บ้านที่มีความรักและความอบอุ่นคือจินตนาการของคนไทยยามนี้ !
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2549
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
8 มีนาคม 2549
 
All Blogs
 
8 มีนา วันสตรีสากล "สตรี เสมอภาค สร้างสรรค์"

8 มีนา วันสตรีสากล
กรรมกรหญิง คือพลังของความมั่นคงทางชีวิต
ครอบครัว เศรษฐกิจ และสังคม


กำเนิดการต่อสู้ของกรรมกรหญิง


ภายใต้การนำของ คลารา แซทคิน สตรีชาวเยอรมัน เหล่าคนงานหญิงโรงงานทอผ้าก็ลุกฮือเปิดฉากการต่อสู้ด้วยการนัดหยุดงาน และเดินขบวนในวันที่ 8 มีนาคม ค.ศ. 1907 คนงานหญิงที่เป็นเยาวชนอายุราว 18-19 ปี ขาดประสบการณ์ในการต่อสู้ การต่อสู้ครั้งนั้นทำให้คนงานหญิงหลายร้อยคนถูกจับกุม การถูกบีบคั้นจากสภาพชีวิตที่แร้นแค้น ไร้ความหวัง จุดไฟให้พวกเธอทุกคนร่วมกันต่อสู้ แม้ว่าในระยะแรกจะไม่ประสบผล แต่ก็ให้บทเรียนว่า ความยุติธรรมและสิทธิที่เท่าเทียมกันย่อมไม่ได้มาด้วยการร้องขอ แต่ได้มาด้วยการต่อสู้อย่างจริงจังและต่อเนื่อง
ในการต่อสู้ครั้งนี้ ได้รับการสนับสนุนอย่างกว้างขวางจากสตรีทั่วโลก ผลสะท้อนของการเดินขบวน ทำให้โลกทุนนิยมทั้งหมดหวั่นไหว เพราะกรรมกรสตรีเหล่านี้ไม่ได้เพียงแต่สำแดงกำลังเท่านั้น เธอยังได้เรียกร้องสิทธิออกเสียงเลือกตั้งของสตรี และยังเรียกร้องให้ลดเวลาทำงานของกรรมกรให้เหลือวันละ 8 ชั่วโมง พร้อมทั้งปรับปรุง
สวัสดิการ การต่อสู้ดำเนินไปจนกระทั่ง 8 มีนาคม ค.ศ. 1910 ผู้แทนสตรีจาก 18 ประเทศได้เข้าร่วมประชุมและเสนอให้มีการทำงานระบบสามแปด คือทำงาน 8 ชั่วโมง พักผ่อน 8 ชั่วโมง กำหนดค่าจ้างแรงงานให้เท่าเทียมกับชาย คุ้มครองสวัสดิการสตรีและเด็ก และให้วันที่ 8 มีนาคมของทุกปีเป็นวันสตรีสากล


สถานการณ์และปัญหากรรมกรหญิง


ผลกระทบจากเศรษฐกิจตกต่ำหลังจากปี 2540 ได้ส่งผลต่อภาวะการลงทุนและการจ้างงานในอุตสาหกรรมต่างๆ การเลิกจ้างคนงานมีอย่างต่อเนื่อง ในปี 2542 มีคนงานถูกเลิกจ้าง 1.19 แสนคน ปี 2543 มีคนงานถูกเลิกจ้าง 1.75 แสนคน ปี 2544 มีคนงานถูกเลิกจ้าง 1.28 แสนคน และปี 2545 ณ เดือนเมษยน มีลูกจ้างต้องว่างงานและตกงานอีกประมาณ 1.2 ล้านคนเป็นลูกจ้างชายกับลูกจ้างหญิง ในอัตราส่วนที่ใกล้เคียงกัน (นสพ.ผู้จัดการรายวัน 4 เม.ย. 45)

จากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่าสถานภาพการทำงานของแรงงานหญิงยังอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำต้องทำงานหนัก ค่าตอบแทนและประเภทของงานไม่ได้รับการยอมรับให้มีสถานะเท่าเทียมชาย ลักษณะงานของหญิงยังเป็นแบบเก่าที่สืบเนื่องทักษะมาจากงานภาคเกษตรที่ต้องใช้ความละเอียดอ่อนและทักษะฝีมือ ทำงานซ้ำๆ ในลักษณะเดิม แบบสายพานการผลิตไม่ต้องวางแผนหรือคิดซับซ้อน และเมื่อผนวกกับภาวะเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัว แรงงานหญิงซึ่งเป็นกำลังการผลิตที่สำคัญในภาคอุตสาหกรรมทั้งในและนอกระบบ จึงมีสถานการณ์ปัญหาที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ดังต่อไปนี้

1. ปัญหาสุขภาพและความไม่ปลอดภัยในสถานประกอบการ ซึ่งปัจจุบันมีคนงานหญิงที่เจ็บป่วยจากสารพิษอุตสาหกรรมจำนวนมาก ประกอบกับลักษณะงานที่ไม่ปลอดภัย เช่น แสงไฟฟ้าไม่เพียงพอ ลักษณะการนั่งยืน การยกของหนักที่ไม่ได้มาตรฐานสากล หรืองานที่ป่วยเป็นโรคสารตะกั่ว สารพิษอลูมิน่า หรือฝุ่นฝ้าย ฝุ่นเซรามิคส์ ทำให้เป็นโรคปอดอักเสบจากการทำงาน ปัจจุบันคนงานที่เจ็บป่วยเป็นโรคจากการทำงานร่วมร้อยคน ได้ทำการต่อสู้คดีกับนายจ้างเพื่อหาความเป็นธรรม

2. ปัญหาการจ้างงานที่ไม่เป็นธรรมและไม่มั่นคง เช่น การจ้างงานที่ใช้รูปแบบการจ้างงานชั่วคราวระยะสั้น, การจ้างงานในระบบเหมาค่าแรง, การจ้างงานแบบรายเหมาชิ้นงาน และการจ้างงานในระบบเหมาช่วงการผลิต (Subcontract)

