บทที่ 25 โอกาสของชานนท์
บทที่ 25 โอกาสของชานนท์

หลังจากเลิกเรียนแล้ว ช่อทิพย์ก็มายืนที่หน้าสวนสาธารณะตามปกติเช่นเคย ภาพนักศึกษาสาวรุ่นราวคราวนี้ที่กระโดดขึ้นรถยนต์คันหรูที่มาจอดรับ กลายเป็นสิ่งที่ชินตากับเธอไปเสียแล้ว เพราะเธอเอง...ก็เป็นหนึ่งในนักศึกษากลุ่มนั้นเช่นเดียวกัน หญิงสาวหวนคิดไปถึงสิ่งที่ทำให้เธอต้องมายืนอยู่ตรงนี้

เพราะผู้ชายที่เธอรักทั้งหัวใจ เพียงเพราะเขาคนเดียวเท่านั้นที่ทำให้ชีวิตเธอพังครืนลงมาแบบนี้ บางที...หากเธอไม่ได้พบกับเขา เรื่องแย่ๆ มันก็คงจะไม่เกิดขึ้น ถ้าหากเธอไม่ปักใจรักเขา ก็คงไม่ต้องมาเป็นแบบนี้...

หญิงสาวระบายลมหายใจออกเบาๆ ก่อนรีบปาดน้ำตาออกจากใบหน้าเมื่อมีรถเก๋งสีขาวคันหนึ่งจอดรออยู่ตรงหน้า คนขับวัยสี่สิบค่อยๆ ปรับกระจกรถลงเบาๆ ส่งสายตาและพยักหน้าให้กับนักศึกษาสาวเพื่อเป็นสัญญาณ

ช่อทิพย์พยักหน้ารับ เดินละลิ่วตรงไปยังรถคันนั้นก่อนที่มือหนาจะคว้าแขนเธอไว้เสียก่อน ร่างบอบบางหันขวับมาอย่างตกใจ ชานนท์ยังคงจับแขนหญิงสาวไว้แน่น

“ขอโทษนะครับ คนนี้ผมจองแล้ว !” เขาร้องบอกคนในรถ อีกฝ่ายส่ายศีรษะเบาๆ พร้อมกับเบ้ปากก่อนออกรถจากไป ช่อทิพย์สะบัดแขนออกอย่างแรง เบือนหน้าหนีไปอีกทาง

“มากับฉัน...” ชานนท์คว้าแขนกลมกลึงอีกครั้ง กึ่งลากกึ่งดึงมายังรถของเขาที่จอดอยู่ไม่ไกลขณะที่ช่อทิพย์พยายามขัดขืนสุดชีวิต หากแต่ชายหนุ่มข้างหน้าเธอก็ไม่ยอมปล่อยง่ายๆ จนกระทั่งเขาผลักตัวเธอขึ้นรถไปได้ในที่สุด

“นายจะพาฉันไปที่ไหน... ทำไมถึงทำแบบนี้” หญิงสาวกัดฟันพูด สายตามองออกไปนอกกระจกรถ

“ฉันควรจะถามเธอมากกว่าว่าทำไมถึงทำแบบนี้” ชานนท์หันมามองใบหน้านวลเนียนที่เมินหนีแวบหนึ่ง

ช่อทิพย์ฝืนยิ้มทั้งน้ำตา... ค่อยๆ หันมาจ้องมองใบหน้าของชานนท์ นี่เขายังมีหน้ามาถามอีกเหรอว่าทำไมเธอถึงต้องทำแบบนี้... เขายังมีหัวใจอยู่รึเปล่า ?


รถยนต์คันงามจอดเลียบอยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่ริมแม่น้ำสายยาวที่ไหลผ่านอำเภอเมืองของจังหวัด ชานนท์เดินอ้อมไปเปิดประตูให้หญิงสาวข้างใน ช่อทิพย์ผลักประตูออกอย่างไม่พอใจ รีบเดินละลิ่วตรงไปยังริมฝั่งแม่น้ำใหญ่ก่อนทรุดนั่งลงเอามือกอดเข่า สายตาเหม่อมองดวงอาทิตย์ที่กำลังจะลาลับขอบฟ้าไป แสงแดดสีส้มอมเหลืองสาดกระทบกับผืนน้ำเป็นประกายระยิบระยับงดงาม ลมเย็นๆ พัดปะทะสองร่าง

