บทที่ 14 แสงตะวันของช่อทิพย์
บทที่ 14 แสงตะวันของช่อทิพย์

ทั้งกลุ่มนั่งปรึกษากันเรื่องที่กิ่งดาวไม่ได้รับทุนการศึกษาภายในห้องสมุดด้วยบรรยากาศเคร่งเครียด ณภัทร์เริ่มมองกล่อมแก้วอย่างไม่พอใจเมื่อได้ฟังเหตุผลที่เธอบอกว่าเป็นเพราะอาจารย์ทราบเรื่องที่กิ่งดาวดื่มหนักจนเมาและไม่สามารถมาเรียนได้

“แต่...มันก็ไม่ได้เป็นความผิดของแก้วนี่ มีคนจากห้องอื่นที่ไปงานเมื่อคืนนี้ตั้งหลายคน พวกนั้นเป็นคนเอาเรื่องนี้ไปบอกอาจารย์ต่างหาก” ช่อทิพย์ว่าขึ้น หันไปมองกิ่งดาวและกล่อมแก้วที่นั่งก้มหน้านิ่งด้วยกันทั้งคู่ ณภัทร์ถอนหายใจเสียงดังก่อนเอื้อมมือไปจับไหล่กิ่งดาวเบาๆ

“ไม่ต้องไปคิดมากนะดาว... แค่โดนเปลี่ยนตัว ปีที่ผ่านมาเธอก็ได้ทุนมาโดยตลอด ปีนี้ถือซะว่าให้คนอื่นเขาไป” ปลายประโยคที่ฟังดูเหมือนกระแทกกระทั้นทำให้กล่อมแก้วต้องช้อนสายตาขึ้นมองเพื่อนหนุ่มตรงหน้า แต่เธอก็เข้าใจดีว่าทุกคนคงรับไม่ได้ที่เธอตอบรับข้อเสนอของอาจารย์แบบนี้ ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าคนที่จะได้ทุนคือกิ่งดาว...

ทั้งหมดนั่งอ่านหนังสือกันที่ห้องสมุดจนถึงเย็นก่อนจะแยกย้ายกันกลับบ้าน ช่อทิพย์รีบเดินดุ่มๆ ตรงไปหาชายหนุ่มที่ยืนรออยู่ใต้ร่มพิกุลเหมือนเช่นเคย ใบหน้าขาวสะอาดเกลี้ยงเกลาประดับด้วยรอยยิ้มหวานของชานนท์ทำให้หัวใจของเธอพองโตทุกครั้งที่ได้สบตาเขา

“รอนานมั้ย?...” หญิงสาวเอ่ยถามร่างสูงสง่าพร้อมรอยยิ้มก่อนที่อีกฝ่ายจะยักไหล่และยื่นมือไปรับสัมภาระจากเธอ “อันที่จริง...ถ้านายลำบากก็ไม่ต้องมายืนคอยฉันแบบนี้ก็ได้นะ นายเองก็เลิกค่ำแทบทุกวัน ไปส่งฉันที่บ้านแล้วก็ต้องขับรถกลับมาเรียนอีกน่ะ” หญิงสาวยิ้มเก้อเขินขณะพูด

“ผมเต็มใจ... อันที่จริงต้องบอกว่าเป็นหน้าที่ของผมซะมากกว่า” เสียงใสๆ เอ่ยตอบพร้อมคลี่ยิ้มกว้าง ช่อทิพย์หันไปมองรูปหน้าหล่อเหลาข้างๆ ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนของชายหนุ่มกระทบกับแสงตะวันสีเหลืองส้มยามเย็นเป็นประกาย

“ชานนท์...” หญิงสาวครางแผ่วเบา ไม่คิดว่าเธอจะได้พบกับผู้ชายที่แสนดีเช่นเขา เธอเป็นแค่ผู้หญิงต่ำต้อยที่ถูกทิ้งให้อยู่ในเงาอันมืดมิด จนกระทั่งได้เขา...เขาฉุดเธอขึ้นมาจากภวังค์ของความเงียบเหงา เปล่าเปลี่ยว สู่แสงสว่างอันสดใส นำเธอให้รู้จักคำว่ารักและความสุขใจ ที่ๆ เธอหาไม่ได้จากใครหรือจากที่ไหนอีกแล้ว...

