บทที่ 6 กิ่งดาว
บทที่ 6 กิ่งดาว

ตลอดระยะทางที่รถยนต์ของชานนท์เคลื่อนผ่านไปนั้นกิ่งดาวก็เฝ้าแต่คิดถึงเรื่องที่เทพพิพิธบาดเจ็บ เขาโดนดักทำร้ายหลังจากกลับออกมาจากบ้านเธอ ผู้ที่ต้องสงสัยคงไม่ใช่ใครอื่นแน่...

ยิ่งคิด หญิงสาวก็ยิ่งรู้สึกแย่กับนิสัยและการกระทำของเขา ทั้งจากการเข้ามาลวนลามเธอในวันงานมงคลของน้าไพลินอย่างไม่ให้เกียรติ แถมเขายังเป็นพวกหมาลอบกัด ดักทำร้ายเทพพิพิธจนอีกฝ่ายต้องบาดเจ็บสาหัสถึงขนาดต้องเข้าโรงพยาบาล

เมื่อถึงโรงหมอ หญิงสาวทั้งสามก็รีบเดินตามชานนท์ตรงสู่แผนกอายุรกรรมชายด้วยความเร่งรีบ ช่อทิพย์ที่เดินอยู่ตรงกลางหันไปมองกิ่งดาวและกล่อมแก้วสลับไปมา ทั้งคู่ต่างมีสีหน้าเคร่งเครียดไม่แพ้กัน

กิ่งดาวหันซ้ายขวาเมื่อเข้าไปในห้องคนเจ็บที่แบ่งเป็นล็อก ชายหลายสิบคนหลายวัยนอนพักรักษาอยู่บนเตียง กระทั่งชานนท์ที่เดินนำหน้าไปหยุดยืนอยู่ข้างเตียงๆ หนึ่ง คนที่เพิ่งฟื้นตัวจึงค่อยๆ ลืมตามองคนเป็นเพื่อนตรงหน้า

“ไหนพ่อแกบอกว่าจะให้ย้ายเข้าไปพักในห้องพิเศษไงวะ” ชานนท์เอามือเกาะราวเหล็กขอบเตียง เอ่ยถามร่างที่นอนแผ่หลาบนเตียงเสียงเบา

“ก็ห้องมันเต็ม ก็เลยต้องนอนที่นี่ไปก่อน” เสียงที่ตอบกลับมานั้นค่อยเสียจนชานนท์ต้องก้มหน้าเอาหูไปใกล้ๆ ปากของอีกฝ่าย โครงหน้าขาวสะอาดที่หล่อเหลาตอนนี้กลับเขียวช้ำราวกับว่ามีใครเอาสีไปละเลงลงบนใบหน้าของชายหนุ่มก็มิปาน

“เทพ...” กิ่งดาวอุทานเสียงเบา เห็นสภาพของชายหนุ่มแล้วก็รีบเอามือทาบอกก่อนตรงเข้าไปหา ส่วนเทพพิพิธที่นอนซมก็กลับหัวใจพองโตขึ้นมาเมื่อได้เห็นวงหน้านวลเนียนอยู่ใกล้ๆ

“เป็นอะไรมากมั้ย?” กิ่งดาวกวาดสายตาสำรวจมองเนื้อตัวคนเจ็บ

“ก็หลังเกือบหักน่ะครับ ส่วนหน้าก็โดนชกซะน่วม ดีที่เลือดไม่คั่งในช่องท้องด้วย เพราะเห็นไอ้นี่บอกว่าโดนชกท้องน้อยไปหลายทีเลย...” ชานนท์สาธยายขณะที่กล่อมแก้วทอดมองชายหนุ่มด้วยความสงสารจับใจ อยากจะอยู่ดูแลจนกว่าเขาจะหายดี...

“แล้วนี่...พอจะกินอะไรได้มั้ย?” กิ่งดาวมองไปยังถาดอาหารที่ตั้งอยู่บนโต๊ะข้างเตียงคนไข้

“ก็...ได้นิดหน่อยครับ หมอให้กินอาหารอ่อนๆ” ชายหนุ่มบอกเสียงค่อยจนหญิงสาวต้องเงี่ยหูฟัง ดวงหน้านวลเนียนจึงต้องขยับเข้าไปใกล้ร่างที่นอนซม

“ฉันเป็นต้นเหตุให้นายต้องเจ็บตัวอย่างนี้รึเปล่า... ถ้าเป็นอย่างนั้น ฉันต้องขอโทษด้วยนะเทพ...” กิ่งดาวเม้มปากแน่นก่อนระบายลมหายใจออกเบาๆ ได้เห็นรอยเขียวช้ำบนใบหน้าเทพพิพิธแล้วก็อดเจ็บใจกับการกระทำของสุรเดชไม่ได้ เทพพิพิธต้องมาเจ็บตัวเพราะเธอเป็นต้นเหตุแท้ๆ เชียว