3. ปัญหาการเลิกจ้างผู้นำและสมาชิกสหภาพแรงงานหญิงที่เข้มแข็ง เช่น สหภาพแรงงานไทยเกรียง, สหภาพแรงงานไทยเอโร่, สหภาพแรงงานไทยเมล่อน, สหภาพแรงงานพาร์การ์เม้นท์ สหภาพ LTU, สหภาพแรงงานไทยซิน ฯลฯ

4. ปัญหาการบังคับใช้กฎหมายของรัฐและการละเมิดกฎหมายของนายจ้าง เช่น กฎหมายคุ้มครองแรงงาน กรณี มาตรา 75 ที่นายจ้างอ้างเหตุปิดโรงงานชั่วคราวและจ้างค่าจ้าง 50% ของค่าจ้างทั้งวันที่ทำงาน ทำให้คนงานเดือดร้อน เสมือนถูกบังคับให้ออกจากงานไปเองโดยนายจ้างไม่ต้องจ่าค่าชดเชยตามกฎหมาย หรือกรณีนายจ้างไม่เคารพกฎหมายแรงงานสัมพันธ์ เช่น นายจ้างเข้าแทรกแซงการดำเนินงานของสหภาพแรงงาน เลิกจ้างผู้นำแรงงานหญิง ให้ความรุนแรงเข้าแก้ปัญหาในการเจรจาต่อรองและไม่เคารพสัญญาข้อตกลง ดังกรณีของสหภาพแรงงานไทยเกรียง กรณีผู้นำแรงงานหญิงพาร์การ์เม้นท์ และกรณีสหภาพแรงงานทรงชัยปั่นทอ เป็นต้น

5. ปัญหาการใช้แรงงานหญิงและเด็กข้ามชาติ เพื่อลดต้นทุนการผลิต ใช้แรงงานเยี่ยงทาสไม่ปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานและหลักสิทธิมนุษยชน อีกทั้งแรงงานหญิงและเด็กข้ามชาติถูกแปรสภาพการจ้างงานในรูปแบบที่หลากหลาย เช่นถูกบังคับค้าประเวณีหรือถูกบังคับให้ขอทาน

6. ปัญหาแรงงานหญิงถูกเลือกปฏิบัติไม่เคารพมาตรฐานแรงงาน และไม่ได้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจในระดับนโยบายรัฐและคณะกรรมการต่างๆ ทั้งภาครัฐและองค์กรแรงงานอย่างเท่าเทียม ซึ่งทำให้แรงงานหญิงและผู้หญิงไม่ได้รับความสนใจในประเด็นการแก้ปัญหาด้านคุณภาพชีวิต

7. ปัญหาแรงงานหญิงถูกเลิกจ้างตกงาน นโยบายรัฐยังไม่ได้ให้ความสำคัญในการช่วยเหลือด้านการพัฒนาอาชีพ อีกทั้งจัดสรรงบประมาณเพื่อช่วยเหลือด้านการศึกษา ที่อยู่อาศัย และการลงทุนทำธุรกิจขนาดเล็กอย่างจริงจัง

8. ปัญหาแรงงานหญิงกับการต้องรับภาระการหารายได้ไม่พอกับรายจ่ายและต้องส่งเงินสมทบประกันสังคม 2 เท่า (มาตรา 39) ทำให้คนงานหญิงตกงานรายได้น้อย หลายคนต้องขาดจากการเป็นสมาชิกประกันสังคม ส่งผลให้ไม่มีความมั่นคงในชีวิต

9. ปัญหาด้านสภาพสังคมที่แตกร้าวและรับภาระทางเศรษฐกิจฝ่ายเดียว เช่น คนงานหญิงต้องรับผิดชอบครอบครัวส่งเงินให้ลูกเรียนหนังสือ ปัญหาพ่อแม่หย่าร้าง คนงานหญิงและเด็กถูกใช้ความรุนแรง และหันไปทำอาชีพที่ไม่สุจริต จนมีชีวิตที่เลวร้ายเป็นปัญหาลูกโซ่ทางสังคม

10. ปัญหาคุณภาพชีวิตของแม่และเด็กขาดหลักประกันการเลี้ยงดูและส่งเสริมมาตราฐานการศึกษา ขาดความอบอุ่นเพราะอยู่ห่างไกลกันจนส่งผลต่อสังคม จิตใจและการต่อสู้ชีวิต


ข้อมูลโดย ฝ่ายแรงงานหญิง มูลนิธิเพื่อนหญิง

.................................................

เพลงภราดร--ร้องโดยวงคุรุชน


สตรีเขาเห็นเป็นดอกไม้
เป็นทาสรับใช้ในครัวเรือน
ศักดินากดขี่ทุกปีเดือน
บิดเบือนพวกเธอเสมอมา

ตื่นเถิดหญิงความจริงเธอยิ่งใหญ่
สิทธิ์ควรได้ร่วมแรงแสวงหา
ประเพณีกำหนดกฏออกมา
เธอต้องฝ่ากฏเหล่านี้สตรีไทย

เปลี่ยนมือที่อ่อนนิ่มเป็นลิ่มเหล็ก
วินัยเหล็กเพชรจัดตั้งครั้งยิ่งใหญ่
หยัดยืนรวมพลังสร้างชาติไทย
สังคมใหม่ได้มาภราดร







Create Date : 08 มีนาคม 2549
Last Update : 8 มีนาคม 2549 13:23:56 น. 10 comments
Counter : 407 Pageviews.

