทิพย์เองก็ไม่ได้มาเรียน เขาคงถือโอกาสนี้นัดทานอาหารกับผู้หญิงอีกคนกระมัง...

เมื่อมาถึงคอพับบันไดชั้นสองมยุรีก็เปิดประตูออกมาจากห้องพักครูพอดี สองร่างประสานสายตากันแน่นิ่ง ณภัทร์จ้องมองอีกฝ่ายตรงๆ ก่อนที่หญิงสาวตรงหน้าจะคลี่ยิ้มกว้างอันแฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์

“มีอะไรเหรอคะ...พี่ณภัทร์” มยุรียักไหล่น้อยๆ ณภัทร์มีสีหน้าแปลกใจก่อนจะรีบวางหน้าปกติ “เมื่อกี้แอบดูหนูกับพี่คบเพลิงคุยกันทำไมคะ?...เอ๊ะ หรือว่าหึง?” คำพูดของอีกฝ่ายทำให้ณภัทร์อ้าปากค้าง

“เธอกับคบเพลิง...เป็นอะไรกัน” คำถามเถรตรงที่พูดออกไปทำให้มยุรีต้องกลั้วหัวเราะ

“ที่แน่ๆ พี่คบเพลิงเขาไม่ได้คิดอะไรกับพี่หรอกนะ...เขาไม่มีวันไปชอบพวกเพศที่...” มยุรีลากเสียง รอยยิ้มเหยียดหยันทำให้ณภัทร์กลั้นอารมณ์ไว้ไม่อยู่ ชายหนุ่มก้าวเข้าไปหาอีกฝ่ายก่อนยกฝ่ามือขึ้นสูง แต่ทว่าอาจารย์จากห้องพักครูก็ผลักประตูออกมาเสียก่อน

“นี่พวกเธอสองคนมายืนคุยอะไรกันตรงนี้เนี่ย” ณภัทร์ชะงักงันก่อนที่มยุรีจะยิ้มเย่าะ หญิงสาวสะบัดกายเดินมาชนไหล่อีกฝ่ายก่อนก้าวขาลงบันไดไป วันนี้ณภัทร์ต้องรู้ให้ได้ว่าคบเพลิงคิดอย่างไรกับผู้หญิงคนนี้ !

“เมื่อกี้ยุเจอพี่ภัทร์ค่ะ...” หลังจากที่ทรุดนั่งลงยังเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามชายหนุ่มในโรงอาหารได้มยุรีก็เปิดปากเล่าทันที ชื่อที่ได้ยินทำให้คบเพลิงต้องเบิกตาโพลง ไม่คิดว่าโลกมันจะกลมถึงเพียงนี้ แล้วไหนณภัทร์บอกว่าวันนี้เขาจะออกไปกินอาหารนอกวิทยาลัยไงเล่า?

“พี่ภัทร์เขาคงไม่พอใจที่เห็นเราสองคนคุยกัน...เอ่อ...เขาคงหึงที่พี่คบเพลิงมาคุยกับมยุรีแบบนี้”

“หึง...” ชายหนุ่มทวนคำ นึกถึงใบหน้าขาวเนียนปานอิสตรีของชายอีกคนที่อาศัยอยู่ร่วมชายคาเดียวกัน ความสัมพันธ์อันลึกซึ้งที่เกิดขึ้นในคืนนั้น เขายังจำได้ดี... “พี่ไม่ได้คิดอะไรกับภัทร์นี่ เราเป็นเพื่อนกัน” พูดออกไปแล้วก็ต้องชะงักกับลมปากของตัวเอง

“เมื่อกี้ก็เกือบจะตบหนู แต่ดีที่อาจารย์เปิดประตูออกมาก่อน”

