บทที่ 15 ความลับของชานนท์
บทที่ 15 ความลับของชานนท์

ณภัทร์รีบสาวเท้าลงบันไดด้วยความเร่งรีบเมื่อได้ยินเสียงตะโกนเรียกของกิ่งดาวดังอยู่หน้าเรือน ชายหนุ่มคลี่ยิ้มกว้างในทีที่ได้สบสายตากับเพื่อนรัก แต่ว่าคนที่เดินตามหลังกิ่งดาวมานี่สิ...มันทำให้เขาอดแปลกใจไม่ได้

กิ่งดาวหันไปบอกสุรเดชให้กลับไปก่อน อีกฝ่ายอึกอักอยู่พักใหญ่แต่ก็ยอมไปแต่โดยดีเมื่อถูกหญิงสาววอนขอ เธอไม่อยากให้เทพพิพิธรู้ว่าเธอมาบ้านของคบเพลิงกับสุรเดช

ณภัทร์เดินนำเพื่อนสนิทมายังศาลาที่ตั้งอยู่ภายในสวนดอกไม้ข้างๆ เรือนทรงไทยหลังงาม สีหน้าของกิ่งดาวมันทำให้ณภัทร์ดูออกว่าเธอกำลังมีเรื่องไม่สบายใจ ตอนอยู่ที่ห้องสมุดเขาก็ยังไม่ได้เปิดปากถาม

“ยังกังวลเรื่องทุนอยู่รึเปล่า...” คำถามของณภัทร์ทำให้คนที่ทอดสายตาเหม่อมองดอกไม้ในสวนต้องหันขวับมา

“ไม่...ไม่ใช่หรอกภัทร์”

“สีหน้าเธอดูเป็นกังวลนะดาว ที่มาหาฉันถึงที่นี่แบบนี้คงต้องมีเรื่องอะไรไม่สบายใจใช่มั้ย?” รอยยิ้มเรียบสวยของณภัทร์ทำให้กิ่งดาวพยักหน้ารับ หญิงสาวระบายลมหายใจออกเบาๆ ก่อนหันไปมองดอกพุทธรักษาสีขาวที่ปลูกอยู่รอบศาลา

“ฉันกับเทพ...เรากำลังมีปัญหากัน... ฉันกำลังไม่แน่ใจ ว่าตัวเองจะคบกับเขาต่อไปได้อีกรึเปล่า...”

“ทำไมเหรอ?...หรือเป็นเพราะเดช” ชื่อที่ได้ยินทำให้กิ่งดาวต้องคลายยิ้มราบเรียบ

“ไม่ได้เป็นเพราะเดชหรอก แต่เป็นเพราะตัวของเทพพิพิธเองต่างหาก” ณภัทร์หรี่ตามองร่างระหงที่วางหน้านิ่งเฉยตรงหน้า กิ่งดาวก้มหน้าเงียบไปครู่ใหญ่ก่อนเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้กับเพื่อนหนุ่มได้ฟังอย่างละเอียด

กิ่งดาวไม่ใช่ผู้หญิงใจง่าย... ข้อนี้เขารู้ดี แต่หากมองอีกมุมหนึ่ง คนเป็นแฟนกัน การแสดงความรักต่อกันก็ไม่ใช่เรื่องผิดนี่ หรือเป็นเพราะกิ่งดาวยังไม่แน่ใจกับหัวใจของตัวเอง หรือเป็นเพราะเธอคิดว่าตัวเองยังคบกับเทพพิพิธนานไม่พอ จึงเห็นว่าสิ่งที่เขาทำกับเธอเป็นสิ่งที่ผิด... แต่เทพพิพิธเองก็ฉวยโอกาส เขาคงมองว่ากิ่งดาวง่ายเหมือนผู้หญิงทุกคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต

“อย่าคิดอะไรมากนะดาว ลองคบกันต่อไปดู... สิ่งไหนที่มันเสียไปแล้วจะคร่ำครวญเรียกหามันก็ไม่มีประโยชน์ ถ้าหากว่าเทพพิพิธเขาสำนึกและพิสูจน์ได้ว่าเขาดีพอที่เธอจะรัก มันก็จะไม่โหดร้ายไปหน่อยเหรอหากว่าเธอเลิกกับเขาไปตอนนี้” กิ่งดาวประสายสายตากับณภัทร์แน่นิ่ง เธออาจจะทำตามที่ณภัทร์บอกก็ได้ เธอยังรักเขาอยู่นี่ แม้ว่าตอนนี้มันจะเริ่มลดน้อยถอยลงไปบ้างก็ตามที

เสียงมอเตอร์ไซด์ของคบเพลิงที่จอดดังอยู่หน้าเรือนทำให้สองร่างต้องหันขวับไปมองพร้อมกัน ส่วนคนที่เพิ่งมาถึงก็เบิกตากว้างจ้องมองกิ่งดาวอย่างตกใจเช่นกัน

“เดี๋ยวฉันกลับก่อนนะภัทร์...” กิ่งดาวลุกจากเก้าอี้ก่อนที่ณภัทร์จะรีบลุกตาม

“ไม่อยู่ต่ออีกสักหน่อยเหรอ?”