 
เรื่องเล่าเล็กน้อยจากการชุมนุมเมื่อวันที่ 5 มีนาที่ผ่านมา

ตัดสินใจนั่งรถเมล์จากบ้านไปสนามหลวง มาต่อรถที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ หลังจากขึ้นรถเมล์เรียบร้อย สายตาก็เหลือบไปเห็นผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ตอนหน้าของรถเมล์ ดูท่าทางทะมัดทะแมงใส่กางเกงสีขีม้าและมีกระเป๋าสะพายใบหนึ่ง พอถึงสนามหลวงก็ปรากฏว่าเธอก้าวลงสนามหลวงตามที่เราคิดไว้ว่าเธอคงจะมาที่นี่...

มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เห็นได้ถึงความเป็นนักต่อสู้ของผู้หญิงไทยในการชุมนุมครั้งนี้ การชุมนุมที่ยืดเยื้อนั้นเราได้เห็นถึงความต่อเนื่องของผู้หญิงที่มาชุมนุมอย่างต่อเนื่อง มีผู้หญิงที่มีวัยต่างกันและจำนวนมากมีอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป

วันนั้นเราไปนั่งอยู่ในกลุ่มที่ค่อนข้างจะไฮโซ มีการเตรียมอุปกรณ์ไปครบทั้งเก้าอี้สนามและอาหารการกินต่าง ๆ วันนั้นเป็นการนัดรวมพลที่มีคนมากจริง ๆ คาดว่าราว ๆ 2 แสนคน งิ้วการเมืองในวันนั้นก็ไม่ผิดหวังเลยเนื้อหาดีมาก ๆ...

เรื่องราวต่าง ๆ จะจบลงเมื่อไร ก็คงขึ้นอยู่กับคน ๆ เดียวที่ยังไม่ตัดสินใจ คงหวังว่าผู้นุมนุมจะอ่อนล้าไปเองมั้ง แต่คงจะคิดผิด เพราะปล่อยไว้นานข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ก็จะฟ้องให้เห็นถึงความไม่ชอบธรรมของท่านผู้นำมากขึ้นเรื่อย ๆ

แล้วจะลองมาวิเคราะห์แนวโน้มต่าง ๆ อีกครั้ง
ช่วงนี้เพลียมาก ๆ เลย


โดย: คนเดินดินฯ วันที่: 8 มีนาคม 2549 เวลา:13:19:47 น.  

 
เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก



ความยืดเยื้อในการโค่นระบอบทักษิณ

โดย หมายเหตุผู้จัดการ 7 มีนาคม 2549 21:10 น.


พูดกันมากว่าการต่อสู้เพื่อโค่นระบอบทักษิณนั้นจะต้องยืดเยื้อ ทำไมต้องยืดเยื้อ?

เพราะระบอบทักษิณใหญ่โตเข้มแข็งทั้งอำนาจรัฐ อำนาจเงิน และอำนาจมืด ในขณะที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเพิ่งก่อตั้ง ไม่มีทั้งอำนาจรัฐ อำนาจเงินและอำนาจมืด

มีแต่พลังอันบริสุทธิ์ของประชาชนผู้รักชาติ รักประชาธิปไตย

มีแต่ธรรมใช้นำหน้าคือสามัคคีธรรม อหิงสาธรรม ขันติธรรม โดยมีความมุ่งมานะและสติปัญญากำกับ

กลุ่มพันธมิตรจึงเล็กกว่าและอ่อนกว่าระบอบทักษิณมากมาย

เล็กจะสู้กับใหญ่ อ่อนจะสู้กับแข็งได้จึงมีแต่ต้องต่อสู้ยืดเยื้อเท่านั้น

ขืนแตกหักโดยเร็วก็มีแต่เจ๊งกับเจ๊ง มีแต่แพ้กับแพ้

เพราะขัดกับสภาพความจริงที่กำหนดโดยธรรมชาติให้จำเป็นต้องต่อสู้อย่างยืดเยื้อ

ประชาชนและกลุ่มพันธมิตรจึงต้องเข้าใจสภาพธรรมชาติธรรมดานี้ว่านี่คือความจำเป็นที่ต้องต่อสู้อย่างยืดเยื้อ

มีการพูดกันมากด้วยว่าการต่อสู้ของพันธมิตรจะต้องชนะแน่ ทำไมจึงต้องชนะแน่?

เหตุที่ต้องชนะแน่ก็เพราะว่ากลุ่มพันธมิตรยืนอยู่กับผลประโยชน์ของชาติบ้านเมืองและประชาชน ต่อสู้เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ยืนอยู่ข้างธรรม จึงนับวันจะได้รับการสนับสนุนมากขึ้น เติบโตมากขึ้น ขยายตัวมากขึ้นและเข้มแข็งมากขึ้น

และจะชนะได้ก็เพราะว่าระบอบทักษิณต้องแพ้แน่! เนื่องจากเป็นระบอบเผด็จการ ทรราช ที่ขายชาติ ปล้นแผ่นดิน โกงกินทรัพย์สินของชาติแบบโคตรโกงหรือโกงทั้งโคตร กดขี่ข่มเหงข้าราชการลงเป็นทาส หลอกลวงประชาชนรากหญ้าให้เสพความฟุ้งเฟ้อแบบเอื้ออาทรประชานิยมจนอ่อนแอเป็นขอทานทาส

ระบอบเช่นนี้กัดกร่อนตัวเองและสร้างความเคียดแค้นชิงชังให้กับคนทั้งประเทศ เป็นระบอบอธรรม ยืนยงคงอยู่ไม่ได้ ต้องล่มสลายแน่ จึงต้องแพ้แน่

จึงสรุปในขั้นนี้ได้ว่ากลุ่มพันธมิตรเป็นฝ่ายธรรม ระบอบทักษิณเป็นอธรรม การต่อสู้จึงเป็นการต่อสู้ดังที่ ส.ศิวรักษ์ ได้กล่าวไว้ว่าเป็นธรรมาธรรมะสงคราม คือเป็นการต่อสู้ของธรรมะกับอธรรม