หลังจากที่เร่ขายผักจนหมดแล้วกล่อมแก้วก็ตรงดิ่งมาที่บ้านหลังเล็กของนางสุรีย์ที่อยู่ท้ายหมู่บ้านทันที หญิงสาวตะโกนเรียกหาสุรเดชอยู่นานกว่าที่อีกฝ่ายจะโผล่หัวมาพบ

กล่อมแก้วโยนซองกระดาษใส่หน้าอีกชายหนุ่มอย่างแรงจนสุรเดชต้องอ้าปากค้าง “นั่นเป็นตารางเรียนและเอกสารการเป็นนักศึกษา...ฉันอุตส่าห์เดินเรื่องให้จนนายได้กลับไปเรียนต่อ แต่นายกลับมาทำตัวแบบนี้เหรอสุรเดช...” หญิงสาวตะโกนใส่คนตรงหน้าด้วยความเกรี้ยวกราด

“ฉันทำอะไร?” สุรเดชนิ่วหน้าก่อนจะนึกถึงเรื่องที่ตนแอบดักทำร้ายเทพพิพิธเมื่อวันก่อน รอยแผลที่กลางหลังก็ยังไม่ทุเลาลง

กล่อมแก้วก้าวขาเข้าไปใกล้ผู้มีศักดิ์เป็นสหาย “ทำไมนายต้องไปดักทำร้ายเทพพิพิธด้วย...” คำต่อว่าของหญิงสาวทำให้ชายหนุ่มอ้าปากค้างพูดอะไรไม่ออก นี่กล่อมแก้วรู้เรื่องนี้ด้วยเหรอ? “ถ้าหากว่าเขาเป็นอะไรขึ้นมานายจะทำยังไง...” หญิงสาวขบฟันแน่นอย่างไม่พอใจ

“แล้วทำไมเธอต้องมาต่อว่าฉันอย่างนี้ด้วย ก็ถ้าไอ้นั่นมันไม่เทียวมาหากิ่งดาวเช้าเย็นแบบนั้นฉันก็...” สุรเดชเม้มปากเมื่อสบสายตาแข็งกร้าวของกล่อมแก้วที่มองตน

“ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่...นายห้ามแตะต้องเทพพิพิธอีกเป็นอันขาด” หญิงสาวยื่นคำขาดเสียงแข็งจนอีกฝ่ายต้องย่นคิ้ว

“ตกลงว่าเธออยู่ข้างไหนกันแน่กล่อมแก้ว... เธอเห็นไอ้หมอนั่นดีกว่าฉันงั้นเหรอ?”

“ไม่ใช่ ฉันอยากให้นายสมหวังกับกิ่งดาว แต่ไม่ได้บอกนายให้ไป...” กล่อมแก้วพูดต่อไปไม่ออก รู้สึกเหมือนมีบางอย่างจุกอยู่ที่ลำคอ จะให้เธอบอกไปงั้นหรือว่าตนรักและหวงแหนเทพพิพิธเพียงใด...

สุทธิดาถือแก้วน้ำอัดลมสองใบเดินตรงดิ่งไปยังโต๊ะไม้ตัวยาวกลางโรงอาหารที่เต็มไปด้วยนักศึกษาที่ต่างก็มารับประทานอาหารเที่ยงกัน แต่ทว่า...หญิงสาวที่นั่งอยู่เคียงข้างชานนท์ก็ทำให้เธอหยุดชะงักเสียก่อน

“น้ำแดง...นนท์” แก้วน้ำแดงที่วางลงบนโต๊ะทำให้ช่อทิพย์ต้องเงยขึ้นมองหญิงที่ยืนอยู่ข้างโต๊ะอาหารด้วยความตกใจ หญิงสาวผิวขาว รูปร่างสูงโปร่ง บุคลิกท่วงท่าดูมาดมั่นคลี่ยิ้มให้กับเธอ

“อ้าว นั่งด้วยกันสิเจี๊ยบ” ชานนท์เชื้อเชิญเพื่อนสนิทสาวตั้งแต่สมัยเด็กก่อนเถิบกายให้อีกฝ่าย

“ไม่เป็นไรดีกว่า” สุทธิดาบอกเสียงค่อยก่อนหันมาหาช่อทิพย์ “ทานข้าวให้อร่อยนะจ้ะ” จบคำก็เดินจากไปยังกลุ่มเพื่อนที่นั่งทานอาหารกันอยู่อีกฟากของโรงอาหาร ช่อทิพย์จำได้ดีว่าเธอเป็นผู้หญิงคนที่เอากระเป๋าสตางค์มาคืนกิ่งดาวคราวนั้น...ผู้หญิงที่มาพร้อมกับชานนท์

สุทธิดาทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ตัวยาวข้างๆ เพื่อนสนิทกลุ่มใหญ่ก่อนถูกซักถามต่างๆ นานา “ผู้หญิงใหม่ของนายชานนท์เหรอเจี๊ยบ...” เพื่อนสาวฝั่งซ้ายหันมาถามขณะที่สุทธิดากำลังดูดน้ำแดงจากหลอดเพื่อแก้กระหาย

“ที่ช่วงนี้ไม่ค่อยรับโทรศัพท์เธอก็เพราะแม่นั่นรึเปล่า...เธอน่าจะบอกความจริงกับชานนท์ไปนะ ว่าเธอคิดยังไงกับเขา...” เพื่อนสาวฝั่งซ้ายสมทบเสียงแจ้ว

“คิดยังไงกับเค้า...” สุทธิดาชวนคำ หันไปมองเพื่อนที่นั่งประกบอยู่ทั้งซ้ายและขวาไปมา “ก็แค่เพื่อนคนหนึ่งเท่านั้นเอง แต่ฉันแค่เป็นห่วงผู้หญิงคนนั้น...เธอยังไม่รู้จักผู้ชายอย่างชานนท์ดีพอ” สายตาของหญิงสาวเพ่งมองไปยังดวงหน้าของช่อทิพย์ที่เอาแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้กับชายหนุ่มฝั่งตรงข้าม

“งั้นก็แสดงว่าเธอรู้จักเขาดีน่ะสิเจี๊ยบ...” เพื่อนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามลากเสียงหวาน สุทธิดาเบี่ยงสายตาหันไปมองเธอตรงๆ ริมฝีปากสวยคลี่ยิ้มมาดมั่น

“ใช่...ฉันรู้จักชานนท์ดีกว่าใคร”


ช่อทิพย์จ้องมองกลุ่มนักศึกษาสถาบันเดียวกันกลุ่มใหญ่ที่ยืนขวางหน้าเธอไว้ หนึ่งในนั้นก้าวเข้ามาหาเธอก่อนฟาดฝ่ามือลงยังใบหน้าหญิงสาวจนหันขวับไปอีกทาง หนังสือในมือร่วงหล่นลงพื้น นักศึกษาสาวที่เหลือต่างกรูเข้ามายึดร่างช่อทิพย์ไว้แน่น

“ปล่อยนะ...นี่พวกเธอจะทำอะไร” ไม่ทันจะจบคำคนที่อยู่ตรงหน้าก็ฟาดฝ่ามือลงบนแก้มซ้ายของเธออีกครั้ง

“อย่ามายุ่งกับชานนท์...” ชื่อได้ยินทำเอาช่อทิพย์ต้องนิ่งค้างพูดอะไรไม่ออก นักศึกษาพวกนั้นลากตัวเธอเหวี่ยงลงกลางสนามหญ้าด้านหลังอาคารที่อยู่ท้ายวิทยาลัยก่อนกรูเข้าไปคร่อมร่างและฟาดฝ่ามือลงกลางแสกหน้าอย่างไม่ยั้งมือ จนเมื่อซุ้มเสียงของใครบางคนดังขึ้น...

“หยุดเดี๋ยวนี้นะ” สุทธิดาร้องเสียงดังจนนักศึกษาร่วมสิบคนรีบลุกพรวดขึ้นพร้อมกัน ทั้งหมดจ้องหน้าผู้ว่าจ้างแวบนึงก่อนจะรีบวิ่งหนีไปอีกฝั่งของอาคารหลังใหญ่ หญิงสาวรีบตรงเข้าไปหาช่อทิพย์ที่นอนเจ็บอยู่บนพื้น

“เป็นอะไรมากรึเปล่าจ้ะ...” เอ่ยถามพร้อมกับประคองคนที่ถูกทำร้ายจนน้ำตานองหน้าขึ้น ที่มุมปากมีเลือดสีแดงไหลซิบๆ ใบหน้าทั้งซ้ายและขวาเขียวช้ำเป็นรอยนิ้วมือ

“ไม่...ไม่เป็นไรแล้วจ้ะ...” ช่อทิพย์ฝืนบอกทั้งน้ำตา ไม่คาดคิดว่าตัวเองจะถูกทำร้ายแบบนี้ได้

“หัวหน้าโจกของนังพวกนั้นเคยเป็นแฟนเก่าของชานนท์...” ได้ยินความจากปากของสุทธิดาก็ทำให้ช่อทิพย์อ้าปากค้าง แฟนเก่าของชานนท์งั้นเหรอ?...
สุทธิดาเบี่ยงตัวไปเก็บหนังสือที่กระจัดกระจายก่อนส่งคืนให้เจ้าของ “มันคงไม่พอใจที่เห็นเธอใกล้ชิดกับชานนท์น่ะ... ทางที่ดีเธอควรจะอยู่ห่างๆ นนท์เอาไว้นะ...” หญิงสาวตรงหน้าเม้มปากแน่นพร้อมทอดมองอย่างเห็นใจแต่ช่อทิพย์ไม่รู้ว่าเธอควรจะทำอย่างไรต่อไปดี สายตาและรอยยิ้มอันอบอุ่นของเขาทำให้เธอประทับใจ จะให้เธอออกห่างจากเขาเพียงเพราะกลัวแฟนเก่าชายหนุ่มทำร้ายงั้นเหรอ?


