บทที่ 12 อดีตของกิ่งดาว
บทที่ 12 อดีตของกิ่งดาว

กิ่งดาวต้องยืนนิ่งค้างอยู่กลางทางภายหลังจากออกไปซื้อผักที่ร้านค้าในใจกลางหมู่บ้าน ใบหน้าคมสันที่เศร้าหมองของสุรเดชทำให้หัวใจของหญิงสาวเต้นระส่ำระส่าย แม้จะกำชับกับตัวเองว่าอย่าไปมองเขา อย่าไปทำให้ถ่ายไฟเก่ามันลุกโชนขึ้นมา แต่ทว่า... แววตาอันอบอุ่นคู่นั้นมันกลับทำให้กิ่งดาวก้าวขาไม่ออกไปเสียดื้อๆ

สุรเดชคลี่ยิ้มอ่อนโยนก่อนก้าวขาเข้ามาหาหญิงสาว สองร่างยืนสบตากันแน่นิ่ง

“เดชขอโทษนะดาว...ขอโทษกับเรื่องที่เดชได้ทำลงไป...” หยดน้ำตาทำท่าว่าจะร่วงลงมาจากขอบตาร้อนผ่าวของสุรเดช เขายังคงรอทีท่าจากกิ่งดาวอย่างใจเต้น หวังว่าเธอจะยอมให้อภัยเขา

กิ่งดาวก้มหน้าลงต่ำ เสียงถอนหายใจที่ได้ยินทำให้ชายหนุ่มใจเสีย “ช่างมันเถอะ...มันผ่านไปแล้ว จะกลับไปแก้ไขก็ไม่ได้”

“ถ้าอย่างนั้นดาวบอกมา ดาวอยากให้เดชทำอะไรเพื่อให้ดาวหายโกรธ เดชจะยอมทำทุกอย่างเพื่อไถ่โทษ...” เขาอ้อนวอนเสียงสั่นเครือ กิ่งดาวช้อนสายตาขึ้นจ้องมองสุรเดชตรงๆ บนดวงหน้าอันงดงามประดับไปด้วยรอยยิ้มละมุนละไม

“ไม่ต้องทำอะไรหรอกนะเดช...ดาวรู้ว่าที่เดชทำลงไปเพราะรักดาว ดาวแค่อยากให้เดช ให้เกียรติดาวบ้าง...ถึงยังไงเราก็เคย...” ริมฝีปากอวบอิ่มนิ่งค้างในบัดดล สุรเดชสูดหายใจเข้าปอดอย่างมีกำลังใจ

“เราสองคนเคยรักกัน... และเดชยังรักดาวอยู่เสมอ” คำพูดที่ได้ยินทำให้หญิงสาวเสหันไปอีกทางก่อนตัดสินใจออกเดินทางกลับบ้าน สุรเดชรีบก้าวขาวิ่งตามเธอมาติดๆ


“เทพเหรอ?...” กลอยใจนิ่งค้างไปครู่นึงหลังจากที่เทพพิพิธกดรับสาย หญิงสาวเมียงมองไปยังร่างสูงใหญ่ของสุรเดชที่เดินรั้งท้ายกิ่งดาวก่อนแสยะยิ้ม “ฉันอยากให้นายมาเห็นภาพตอนนี้จัง กิ่งดาวกับสุรเดชกำลัง...”

“กำลังอะไร ดาวทำอะไร...” เทพพิพิธตะคอกถามอย่างร้อนรน กลอยใจผายยิ้มกว้างก่อนเม้มปากบอกเสียงดัง

“ตอนนี้สองคนนั้นกำลังเดินหยอกล้อ คลอเคลียกัน ตรงดิ่งไปที่ศาลาท่าน้ำริมคลอง...ถ้านายมาตอนนี้ก็คงทัน” ชายหนุ่มกดวางสายไปโดยไม่มีคำพูดใดๆ มือหนากำโทรศัพท์ตัวเองไว้แน่น รูปหน้าขาวสะอาดแดงเดือดเพราะความโกรธ