และอนาคตของการต่อสู้นั้นธรรมะย่อมชนะอธรรมเสมอ

แต่เพราะระบอบทักษิณใหญ่โตเข้มแข็ง กลุ่มพันธมิตรเล็กและยังอ่อนเยาว์อยู่ จึงไม่อาจชนะในเร็ววันได้ ไม่อาจแตกหักในทันทีทันใดได้ จึงต้องใช้เวลา จึงต้องเป็นการยืดเยื้อ

ยืดเยื้ออีกนานเท่าใด? คงไม่นานเท่าใดแล้ว

เพราะอะไร? ก็เพราะว่าชัยชนะของกลุ่มพันธมิตรเมื่อค่ำคืนวันที่ 5 มีนาคม 2549 ได้ทำลายกำแพงที่ระบอบทักษิณปิดหูปิดตาประชาชนได้สำเร็จ

กำแพงนี้เคยปิดกั้นหูตาประชาชนไม่ให้รู้ความจริงที่เป็นไปในบ้านเมือง

จึงถูกหลอกและหลงงมงายอยู่กับเศษกระดูก เศษเนื้อที่เขาโยนมาให้ โดยไม่เคยได้รู้ว่าการโกงบ้านกินเมืองได้เกิดขึ้นและทำลายชาติบ้านเมืองถึงขนาดไหนแล้ว

ชัยชนะของกลุ่มพันธมิตรในการเคลื่อนขบวนประชาชนนับแสนคนในคืนวันที่ 5 มีนาคม 2549 นั้นทำให้กำแพงที่ปิดกั้นหูตาประชาชนพังทลายครืนลง ก็เพราะว่าสื่อต่างประเทศและสื่อในประเทศจำเป็นต้องรายงานข่าวนี้ ทำให้ข่าวการชุมนุมต่อสู้แพร่หลายสู่ประชาชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ

การปิดกั้นสื่อสารพังทลายลงแล้ว คนไทยทั้งประเทศจึงได้มีโอกาสรับรู้ว่าการขายชาติ การปล้นชาติ การโกงชาติ การทำให้ข้าราชการและประชาชนเป็นทาสเกิดขึ้นแล้ว และเกิดการต่อสู้ของผู้รักชาติขึ้นแล้ว

โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ และวิทยุได้รายงานข่าวการต่อสู้นี้อย่างต่อเนื่องแล้ว คนไทยตื่นตัวขึ้นมาแล้ว

ตื่นมายืนข้างธรรม ต่อต้านอธรรม ดังนั้นพลังเสียงการขับไล่จึงแผ่ขยายไปทั่ว

พลังกลุ่มพันธมิตรจึงเติบใหญ่ขึ้น เข้มแข็งขึ้น มีคุณภาพมากขึ้น

ระบอบทักษิณอ่อนแอลง เสียสติมากขึ้น คลุ้มคลั่งมากขึ้น ผู้คนถอนตัวมากขึ้น

ถึงขนาดข้าราชการระดับสูงก็กำลังเคลื่อนไหวเพื่อขับไล่ระบอบทักษิณ ตามท่าทีของบรรดาผู้นำความคิดและกลุ่มราชนิกูลต่าง ๆ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน

หากตัดอำนาจรัฐออกไปเสียแล้ว ระบอบทักษิณโดดเดี่ยวมาก อ่อนแอลงทุกวัน และกำลังก้าวจากระยะขาลงสู่ระยะขาร่วงในอัตราเร่งที่เร็วมาก

อำนาจรัฐจึงเป็นสิ่งเดียวที่ค้ำจุนระบอบทักษิณอยู่ในขณะนี้ ยังมีการใช้อำนาจนี้เกณฑ์คน เกณฑ์แรง ให้ทำการที่ฝืนต่อคุณธรรม และความรู้สึกประชาชนอย่างไม่ละอายอยู่เสมอ

แต่ยิ่งฝืนทำ ยิ่งดิ้นรน ก็ยิ่งทำให้อธรรมนั้นระเบิดเถิดเทิงมากขึ้น ถูกต่อต้านมากขึ้น

ไม่สังเกตกันหรือว่าถ้อยคำว่า “ทรราช” ซึ่งผู้คนไม่เคยหยิบยกมาใช้หลายสิบปีมาแล้วเพราะยังเกรงบ้าง กลัวบ้างนั้น ถึงวันนี้กลับใช้สอยกันเกลื่อนไปทั้งเมือง ดารดาษไปตามหน้าหนังสือพิมพ์และสื่อทุกชนิด

ความจริงได้บอกอย่างชัดเจนแล้วว่าในท่ามกลางการต่อสู้นั้นได้เกิดการแปรเปลี่ยนสถานการณ์ขึ้นแล้ว

กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเติบโตขึ้น เข้มแข็งขึ้น มีคุณภาพสูงขึ้น

ระบอบทักษิณยิ่งโดดเดี่ยวมากขึ้น ยิ่งอ่อนแอมากขึ้น และด้อยคุณภาพมากขึ้น ปรากฏภาพลักษณ์เผด็จการและอธรรมชัดเจนมากขึ้น กำลังก้าวจากขาลงเป็นขาร่วงอย่างรวดเร็วยิ่ง

ดังนั้นประชาชนจึงต้องใจเย็น ต้องมีความมั่นคงในใจ ต้องมีความอดทนและมีความพยายามเพิ่มขึ้น ใช้สติปัญญามากขึ้น

ฝ่ายที่แพ้ต่อสู้เพื่อดิ้นรนจะหาชัยชนะ

แต่ฝ่ายที่ชนะต่อสู้เพื่อทำให้ชัยชนะปรากฏเป็นจริง

จะทำให้ชัยชนะปรากฏเป็นจริงได้อย่างไร?

การรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชนอย่างกว้างขวางที่สุดว่าประเทศชาติถูกขายถูกปล้น ถูกโกง ผู้คนถูกทำให้เป็นทาสอย่างไร คือปัจจัยสำคัญที่สุดที่จะแปรเปลี่ยนสถานการณ์อย่างได้ผลที่สุด

การที่กำแพงปิดกั้นข้อมูลข่าวสารถูกทำลายลง เปิดโอกาสให้การรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชนขยายตัวไปอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น เป็นผลดีต่อกลุ่มพันธมิตรมากขึ้น

ยังต้องขยายผลต่อไป ยังต้องนำเอาอาชญากรรมต่าง ๆ และความชั่วร้ายเลวทรามต่าง ๆ มาบอกกล่าวประชาชนให้ทราบและเข้าใจอย่างชัดเจนต่อเนื่องอีกสักครั้งหนึ่ง

เพราะคนที่ยังไม่รู้ข้อเท็จจริงอย่างชัดเจนยังมีอีกมาก ต้องติดอาวุธความรู้และปัญญาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และอย่างไม่หยุดยั้ง ก็จะทำให้ระยะเวลายืดเยื้อสั้นลงได้

การต่อสู้ของประชาชนที่เชื่อมเครือข่ายอยู่กับพันธมิตรเกิดขึ้นในขอบเขตทั่วประเทศแล้ว ในแทบทุกวงการแล้ว แต่ยังคงต้องขยายต่อไป เพิ่มปริมาณ ยกระดับคุณภาพและเคลื่อนไหวที่สอดคล้องประสานกันอย่างต่อเนื่องต่อไป

การจัดตั้งคณะกรรมการประสานงานเครือข่ายทั่วประเทศที่มีเอกภาพ ประสิทธิภาพ เป็นความจำเป็นอย่างยิ่งยวด จะปล่อยเวลาให้ว่างเว้นแม้แต่วันเดียวไม่ได้เป็นอันขาด

การจัดกิจกรรมเพื่อให้ความรู้ประชาชน เพื่อเปิดโปงความชั่วร้าย และเพื่อกดดันได้ขยายตัวไปกว้างขวางและต่อเนื่องมากแล้ว แต่ยังต้องขยายตัวให้ต่อเนื่องและเข้มข้นมากยิ่งขึ้น

ต้องมอบภาระให้กับประชาชนแต่ละกลุ่ม แต่ละท้องที่ คิดอ่านสร้างสรรค์รูปแบบและวิธีการกันเองตามสภาพที่เป็นจริงของเขาเหล่านั้น และด้วยวิธีการที่สอดคล้องกับความเป็นจริงของเขาเหล่านั้น

โดยเชื่อมเครือข่ายให้สอดคล้องเป็นทิศทางและจังหวะก้าวเดียวกันกับภาพรวมที่ขับเคลื่อนโดยกลุ่มพันธมิตร

การรบแบบแผน และการรบซึ่งหน้า เป็นเรื่องที่ใคร ๆ ก็รู้และเข้าใจ

แต่ชัยชนะอยู่ที่ความพลิกแพลง พลิกแพลงเหนือความคาดหมายและเต็มไปด้วยพลัง

ดังนั้นระลอกคลื่นของความพลิกแพลงที่เกิดขึ้นในแต่ละพื้นที่แล้วถาโถมเข้าสู่ศูนย์กลาง เมื่อได้กำหนดโดยสอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงแล้วก็จะมีอานุภาพทำลายระบอบชั่วร้ายลงไปได้

ระลอกคลื่นของความพลิกแพลงจึงต้องเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในเฉพาะส่วน และรวมศูนย์กำลังเป็นครั้งเป็นคราว และอย่างมีแผน อย่างมีเป้าหมายแน่ชัด จึงมีพลังและอานุภาพที่จะทำลายความชั่วร้ายในบ้านเมืองได้

คนเรามีเรี่ยวแรงจำกัด มีปัจจัยจำกัด จะดำรงความยืดเยื้อในทางยุทธศาสตร์ได้ก็ต้องสันทัดในปฏิบัติการที่รวบรัดรวดเร็วในทางยุทธวิธี

เพื่อถนอมกำลัง ออมกำลัง พักฟื้นกำลัง ขยายกำลัง และรวมศูนย์กำลัง

จึงจะสามารถเติบโตขยายตัวได้ในท่ามกลางการต่อสู้ จึงจะสามารถบั่นทอนความชั่วร้ายให้สลายตัวอ่อนแอลงอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ก้าวผ่านสถานการณ์ขั้นรับสู่ขั้นยันไปสู่ขั้นรุก

กำลังประชาชนสุกงอมพร้อมเมื่อใด เมื่อนั้นแหละการเคลื่อนกำลังมวลชนครั้งใหญ่ที่สุดของชาตินับล้าน ๆ ก็จะปรากฏให้เห็นได้ ก็จะทำลายความชั่วร้ายให้หมดสิ้นไปได้อย่างแน่นอน

ในความยืดเยื้อจึงไม่ใช่ยืดเยื้อแบบว่างเปล่า หากเต็มไปด้วยเนื้อหาสาระ ภารกิจและกิจกรรมที่มากมาย ต่อเนื่อง พลิกแพลง และสลับซับซ้อนเช่นนี้.






โดย: คนเดินดินฯ วันที่: 8 มีนาคม 2549 เวลา:13:40:48 น.  