กิ่งดาวเจียดเวลาช่วงพักเที่ยงที่มีเพียงน้อยนิดตรงสู่โรงพยาบาลที่ตั้งอยู่กลางตัวเมือง ในมือของหญิงสาวมีส้มเขียวหวานถุงใหญ่ กำลังตรงดิ่งสู่ห้องพิเศษแห่งแผนกอายุรกรรมชาย อันที่เป็นพักรักษาตัวของเทพพิพิธ

“ตื่นแล้วเหรอ?” คนที่เพิ่งเปิดประตูเข้ามาลากเสียงถามขณะที่เทพพิพิธค่อยๆ เปิดเปลือกตาขึ้นมองหญิงสาวที่เดินตรงเข้ามาหา ใบหน้าที่เขียวช้ำค่อยๆ กลับคืนสู่สภาพปกติแล้ว

“กินอะไรรึยัง...” กิ่งดาวเอ่ยถามก่อนวางถุงส้มลงบนโต๊ะข้างเตียง ศีรษะที่หนุนอยู่บนหมอนสั่นไปมาช้าๆ ก่อนพยักเพยิดหน้าไปยังถ้วยข้ามต้มที่วางอยู่และปั้นยิ้ม

“ให้ฉันป้อนนายเหรอ?” หญิงสาวถามเสียงใสก่อนที่ชายหนุ่มจะพยักหน้าหงึกหงัก ร่างบางถอนใจยาวก่อนคว้าเอาถ้วยข้าวต้มมาถือไว้ ดวงตากลมใสจ้องมองคนเจ็บที่แอบอมยิ้ม

กิ่งดาวตักข้าวต้มร้อนๆ ก่อนยกขึ้นเป่าเบาๆ “อ้าปาก...” ว่าเสียงแข็งขณะที่เทพพิพิธค่อยๆ อ้าปากกว้างตามคำสั่ง มือเรียวยกป้อนข้าวต้มให้กับชายหนุ่มจนหมดคำ

สีหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีความสุขของเขาทำเอากิ่งดาวต้องผายยิ้มตามไปด้วย แต่ห้วงเวลาแห่งความสุขก็ต้องมีคนมาขัดจังหวะเสียก่อน เสียงเคาะประตูดังขึ้นสามสี่ครั้งก่อนที่ร่างสูงโปร่งของชานนท์และร่างหนาเข้มของคพเพลิงจะเดินเข้าห้องมา

“ว่าไงเพื่อนรัก...หายซ่าไปได้หลายวันเลยนะเอ็ง” คพเพลิงทักทายเสียงดังพร้อมหัวเราะเสียงใส เทพพิพิธหันไปยิ้มให้เพื่อนทั้งสองอย่างฝืดๆ ก่อนที่กิ่งดาวจะหันไปยิ้มทักทายชานนท์และคพเพลิงก่อนเอี้ยวตัวกลับมาจ้องมองคนเจ็บที่นอนทำหน้ามุ่ยอยู่บนเตียง

“งั้นเดี๋ยวฉันขอตัวกลับก่อนนะ ให้นนท์กับคพเป็นคนป้อนนายต่อแล้วกัน...”

“อะ อะไรกันดาว ผมเพิ่งกินได้แค่คำเดียวนะครับ” เทพพิพิธร้องโหยงก่อนที่คพเพลิงจะแทรกขึ้น

“ได้เลยครับดาว เดี๋ยวผมกับไอ้นนท์จะดูแลเพื่อนรักคนนี้เป็นอย่างดี ดาวไม่ต้องห่วงเลยนะครับ” จบคำร่างบางก็ลุกจากเก้าอี้ขณะที่เทพพิพิธหันไปทำตาเขียวใส่คพเพลิงก่อนเอื้อมมือไปคว้าปลายนิ้วหญิงสาวไว้

กิ่งดาวก้มลงมองมือหนาที่ยึดปลายนิ้วเธอไว้ ครั้งนึงสุรเดชเคยสัมผัสปลายนิ้วนุ่มนิ่มนี้เหมือนกับที่เทพพิพิธกำลังทำอยู่... หญิงสาวเบิกตามองคนเจ็บที่คลายยิ้มอ่อนโยน