ชายหนุ่มรีบบึ่งมาที่บ้านของกิ่งดาวทันที และก็เป็นดังที่กลอยใจบอกไว้ เขาไม่พบร่างหญิงคนรัก เทพพิพิธวิ่งเหยาะๆ ตรงไปยังศาลาท่าน้ำก่อนจะเห็นหญิงสาวและชายหนุ่มคู่หนึ่งนั่งเคลียคลอกันอยู่บนศาลา พลันนั้นร่างที่ไร้สติก็ถลาตรงเข้าไปอย่างรวดเร็ว

“ดาว...” เสียงตะโกนก้องที่ได้ยินทำเอาทั้งสองหันขวับมามองเขาตาโต แต่ทว่า...นั่นกลับไม่ใช่กิ่งดาวและสุรเดชตามที่กลอยใจกล่าวหา

ทันทีที่กิ่งดาวก้าวขาเข้าบ้านมาเธอก็พบกับกลอยใจทื่ยืนขึงตาใส่ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อเสียให้ได้ หญิงสาวทำทีเป็นไม่เห็นสีหน้าไม่พอใจของพี่สาวก่อนตรงไปยังห้องนั่งเล่น เอาดอกบัวสีม่วงอ่อนๆ ที่สุรเดชเก็บมาให้ไปใส่แจกัน

“ดาว...” เทพพิพิธที่รีบวิ่งกลับมายังบ้านพักของหญิงสาวร้องเรียกเธอ กิ่งดาวหันขวับมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย เธอรู้อยู่แล้วว่าเขามาที่บ้านเพราะเห็นรถยนต์ที่จอดทิ้งไว้หน้าบ้านเธอ แต่ยังเดาไม่ออกว่าเขาหายไปไหนมา...

“ดาวไปไหนมา...” เทพพิพิธลากเสียงพลางนิ่วหน้าขณะที่กลอยใจเดินแสยะยิ้มตามหลังชายหนุ่มเข้าบ้านมา สายตาแหลมคมผินมองน้องสาวก่อนสาวเท้าเดินขึ้นห้อง

“ไปซื้อของที่ร้านค้ามา แล้วเทพมานานรึยัง?” หญิงสาวคลี่ยิ้มเรียบๆ เชิดมองกลอยใจที่ยืนเม้มปากแน่น เทพพิพิธกลอกตามองหญิงสาวครู่หนึ่ง เมื่อไม่พบอาการผิดปกติเขาจึงหย่อนตัวลงนั่ง

“ก็...พึ่งมาได้ซักพักแล้วหละ”

“แล้วหายไปไหนมา ออกไปตามหาดาวเหรอ?” คำถามของหญิงสาวทำให้ชายหนุ่มต้องมองหน้าเธอตรงๆ

“ใช่...เทพวิ่งไปตามหาดาว ที่ศาลาท่าน้ำเมื่อกี้...” กิ่งดาวระบายลมหายใจออกเบาๆ ก่อนหันไปมองดอกบัวสีม่วงอ่อนที่เธอได้รับจากสุรเดช หญิงสาวรู้สึกผิดยังไงไม่รู้... เธอยังตัดใจจากสุรเดชไม่ได้เหรอ? หรือว่าเทพพิพิธยังรักเธอไม่มากพอ... หรือเป็นเพราะว่าหัวใจเธอเองที่เริ่มเรรวน

“เดี๋ยวดาวไปเอาของหวานมาให้ทานนะเทพ คุณแม่ทำกล้วยบวชชีไว้ รอแป๊ปนึงนะจ้ะ” กิ่งดาวเปลี่ยนเรื่องก่อนหันหลังเดินเข้าสู่ห้องครัวไป เทพพิพิธเป็นผู้ชายที่ดีมากคนหนึ่ง เธอไม่อยากเสียเขาไปไม่ว่าด้วยเหตุผลใดๆ เขารักเธอข้อนี้เธอรู้ดี... มีแต่เพียงเวลาเท่านั้นที่จะพิสูจน์ว่าเธอควรจะเลือกใคร


“ช่อทิพย์อาการดีขึ้นแล้วค่ะคุณย่า เห็นว่าเย็นนี้ชานนท์จะพาเธอไปซื้อของที่ห้างฯ แล้วก็คงอยู่ดูหนังรอบดึกกันต่อ” สุทธิดาบอกแก่นางสินีนาฏขณะช่วยอีกฝ่ายพับชุดนางรำที่ได้รับการซักล้างทำความสะอาดมาเป็นอย่างดีแล้ว หญิงสูงวัยถอนหายใจด้วยความหนักใจ... ไม่รู้ว่าหลานชายของเขาจะคิดจริงจังกับผู้หญิงคนนี้รึเปล่า?