 
คัดจากคมชัดลึก




พันธมิตรฯผู้หญิงรวมพล ฉลองวันสตรีไล่"ทักษิณ"


ฉลองวันสตรี 8 มีนาฯ พันธมิตรผู้หญิง รวมพลังไล่"ทักษิณ"ออกไป ระบุ เป็นผู้นำคนแรก” ในประวัติศาสตร์ ถูกพลัง“ผู้หญิง”ลุกขึ้นไล่ ด้านเลขา สนนท. ย้อน“ทักษิณ" เป็นเสียเอง จ้าง“ลูกจ้างสภา 375 เสียง” ออกกฎหมู่ แทนกฎหมาย


(8มีนาคม) กลุ่มบูรณาการแรงงานสตรี องค์กรพันธมิตรด้านแรงงาน เครือข่ายองค์กรพัฒนาเอกชนด้านแรงงาน องค์กรพันธมิตรด้านผู้หญิง กว่า 500 คน เดินทางมาชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาล พร้อมทั้งเปิดเวทีปราศรัยความบกพร่อง ล้มเหลว ของนโยบายรัฐบาลทักษิณ ในช่วงเวลา 5 ปี ที่ผ่านมา ถึงการแก้ไขปัญหาให้กับผู้ใช้แรงงาน รวมทั้งมีการออกแถลงการณ์ “ 8 มีนาคม วันสตรี ชะตากรรมแรงงานหญิงกับ 5 ปี ระบอบทักษิณ” โดยระบุว่า ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาในระบอบทักษิณคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของแรงงานหญิงนับวันจะเลวร้ายลงทุกที การละเมิดสิทธิแรงงานหญิงได้ดำรงมาอย่างต่อเนื่อง นโยบาย กลไกการทำงานในระบอบทักษิณไม่ให้ความสนใจในการแก้ไขปัญหาแรงงานอย่างจริงจัง แต่กลับให้ความสำคัญการแก้กฎหมาย กำหนดนโยบาย กลไกที่เอื้อต่อนักลงทุน และผลประโยชน์ของคนบางกลุ่ม

“ที่ผ่านมาแรงงานหญิงได้เสนอให้มีการแก้ไขปัญหา เช่น การจัดตั้งสถาบันสุขภาพและความปลอดภัยในการทำงาน เพื่อดูแลเรื่องสุขภาพความปลอดภัยของผู้ใช้แรงงานโดยตรง เสนอให้มีการแก้ไขกฎหมายคุ้มครองแรงงาน ยกเลิกมาตรา 75 รวมทั้งกฎหมายแรงงานอื่นๆ ที่เกี่ยวกับแรงงานเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของแรงงานให้ดีขึ้น การจัดให้มีศูนย์เลี้ยงเด็กในย่านอุตสาหกรรมต่างๆ ให้เพียงพอ ยกเลิกระบบการจ้างงานแบบเหมาช่วงและระบบการจ้างงานชั่วคราว รวมทั้งให้แรงงานหญิงมีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับแรงงานหญิง โดยพยายามยื่นข้อเสนอให้นายกฯทักษิณแก้ปัญหาหลายครั้ง แต่ไม่เคยสนใจและไม่เคยรับข้อเสนอแม้แต่ครั้งเดียว รวมทั้งเรื่องคอร์รัปชั่น ผลประโยชน์ทับซ้อน แปรรูปรัฐวิสาหกิจ แทรกแซงองค์กรอิสระ และปัญหาขาดคุณธรรม จริยธรรม ของผู้นำ หากระบอบทักษิณยังคงอยู่ก็จะนำมาซึ่งความหายนะของประเทศชาติทั้งด้าน เศรษฐกิจ สังคม การเมือง”

แถลงการณ์ดังกล่าวยังระบุว่า เนื่องในวันสตรีสากล 8 มีนาคม ซึ่งเป็นวันสำคัญที่ผู้หญิงทั่วทุกมุมโลกลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อความเสมอภาคในสังคม กลุ่มแรงงานหญิงและพันธมิตรผู้หญิงกลุ่มต่างๆ ขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ยุติบทบาททางการเมือง โดยลาออกจากการเป็นนายกรัฐมนตรี และไม่ลงสมัครรับเลือกตั้ง พร้อมทั้งให้รัฐบาลชุดใหม่ แก้ปัญหาแรงงานหญิงโดยเร็วที่สุด รวมทั้งจัดปฎิรูปการเมือง โดยคำนึงถึงการมีส่วนรวมของแรงงานหญิงและผู้หญิงกลุ่มต่างๆ ทั้งนี้ถึงเวลาแล้วที่ผู้หญิงกลุ่มต่างๆ ต้องออกมาสำแดงพลัง เพื่อทำลายระบบทักษิณ ให้หมดไปจากสังคมไทย และช่วยกันสร้างระบอบประชาธิปไตยและผู้นำที่มีคุณธรรมและจริยธรรมที่แท้จริงเพื่ออนาคตของลูกหลาน

ในขณะที่ นางสาววิไลวรรณ แซ่เตีย ประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย กล่าวว่า ขณะนี้การเมืองกำลังเร่าร้อน การบริหารของ นายกฯ ทักษิณมีแต่ความอหังกา ไม่เคารพฟังเสียงของความขัดแย้งและให้ความสนใจ เราขอเรียกร้องให้ลาออก แต่ไปยุบสภา ให้มีการปฎิรูปการเมืองใหม่แต่ไม่ฟังเสียงของสังคม

“ ขายหุ้นชินคอร์ป 73,000 พันล้าน คนรวยทำไมไม่เสียภาษีสักบาท แต่คนใช้แรงงานหาเช้ากินค่ำ กลับต้องเสียภาษีทุกบาททุกสตางค์ ผู้นำไร้จริยธรรม คุณธรรม จะเป็นผู้นำประเทศได้อย่างไร ขอให้ท่านออกไปจากตำแหน่งนายกฯ และขอประกาศเจตนารมย์ร่วมกันทุกองค์กรแรงงาน วันที่ 14 มีนาคม เรียกร้องให้แรงงานทุกอาชีพ หยุดงาน เพื่อรวมพลังขับไล่ทักษิณ ถือเป็นประวัติศาสตร์ ที่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรี คนแรก ที่กลุ่มกลุ่มผู้หญิงออกมาเรียกร้อง ไล่ให้ออกไป” นางสาววิไลวรรณ กล่าว

