จิบชาชมดอกไม้ไปพลาง คุยกันเบาๆ ที่สวน..เจ้าแก้ว กังไส





Group Blog
 
 
มกราคม 2549
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
5 มกราคม 2549
 
All Blogs
 
รักนี้(แค้น)...ต้องชำระ Chapter บทนำ

Intro...


"Wherever you go That's I wanna be. Wanna go wherever you

lead. You are my heart and so...... " เสียงเพลงจากโทรศัพท์มือถือดังออกมาจากกระเป๋าสะพาย ทำเอาหญิงสาวร่างเล็กในชุดเสื้อกล้ามสีขาวตัวเล็กที่มีเสื้อยืดเอวสีชมพูแปร๋นทับอยู่ด้านนอกตามแบบตามสมัยนิยมเข้ากางเกงยีนส์ท่าทางทะมัดทะแมง หล่อนเพิ่งก้าวเดินออกมาจากร้านสะดวกซื้อ หยุดชะงักอยู่ริมฟุตบาตหน้าทางม้าลายเหมือนลังเลว่าจะรับสายดีมั้ย? แต่เสียงเพลงเร่งเร้าดังไม่หยุดเลย หล่อนจึงล้วงเอาโทรศัพท์มือออกมาจากกระเป๋า



"เจ๊เว้ยยยยยยยยยย....ย!! รับช้าจริง " คนในโทรศัพท์โวยวายขึ้นมาก่อนที่ปลายสายจะได้พูด



"ฉันกำลังจะข้ามถนน มีอะไร? " เสียงต่อว่าของหญิงสาวเป็นไปแบบไม่เป็นจริงเป็นจังนัก



"อ่านข่าวป่ะ ใน นสพ.ตรงคอลัมน์ซุบซิบไฮโซ" หล่อนขมวดคิ้วนิดหน่อยแต่ยังนึกไม่ออกว่ามีอะไรน่าตื่นเต้นขนาดนั้น



"ทำไมรึ?" น้ำเสียงกระตือรือร้นขึ้นมาบ้าง หญิงสาวคาดเดาว่าเพื่อนรุ่นน้องคงไม่มีอะไรตื่นเต้นไปมากกว่าเรื่องไอดอลหนุ่มสุดหล่อวง Vanila Shade ที่รักนักรักหนานั่นเป็นแน่แล้วก็เดาไม่ผิดตามเคย



"มันเขียนว่า แพทริก วง Vanilla Shade ชื่อไทยว่า บุญถึง!! แพทของหนิงชื่อบุญถึงอ่ะเจ๊ "



"บุญถึง!!!”

หล่อนตะโกนตอบกลับไปด้วยความตกใจไม่แพ้กันเมื่อนึกถึงใบหน้าหล่อเหลาปานเทพบุตรของแพททริก ลี บอยแบนด์ชาวไต้หวันคนนั้น ภาพของชายหนุ่มก็ปรากฏขึ้นมาในหัว เขารูปหล่อ ตัวสูง ผมยาว หน้าใสจนเด้งนั่น.....ใครจะไปนึกเล่าว่าพ่อคุณจะมีชื่อไทยแสนเชยว่า...[บุญถึง] ทำเอาหญิงสาวเก็บอาการไว้ไม่อยู่ ยิ่งเงยหน้าขึ้นไปเจอรูปเจ้าตัวในป้ายโฆษณาบนฝนังตึกฝั่งตรงกันข้าม หล่อนก็เผลอหัวเราะออกมาดังๆ แบบสะเทือนไปทั้งตัว



“ว้ากกกกกกก ก๊ากๆๆๆๆๆๆ เชยฉิบหาย ใครตั้งให้วะ?"