“เธอเป็นเด็กดีมากนะ...” คำชมจากนางสินีนาฏทำเอาหญิงสาวต้องเลิกคิ้ว

“ย่าหมายถึงเธอและก็ช่อทิพย์ เธอทั้งสองคนเป็นเด็กดี โชคดีที่ไอ้เจ้านนท์มันเจอแต่ผู้หญิงดีๆ แต่ไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้ว...มันจะรู้จักคุณค่าในตัวหนูทั้งสองคนรึเปล่า? หากว่าชานนท์เลือกช่อทิพย์...หนูจะเกลียดเขามั้ยสุทธิดา...” คำถามที่ได้ยินจากหญิงที่เธอเคารพนับถือเสมือนญาติผู้ใหญ่ทำให้สุทธิดาต้องนิ่งอึ้ง เธอกับชานนท์...รู้จักกันมาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ความรักและหวังดีที่เธอมีให้เขา ไม่มีวันจะเปลี่ยนแปลง แต่ความรักระหว่างคนสามคนคงเป็นไปไม่ได้ หากเขาเลือกช่อทิพย์เธอก็ยินดีในการตัดสินใจของเขาแม้ว่ามันจะทำให้เธอเจ็บปวดมากสักแค่ไหนก็ตามที

“ชานนท์ไม่เลือกช่อทิพย์หรอกค่ะ...” คำตอบจากปากของหญิงสาวทำให้หญิงสูงวัยต้องเลิกคิ้วสูง สีหน้าของสุทธิดาเรียบเฉยไร้อารมณ์ หากแต่ว่าภายในอัดแน่นไปด้วยความอัดอั้นตันใจ “เขาไม่เคยเห็นคุณค่าของความรัก เขาแค่อยากล้อเล่นกับมันเท่านั้น...ผู้หญิงทุกคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเขาก็แค่เป็นหมากตัวนึง หรือไม่ก็เหยื่อ... พ่อแม่ทิ้งเขาไปตั้งแต่ยังเด็ก นี่เป็นปมด้อยที่อยู่ในใจของเขา...เขาจะมอบความรักให้กับคนที่แสวงหามัน แล้วจากนั้น...เขาก็จะทำให้คนๆ นั้นเจ็บปวดและรู้สึกเหมือนกับที่พ่อแม่ทำกับเขา...” สุทธิดามองหน้านางสินีนาฏ บนดวงหน้ายับย่นปราศจากอารมณ์ใดๆ ภาพเด็กชายผู้ไร้เดียงสาที่ถูกพ่อแม่ทอดทิ้งไปตั้งแต่ยังเด็กฉายวาบขึ้นในห้วงคำนึงของหญิงสูงวัย แม่หนีจากเขาไปตั้งแต่สามขวบก่อนไปแต่งงานใหม่กับผู้ชายที่ต่างประเทศ ส่วนพ่อ...พอหย่าจากภรรยาคนเก่าได้ก็รีบคว้าเอาหญิงคนใหม่มาเป็นภรรยา... เด็กชายผู้บริสุทธิ์ต้องซึมซับเอาความเหินห่างและอ้างว้าง ความเกลียดชังและขาดความอบอุ่น เขาเป็นคนที่น่าสงสารคนหนึ่ง...ชานนท์เป็นผู้ชายที่น่าสงสารคนหนึ่ง


เทพพิพิธรีบเข้าไปขออนุญาตจากนายเจตต์เมื่อผู้เป็นเจ้าบ้านกลับมาจากทำงานในไร่ แต่ทว่าทั้งนายเจตต์และนางทับทิมกลับไม่เห็นด้วยที่เขาจะพากิ่งดาวไปงานวันเกิดเพื่อนเพียงสองต่อสอง ถึงแม้ชายหนุ่มจะเข้าตามตรอกออกตามประตูก็ตามที นางทับทิมจึงเสนอให้พากล่อมแก้วไปเป็นเพื่อนด้วยซึ่งผู้เป็นสามีก็ไม่คัดค้านอะไร