ขณะที่ นางสาวกชวรรณ ชัยบุตร เลขาธิการสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.) กล่าวว่า วันนี้เป็นวันสตรีสากล เรามาร่วมมือกันขับไล่ ระบอบทักษิณ ออกจากสังคมไทยเพื่อให้สังคมเกิดความเท่าเทียมกัน พ.ต.ท.ทักษิณ ออกมาพูดตลอดว่า การชุมนุมของประชาชนเป็นการใช้กฎหมู่

พ.ต.ท.ทักษิณ คงเสียสติไปแล้ว เพราะในหลักรัฐศาตร์และหลักนิติศาสตร์ และในรัฐธรรมนูญ รับรองเรื่องของการชุมนุมไว้แล้วในกฎหมาย การออกกฎหมายในสภา ของลูกจ้างพรรคการเมือง 375 เสียง อย่างนั้นเรียกว่าเป็นกฎหมู่หรือเปล่า เพราะมันอยู่ในรัฐสภาเสียงข้างมาก แต่กฎหมายมันอยู่บนท้องถนน นั้นก็คือการเมืองภาคประชาชนในวันนี้” นางสาว กชวรรณ กล่าว



โดย: คนเดินดินฯ วันที่: 8 มีนาคม 2549 เวลา:14:41:33 น.  

 

ท่าจะเจง..เห็นด้วยยยยยยยยยยยย..


โดย: จอมแก่นแสนซน วันที่: 8 มีนาคม 2549 เวลา:14:57:38 น.  

 
สู้ต่อไป จนกว่า เขาจะ ออกไป ค่ะ


โดย: rebel วันที่: 8 มีนาคม 2549 เวลา:15:50:49 น.  

 


จุนั่งสมาธิดีกว่าช่วงนี้ เหนื่อยใจ


โดย: กระจ้อน วันที่: 8 มีนาคม 2549 เวลา:17:15:40 น.  

 
มาเยี่ยมค่ะ ขอบคุณบทความดีค่ะ


โดย: ป่ามืด วันที่: 8 มีนาคม 2549 เวลา:19:53:53 น.  

 


ทากกกกสินนนนนออกกกกกไป๊.....ฮี่ๆๆๆ เห็นเค้ากะลังฮิตคำนี้อะ..


โดย: จอมแก่นแสนซน วันที่: 9 มีนาคม 2549 เวลา:14:39:55 น.  

 
มาเยี่ยมค่ะ มาอ่านบทความดีๆ ...

ได้ฟังเรื่องของท่านนายกฯ (รักษาการ) จนตอนนี้เก็บข้อมูลเต็มตะกร้าแล้วค่ะ ยังไง๊ ยังไง ก็ยังไม่เคลียร์อยู่ดี ทางทีดีให้ท่านออกไปไวๆ ก่อนดีกว่านะคะ ....


โดย: ตะกร้าหวายสีขาว วันที่: 10 มีนาคม 2549 เวลา:1:01:40 น.  

 
สังเกตการณ์และเก็บข้อมูลไปเรื่อย ๆๆๆ


โดย: Xenosaga วันที่: 11 มีนาคม 2549 เวลา:10:01:01 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

คนเดินดินฯ
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]








ปณิธาน

การเดินทางของชีวิตของทุกผู้คน
ทุกคนต่างต้องการประสบความสำเร็จในชีวิต
แต่จะมีสักกี่คนที่จะก้าวไปถึง
เมื่อเราก้าวถึงจุดนั้น
ขออย่าลืมการแบ่งปันและเจือจาน
แก่ผู้ด้อยโอกาสในสังคม

เราจะเติบโตและก้าวไปข้างหน้าพร้อม ๆ กัน
เพื่อสร้างสรรค์สังคมใหม่ที่ดีงาม

เพื่อให้อนุชนคนรุ่นหลัง
ได้ใช้ชีวิตของเขา
ตามศักยภาพและความตั้งใจของเขา
ตราบเท่าที่เขาต้องการ







เดินไปสู่ความใฝ่ฝัน


ชีวิตหนึ่งร่วงหล่นไปตามกาลเวลา
คลื่นลูกใหม่ไล่หลังคลื่นลูกเก่า
นั่นคือวัฏจักรของชีวิตที่ดำเนินไป

เยาว์เธอรู้บ้างไหม
ว่าประชาราษฎรนั้นทุกข์ยากเพียงใด
เสี้ยวหนึ่งของชีวิตที่เหลืออยู่
เธอเคยมีความใฝ่ฝันที่แสนงามบ้างไหม

สักวันฉันหวังว่าเธอจะเดินไปตามทางสายนี้
ที่อาจดูเงียบเหงาและโดดเดี่ยว
แต่ภายใต้ฟ้าเดียวกัน
ฉันก็ยังมีความหวัง
ว่าผู้คนในประเทศนี้
จะตื่นขึ้นมา
เพื่อทวงสิทธิ์ของพวกเขา
ที่ถูกย่ำยีมาช้านาน
และฉันหวังว่าเธอจะเดินเคียงคู่ไปกับพวกเขา

เพื่อสานความใฝ่ฝันนั้นให้เป็นความจริง
สัญญาได้ไหม
สัญญาได้ไหม
เยาว์ที่รักของฉัน


***********



ขอมีเพียงเธอเป็นกำลังใจ




ทอดสายตามองออกไปยังทิวทัศน์ข้างหน้า
แลเห็นต้นหญ้าโบกไสว
เห็นดอกซากุระบานอยู่เต็มดอย
ความงามที่อยู่ข้างหน้า
เป็นสิ่งที่ฉันจะเก็บมันไว้
ยามที่จิตใจอ่อนล้า...