“ทำไมเธอถึงต้องทำตัวแบบนี้ด้วย เธอไม่เห็นคุณค่าในตัวเองบ้างเลยหรือไง?” ชานนท์ยืนอยู่ข้างหลังเธอ สายตาของเขาตอนนี้หดหู่และเสียใจ ผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่นั่งก้มหน้าอยู่นี่กำลังตัวสั่นเทิ้ม เธอยกมืออีกข้างขึ้นปาดน้ำตาออกอย่างลวกๆ ก่อนหยัดกายขึ้นและหันมาจ้องหน้าชายหนุ่มตรงๆ

“หรือเป็นเพราะฉัน ที่ทำให้เธอเป็นแบบนี้ ฉันมันดี มีค่ามากขนาดนั้นเลยเหรอ?” มือน้อยๆ ของช่อทิพย์ฟาดเข้าใส่แก้มซ้ายของชานนท์อย่างแรงจนเขาหันขวับไปอีกทาง

“ทำไมนายถึงได้ล้อเล่นกับความรักแบบนี้ ฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่คิดจะคบกับใครแค่ผิวเผิน เหมือนอย่างที่นายคิด นายทำลายชีวิตฉัน ทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง” หญิงสาวตะโกนใส่หน้าเขาด้วยความเจ็บช้ำ หยดน้ำตารินไหลอาบแก้มทั้งสองข้าง ขณะที่ชานนท์ได้แต่ยืนนิ่งค้างอย่างทำอะไรไม่ถูก

ช่อทิพย์สะบัดตัวหนี สาวเท้าวิ่งตรงไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย

“ช่อ...เดี๋ยวก่อน...” ชานนท์ตะโกนตามหลังเธอ ก่อนรีบวิ่งตามหญิงสาวมาติดๆ ร่างเพรียวบางวิ่งไปบนผืนทราย ฝ่ากระแสลมที่พัดใส่ เธออยากจะวิ่งหนีความเจ็บปวดที่ได้รับ หนีความเป็นจริง หนีความรักจอมปลอม หนีความผิดที่เธอได้กระทำลงไป หนีไปให้พ้นสิ่งเหล่านี้เสียที...

มือหนาของชายหนุ่มคว้าร่างเธอได้ในที่สุด ก่อนจะพลาดท่าล้มคะมำลงไปนอนบนพื้นทรายด้วยกันทั้งคู่ ร่างหนาของชานนท์ทาบทับกับเรือนร่างอรชรของหญิงสาวที่อยู่เบื้องล่าง ดวงตาสองคู่กำลังสบสายตากันแน่นิ่ง ริมฝีปากของชานนท์ค่อยๆ แนบชิดสนิทกับเรียวปากของช่อทิพย์เบาๆ

เป็นเวลานานเท่าไหร่ไม่รู้ ที่ช่อทิพย์ตกลงสู่ห้วงแห่งความอบอุ่นที่เธอเคยได้รับ หัวใจที่แห้งผากกลับรู้สึกชุ่มชื้นขึ้นมาในฉับพลัน ความทรงจำอันแสนดีงามระหว่างเขากับเธอฉายวาบขึ้นมาในห้วงคำนึง แต่ขณะที่ดวงตากลมใสเบิกขึ้น ก็ต้องได้พบกับความเป็นจริงอันแสนโหดร้าย ชานนท์คนที่อยู่ตรงหน้าเธอนี้...เขาคือผู้ชายที่ไร้ซึ่งหัวใจ มีเพียงแต่ความรักและความหวังดีจอมปลอมเท่านั้น !

หญิงสาวดันร่างที่ทาบทับอยู่ออกอย่างแรงจนอีกฝ่ายผงะออก ช่อทิพย์ยันกายลุกขึ้น ขึงตาจ้องมองชายหนุ่มด้วยแววตากร้านกร้าว

ชานนท์เดินเข้าไปใกล้เธอ ภายในแววตาของเขาเต็มไปด้วยความสงสารและปรารถนาดี

“หยุดเถอะนะช่อ...เธอหยุดขายตัวเถอะนะ อย่าทำแบบนี้อีกเลย” ดวงตาของชายหนุ่มรื้นด้วยม่านน้ำตาใสๆ นั่นทำให้หญิงสาวจ้องมองเขาจริงจังมากขึ้น ถ้อยคำที่ได้ยินเมื่อครู่นี้ กลั่นกรองออกมาจากหัวใจของเขาจริงๆ กระนั้นหรือ ?