ถึงแม้จะไม่ได้รับการสนใจจากชายหนุ่มมากนักแต่กล่อมแก้วก็ปลื้มใจที่ได้มารู้จักกับเพื่อนฝูงของเทพพิพิธมากขึ้น แม้จะต้องรวดร้าวใจเมื่อเห็นกิ่งดาวชิดใกล้กับเขาแต่อย่างน้อยขอให้เธอได้มองหน้าเขา ได้อยู่ในที่ๆ เขาอยู่ ได้เห็นรอยยิ้ม ได้ยินเสียงหัวเราะเขาเท่านี้เธอก็พอใจแล้ว...

“ดาวครับ...ลองดื่มนี่หน่อยนะ” เทพพิพิธยื่นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์สีสันแปลกตาส่งให้กิ่งดาว หญิงสาวสั่นศีรษะไปมาก่อนที่กลุ่มเพื่อนๆ เขาจะร้องโห่บังคับให้เธอดื่ม “นะครับดาว...รับรองไม่เมาหรอก” ชายหนุ่มคะยั้นคะยอจนกิ่งดาวต้องรับแก้วมาและยกขึ้นชิม รสชาติของมันคล้ายน้ำผลไม้แต่มีรสขมๆ คล้ายเหล้า พอลองอึกแรกแล้วไม่รู้สึกเมาก็ทำให้เธอยอมดื่มจนหมดแก้ว

เหล่าวัยรุ่นที่อยู่ในงานต่างออกกันไปเต้นหน้าเวทีเล็กๆ ซึ่งจัดอยู่ในสวนหลังบ้านของผู้เป็นเจ้าของวันเกิด กล่อมแก้วนั่งอยู่ใกล้ๆ กับผู้เป็นเพื่อนอย่างไม่ยอมหนีห่างไปไหน แก้มนวลเนียนที่เริ่มแดงระเรื่อและอาการโซเซบอกเธอได้ว่ากิ่งดาวเริ่มจะเมาได้ที่แล้ว

เพื่อนหนุ่มคนหนึ่งของเทพพิพิธเดินถือเครื่องดื่มสองแก้วเอามาให้สองสาวก่อนที่กิ่งดาวและกล่อมแก้วจะรับไว้ แต่ทว่าชายหนุ่มคนนั้นจะไม่ยอมไปไหนจนกว่าจะเห็นเธอทั้งสองคนดื่มจนหมดแก้ว

“แค่จิบนิดเดียวก็พอแล้ว...เพื่อนฉันเมาแล้วนะ” กล่อมแก้วต่อว่าเสียงแข็งแต่อีกฝ่ายก็ยังขึงตามองเธอ กิ่งดาวหันมาบอกกับเพื่อนสาวเบาๆ

“ไม่เป็นไรหรอกแก้ว ถ้าไม่ดื่มจะเสียน้ำใจเพื่อนของเทพเขานะ ฉันยังไม่เมา...” กิ่งดาวบอกเสียงหวานก่อนยกแก้วขึ้นดื่มจนหมด หนุ่มตรงหน้ายิ้มร่าอย่างพอใจก่อนหันมายังกล่อมแก้วที่ไม่ยอมแตะต้องน้ำเมาในแก้วแม้แต่หยดเดียว

“ฉันไม่กิน...ถ้าฉันไม่กิน ใครก็ไม่มีสิทธิ์มาบังคับให้ฉันกินได้”


คบเพลิงต้องรีบบอกลาเพื่อนๆ ในงานวันเกิดเพราะได้รับโทรศัพท์จากคนสำคัญให้ไปรับเขาที่บ้านอย่างด่วนที่สุด ณภัทร์ยืนกุมมือที่สั่นระริกอยู่หน้าบ้านด้วยความร้อนใจก่อนที่คบเพลิงจะมาถึง

“เกิดเรื่องอะไรขึ้นภัทร์...” เขาร้องถามทั้งที่ยังอยู่บนรถ ณภัทร์รีบกระโดดขึ้นซ้อนท้ายมอเตอร์ไซด์ในทันที