“ขอบคุณนะดาวที่อุตส่าห์มาเยี่ยมผม” เทพพิพิธบอกเสียงหวาน หญิงสาวยิ้มตอบรับอ่อนโยนก่อนปลดมือเขาออกเบาๆ

เมื่อกิ่งดาวจากไปแล้วชานนท์จึงเปิดปากถามเทพพิพิธเกี่ยวกับเรื่องที่เขาถูกทำร้าย “ตกลงแกจะเอายังไงต่อไปวะไอ้เทพ... เอ็งเห็นหน้ามัน ข้าก็เห็นหน้ามันเหมือนกัน” จบคำ คพเพลิงก็หันไปมองเพื่อนหนุ่มทั้งสองสลับไปมา

“ใครวะ เห็นหน้าคนร้ายน่ะเหรอ?” ชานนท์หันมาพยักหน้าให้คนที่ไม่รู้เรื่องอย่างเช่นคพเพลิงแทนคำตอบก่อนหันมาจ้องหน้าเทพพิพิธอย่างเอาจริงเอาจัง

คนที่อยู่บนเตียงขบกรามแน่นก่อนเอ่ย “ทีแรก...ข้ากะจะเอาเรื่องมันให้ถึงคุกเชียวหละ แต่พอมาคิดๆ ดูแล้ว ข้าจะยอมปล่อยมันไป เพราะข้าก็รู้ว่ากิ่งดาวต้องรู้แน่ๆ ว่าไอ้สุรเดชนั่นเป็นคนทำร้ายข้า”

“แล้วยังไงวะ” คพเพลิงบุ้ยปากถาม เทพพิพิธจุดยิ้มมุมปาก นึกถึงภาพที่กิ่งดาวสงสารเขาจับใจและเธอก็ต้องยิ่งเกลียดสุรเดชมากยิ่งขึ้นไปอีกที่เขาไม่ยอมเอาเรื่องอีกฝ่าย แค่นี้เขาก็ทำคะแนนจนชนะขาดแล้วหละ


หลังจากที่หายดีชายหนุ่มก็ตรงดิ่งมาหากิ่งดาวที่บ้านเหมือนที่เคยทำเป็นประจำแต่ทว่าคราวนี้เทพพิพิธขอเปลี่ยนบรรยากาศพาหญิงสาวออกไปเดินเล่นที่ชายทุ่งท่ามกลางสายลมยามเย็นในเวลาย่ำค่ำ

“คุณพ่อคุณเก่งมากเลยนะครับ นาตั้งเยอะท่านทำคนเดียวได้ยังไง?” ชายหนุ่มยกยิ้มกว้างก่อนสูดอากาศเย็นๆ เข้าปอดและค่อยๆ คลายลมหายใจออกยาว สองตาทอดมองต้นข้าวบนผืนนาที่ออกรวงจนเหลืองอร่าม

“ท่านก็ไม่ได้เก่งอะไรมากมายหรอกค่ะ ก็ว่าจ้างให้เขาไถให้บ้าน ดำนาให้บ้าง ขืนจะให้พวกเราทำกันเองก็คงไม่ไหวเพราะก็ทำสวนไปด้วย นี่อาทิตย์หน้าก็คงได้เก็บเกี่ยวข้าวพวกนี้แล้วหละ” กิ่งดาวบอกก่อนหันไปชำเลืองมองร่างสูงที่เดินเคียงข้าง ชายหนุ่มทอดมองท้องนาที่เหลืองอร่ามพร้อมคลายยิ้ม ท่าทางปลอดโปร่ง

“เดี๋ยวผมต้องรีบขอคำปรึกษาจากคุณแล้วหละ เพราะถ้าได้มาเป็นลูกเขยบ้านนี้จะได้ทำงานคล่องแคล่วประทับใจคุณพ่อเจตต์” รอยยิ้มกรุ้มกริ่มที่กิ่งดาวได้รับทำให้เธอต้องหน้าแดงซ่าน

“งั้นเหรอ?... งั้นเดี๋ยวอาทิตย์หน้านายมาเกี่ยวข้าวช่วยกันได้มั้ยล่ะ พอดีคนงานที่พ่อจ้างอาจจะไม่พอ” กิ่งดาวทำทีเป็นลองเชิงก่อนชายหนุ่มจะยักไหล่

“ได้แน่นอนครับ เดี๋ยวผมจะช่วยหาคนมาให้คุณพ่อเจตต์เพิ่ม...” เทพพิพิธคลี่ยิ้มกว้างก่อนที่หญิงสาวจะถอนใจพร้อมกับค้อนใส่เขาทีนึง เธอเดินนำหน้าชายหนุ่มมาบนคันแทนาตรงสู่สวนผลไม้ที่อยู่ท้ายนาแต่ทว่าร่างบางก็พลาดท่าเกือบไถลลงคันนาหากแต่ว่าร่างสูงข้างหลังก็คว้าตัวเธอไว้ได้ทันเสียก่อน