“ไม่ดีกว่า...ฉันไม่ได้บอกที่บ้านด้วยว่ามาหาแก” คนพูดคลี่ยิ้มบางๆ ก่อนเดินออกจากศาลาตรงไปยังมอเตอร์ไซด์ตัวเองที่จอดหลบแดดอยู่ใต้ร่มมะขามหน้าบ้าน

ณภัทร์มองตามรถมอเตอร์ไซด์ของกิ่งดาวไปจนกระทั่งลับสายตา ชายหนุ่มถอนหายใจยาวอีกรอบก่อนเดินดุ่มๆ ขึ้นบ้าน

“ภัทร์...” เสียงแหบห้าวที่เรียกนั้นทำให้ณภัทร์หยุดกึก ร่างหนาของคบเพลิงค่อยๆ สาวเท้ามาหาแต่ทว่าณภัทร์กลับเดินหนีไปอย่างไม่สนใจ


ช่อทิพย์มาซ้อมรำยังบ้านนางสินีนาฏเหมือนอย่างเคย ชานนท์เองก็ยังคงนั่งมองเธอร่ายรำร่วมกับนางรำคนอื่นๆ เหมือนกับที่เขาเคยทำเช่นทุกวัน แววตาอันอบอุ่นและความห่วงใยที่เขามีให้นั้นมันเป็นกำลังให้ช่อทิพย์ดำเนินชีวิตต่อไปได้ แต่คนที่กำลังก้าวเดินขึ้นเรือนมานี่สิ ทำให้หญิงสาวรู้สึกกังวลและไม่สบายใจขึ้นมาอีกครั้ง

สุทธิดาทรุดนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับชานนท์ เธอค่อยๆ หยิบเอาผ้าซิ่นที่วางกองอยู่มาพับช่วยนางสินีนาฏก่อนที่หญิงสูงวัยจะหันมาทอดมองอย่างเอ็นดู เมื่อทอดมองไปตามสายตาของชานนท์สู่ร่างอรชรที่ฟ้อนรำอยู่กลางเรือน ดวงหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มที่ประดับไปด้วยรอยยิ้มหวานทำให้สุทธิดาอดน้อยใจไม่ได้

หรือว่า...ชานนท์จะรักช่อทิพย์จริงๆ


เทพพิพิธมาถึงศาลาท่าน้ำแต่ก็ไม่พบกิ่งดาวตามที่กล่อมแก้วบอกไว้ เขารู้สึกเหมือนว่าตัวเองกลายเป็นตัวตลกยังไงยังงั้น คราวก่อนกลอยใจก็เคยบอกว่าเห็นกิ่งดาวนั่งคุยกับสุรเดชที่ศาลาท่าน้ำนี่ แต่พอเขามาก็ไม่พบทั้งสอง

“ฉันเห็นดาวซ้อนมอเตอร์ไซด์ไปกับเดชน่ะ ฉันรีบโทร.หานายแต่ก็ไม่ติด” กล่อมแก้วว่าขึ้นเสียงพร่าก่อนที่เทพพิพิธจะขบกรามแน่นอย่างฉุนเฉียว

“พาฉันไปบ้านไอ้สุรเดชเดี๋ยวนี้” ชายหนุ่มสั่งเสียงกร้าวก่อนที่กล่อมแก้วจะรีบเดินดุ่มๆ พาเขาไปยังบ้านหลังเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ท้ายหมู่บ้าน เมื่อมาถึงเทพพิพิธก็ตะโกนร้องเรียกหาสุรเดชอย่างเกรี้ยวกราด กล่อมแก้วเริ่มรู้สึกใจคอไม่ค่อยดีขึ้นมาเมื่อเห็นท่าทางโกรธเกรี้ยวของชายหนุ่มข้างๆ กลัวว่าเรื่องมันอาจจะบานปลายไปมากกว่านี้