เมื่อมาถึงโรงจอดรถชายหนุ่มก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ ช่อทิพย์รับหนังสือจากมือเขามาก่อนเดินตรงไปยังรถยนต์ที่จอดอยู่ แต่ทว่าพลันนั้นเองหญิงสาวอีกคนที่เดินเลี้ยวออกมาจากห้องน้ำก็ชนเข้ากับเธออย่างแรง สมุดหนังสือที่หอบไว้ร่วงหล่นลงพื้นตรงหน้าหากแต่สองตาของช่อทิพย์กลับยังจ้องมองคนที่เดินชนเธอแน่นิ่ง

สุทธิดาสบสายตากับอีกฝ่ายแวบนึงก่อนย่อตัวลงเก็บสมุดหนังสือของช่อทิพย์ ร่างระหงที่ยืนมองเธอด้วยสีหน้าเรียบเฉยสะบัดหน้าหนีด้วยความขึ้งโกรธที่ฉายอยู่ในแววตา “ไม่ต้องเก็บ...ฉันเก็บเองได้” น้ำเสียงแข็งกระด้างทำให้สุทธิดาต้องหยุดกึก ช่อทิพย์ย่อตัวลงนั่งก่อนดึงเอาหนังสือจากมือสุทธิดามา สองร่างค่อยๆ หยัดยืนขึ้นมองหน้ากัน

“เธอโกรธฉันเรื่องที่เธอไม่ได้ขึ้นรำใช่มั้ย คิดว่าฉันเป็นคนทำใช่มั้ย?” สุทธิดาเอ่ยถาม ใบหน้าสวยได้รูปที่เรียบเฉยทำให้ช่อทิพย์ขึงตามองอย่างสับสน ตอนกำลังเดินออกมาจากห้องตรวจครานั้นเธอก็เผอิญได้ยินสิ่งที่ชานนท์สนทนากับสุทธิดาพอดี ชายหนุ่มสงสัยว่าสุทธิดาจะเป็นคนทำให้เธอไม่ได้ขึ้นรำ เธอเป็นคนวางแผนทั้งหมดเพราะเธอเองก็รักชานนท์

“จำไว้นะช่อทิพย์...ชานนท์ไม่มีวันจะเลือกเธอเป็นคนสุดท้ายของเขาแน่” คำพูดของอีกฝ่ายทำให้ช่อทิพย์ต้องใจเต้นระรัว ริมฝีปากเรียวบางเม้มแน่นอย่างหมดความอดทน

“พูดอย่างนี้หมายความว่ายังไง ชานนท์เขาไม่ได้รักเธอ เธอก็ต้องยอมรับสิสุทธิดา...” คำต่อว่าของฝ่ายตรงข้ามไม่ได้ทำสุทธิดาสะทกสะท้าน มิหนำซ้ำเธอยังยิ้มเย่าะก่อนหัวเราะเสียงพลิ้ว ช่อทิพย์กำหนังสือในมือไว้แน่น... พยายามสะกดกลั้นอารมณ์ไว้ให้ถึงขีดสุด “เธอจำไว้นะสุทธิดา...ฉันจะไม่มีวันยอมแพ้เธอเป็นอันขาด”


ณภัทร์วานให้คบเพลิงไปส่งตนที่โรงพยาบาลในตอนพักเที่ยง ชายหนุ่มแวะซื้อผลไม้สองสามอย่างก่อนฝากให้พยาบาลนำไปให้คนไข้ที่พักรักษาอยู่ในห้องพิศษราคาแพง

“ทำไมถึงไม่เอาไปให้เองล่ะ?...แล้วอย่างนี้พ่อนายจะรู้เหรอว่านายเอามาให้” คำถามของคนที่ทรุดนั่งอยู่หน้าตึกผู้ป่วยในข้างๆ กันทำให้ณภัทร์หันขวับมามอง แววตาของเขากลมใสราวกับลูกแก้ว ใสซื่อเสียจนณภัทร์แอบหมั่นไส้

“ก็เพราะไม่อยากให้รู้ไง” ณภัทร์ว่า ศีรษะได้รูปพิงลงกับผนังตึก คบเพลิงจ้องมองสันจมูกโด่งที่พ่นลมหายใจอุ่นๆ ออกมาคล้ายเหนื่อยอ่อน ริมฝีปากเชิดรั้นยังคงเรียบสนิทปราศจากรอยยิ้มเช่นเคย...