"โธ่พี่ว่าน! อย่าหัวเราะสามีคนอื่นอย่างนั้นสิ...หัวเราะจริงใจมากเลยนะนั่น"



ก็คงเป็นอย่างที่เพื่อนของหล่อนว่า "ว่านน้ำ" หรือ เจ๊ว่าน หรือนังว่าน ของเพื่อนๆ หล่อนมีสัญญาชาติไทยตั้งแต่เกิด แล้วก็ชื่อจริงชื่อจริงแบบไทยๆ แสนเก๋ว่าสไบนาง แม้จะถูกค่อนแคะบ่อยว่าเป็นสไบผีไปบ้างหล่อนก็ไม่แคเพราะชื่อนี้แม่ของหล่อนตั้งให้และไม่โหลดี แต่หน้าตาของหญิงสาวกลับกระเดียดไปทางสาวญี่ปุ่นเสียมากกว่าจะเหมือนคนไทยทั่วๆ ไป ทั้งนี้อาจจะเป็นเพราะได้เชื้อจีนมาจากทางพ่อ ดังนั้นองค์ประกอบต่างๆ บนใบหน้าจึงแลดูไปทางต่างด้าวเสียหมด ไม่ว่าจะเป็นดวงตารียาวนั่นก็ใช่ ริมฝีปากแดงระเรื่อเหมือนคนในเมืองหนาว หรือผิวขาวๆ ของหล่อนเองก็ขาวเกินคนจีนปกติไปสักหน่อย เพราะผิวของสไบนางไม่ได้ออกขาวเหลืองนวลดังเช่นผิวสาวจีนแต่ออกโทนขาวอมชมพูมากกว่า แล้วยิ่งหล่อนทำสีผมน้ำตาลทองแบบนี้ด้วยแล้วล่ะก็


มีบ่อยครั้งที่ถูกทักว่าเป็นสาวญี่ปุ่น สร้างความลำบากลำบนให้ตัวเองตอนชอปปิ้งอยู่มากโข เพราะสไบนางมักจะถูกจนถูกพ่อค้าแม่ค้าเห็นเป็นนักท่องเที่ยวจึงชาร์ตราคาค่าสินค้ากันสุดตัว จนหล่อนแทบสำลักราคาที่บวกเพิ่มมาหลายเท่า แต่ด้วยความที่เป็นคนเปิดเผยหล่อนก็ว้ากกลับเป็นภาษาไทยเสียงดังลั่น จนแม่ค้ารีบลดราคาให้แทบไม่ทัน และด้วยความเป็นคนมั่นใจในตัวเองเสมอแบบนี้ สไบนางจึงไม่เคยกังวลจนต้องเหลียวหน้าแลหลังเลยว่าใครจะมองอยู่หรือเปล่า ว่าแล้วหล่อนก็จัดแจงอ้าปากหัวเราะซะเต็มที่มันริมถนนนี่แหละ เสียงของหล่อนทั้งดังทั้งแหลมจนรอบตัวหันมามองกันเป็นทิวแถว แต่ไม่ได้เตือนให้หล่อนลดระดับเสียงเบาเสียงลงไปเลย พอหัวเราะจนสาแก่ใจแล้วจึงค่อยๆ ก้าวเดินลงไปบนทางม้าลายเมื่อเห็นว่าปลอดรถ



"แล้วไอ้คุณสามีหล่อนมันมีชื่อไทยได้ไง? วะหนิง?"



"เค้าว่ามียายเป็นคนไทยเป็นเจ้าของโรงงานทำกะปิตราชะนีถือมะม่วง"


ระหว่างที่ฟังไปหล่อนก็เพ่งมองใบหน้าของชายหนุ่มเจ้าของชื่อบุญถึงนั้นในโปสเตอร์ขนาดยักษ์ใหญ่บนผนังตึกฝั่งตรงกันข้ามอีกครั้งแบบเพ่งแล้วเพ่งอีก แพทริกนั้นตัวสูงโปร่ง ไว้ผมยาวเคลียไล่ คิ้วเข้ม ดวงตาโตรับกับขนตาดำยาวทำให้นัยน์ตาคู่สวยนั้นคมเข้มขึ้นอีก แล้วจมูกยังโด่งเป็นสัน ริมฝีปากรูปเป็นกระจับ ยามเมื่อคลี่ยิ้มจะเห็นฟันเขี้ยวน่ารัก พร้อมลักยิ้มบุ๋มที่มุมปาก หน้าหวานเสียจนกระชากหัวใจสาวๆ ไปครองแบบไม่ยากไม่เย็น....แต่หน้าแบบนี้กลับชื่อ...[บุญถึง] หล่อนถึงต้องกลั้นหัวเราะอีกครั้ง