สุรเดชสาวเท้าเดินเนิบนาบออกมาจากบ้าน เชิดหน้าเบิกตามองชายหนุ่มรูปงามตรงหน้าอย่างไม่กริ่งเกรง ดวงตาดำเข้มหันไปมองกล่อมแก้วแวบนึงก่อนหันมายังเทพพิพิธ

“มีอะไร?...เรียกข้าทำไม” สีหน้าเรียบเฉยทำให้เทพพิพิธต้องแสยะยิ้ม

“แกไม่ต้องมาทำเป็นพูดดี แกพาดาวไปไว้ไหน?” แววตาขุ่นเคืองและท่าทางทุรนทุรายของอีกฝ่ายทำให้สุรเดชยิ้มเยาะอย่างสมเพช

“ดาวไปหาภัทร์... คงไปหาคนคุยปรับทุกข์น่ะ... ดาวกำลังไม่สบายใจ” สุรเดชเน้นเสียงก่อนที่เทพพิพิธจะกำมือแน่น “หมดธุระแล้วใช่มั้ย” เจ้าของบ้านตะโกนถามก่อนที่เทพพิพิธจะสะบัดหน้าหนีมาหากล่อมแก้ว

“ดาวไปบ้านครูทรงทิพย์เหรอเดช...ไปนานรึยัง?” คำถามของกล่อมแก้วทำเอาชายหนุ่มต้องหัวเราะเสียงพลิ้ว ก่อนทอดสายตามายังเทพพิพิธที่หันมามองเขาตาขวาง

“น่าแปลกนะ นายบอกว่าตัวเองเป็นคนรักดาวไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไมถึงไม่รู้ล่ะว่าดาวไปที่ไหน?...”


วันนี้ช่อทิพย์อยู่ซ้อมรำจนเกือบถึงสองทุ่ม เพราะครูฝึกเริ่มให้รำเพลงใหม่จึงต้องมีการซักซ้อมท่าใหม่ๆ กันหลายรอบ หลังจากซ้อมเสร็จแล้วชานนท์ก็รีบพาหญิงสาวไปทานมื้อเย็นทันที หากแต่ว่าสถานที่ๆ เขากำลังจะพาเธอไปนี่สิมันทำให้ช่อทิพย์อดตื้นเต้นไมได้

รถยนต์คันงามเลี้ยวเข้าสู่บ้านหลังใหญ่ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง หญิงสาวบ้านนาชำเลืองมองออกไปนอกกระจกรถ กระแสน้ำใสๆ พวยพุ่งขึ้นมาจากน้ำพุที่ตั้งอยู่กลางสวนดอกไม้ ถัดออกไปมีศาลาเล็กๆ ไว้นั่งอ่านหนังสือ และด้านหน้าคือบ้านสองชั้นที่งดงามราวกับคฤหาสน์

ชานนท์ลงจากรถก่อนรีบเดินอ้อมมาเปิดประตูรถให้กับหญิงสาว ช่อทิพย์คลี่ยิ้มกว้างออกมาทันทีที่ก้าวขาลงจากรถ สองตาเบิกมองบ้านหลังงามของชายหนุ่มด้วยความตะลึงงัน

“มากันเถอะ ฉันสั่งให้แม่บ้านเตรียมอาหารไว้แล้ว” ชานนท์บอกเสียงเรียบก่อนที่ช่อทิพย์จะพยักหน้ารับและเดินตามร่างสูงโปร่งเข้าสู่ตัวบ้านไป

อาหารเย็นมื้อนี้เป็นอาหารมื้อที่อร่อยที่สุดเท่าที่ช่อทิพย์เคยทานมาเลยก็ว่าได้ ชายหนุ่มที่นั่งฝั่งตรงข้ามคอยบริการตักนู้นตักนี่ให้เธอ เอาอกเอาใจเสียจนหญิงสาวคิดว่าตัวเองกำลังกลายเป็นเจ้าหญิง จนเมื่อทานอาหารเย็นเสร็จแล้วชานนท์จึงเชิญชวนให้อีกฝ่ายขึ้นไปชมห้องใหม่ที่เขาเพิ่งตกแต่งไปได้ไม่นาน

“อยากให้ช่อช่วยวิจารณ์หน่อยว่าเป็นยังไง...” ชายหนุ่มบอกเสียงหวานก่อนเดินนำหน้าหญิงสาวสู่ห้องนอนบนชั้นสองของบ้าน ช่อทิพย์ก้าวขาตามเขาไปอย่างใจเต้น อยากจะรู้ว่าชายหนุ่มนอนยังไง มีอะไรอยู่ในห้องเขาบ้าง คงจะมีแต่พวกอุปกรณ์กีฬาแน่เพราะเห็นเขาชอบเตะฟุตบอลทุกวัน หรืออาจจะมีแต่ตำราเรียนก็เป็นได้...