“หิวรึเปล่าคบเพลิง...” ณภัทร์เอ่ยถามอย่างไม่หันมามอง คนข้างๆ ยกมือขวาขึ้นลูบหน้าท้องตัวเองเบาๆ

“เดี๋ยววันนี้ฉันเลี้ยงนายเอง ไปกินคะน้าหมูกรอบร้านหน้าวิทยาลัยกันนะ” คำชวนของอีกฝ่ายทำให้คบเพลิงเบิกตากว้าง ณภัทร์หันมามองชายหนุ่มตรงๆ พร้อมกับรอยยิ้มหวานละมุนที่เขาอยากเห็น

“ร้านโปรดนายไม่ใช่เหรอ นายชอบกินคะน้าหมูกรอบ อย่าถามว่าทำไมฉันถึงรู้ ทีนายยังรู้ใจฉันเลย...” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของณภัทร์ทำให้คบเพลิงเอาแต่ก้มหน้ายิ้มพร้อมกับพยักหน้าสองสามที สองร่างดีดตัวลุกจากเก้าอี้พร้อมกันก่อนตรงไปยังร้านอาหารโปรดของคบเพลิง

วันนี้ทั้งสองต้องรีบทานมื้อเที่ยงโดยมีเวลาเพียงสิบห้านาทีเท่านั้นเพราะคนเข้าร้านอาหารเยอะกว่าปกติกว่าจะได้อาหารที่สั่งไว้ก็ปาเข้าไปเกือบยี่สิบนาที เมื่อจอดรถได้ณภัทร์รีบสาวเท้าเดินตรงไปยังแผนกวิชาทันที

“รอด้วยภัทร์ บ่ายนี้ฉันมีเรียนที่ตึกสามัญ” คบเพลิงว่าพร้อมกับวิ่งดุ่มๆ ตามหลังอีกคนมา ณภัทร์ยืนรอจนกระทั่งเขามาถึงจึงออกเดินต่อไปพร้อมกัน เหล่านักศึกษาที่นั่งจับกลุ่มคุยกันแถบโต๊ะม้าหินอ่อนริมทางหันมาจับจ้องสองร่างพร้อมกับทำท่ากระซิบกระซาบกัน บางคนที่เดินสวนทางไปแล้วก็ต้องหันหลังกลับมามอง สายตาแปลกๆ ของนักศึกษาที่จ้องมองมามันทำให้คบเพลิงก้าวขาฉับๆ เร็วกว่าปกติ ชายหนุ่มสะบัดหัวด้วยความไม่พอใจ เอาแต่จ้ำอ้าวเดินดุ่มๆ จนไม่สนใจคนข้างหลังเลยแม้แต่น้อย

“คบเพลิง...” ณภัทร์ตะโกนเรียกคนข้างหน้าที่อยู่ห่างออกไปราวสิบเมตร ร่างหนาหยุดกึกในทันที คบเพลิงค่อยๆ เอี้ยวตัวหันกลับมามองคนที่ยืนนิ่งอยู่ข้างหลัง

ณภัทร์เม้มปากแน่น สูดหายใจฮึดฮัดเสียงดัง สองตาจ้องมองใบหน้าคมเข้มที่เรียบเฉยตรงหน้า “ถ้าการเดินกับฉันมันทำให้นายไม่สบายใจ นายก็ไม่ต้องฝืนหรอก... ปล่อยให้ฉันเดินคนเดียวก็ได้...” ร่างเพรียวลมเดินเลี้ยวไปอีกทางขณะที่คบเพลิงได้แต่ยืนนิ่งงันอย่างทำอะไรไม่ถูก นี่เขาทำอะไรลงไปงั้นเหรอ?... เขาก็แค่ไม่อยากให้คนพวกนี้มองเขาด้วยสายตาแบบนี้ เขาไม่ได้คิดอะไรกับณภัทร์สักหน่อย ไม่ได้เป็นอย่างที่คนพวกนี้คิดว่าเขาเป็น...