“จริงเหรอ?...ภัทร์เนี่ยนะ” คบเพลิงร้องเสียงหลง

“ไม่แปลกใจเลยที่ใครๆ ก็บอกว่าเขาเป็นเด็กมีปัญหา แถมเพื่อนที่คบแต่ละคนก็ใช่ว่าจะธรรมดา กิ่งดาวโดนเพื่อนรักอย่างกล่อมแก้วทรยศ แย่งผู้ชายที่รักไป ช่างเป็นเพื่อนที่รักกันมากจริงๆ แม้กระทั่งผู้ชายก็แบ่งกันใช้ ช่อทิพย์ก็ประชดชีวิตรักด้วยการเป็นนักศึกษาขายตัว ส่วนณภัทร์...ก็เป็นเด็กบ้านแตก ถูกพ่อไล่ออกจากบ้านจนต้องหอบข้าวของมาขออาศัยอยู่กับอาจารย์บงกช !” จบคำ น้ำหวานสีแดงในแก้วที่ณภัทร์ถืออยู่ก็ถูกสาดใส่หน้ามยุรีอย่างแรง หญิงสาวได้แต่อ้าปากค้างอย่างทำอะไรไม่ถูก ร่างเพรียวลมจ้องหน้าเธอตรงๆ อย่างเอาเรื่อง

“แกว่าฉันได้...แต่ไม่มีสิทธิ์มากล่าวหาเพื่อนฉันแบบนี้” เสียงแข็งกร้าวเล็ดลอดออกมาจากไรฟัน ก่อนที่ใบหน้าแดงก่ำจะหันมายังคบเพลิงที่เอาแต่ก้มหน้านิ่ง ณภัทร์พยายามระงับอาการสั่นเทิ้มของร่างกาย บังคับไม่ให้น้ำตาไหลลงต่อหน้าชายหนุ่มที่เขาคิดไกลเกินคำว่าเพื่อน

คบเพลิงค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองคนตรงหน้าอย่างไม่กล้าสู้สายตา ณภัทร์ฝืนยิ้มทั้งที่น้ำตาคลอเบ้าก่อนสาดน้ำอีกแก้วใส่หน้าคบเพลิงอย่างแรง...

“หวังว่าน้ำที่สาดใส่หน้านายไป คงทำให้ตาสว่างขึ้นมาบ้าง ตลอดเวลาที่เราสองคนรู้จักกัน ดวงตาของนายมันคงเต็มไปด้วยฝุ่นละอองจนทำให้มองบางอย่างคลาดเคลื่อนไป จนนายเผลอทำสิ่งที่นายอาจจะไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดขึ้น...ขอบคุณมากสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่มอบให้กันนะ...คบเพลิง”



Create Date : 18 พฤศจิกายน 2554
Last Update : 18 พฤศจิกายน 2554 22:58:29 น.
Counter : 355 Pageviews.

5 comments
  
ก่ิงดาว...ไม่น่าไปเจอลุรเดชเลยอ่ะ
โดย: Vicky IP: 202.124.74.27 วันที่: 18 พฤศจิกายน 2554 เวลา:23:17:15 น.
  
ถ่านไฟเก่าน่ะคุณ Vicky ^^
โดย: ผีเสื้อสีดำ วันที่: 19 พฤศจิกายน 2554 เวลา:17:52:10 น.
  
แล้วสุรเดชก็จะอ้างว่าเปนพ่อเดกแน่เลย...เซงอ่า
โดย: Vicky IP: 202.124.74.27 วันที่: 19 พฤศจิกายน 2554 เวลา:20:03:47 น.
  
ถูกครับ แต่ไม่ถูกต้องทั้งหมด...

เรื่องนี้ มีอะไร พลิกผัน ได้ตลอด ^^

ติดตามกันต่อไปนะครับ...

โดย: ผีเสื้อสีดำ วันที่: 19 พฤศจิกายน 2554 เวลา:21:24:37 น.
  
กิ่งดาวจะเป็นยังไงต่อน้า........น่าสงสาร

ส่วนกล่อมแก้วก็ไม่น่าทำอย่างนี้เลยยยยยยย

ช่อทิพย์ก็ประชดชีวิตรักด้วยการเป็นนักศึกษาขายตัว...แล้วพ่อเค้าจะเข้าใจหรือป่าวว่าที่ทำไปเพราะอะไร
น่าสงสาร


ณภัทร์ ทำอย่างนี้อ่ะน้อยไป
ถ้าเป็นผมจะทำมากกว่านี้
บังอาจมาล้อเล่นกับความรัก...........
555555
โดย: Nui IP: 49.49.79.221 วันที่: 20 พฤศจิกายน 2554 เวลา:9:31:32 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ผีเสื้อสีดำ
Location :
ศรีสะเกษ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]



จงทำในสิ่งที่คุณคิดว่า...

ทำไม่ได้
พฤศจิกายน 2554

 
 
1
5
6
8
9
10
12
14
16
17
19
20
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
All Blog
MY VIP Friend