ชีวิตยามนี้แม้ผ่านมาหลายโมงยาม
แต่จิตใจข้างในยังคงดูหงอยเหงา
หลายครั้งอยากมีเพื่อนคุย
หลายครั้งอยากมีคนปรับทุกข์
และหลายครั้งต้องนั่งร้องไห้คนเดียว

รางวัลสำหรับชีวิตที่ผ่านมา
มันคืออะไรเคยถามตัวเองบ่อย ๆ
ความสำเร็จ...เงินตรา...เกียรติยศชื่อเสียง
มันใช่สิ่งที่เราต้องการหรือเปล่า
ถึงจุดหนึ่งชีวิตต้องการอะไรอีกมากไปกว่านี้

หลายชีวิตยังคงดิ้นรนต่อสู้
เพื่อปากท้องและครอบครัว
มันเป็นความจริงของชีวิตมนุษย์
ที่ต้องดำรงชีพเพื่อความอยู่รอด
มีทั้งพ่ายแพ้ มีทั้งชนะ
แต่ชีวิตต่างต้องดำเนินไป
ตามวิถีทางของแต่ละคน

ลืมความทุกข์ ลืมความหลังที่เจ็บปวด
มองออกไปข้างหน้า
ค้นให้พบตัวตนของตนเองอีกครั้ง
แล้วกลับไปสู้ใหม่
การเริ่มต้นของชีวิตจะต้องดำเนินต่อไป
จะต้องดำเนินต่อไป

ตราบจนลมหายใจสุดท้ายของชีวิต....




@@@@@@@@@@@




การเดินทางของความรัก

...ฉันเดินไปด้วยหัวใจที่ว่างเปล่า
สมองได้คิดใคร่ครวญ
ความรักในหลายครั้งที่ผ่านมา
ทำไมจึงจบลงอย่างรวดเร็ว

ฉันเดินไปด้วยสมองอันปลอดโปร่ง
ความรักทำให้ฉันเข้าใจโลก
และมนุษย์มากขึ้น
และรู้ว่าความแตกต่าง
ระหว่างความรักกับความหลงเป็นอย่างไร?

ฉันเดินไปด้วยดวงตาที่มุ่งมั่น
บทเรียนของรักในครั้งที่ผ่าน ๆ มา
มันย้ำเตือนอยู่เสมอว่า
อย่ารีบร้อนที่จะรัก
แต่จงปล่อยให้ความสัมพันธ์
ค่อย ๆ พัฒนาอย่างค่อยเป็นค่อยไป
เรียนรู้และทำเข้าใจกันให้มากที่สุด

ก่อนที่จะเริ่มบทต่อไปของความรัก...




*******************



จุดไฟแห่งศรัทธาและความมุ่งมั่น

เข้มแข็งกับอ่อนแอ
สับสนหรือมุ่งมั่น
จะยอมแพ้หรือลุกขึ้นท้าทาย
กับชีวตที่เหลืออยู่
ทุกสิ่งล้วนอยู่ที่ใจเราจะกำหนด

ไม่ใช่เพราะอิสระเสรี
ที่เราต้องการหรอกหรือ?
ที่มันจะนำทางชีวิต
ในห้วงเวลาต่อไป
ให้เราก้าวทะยานไป
สู่วันพรุ่งที่สดใส

มีแต่เพียงคนที่รู้จักตนเองอย่างดีพอเท่านั้น
จะสามารถทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้
เมื่อผ่านการสรุปบทเรียน
จากปัญหาต่าง ๆ ที่ประสบ
เราก็จะมีความจัดเจนกับชีวิตมากขึ้น
และการเผชิญกับอุปสรรคต่าง ๆ
ในอนาคตก็จะเป็นเพียงปัญหาที่เล็กน้อยสำหรับเรา
ในการที่จะก้าวผ่านไป



ด้วยศรัทธาและความมุ่งมั่นที่มีอยู่ในใจ
ที่จะต้องย้ำเตือนตัวเองอยู่เสมอ
หนทางในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ
ย่อมอยู่ไม่ไกลห่างอย่างแน่นอน

*********************



ก้าวย่างที่มั่นคง

บนทางเดินแคบ ๆ ที่เหลืออยู่
หากขาดความมั่นใจที่จะก้าวเดินต่อไป
ชีวิตก็คงหยุดนิ่งและรอวันตาย
แม้ทางข้างหน้าจะดูพร่ามัว
และไม่รู้ซึ่งอนาคต
แต่สิ่งที่ดีที่สุดในปัจจุบัน
คือก้าวย่างไปอย่างมั่นคง
และมองไปข้างหน้าอย่าเหลียวหลัง
เก็บรับบทเรียนในอดีต
เพื่อจะได้ระมัดระวังไม่ให้ผิดพลาดอีกในอนาคต

"""""""""""""""""""""""""""""""""



ใช้สามัญสำนึกทำงาน

ไม่มีแผนงานที่สวยหรู
ไม่มีปฏิบัติการใดที่สมบูรณ์แบบ
ในยามนี้มีเพียงการทำงานด้วยการทุ่มเท
ลงลึกในรายละเอียดเท่านั้น
จึงจะสามารถคลี่คลายปัญหาของงานลงได้
บางครั้งโจทย์ที่เจออาจยากและซับซ้อน
แต่เมื่อลงไปคลุกคลีอย่างแท้จริง
โจทย์เหล่านี้ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

""""""""""""""""""""""""""""""""



เรียบ ๆ ง่าย ๆ


อย่ามองสิ่งต่าง ๆ ด้วยแว่นสีที่ซับซ้อน
เพราะในโลกนี้มีเพียงสิ่งสามัญที่เรียบง่าย
สำหรับคนที่สงบนิ่งเพียงพอเท่านั้น
จึงจะแก้โจทย์และปัญหาต่าง ๆ
ด้วยกลวิธีที่เรียบ ๆ ง่าย ๆ
ไม่ซับซ้อนและตรงจุดได้อย่างเพียงพอ

""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""

ใจถึงใจ

บนหนทางไปสู่ความสำเร็จ
บนหนทางของการสร้างสรรค์สิ่งใหม่
มีเพียงคนที่เข้าใจในสภาพจิตใจของคนทำงานเท่านั้น
จึงจะสามารถนำทีมงานไปสู่เป้าหมายได้
อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน








Friends' blogs
[Add คนเดินดินฯ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.