“รีบไปโรงพยาบาลเร็ว พ่อฉันไม่สบาย...ไปเดี๋ยวนี้เลย” ณภัทร์กระซิบบอกที่ข้างหูก่อนที่คบเพลิงจะรีบบิดมอเตอร์ไซด์ขับเข้าสู่ตัวเมืองให้เร็วที่สุด แม้เสียงส่วนหนึ่งในหัวใจจะร้องห้ามไม่ให้เขาหวั่นไหวหรือสนใจกับเรื่องของชายแก่คนนี้อีก แต่ยังไงเขาก็คือพ่อ...คือผู้ให้กำเนิด ผู้มีพระคุณต่อตัวเขานักหนา... ณภัทร์ได้แต่เฝ้าภาวนาต่อฟ้าดินว่าขออย่าให้บิดาตนเป็นอะไรร้ายแรง เพราะแม่และพี่สาวยังต้องการพ่อเพื่อยึดเป็นเสาหลักของครอบครัว

เมื่อมาถึงโรงพยาบาลได้ณภัทร์ก็รีบลงจากรถทันที คบเพลิงต้องก้าวขาฉับๆ ตามชายหนุ่มมาอย่างกระหืดกระหอบ ร่างเพรียวลมเดินเลี้ยวไปทางตึกอุบัติเหตุก่อนจะได้พบกับนางศิริจันทร์และณภาผู้เป็นแม่และพี่สาวที่ยืนหน้าเสียอยู่ด้านหน้าของห้องฉุกเฉิน

“พ่อเป็นยังไงบ้างครับ...” ทันทีที่ได้เห็นหน้าลูกชายอีกครั้งนางศิริจันทร์ก็โผเข้ากอดณภัทร์ไว้แน่น รอยกอดของมารดาทำให้เขาพอคลายความเหงาลงไปได้มาก ร่างเพียวลมค่อยๆ ถอนอ้อมกอดออกช้าๆ และหันไปมองกระจกหน้าห้องฉุกเฉิน

“โรคความดันของคุณพ่อกำเริบ ท่านเจ็บหัวใจขณะกำลังก้าวลงบันก่อนจะพลาดท่าตกบันไดน่ะภัทร์” ณภาบอกเสียงสั่นเครือในขณะที่ณพิตรรีบวิ่งดุ่มๆ ตรงมาหาทั้งกลุ่มด้วยที่ว่าเธอเพิ่งกลับมาจากไปสัมมนาที่ต่างจังหวัด

“พ่อเป็นยังไงบ้างแม่ พี่ภา...” ลูกสาวคนกลางหันไปถามพี่สาวและมารดาด้วยสีหน้าตื่นตระหนก

“หมอกำลังดูอยู่...พ่อความดันกำเริบแล้วก็ตกบันได้น่ะยัยพิตร...” หญิงสาวนิ่วหน้าก่อนจะเอามือทาบอก เมื่อหันมาอีกทางก็ต้องพบกับร่างเพรียวลมของน้องชายที่มีสีหน้ากังวลไม่แพ้กัน พ่อคงกังวลกับเรื่องของณภัทร์มากจนความดันกำเริบ... หากว่าลูกชายคนสุดท้องที่พ่อฝากความหวังไว้นักหนาทำตัวอย่างที่ท่านหวังไว้ก็คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นแน่

ณภัทร์ยืนรอฟังคำตอบจากทีมแพทย์พร้อมกับพี่สาวและผู้เป็นแม่ในขณะที่คบเพลิงได้แต่เมียงมองร่างเพรียวลมอยู่ห่างๆ และเมื่อแพทย์ออกมาแจ้งแก่ญาติๆ ว่าคนไข้พ้นขีดอันตรายแล้วผู้เป็นภรรยาและลูกๆ ทั้งสามจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก ณภาอาสาว่าจะไปขนของเพื่อเตรียมมาเฝ้าไข้บิดาส่วนณพิตรก็บอกว่าจะเฝ้าพ่อจนกว่าจะฟื้น

“งั้น...ภัทร์กลับแล้วนะแม่...” ณภัทร์ยกมื้อไหว้มารดา พยายามบังคับไม่ให้น้ำตารินไหลลงมาจากขอบตาที่ร้อนผ่าว หากพ่อลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วเห็นหน้าเขา...มันก็อาจจะยิ่งทำให้ความดันของพ่อกำเริบขึ้นไปอีกก็ได้