มือหนาจับเรียวมือนุ่มนิ่มไว้แน่น เทพพิพิธดึงรั้งร่างบางที่กำลังจะทิ้งตัวลงสู่ผืนนาในขณะที่กิ่งดาวก็โน้มตัวขึ้นอย่างสุดแรงจนอีกฝ่ายพลาดท่า ร่างสูงของเทพพิพิธเอนหลาลงสู่คันผืนนาพร้อมกับร่างแบบบางที่โน้มมาโถมทับ ปลายจมูกงอนจรดชิดกับสันจมูกโด่งของชายหนุ่ม ริมฝีปากอยู่ไม่ถึงเอื้อมมือ สองตาประสานกันแน่นิ่ง เนิ่นนาน สายลมยามเย็นหอบพัดเอากลิ่นไอดินหอมคลุ้งไปทั่ว หัวใจสองดวงเต้นตึงตังอยู่ในอก...

“เอ่อ...” กิ่งดาวหลบสายตาคมคายคู่นั้น หน้าอกของเธอทาบทับอยู่กับแผ่นอกแข็งแกร่งของเขาแนบแน่น ได้สัมผัสเนื้อหนังของกันและกัน

เทพพิพิธค่อยๆ ดันตัวลุกขึ้นขณะที่กิ่งดาวดันตัวเองขึ้นจากร่างหนาเบื้องล่าง ทั้งสองทรุดนั่งอยู่บนคันแทนาพร้อมกับร่างกายที่เต็มไปด้วยความพุ่งพล่าน... ชายหนุ่มหันไปชำเลืองมองสองแก้มของหญิงสาวที่เนียนปลั่งก่อนอมยิ้ม

“ผมขอโทษนะครับ... ผมไม่ได้...”

“ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น” กิ่งดาวตัดบทก่อนหันขวับมา “ฉันผิดเองที่เดินไม่ระวัง” ก้มหน้าบอกเขาด้วยความเคอะเขิน ดีนะ...ที่ไม่ไปจูบเขาเข้า
เทพพิพิธชำเลืองมองร่างบางตรงหน้า เมื่อเห็นลำแขนเนียนสวยเปรอะเปื้อนดินโคลนจึงรีบควักผ้าเช็ดหน้าสีฟ้าอ่อนจากกระเป๋ากางเกงและเช็ดให้หญิงสาวเบาๆ

กิ่งดาวเบิกตากว้างด้วยความตกใจ จ้องมองโครงหน้าขาวสะอาดตรงหน้าด้วยความปลาบปลื้ม “ขอบใจนะ...” มือเรียวยกไปหยิบผ้าเช็ดหน้าจากมือของอีกฝ่ายก่อนที่ชายหนุ่มจะจับมือขาวๆ นั้นไว้แน่น

“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวถ้าคุณพ่อคุณแม่เห็นจะต่อว่าผมได้ที่ดูแลลูกสาวท่านไม่ดี” เทพพิพิธดึงเอาผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดเนื้อตัวกิ่งดาวจนสะอาดดังเดิม ชายหนุ่มค่อยๆ พยุงกายเธอลุกขึ้นยืนก่อนจะเก็บผ้าเช็ดหน้าใส่กระเป๋า

“เดี๋ยวก่อน...” กิ่งดาวร้องขึ้นจนคนตรงหน้าต้องเบิกตามอง มือสวยฉวยไปหยิบเอาผ้าเช็ดหน้าในมือเขามาถือไว้ “มันเปื้อนขนาดนี้ เดี๋ยวฉันเอาไปซักให้ดีกว่า”

“ขอบคุณนะครับ...” เทพพิพิธยิ้มแก้มปริก่อนที่คนข้างหน้าจะรีบสะบัดตัวหนีและเดินนำหน้าไป เมื่อถึงสวนผลไม้ร่างบางก็ประจันหน้ากับใครบางคนที่เธอคาดไม่ถึง

สุรเดชจ้องมองรูปหน้านวลเนียนที่ยิ้มแย้มอย่างมีความสุขก่อนที่ชายหนุ่มข้างหลังเธอจะเดินขึ้นมาเคียงข้าง มือหนารีบฉวยจับมือกิ่งดาวไว้แน่น

“ปล่อยมือดาวเดี๋ยวนี้...” โครงหน้าคร้ามแดดจ้องมองเทพพิพิธอย่างเลือดขึ้นหน้า ชายหนุ่มในคราบชาวนาสวมเสื้อผ้ามอซอเดินปรี่เข้าไปหาก่อนที่กิ่งดาวจะขวางไว้