ชานนท์เปิดประตูสีครีมออกกว้างก่อนยืนยิ้มร่าเริง ช่อทิพย์ค่อยๆ สาวเท้าเดินเข้าไปยังหน้าประตูห้อง ก่อนเผลอเดินเข้าไปภายในอย่างไม่รู้ตัว เตียงนอนขนาดห้าฟุตตั้งอยู่ที่มุมด้านซ้ายติดกับหน้าต่างบานใหญ่ ฝั่งขวาเป็นโต๊ะเขียนหนังสือและชั้นหนังสือ ส่วนอีกด้านเป็นมีกลุ่มโต๊ะเล็กๆ ตั้งอยู่ แต่พื้นรอบโต๊ะโรยด้วยกรวดสีขาว

“ก็สวยดีนี่...” ช่อทิพย์ว่าเสียงใสก่อนที่เจ้าของห้องจะปิดประตูและลงกลอนไว้ สาวเท้าเนิบนาบมายังร่างแบบบาง “อุ๊ย...” หญิงสาวอุทานอย่างตกใจเมื่อเอวคอดถูกมือหนาของชานนท์จับเบาๆ

ใบหน้าได้รูปซบลงกับบ่าเล็กๆ ก่อนซุกหน้าพรมจูบซอกคอเนียนขาวเบาๆ มืออีกข้างลูบไล้สะโพกกลมกลึงในขณะที่อีกข้างค่อยๆ ปลดอาภรณ์หญิงสาวออกอย่างเบามือ

“นนท์...อย่า...” หญิงสาวขยับกายเพื่อขัดขืนหากแต่ว่าร่างหนาที่โอบรัดกลับไม่ยอมปล่อย สัมผัสอุ่นๆ จากรอยจูบและลมหายใจแผ่วเบาที่รินรดต้นคอฉุดให้ช่อทิพย์ลืมทุกสิ่งไปจนหมดสิ้น ชานนท์ช้อนร่างอรชรขึ้นอุ้มไว้ก่อนวางลงยังเตียงนอนนุ่มนิ่ม


ณภัทร์รีบเปิดประตูห้องออกมาทันทีที่คบเพลิงเอ่ยถึงชื่อกิ่งดาวหลังจากที่อีกฝ่ายเคาะประตูเรียกคนในห้องอยู่นานโข ณภัทร์ก้มลงมองกระเป๋าเงินของกิ่งดาวที่ชายหนุ่มถืออยู่ก่อนเงยหน้าขึ้นจ้องสองตาคมเข้ม

“เราต้องเอากระเป๋าเงินไปคืนกิ่งดาวนะ...” คบเพลิงว่าเสียงเรียบก่อนที่ณภัทร์จะถอนหายใจฟึดฟัด “ยังโกรธฉันอยู่เหรอ?”

“ไม่...ไม่ได้โกรธนี่” คนพูดเชิดหน้าบอก

“ถ้าไม่ได้โกรธแล้วทำไมไม่พูดกับฉัน”

“ก็พูดอยู่นี่ไง...” คนที่อยู่ในห้องเถียงกลับทันควัน คบเพลิงยกมือยอมแพ้ จ้องมองร่างเพรียวลมที่ดื้อดึงราวกับเด็กไม่มีผิด “วานนายช่วยเอาไปให้ดาวด้วยแล้วกัน” ณภัทร์ว่า สงสัยกิ่งดาวคงทำตกที่สวนดอกไม้

“อ้าว...ให้ฉันไปคนเดียวเหรอ? ฉันไม่รู้จักบ้านกิ่งดาวนะ นายต้องนำทางไปณภัทร์” คบเพลิงคลายยิ้มกว้างสายตายียวนกวนประสาทนั้นทำให้ณภัทร์ต้องกระฟัดกระเฟียดหันหลังกลับเข้าห้อง เดินไปคว้าเอาเสื้อกันหนาวและกลับออกมาหาชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่ยืนรออยู่

นานแล้วที่ณภัทร์ไม่ได้กลับมายังหมู่บ้าน เมื่อขับรถผ่านหน้าบ้านของตัวเองมันก็ทำให้อดที่จะนึกถึงคนในบ้านไม่ได้ แม่กับพี่ภาจะเป็นยังไงบ้าง? จะมีใครคิดถึงเขาบ้างมั้ย?...