"มิน่า....ชื่อพ่อคุณบ๊านน....น บ้าน”



"แหม...แต่ว่าตอนฟังครั้งแรกนะพี่ หนิงฮากลิ้งเลยหล่อใสตี๋อินเตอร์ขนาดนั้นชื่อบุญถึง ฮ่า ฮ่า " ว่าแล้วแม่หนิงก็หัวเราะงอหายให้ฟังกันอีกสักรอบ



"งั้นต่อไปถ้ามันมาเมืองไทยตอนไปรับ แกก็ตะโกนเรียกบักบุญถึงค้าาา ทางนี้ค่าาา แล้วกันนะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า"



"บ้า...า อย่าทำให้หัวเราะสิ แต่ก็ไม่เลวนะ สงสัยหันควับเลยแบบรู้ได้ไงวะ? แบบว่าเมียพันธุ์แท้รักสุดใจแม้จะชื่อบุญถึง บุญเถิง บุญมา อะไรก็รักวะ" สไบนางยิ่งฟังก็ยิ่งขำไม่เลิกกับเรื่องชื่อไทยของพ่อเทพบุตรนั่นได้



"เอาๆ ลองดู ไม่หันให้มันรู้ไป พกเครื่องขยายเสียงไปด้วยนะเว้ย ไม่ก็นัดแนะ

สมาคมเมียแพทหลายๆ คนช่วยกันตะโกน ฮักบักบุญถึงงงงงงง หลายๆ เด้อ อาจจะประทับใจก็ได้นะ ฟังดูเหมือนนักร้องลูกทุ่งดี เหอ เหอ" อันที่จริงเธอไม่ได้หมั่นไส้อะไรพ่อนักร้องรูปหล่อคนนี้นักหนา เพียงแต่เห็นว่าเพื่อนรอบๆ ตัวเธอใครต่อใครพากันบ้ากระแส Vanilla Shade กันหมด ยิ่งกว่านั้นแล้วกรุงเทพฯ ทั้งเมืองราวกับว่าจะถูกหนุ่มหล่ออิมพอร์ตจากไต้หวันยึดครองไปเสียแล้ว


ไม่ว่าจะเปิดทีวีดูละคร คอนเสิร์ต โฆษณา ต่างๆ หรือแม้กระทั่งเดินเล่นอยู่ยังมิวายมองเห็นป้ายโฆษณาบนท้องถนนเป็นหน้าพ่อรูปหล่อนี่ บางรูปใหญ่จนเห็นรูมูกหมอนั่นชัดเจนจนหล่อนแทบจะเอาหัวมุดเข้าไปได้ แล้วยิ่งตามย่านวัยรุ่นร้านเสื้อผ้าก็ยังเห็นโปสเตอร์ติดเต็มไปหมด เรียกได้ว่าแทบจะมองเห็นได้ตลอดเวลาจากรอบตัวๆ นี่แหละ แม้แต่บนกระป๋องน้ำอัดลมในเซเว่น-อีเลฟเว่น ยังไม่เว้น จนหล่อนรู้สึกเอียน... อะไรกันนักกันหนาก็แค่พวกไอดอลขายหล่อเท่านั้นแหละ



"เอาอีกละ....ว่าสามีเค้าอีกแล้วนะ ลูกทุ่งที่ไหนหล่อขนาดนี้"



"ชื่อไทยก็มีแล้ว ต่อไปอาจมีข่าวว่าพี่แกชอบกินส้มตำปราร้าด้วยก็ได้นะ แบบว่าฮ้วย...แซ่บหลายเด้อ แพท..ช๊อบ...ชอบ ฮะ ฮะ" หญิงสาวไม่ได้รู้ตัวเลยว่าหัวเราะครั้งนี้อาจจะเป็นการหัวเราะครั้งสุดท้ายของเธอก็ได้