ชานนท์ค่อยๆ พริ้มตาหลับพร้อมกับหยดน้ำตาลูกผู้ชายที่ไหลอาบลงมา

“ฉันขอโทษ...ขอโทษในทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันทำไม่ดีกับเธอ” ดวงตาสีน้ำตาลเข้มค่อยๆ เบิกมองหญิงสาวที่ยืนสั่นเทิ้มตรงหน้า ช่อทิพย์เม้มริมฝีปากสั่นระริกไว้แน่น สองตาแดงก่ำเคลียคลอด้วยหยดน้ำตา

ชายหนุ่มเดินเข้าไปหาร่างบางก่อนโอบกอดเธอไว้แน่น “ฉันขอโทษ...ได้โปรดให้อภัยฉันเถอะนะช่อทิพย์ ต่อจากนี้ไปฉันสัญญาว่าจะดูแลเธอเอง ฉันรักเธอนะ...” เขากระชับร่างหญิงสาวให้แน่นที่สุด ซบใบหน้าลงกับบ่าเล็กที่สั่นระริก ช่อทิพย์ไม่อาจบังคับหยดน้ำตาไม่ให้รินไหลลงมาได้อีกต่อไป หยดน้ำตาของชานนท์ไหลเปื้อนบ่าเธอจนเปียกชุ่ม เขากำลังร้องไห้... ร้องไห้ด้วยความสำนึกผิด เขารักเธอจริงๆ... เขารักเธอ

หญิงสาวเอามือทั้งสองข้างโอบแผ่นหลังชายหนุ่มไว้ ซบหน้าลงกับบ่าแข็งแรงของเขา และร้องไห้ไปด้วยกัน... สายลมเย็นๆ โอบล้อมสองร่างที่กอดกันกลมอย่างแนบแน่นด้วยความรักและปรารถนาดีที่มีให้กันจนล้นเหลือ ไม่มีอะไรที่ความรักจะให้อภัยไม่ได้... นั่นคือสิ่งที่ช่อทิพย์คิดอยู่เสมอมา


กว่าหลายวันที่เทพพิพิธเรียนหนังสือไม่รู้เรื่อง นั่นก็เพราะเรื่องของกิ่งดาวที่ยังค้างคาอยู่นั่นเอง เขาต้องหาทางจัดการให้เรื่องนี้จบโดยเร็วที่สุด ก่อนที่อะไรๆ มันจะยุ่งเหยิงไปมากกว่านี้

หลังจากเลิกเรียนแล้วเทพพิพิธก็ไปหาความสงบที่ห้องสมุดต่อ ชานนท์นั้นขอตัวไปเคลียร์ปัญหาระหว่างตนกับช่อทิพย์ ส่วนคบเพลิงก็รีบตรงดิ่งไปยังโรงพยาบาลเพราะเป็นห่วงณภัทร์ที่ประสบอุบัติเหตุ

เมื่อเดินออกมาจากห้องสมุดแล้วชายหนุ่มก็ต้องเบิกตาโพลงด้วยความดีใจ กิ่งดาวกำลังเดินตรงไปยังโรงรถของวิทยาลัยด้วยความเร่งรีบ ไม่รอช้าเทพพิพิธก็รีบวิ่งตรงไปหาเธอทันที

“ดาว...” เสียงเรียกที่ดังขึ้นด้านหลังทำให้กิ่งดาวต้องหยุดฝีเท้าลง ก่อนที่มือซ้ายจะถูกใครบางคนคว้าไว้

“เทพ...” กิ่งดาวอุทานเสียงแผ่ว รีบสะบัดมือออกทันที

“เราต้องคุยกันนะดาว...” เทพพิพิธบอกด้วยความร้อนรน กิ่งดาวหลบสายตาเขา รีบหันหลังกลับและเดินดุ่มๆ ไปโดยที่อีกฝ่ายรีบสาวเท้าตามมาอย่างไม่ลดละ

“เราไม่มีอะไรต้องคุยกันอีก อย่ามายุ่งกับฉัน”