“จะทำอะไร?” หญิงสาวยึดเรียวมือของเทพพิพิธไว้แน่น แหงนมองสุรเดชที่ขบกรามหนาจนเห็นเป็นสัน เทพพิพิธอุตส่าห์ไม่เอาเรื่องที่เขาดักทำร้ายจนชายหนุ่มบาดเจ็บปางตาย แทนที่เขาจะสำนึกแต่กลับยังมีนิสัยชอบพาลหาเรื่องเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

“ดาว...ทำไมดาวถึงปล่อยให้มัน...” สายตาที่ปวดร้าวก้มลงมองเรียวมือนุ่มนิ่มที่เขาเคยสัมผัส แต่บัดนี้มันกลับสอดประสานปลายนิ้วแข็งแกร่งของเทพพิพิธไว้แน่น

สุรเดชกัดฟันอย่างเจ็บใจ สายตาที่หญิงสาวจ้องมองเธอคมเสียยิ่งกว่าเคียวที่เขาถือไว้ในมือ เธอคือยอดดวงใจของเขา คือผู้หญิงที่เขาหมายจะใช้ชีวิตด้วยไปจนวันตาย แต่ทำไมเธอถึงได้...

“ฉันรักกิ่งดาว...” สี่คำที่ทำให้ชายหนุ่มและหญิงสาวสองคนที่ยืนประจันหน้ากันต้องยืนแข็งทื่อ กิ่งดาวรู้สึกประหนึ่งถูกไฟช็อตก็มิปาน ร่างแบบบางค่อยๆ เอี้ยวตัวหันไปมองชายหนุ่มที่ก้าวขามายืนเคียงข้าง เทพพิพิธยกยิ้มหนักแน่นก่อนเอ่ยช้าชัดอีกครั้ง

“ผมรักคุณนะดาว...รักมากด้วย” ชายหนุ่มกระชับมือนุ่มนิ่มแน่นขึ้น สุรเดชเบ้ปากก่อนโยนเคียวในมือทิ้งไปอีกทาง กำหมัดตรงเข้าใส่ร่างสูงที่ยืนข้างกิ่งดาวแต่อีกฝ่ายก็เอามือทานไว้ได้เสียก่อน

“เรื่องระหว่างนายกับดาวมันจบลงไปแล้วสุรเดช... ตัดใจซะเถอะนะ” เทพพิพิธผลักหมัดหนากลับไปหาเจ้าของ สุรเดชถอยหลังไปสองสามก้าว จ้องมองร่างบางที่ยืนก้มหน้านิ่ง... เขารู้ว่ากิ่งดาวยังตัดใจจากเขาไม่ได้ กิ่งดาวยังรักเขาอยู่แม้ว่าจะมีเทพพิพิธอยู่เคียงข้างกาย เธอยังรักเขาอยู่...

“ดาว... ดาวลืมเรื่องระหว่างเราสองคนแล้วเหรอ? ลืมแล้วเหรอว่าเราเคยรักกันมากแค่ไหน?” สุรเดชตะโกนบอกด้วยน้ำตาคลอเบ้า ภาพคืนวันเก่าๆ ทำให้กิ่งดาวต้องสะบัดหน้าหนีเพื่อไม่ให้เทพพิพิธเห็นหยดน้ำตาเธอ เธอรักเขามาก แต่เขาก็ยังทรยศเธอได้ลงคอ... แล้วจะให้เราสองคนกลับไปเป็นเหมือนเดิมงั้นเหรอ?

“พอซะทีสุรเดช... ต่อไปนี้นายห้ามมายุ่งกับกิ่งดาวอีก ไม่อย่างนั้นล่ะก็...เรื่องที่นายทำฉันเมื่อวันนั้น ถึงคุกแน่ !”


คำว่า “รัก” ที่เทพพิพิธเอ่ยบอกกิ่งดาวนั้นมันยังดังก้องอยู่ในสองหูของกล่อมแก้วทุกก้าวย่างที่หญิงสาวเดินไป เธอไม่น่าออกไปเก็บผักบุ้งที่ปลายนาในวันนี้เลย ไม่เช่นนั้นคงไม่ได้เห็นเหตุการณ์ตอนนั้น คงไม่ได้ยินชายหนุ่มบอกรักกิ่งดาวอย่างเต็มปาก เธอหมดสิทธิ์โดยสมบูรณ์แบบแล้วกล่อมแก้ว...