วันนี้กิ่งดาวไม่มีกระจิตกระใจที่จะไปเรียน เธอยังไม่พร้อมที่จะไปพบหน้าเทพพิพิธในตอนนี้ ในเวลานี้หญิงสาวรู้สึกสับสนและว้าวุ่นใจเป็นที่สุด เธอควรจะกลับไปพบหน้าเขาและคบกันต่อไปดีหรือไม่หนอ?... แต่สิ่งที่เขาได้กระทำลงไปนั้นสิ เขาไม่ให้เกียรติเธอเลย... เทพพิพิธไม่ควรทำอย่างนั้น...
กิ่งดาวพาร่างที่ไร้เรี่ยวแรงเดินโซซัดโซเซมายังศาลาท่าน้ำ สายลมอ่อนๆ ยามบ่ายคล้อยพัดผ่านคุ้งน้ำเข้าปะทะร่างบางที่ทรุดนั่งเงียบๆ เพียงคนเดียว ดวงตากลมใสเหม่อมองสายน้ำเย็นๆ ก่อนจะดีดตัวจากม้านั่งเดินไปขอบศาลา รีบทรุดนั่งลงและยื่นขาลงสู่ผืนน้ำเบื้องล่าง

“ดาว...” สุรเสียงคุ้นหูที่ดังขึ้นจากด้านหลังทำให้หญิงสาวต้องเบิกตากว้าง สุรเดชเดินดุ่มๆ ขึ้นมายังศาลาก่อนตรงมาหาร่างบอบบางที่หันมามองเขา

“เอ่อ...ขอเดชนั่งด้วยคนได้มั้ย?” ชายหนุ่มเอ่ยถามตะกุกตะกักก่อนที่กิ่งดาวจะพยักหน้าน้อยๆ และหันกลับไปมองทัศนียภาพเบื้องหน้า ลำคลองสายเล็กๆ ทอดยาวไปตามท้องทุ่งกว้างไกล สุรเดชวางขนมลงข้างๆ ก่อนทรุดนั่งลงใกล้ๆ กิ่งดาวและยื่นสองขาลงน้ำ

“กินขนมมั้ยดาว เดชซื้อมาฝาก” ชายหนุ่มยื่นขนมหม้อขาวหม้อแกงในถุงส่งให้ ก่อนที่กิ่งดาวจะสั่นศีรษะ

“ไม่จ้ะ เดชกินเถอะเราไม่หิว...” สีหน้าและน้ำเสียงอันหดหู่ทำให้ชายหนุ่มต้องย่นคิ้วครุ่นคิด สุรเดชวางห่อขนมลงบนพื้นก่อนแหงนหน้าขึ้นมองก้อนเมฆสีฟ้าอ่อนๆ ที่เกาะกลุ่มกันบดบังแสงแดดแสบจ้ายามบ่ายสี่โมงไว้

“ถ้าดาวมีเรื่องไม่สบายใจ...เล่าให้ผมฟังบ้างก็ได้นะ เผื่อว่า...มันอาจจะทำให้ดาวสบายใจขึ้นมาบ้าง” คำพูดของเขาทำให้หญิงสาวต้องถอนหายใจยาว ดวงหน้างามงอนก้มลงต่ำ จ้องมองสองเท้าที่ตีผืนน้ำจนเป็นฟูฟ่อง

“ช่างมันเถอะ...ฉันไม่อยากพูดถึงมันอีกแล้ว” หญิงสาวปั้นยิ้มหันมาบอกสุรเดช อีกฝ่ายพยักหน้ารับสองสามที แค่ได้มานั่งคุยกับกิ่งดาวอีกครั้งก็นับว่าสวรรค์เมตตาเขาแล้ว... เธอต้องหายเคืองเขาแล้วอย่างแน่นอน

“เดช...อีกซักหน่อยพาดาวไปหาภัทร์หน่อยได้มั้ย?” คำร้องขอของกิ่งดาวทำให้สุรเดชเลิกคิ้วสูง “ตอนนี้ณภัทร์พักอยู่กับอาจารย์บงกช ฉันอยากคุยกับภัทร์...”