“ไม่...ผมจะไม่ยอมให้เรื่องมันเป็นแบบนี้แน่ คุณท้องกับผม ลูกในท้องคุณเป็นลูกผม !” สิ่งที่ได้ยินทำให้ร่างบางต้องนิ่งค้างไปในฉับพลัน หัวใจที่สั่นไหวทำให้กิ่งดาวเริ่มรู้สึกโลเล หากแต่ว่าเธอก็ก้าวมาไกลเหลือเกินแล้ว จะให้ย้อนกลับไป...ก็คงเป็นไปไม่ได้

เทพพิพิธรอดูทีท่าของหญิงสาวด้วยความกระวนกระวาย กิ่งดาวสูดหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ พยายามข่มหัวใจไว้ไม่ให้เอนเอียงขณะหันมาจ้องหน้าเทพพิพิธ

“ตอนนี้เราสองคนต่างก็มีพันธะแล้ว ฉันจะหมั้นกับสุรเดชเดือนหน้านี้...” หญิงสาวบอกช้าชัด คนที่ฟังถึงกับหน้าถอดสี อ้าปากค้างอย่างทำอะไรไม่ถูก

“เลิกยุ่งกับฉันเสียที...” หญิงสาวกัดฟันพูด แม้จะรู้สึกเจ็บปวดหัวใจเพียงไรที่ต้องขับไสไล่ส่งเขา แม้จะรักเขาสักเพียงไร แต่ตอนนี้เธอกับเขาอยู่ในสถานะที่ไม่อาจจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้อีกต่อไปแล้ว เขาทรยศเธอ...นั่นคือความจริง


กล่อมแก้วรอจนเทพพิพิธเดินคอตกกลับแผนกวิชาไป ก่อนที่เธอจะรีบวิ่งเหยาะๆ ตรงไปหากิ่งดาวที่จวนจะถึงโรงจอดรถของวิทยาลัย หญิงสาวดึงเอากระเป๋าสะพายของอีกฝ่ายจนกิ่งดาวเกือบพลาดท่าล้มคว่ำลงบนฟุตบาท
กิ่งดาวหันมาประจันหน้ากับกล่อมแก้ว อีกฝ่ายดึงสายกระเป๋าสะพายเธอให้เข้ามาใกล้กับตัวก่อนจะตบหน้ากิ่งดาวอย่างแรงจนหันขวับ

“อย่ามายุ่งกับคนของฉัน !” กิ่งดาวเม้มปากแน่นด้วยความโกรธเคืองสุดขีด หญิงสาวหันกลับมาและฟาดฝ่ามือลงบนแก้มขวาของกล่อมแก้วอย่างแรง

“ฉันก็ไม่อยากจะยุ่งกับแฟนของเพื่อนทรยศอย่างเธอหรอกนะ...คราวหน้าคราวหลังก็ควบคุมคนของเธอไว้ให้ดีก็แล้วกัน” กิ่งดาวจ้องหน้ากล่อมแก้ว สายตาอัดแน่นไปด้วยความโกรธแค้นและเสียใจ ก่อนจะเอี้ยวตัวกลับและมุ่งหน้าเดินต่อไปโดยไม่คิดจะต่อปากต่อคำกับอีกฝ่ายให้เสียความรู้สึก

“ฉันจะเอาเรื่องที่เธอท้องไปบอกอาจารย์...” กล่อมแก้วตะโกนว่าตามหลัง กิ่งดาวหยุดกึกด้วยความตกใจ หัวใจแทบหล่นฮวบลงไปกองที่พื้น

คนที่อยู่ข้างหลังจ้องมองเธอพร้อมกับแสยะยิ้ม “กว่าจะปิดเทอม ท้องของเธอมันก็ต้องป่องออกมาแน่ ถึงตอนนั้นเธอก็ต้องถูกไล่ออก... แล้วก็อย่าคิดว่าเทพพิพิธเขาจะกลับไปหาเธออีก”

กิ่งดาวก้มหน้างุด พยายามบังคับไม่ให้น้ำตามันไหลออกมาแต่ก็กลับทำไม่ได้ กล่อมแก้วยิ้มเย่าะอย่างพอใจก่อนเดินจากไปด้วยความเบิกบาน กิ่งดาวเอาสองมือปาดน้ำตาออกอย่างลวกๆ แต่มันก็ทำท่าว่าจะไหลไม่ยอมหยุดเสียที