เมื่อส่งกระเป๋าเงินให้กับกิ่งดาวเรียบร้อยแล้วจึงรีบเดินทางกลับ แต่เหมือนว่าความอาวรณ์ในหัวใจยังคงทวีความรุนแรงขึ้นทุกนาที มือเรียวจึงแตะลงที่บ่าของคบเพลิงเบาๆ

“หยุดก่อน...” คบเพลิงเบิกตาโพลงเมื่อได้ยินเสียงกระซิบที่ข้างหูก่อนที่จะผ่อนเครื่องยนต์และเลียบจอดริมทาง

ณภัทร์ลุกจากเบาะนั่งก่อนเดินตรงไปยังรั้วบ้าน สองตาจ้องมองไปบนชั้นสองที่มืดมิดไม่มีแสงไฟ มีเพียงแค่ไฟหน้าบ้านที่ยังเปิดให้แสงสว่าง ป่านนี้ทุกคนคงนอนกันหมดแล้ว ดอกไม้ที่ออกดอกหลากสีสันในสวนอดทำให้ชายหนุ่มคิดถึงมารดาไม่ได้ แม่มักจะใช้ให้เขารดน้ำต้นไม้ให้บ่อยๆ เวลากลับจากโรงเรียน พอเขาไม่อยู่บ้านนี้แล้วจะมีใครดูแลดอกไม้พวกนี้บ้างรึเปล่า? จู่ๆ หยดน้ำตาใสๆ ก็รินไหลลงมาจากดวงตาแดงก่ำของณภัทร์ก่อนที่คนข้างๆ จะส่งผ้าเช็ดหน้าให้

ณภัทร์หันไปมองผ้าสีน้ำตาลผืนเล็กๆ ในมือคบเพลิงแน่นิ่ง ก่อนช้อนสายตาขึ้นจ้องมองดวงหน้าคร้ามแดดของชายหนุ่ม เขามันเป็นเพียงแค่ลูกหมาตัวหนึ่งที่เจ้าของไม่เหลียวแล สภาพของเขามันคงน่าสงสารมากในสายตาคบเพลิงล่ะสินะ...


หลังจากกลับไปส่งช่อทิพย์ยังบ้านพักแล้วชานนท์ก็รีบขับรถบึ่งเข้าเมืองต่อทันที ชายหนุ่มจัดการโทรเรียกเทพพิพิธซึ่งกำลังกลัดกลุ้มใจเรื่องคนรักให้มานั่งดื่มเป็นเพื่อนยังสถานบันเทิงร้านโปรด ขาดแต่คบเพลิงเพราะไม่สามารถติดต่ออีกฝ่ายได้

ทันทีที่มาถึงเทพพิพิธก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นหญิงสาวหน้าตาสะสวยคนหนึ่งนั่งเคลียคลอบนตักชานนท์อยู่ สีหน้าของเพื่อนรักทำเอาชายหนุ่มต้องหัวเราะร่า

“นั่งลงเร็วเข้าไอ้เทพ !” ชานนท์ตบโซฟาตัวยาวสองสามที่ก่อนเทพพิพิธจะทรุดนั่งลง เมื่อบริกรวางเครื่องดื่มลงตรงหน้าผู้ที่เพิ่งมาถึงก็จับกรอกใส่ปากรวดเดียวจนหมดแก้ว

“นี่มันเกิดอะไรขึ้นวะไอ้นนท์...แล้ว...” เทพพิพิธชี้ไม้ชี้มือไปยังหญิงสาวหน้าตาสะสวยที่นั่งเคลียคออยู่กับชานนท์

“น้องแพร... นี่เทพพิพิธจ้ะเป็นเพื่อนรักของพี่เอง” แพรดาวส่งยิ้มให้อีกฝ่ายก่อนที่ชายหนุ่มจะค้อมศีรษะน้อยๆ ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าชานนท์กำลังทำอะไรอยู่ เห็นเขาไปรับไปส่งช่อทิพย์อยู่ทุกวัน แต่ไฉนวันนี้กลับมานั่งดื่มกับผู้หญิงคนใหม่เสียได้เล่า?... ชานนท์ผู้เป็นสุภาพบุรุษผู้แสนดี ไอ้เพื่อนหนุ่มคนนี้ของเขาไม่ต่างอะไรกับเทพบุตรในร่างปีศาจจริงๆ !



Create Date : 03 พฤศจิกายน 2554
Last Update : 3 พฤศจิกายน 2554 11:39:43 น.
Counter : 429 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ผีเสื้อสีดำ
Location :
ศรีสะเกษ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]



จงทำในสิ่งที่คุณคิดว่า...

ทำไม่ได้
พฤศจิกายน 2554

 
 
1
5
6
8
9
10
12
14
16
17
19
20
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
All Blog
MY VIP Friend