แม้จะขายผักยังไม่หมดแต่หญิงสาวก็ไม่มีจิตใจจะเดินเร่ขายอีกต่อไป ร่างที่เหมือนไร้วิญญาณเดินโซซัดโซเซมาตามทางดินที่ตัดผ่านจากบ้านของนายเจตต์สู่บ้านของตน หัวใจที่อ่อนแรงค่อยๆ เต้นเบาลงทุกที ภาพของเทพพิพิธและกิ่งดาวที่ยืนจับมือกันแน่นและส่งยิ้มให้แก่กันวนเวียนอยู่ในหัวจนหญิงสาวรู้สึกปวดตุบๆ ไปทั้งศีรษะ ก่อนที่ทุกอย่างจะดับมืดลงในฉับพลัน...

เทพพิพิธต้องเหยียบเบรกกะทันหันเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นร่างแบบบางของหญิงสาวคุ้นหน้าล้มฟุบลงกลางทาง “กล่อมแก้ว...” ชายหนุ่มรำพึงเสียงค่อยขณะสืบเท้าเข้าไปใกล้ร่างที่สลบไสลไม่ได้สติที่แผ่หลาอยู่บนพื้นดิน มือหนาจับร่างนุ่มนิ่มก่อนช้อนตัวขึ้นอุ้มและพาตรงมายังรถยนต์คันงามก่อนจะพาไปส่งยังบ้านพัก

ค่ำนี้นางละมุลและสามีออกไปขายผักยังไม่กลับมา ทั้งบ้านของกล่อมแก้วจึงเงียบเชียบ เทพพิพิธอุ้มร่างอรชรตรงมายังแคร่ใต้ถุนบ้านไม้ที่ยกพื้นสูง ปลายนิ้วแข็งแกร่งค่อยๆ จับเส้นผมที่ปรกใบหน้าคมคายที่ซีดเผือดออกทีละนิดขณะที่กล่อมแก้วค่อยๆ ลืมเปลือกตาขึ้นอย่างช้าๆ

ภาพที่ได้เห็นตรงหน้าประหนึ่งว่าเธอกำลังอยู่ในความฝัน วงหน้าขาวสะอาดอันหล่อเหลาที่ลอยเด่นอยู่ตรงหน้าช่างเหมือนจริงเสียเหลือเกิน สายตาอันอบอุ่นตรงหน้านี้ทำให้หญิงสาวคลายยิ้มออกมาอย่างมีความสุขขณะที่เทพพิพิธค่อยๆ ยกมือออกจากหน้าผากมนภายหลังจับปอยผมออกจากเรือนหน้าหญิงสาว

“กล่อมแก้ว...” เทพพิพิธเขย่าแขนที่เย็นเฉียบทีนึงก่อนที่คนบนแคร่จะสะดุ้งเฮือก เบิกมองชายหนุ่มอย่างเต็มตา นี่เราไม่ได้ฝันไปนี่...

กล่อมแก้วรีบดีดตัวลุกขึ้นนั่งอย่างลุกลน หัวใจเต้นโครมครามเมื่อได้อยู่ใกล้เทพพิพิธอีกครั้ง ชายหนุ่มถอนใจอย่างโล่งอกที่อีกฝ่ายไม่ได้เป็นอะไรมาก

“พอดีชั้นขับรถออกจากบ้านดาวแล้วเห็นเธอนอนสลบอยู่กลางทางเลยพามาส่งที่บ้านน่ะ ตอนนี้ยังรู้สึกเวียนหัวอยู่รึเปล่า?” เขาชะโงกหน้าเข้ามาถามอย่างเป็นห่วงเป็นใย กล่อมแก้วผายยิ้มขอบคุณก่อนเอ่ยตะกุกตะกัก

“เอ่อ...ไม่ ไม่เป็นไรแล้วหละ” บอกไปทั้งที่ยังรู้สึกวิงเวียนอยู่ก็ตามที

“ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวกลับก่อนนะ” เทพพิพิธบอกลาก่อนที่มือเล็กๆ จะคว้าท่อนแขนเขาไว้

“อย่าเพิ่งไปเทพ...” น้ำเสียงวิงวอนทำให้ร่างหนาต้องหยุดกึก โครงหน้าได้รูปค่อยๆ หันมาจ้องมองหญิงสาวที่ยึดแขนเขาไว้แน่น สายตาของกล่อมแก้วที่จ้องมองมาเริ่มทำให้ชายหนุ่มรู้สึกสับสน เขามิอาจคาดเดาความหมายจากแววตาที่แสดงความโหยหาอาวรณ์ออกมาจนเด่นชัดและเปิดเผยคู่นั้นได้...



Create Date : 12 ตุลาคม 2554
Last Update : 12 ตุลาคม 2554 11:10:35 น.
Counter : 388 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ผีเสื้อสีดำ
Location :
ศรีสะเกษ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]



จงทำในสิ่งที่คุณคิดว่า...

ทำไม่ได้
ตุลาคม 2554

 
 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
13
14
15
16
17
18
19
21
22
24
25
26
27
29
30
31
 
 
All Blog
MY VIP Friend