"ปี๊นนนนนนนนน" เสียงรถบีบแตรดังลั่นมาแต่ไกล หวิดเฉี่ยวร่างหล่อนไปนิดแต่เดียวปัดเอาของในมือลงไปกองบนถนน ทำเอาเสียวไส้ไปเลย



"ว้ายยยย!! ไอ้บ้าตกใจหมด !! หนิงแค่นี้ก่อนนะ ฉันจะถูกรถชนตายเพราะไอ้

คุณบุญถึงของแกนี่แหละ" หล่อนเก็บโทรศัพท์ลงไปแล้วจึงค่อยก้มลงเก็บถุงของที่ซื้อมาจากห้าง แต่ในช่วงจังหวะที่ลุกขึ้นยืนนั่นเอง



"โครมมมมมมม!!"



"กรี๊ดดดดดด!! คนถูกรถชน!!" หญิงสาวไม่ได้รู้สึกอะไรอีกแล้วแม้แต่ความเจ็บปวด เพียงแต่ได้ยินเสียงผู้คนร้องขึ้นมาไกลๆ เท่านั้น ก่อนที่ทุกอย่างจะดับมืดไป



++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



พระจันทร์ครึ่งดวงเว้าแหว่งไปเล็กน้อยลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้าสีดำมืดสนิท บอกเวลาว่าดึกมากแล้ว รถตู้สีบรอนซ์เงินค่อยๆ เรียบเข้ามาจอดหน้าคอนโดมีระดับแห่งหนึ่งเงียบๆคนในรถเปิดประตูออกมา ตามด้วยร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มหน้าตาดี ไว้ผมยาวปะบ่าคนหนึ่ง ใบหน้านี้คุ้นสายตาผู้คนจำนวนมาก ทว่ายามนี้ดวงหน้านั้นดูอิดโรยไม่น้อย ขอบตาก็ดำหมองคล้ำเหมือนผ่านการอดนอนมาหลายวัน ไม่สดใสเหมือนที่เคยโชว์อยู่บนแผ่นป้ายโฆษณาเลย



"ไม่ต้องขึ้นไปส่งแน่นะ? ไม่มีแฟนคลับมาดักอีกนะ? " คนเปิดประตูรถตู้ก้าวขึ้นไปนั่งก่อนจะถามไถ่ เข้าใจว่าเป็นหนึ่งในทีมงาน



"ดึกป่านนี้แล้วใครยังจะมาดักอีก จะมีก็มีแต่ผีแล้ว" พูดจบชายหนุ่มก็ยิ้มน้อยๆ แล้วเดินดุ่มหันหลังเข้าไปในคอนโดโดยไม่หันกลับมามองอีก



"งั้นก็นอนเหอะ วันมะรืนมีงานพรุ่งนี้ก็นอนให้เต็มที่เสียนะ" คนฟังไม่ได้สนใจนักเพียงแค่โบกมือให้ทั้งที่ยังหันหลังอยู่ แล้วรถตู้ก็เคลื่อนตัวออกไป



ชายหนุ่มพาตัวเองเข้ามาในลิฟท์ได้ก็เอาแต่ยืนพิงกระจกในลิฟท์ นัยน์ตาสอง ข้างปรือเหมือนจะหลับได้ทั้งๆ ที่ยืนอยู่ ก็คงเป็นอย่างนั้นเพราะอ่อนเพลียเต็มที่ 4-5 วันมานี้ยังไม่นอนเต็มตาเลย ภาระกิจในฐานะของ หลี่เซี่ยเฟย หรือที่ชาวบ้านร้านตลาดรู้จักกันในนาม แพททริก Vanila Shade ขวัญใจของผู้หญิงครึ่งเอเชีย มันช่างมากมายรัดตัวเสียจนหายใจไม่ออก