“เราไม่คิดจะกลับไปบ้านของอาจารย์บงกชใช่มั้ย?...” ณภาลากเสียงถามน้องชายที่กำลังเก็บข้าวของใส่กระเป๋าเสื้อผ้า ภายในห้องพิเศษของผู้ป่วยชายภายหลังที่ณภัทร์มีอาการหายดีจนเกือบเป็นปกติแล้ว

คนที่ถูกถามทอดสายตามองออกไปนอกหน้าต่างของห้องพัก ดวงตาเหม่อมองพระอาทิตย์สีแดงที่กำลังจะลาลับขอบฟ้าไป “ครับ...ผมคงไม่กลับไปที่นั่นอีก...” ณภัทร์บอกน้ำเสียงราบเรียบ

“จะไม่บอกพี่หน่อยเหรอว่าเพราะอะไร...”

“ภัทร์ว่าพี่ภาคงไม่อยากรู้หรอก มันไร้สาระน่ะ” ณภัทร์หันกลับมาหาพี่สาวก่อนฉวยเอากระเป๋าเสื้อผ้ามาถือไว้

“ถ้างั้นไปพักที่คอนโดพี่ก่อน เดี๋ยวเลิกงานพี่จะพาเรามาล้างแผล...”

“ไม่ต้องหรอกพี่ภา ภัทร์มาเองได้ แผลมันก็หายแล้ว ก็เหลือแค่ตัดไหมเท่านั้นเองแหละ” ณภัทร์ยักไหล่ก่อนเดินนำหน้าพี่สาวออกจากห้องพักไป เมื่อสองพี่น้องออกไปได้ไม่นานนักศึกษาหนุ่มร่างใหญ่คนหนึ่งก็รีบผลุนผลันมายังห้องพักพิเศษที่ถูกปิดสนิทไว้ คบเพลิงรีบตะลีตะลานไปถามพยาบาลที่เคาน์เตอร์ด้วยความตกใจก่อนจะได้รับคำตอบว่า

“คนไข้ทื่ชื่อณภัทร์เพิ่งออกไปเมื่อกี้นี่เองค่ะ”

“อ้าว...เหรอครับ? แล้วทราบรึเปล่าครับว่าเขาไปที่ไหน?” คำถามของชายหนุ่มทำให้นางพยาบาลต้องย่นคิ้ว

“ไม่ทราบสิค่ะ ลองโทร.ถามเขาดูสิ” อีกฝ่ายเสนอก่อนที่คบเพลิงจะค้อมศีรษะพร้อมกับเอ่ยขอบคุณ เดินคอตกออกมาจากตึกด้วยความผิดหวัง ชายหนุ่มได้แต่จ้องมองโทรศัพท์ตัวเองเป็นนาน แต่ใจมันก็ไม่กล้าโทร.ไปถามเขาเสียทีว่าตอนนี้เป็นยังไงบ้างแล้วไปพักอยู่ที่ไหน ณภัทร์จะรู้บ้างหรือเปล่าว่าตัวเองทำให้เขากระวนกระวายมากแค่ไหน ?

คบเพลิงกลับมาบ้านราวกับคนที่ไร้ความรู้สึก พอผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้วก็โยนมันใส่ไว้บนตะกร้าที่มีผ้ากองพะเนินกันอยู่ เมื่อท้องหิวก็รีบตรงเข้าห้องครัวแต่ก็กลับไม่มีอะไรให้กินซักอย่าง... พอโทรศัพท์ไปหาผู้เป็นน้าก็กลับได้รับคำตอบว่าอีกฝ่ายติดประชุมจนถึงดึก

ชายหนุ่มก็ต้องมานั่งซังกะตายอยู่กลางเรือนคนเดียว ถ้าตอนนี้ณภัทร์อยู่ด้วยก็คงดี คงมีคนให้เขาคุยด้วย มีคนทำกับข้าวให้กิน ซักผ้าให้ ดูแลเขา... แต่ตอนนี้...เขากลับทำให้คนที่หวังดีและทำเพื่อเขาหนีจากไปเสียอย่างนั้น


คอนโดของณภาใหญ่กว่าที่ณภัทร์คิดไว้มาก พี่สาวของเขาซื้อมันไว้เมื่อสองปีก่อนแต่ก็ไม่ค่อยได้มีโอกาสมาพักซักเท่าไหร่ เว้นแต่วันที่ต้องอยู่ทำงานดึกๆ เท่านั้นเอง พอจัดข้าวของเสร็จแล้วชายหนุ่มก็ออกมาเดินหาอะไรทานที่ตลาดโต้รุ่งซึ่งอยู่ตั้งไม่ห่างจากคอนโดนัก แต่วันนี้ข้าวขาหมูเจ้าโปรดทำท่าว่าจะขายดีแต่หัววันเสียด้วย ไม่รู้ว่าจะเหลือรึเปล่า ?