“ได้...เดี๋ยวเดชพาไป” ชายหนุ่มรับคำเสียงหวานก่อนที่กิ่งดาวจะหันไปมองผืนน้ำตรงหน้าต่อด้วยสายตาเย็นชา


กล่อมแก้วเมียงมองกิ่งดาวกับสุรเดชอยู่นานโขก่อนจะเดินกลับไปยังบ้านพักหลังจากที่เธอแวะไปยังบ้านของนายเจตต์แต่ก็ไม่พบกิ่งดาว ที่แท้เพื่อนสาวของเธอก็มานั่งปรับทุกข์อยู่กับสุรเดชนี่เอง หากว่าทั้งสองคนกลับมาคบหากันอีกครั้งล่ะก็... เธอก็จะมีโอกาสได้เป็นเจ้าของเทพพิพิธ !

และระหว่างที่กำลังเดินกลับบ้านไปนั้นเทพพิพิธก็โทร.เข้ามาหาหญิงสาว ตอนนี้สวรรค์เมตตาเธอแล้ว...

“ว่าไงบ้างแก้ว ดาวเป็นยังไงบ้าง” เทพพิพิธร้องถามอย่างกระวนกระวายหลังจากที่กิ่งดาวปิดโทรศัพท์ตั้งแต่เมื่อวาน เขาจึงวานให้กล่อมแก้วช่วยไปดูกิ่งดาวที่บ้านแทนตน

“เทพ...ดาวสบายดีนะ ไม่ได้เป็นอะไรมาก แต่สีหน้ายังดูเศร้าๆ อยู่น่ะ”

“อย่างนั้นเหรอแก้ว” ชายหนุ่มว่าเสียงเบา “เดี๋ยวเย็นนี้ฉันจะไปหาดาว จะไปคุยกันให้รู้เรื่อง...”

“ไม่ได้นะเทพ” เสียงห้ามของกล่อมแก้วทำให้ชายหนุ่มต้องเบิกตาโพลง

“ทำไม ทำไมฉันถึงไปหาดาวไมได้” เทพพิพิธหรี่ตาครุ่นคิดพลางรอฟังคำตอบจากปลายสาย กล่อมแก้วนึกไปถึงสองร่างที่นั่งคุยกันอยู่ที่ศาลาท่าน้ำ เธอจำเป็นต้องพูดความจริงกล่อมแก้ว เพื่อประโยชน์ของตัวเธอเอง...

“ฉันกลัวว่านายมาแล้วอาจจะยิ่งทำให้กิ่งดาวไม่พอใจเข้าไปอีกน่ะสิ ไม่ต้องห่วงไปหรอกนะตอนนี้ดาวเขามีสุรเดชคอยดูแลอยู่แล้ว...” จบคำชายหนุ่มคู่สนทนาก็เงียบเสียงไปก่อนที่จะตัดสายทิ้งในที่สุด เทพพิพิธกำโทรศัพท์มือถือในมือไว้แน่น ใบหน้าขาวสะอาดแดงก่ำเพราะโทสะ เธอเพิ่งตกเป็นของเขาแต่กลับโร่ไปหาแฟนเก่าอย่างนั้นเหรอ?... ทำไมกิ่งดาวถึงตัดใจไม่ขาดกับสุรเดชเสียที... ไอ้นั่นมันมีดีกว่าเขาตรงไหน... ชายหนุ่มฟาดโทรศัพท์ในมือใส่ผนังห้องอย่างแรงก่อนคว้าเอากุญแจรถ ผลักประตูบ้านตรงไปยังรถยนต์คันงามทันที



Create Date : 02 พฤศจิกายน 2554
Last Update : 2 พฤศจิกายน 2554 20:08:22 น.
Counter : 468 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ผีเสื้อสีดำ
Location :
ศรีสะเกษ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]



จงทำในสิ่งที่คุณคิดว่า...

ทำไม่ได้
พฤศจิกายน 2554

 
 
1
5
6
8
9
10
12
14
16
17
19
20
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
All Blog
MY VIP Friend