“ภัทร์...” ณภาคั้นเสียงออกมาจากลำคอแผ่วเบา หญิงสาวนิ่วหน้ามองน้องชายด้วยความทดท้อใจก่อนจะคว้ามือของณภัทร์มาบีบไว้ “พี่เชื่อว่าสักวันพ่อต้องเข้าใจภัทร์...ภัทร์ต้องทำให้พ่อเห็นในความดีของภัทร์ให้ได้นะ...อย่าพึ่งยอมแพ้นะภัทร์...” ณภัทร์เสฝืนยิ้มก่อนหันมามองร่างที่ไร้สติบนเตียง

“ภัทร์หวังว่ามันคงจะมีวันนั้นพี่ภา...มันเป็นความหวังที่ทำให้ภัทร์กล้าเดินหน้าต่อไปอย่างเข้มแข็ง”



Create Date : 28 ตุลาคม 2554
Last Update : 28 ตุลาคม 2554 12:07:21 น.
Counter : 467 Pageviews.

6 comments
  
ผมชอบตัวละคร คบเพลิงและกิ่งดาวครับ น่าติดตามดี
ยังไงผมก็จะติดตามอ่านและเป็นกำลังใจให้นะครับ
โดย: Nui IP: 110.77.140.252 วันที่: 2 พฤศจิกายน 2554 เวลา:11:42:29 น.
  
ขอบคุณครับ คุณ Nui ผมล่ะนึกว่าจะไม่มีใครอ่านซะแล้ว T_T เพราะตั้งแต่ลงเรื่องนี้มา ไม่มีใครมาเมนต์เลย แต่สถิติดูบล็อกแต่ละวันนี่เฉียดร้อย >O< ก็งงอยู่ว่าแล้วผู้ชมเค้าไปอ่านนิยายเรื่องไหนกัน?

เพราะความลับฤดูหนาวก็นิ่ง.... เพียงเพื่อนใจก็นิ่ง....

แต่ไม่เป็นไรครับ ผมก็จะเขียนต่อไป...ต่อไป...เรื่อยๆ จนกว่าจะจบ...

ขอบคุณทุกคนที่อ่าน นะครับ (ที่ไม่แสดงตัวด้วยเน้อ)
โดย: ผีเสื้อสีดำ วันที่: 2 พฤศจิกายน 2554 เวลา:20:03:24 น.
  
แต่ผมว่ามีคนอ่านเยอะนะครับแต่ก็ไม่ได้เข้าไปเมนต์ให้อะไรประมาณนี้ครับ
ส่วนผมก็อ่านทุกเรื่องของคุณแต่ก็ไม่ได้เมนต์ อิอิอิ
ยังไงผมก็จะเป็นกำลังใจให้และติดตามผลงานดีๆนะครับ
โดย: Nui IP: 110.77.140.252 วันที่: 3 พฤศจิกายน 2554 เวลา:7:59:57 น.
  
ว่าแล้วไง... >< เม้นต์ทักกันบ้าง อะไรบ้างเถอะครับ

คนเขียนจะได้มีกำลังใจเขียนต่อไป....


ขอบคุณครับ
โดย: ผีเสื้อสีดำ วันที่: 3 พฤศจิกายน 2554 เวลา:11:44:09 น.
  

ทักทายกันได้ที่เฟซบุ๊คส์นะครับ

Mint Rartchapoochai

แอคเค้าท์ผมเอง
โดย: ผีเสื้อสีดำ วันที่: 3 พฤศจิกายน 2554 เวลา:11:46:23 น.
  
ครับผม
โดย: nui IP: 110.77.140.252 วันที่: 4 พฤศจิกายน 2554 เวลา:7:51:37 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ผีเสื้อสีดำ
Location :
ศรีสะเกษ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]



จงทำในสิ่งที่คุณคิดว่า...

ทำไม่ได้
ตุลาคม 2554

 
 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
13
14
15
16
17
18
19
21
22
24
25
26
27
29
30
31
 
 
All Blog
MY VIP Friend