“หมดพอดีเลยจ้ะ นี่ก็ถุงสุดท้าย พอดีพ่อหนุ่มคนหนึ่งเขาสั่งไว้แน่ะ นั่นไง...มาพอดีเลย” ณภัทร์พยักหน้าหงึกหงักให้กับพ่อค้าข้าวขาหมูก่อนหันขวับไปทางซ้ายเมื่ออีกฝ่ายชี้ไปยังชายหนุ่มที่สั่งอาหารชุดสุดท้ายไว้

“ภัทร์...” คบเพลิงคลี่ยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว รีบตะลีตะลานเดินดุ่มๆ มาหาชายหนุ่มขณะที่อีกฝ่ายรีบสาวเท้าเดินหนีไปอีกทาง

“รอด้วยสิภัทร์...อยากกินข้าวขาหมูเหรอ?...ไปกินด้วยกันมั้ยล่ะ” พูดขณะเดินตามอีกฝ่ายมาติดๆ

“แล้วนี่หายแล้วเหรอ? ยังเจ็บตรงไหนอยู่รึเปล่า” คบเพลิงเอามือจับแขนณภัทร์เบาๆ ก่อนที่อีกฝ่ายจะหยุดกึก

“อย่ามายุ่งได้มั้ย ?...” ตวาดใส่หน้าจนคบเพลิงต้องนิ่งอึ้ง

“ทำไมจะยุ่งไม่ได้ ก็เราเคย...” คบเพลิงลากเสียงค้าง...ขณะที่คนตรงหน้าเขาใจเต้นตึกๆ แต่เมื่อเห็นแววตาอันโอนเอนและไร้ความมั่นใจของเขาณภัทร์ก็สะบัดหน้าหนี

“อย่าทำให้ฉันเจ็บไปมากกว่านี้เลยคบเพลิง...จำคำพูดของนายได้มั้ย?” ณภัทร์ปิดเปลือกตาลงช้าๆ ก่อนระบายลมหายใจยาว

“ฉันทำให้นายต้องเจ็บ คนทำผิดก็ต้องชดใช้สิ นายต้องให้ฉันชดใช้ในความผิดที่ฉันทำนะภัทร์”

“ฉันไม่ต้องการ...” ณภัทร์สะบัดหน้ามาหาเขา พยายามแข็งใจไม่ให้หวั่นไหวกับสายตาของคบเพลิง “แล้วอย่าตามฉันมาอีกนะ”



Create Date : 18 ธันวาคม 2554
Last Update : 18 ธันวาคม 2554 14:59:22 น.
Counter : 340 Pageviews.

4 comments
  
มาอัพแล้วนะครับ ^^
โดย: ผีเสื้อสีดำ วันที่: 18 ธันวาคม 2554 เวลา:15:03:14 น.
  
หวัดดีครับ.........................
โดย: maramba1 วันที่: 18 ธันวาคม 2554 เวลา:17:54:41 น.
  
ครับ สวัสดีเช่นกันครับ
โดย: ผีเสื้อสีดำ วันที่: 19 ธันวาคม 2554 เวลา:3:48:05 น.
  
ไม่มาอัพเลยอ่ะครับรออ่านอยู่ครับ
อยากอ่านมากมายครับ
โดย: Nui IP: 119.46.130.232 วันที่: 26 ธันวาคม 2554 เวลา:8:08:28 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ผีเสื้อสีดำ
Location :
ศรีสะเกษ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]



จงทำในสิ่งที่คุณคิดว่า...

ทำไม่ได้
ธันวาคม 2554

 
 
 
 
1
3
4
5
6
7
8
9
10
12
13
14
15
16
17
19
20
21
22
23
24
25
26
28
29
30
31
 
All Blog
MY VIP Friend