ชายหนุ่มรู้สึกว่าการเป็นคนดังนี่บางครั้งก็มันก็เหมือนกรรมกรดีๆ นี่เอง แต่เป็นกรรมกรที่ต้องอาศัยรูปร่างหน้าตาการงานก็ไม่เป็นเวล่ำเวลาเหมือนผู้คนปกติเขา บางครั้งคิวถ่ายละครก็มีตั้งแต่เช้าจนไปจรดเช้าของอีกวันเลย พอว่างเมื่อไรก็อยากจะนอนมันอย่างเดียว หลี่เซี่ยเฟยรู้สึกว่าชีวิตนักศึกษาที่ต้องทำงานพิเศษเป็นเด็กเสิร์ฟร้านอาหารญี่ปุ่นไปด้วยนั้นกับการดาราดังมันไม่ได้ต่างกันสักเท่าไร เพียงแต่เดี๋ยวนี้เขามีเงินเยอะขึ้น แต่อิสระหายไปใครต่อใครก็มารุมล้อมตลอดเวลาจนน่าเบื่อ....



ไม่ถึง 5 นาทีต่อ ลิฟท์ก็ถึงชั้นห้องพัก ชายหนุ่มก้าวเท้าออกมาแต่อยู่ๆ บางสิ่งที่ห้อยคออยู่ก็ตกลงพื้น หลี่เซี่ยเฟยขมวดคิ้วลืมตาเต็มที่แล้วจึงพบว่า เป็นสร้อยพระที่คุณยายจากเมืองไทยให้มา



"เอ....ทำไมอยู่ๆ สร้อยขาด?"

บางทีนี่เป็นการบอกเหตุล่วงหน้าบางอย่างแล้ว แต่ด้วยความง่วง ทำให้หลี่เซี่ยเฟยไม่ได้สนใจอีกเพียงแต่เก็บสร้อยขึ้น แล้วเดินกลับห้องตัวเอง ไม่นานนักการเตือนครั้งที่สองมาเยือน เมื่อเปิดประตูห้องเข้าไป



"เมี้ยววววววววววววว ฟ่อออออออออ" เสียงขู่ดังมาจากในห้องมืดมิดของเขา มีดวงตาเรืองแสง 4 ดวง ลอยเด่นในความมืด จ้องมองมาที่ชายหนุ่มทำเอาตกใจไม่น้อย



เมื่อเปิดไฟจนสว่างไปทั่ว ก็เห็นว่าเจ้าตัวกลมหน้าขนทั้งสองตัวขู่เขาดังลั่น พวกมันเป็นแมวที่เขาเก็บมาเลี้ยงหน้าตาก็เหมือนแมวธรรมดาทั่วไปที่พบเห็นได้ตามท้องถนน เพียงแต่ถูกยกระดับขึ้นมาเป็นแมวของไอดอลชื่อดังที่มีรายได้พอจะขุนพวกมันจนอ้วนแต่กลับไม่ค่อยมีเวลาให้มันสักเท่าไร แต่กระนั้นทั้งที่ทุกๆครั้งที่เขากลับมาถึงบ้าน เจ้าเหมียวหนุ่มสีดำปลอดขนเป็นเงาชื่อพีพีมันท่าทางเจี๋ยมเจี้ยมช่างออเซาะนัก กับแมวสาวชื่อถางถางเจ้าหล่อนขนขาวตัวอวบมีแต้มเหลืองๆ ระบายไปทั่วตัว ถางถางเป็นยอดนักตบและนักประจบมือหนึ่ง จะต้องวิ่งมาพันแข้งพันขาด้วยความดีใจทุกครั้งที่เห็นเขากลับมา แล้วก็ประจบขอข้าวกิน แต่วันนี้พวกมันกลับกลับพร้อมใจกันร้องขู่ด้วยเสียงอันดังแถมยังหางฟูเหมือนเห็นสิ่งผิดปกติทันทีที่เห็นหน้าชายหนุ่ม



"พีพี ถางถาง เป็นอะไร? ขู่ทำไม? เห็นอะไรหรือ?"

ชายหนุ่มร้องถามแมวแต่พวกมันไม่ตอบยังคงตั้งหน้าตั้งตาขู่จนหางฟูตัวโก่ง แล้วก็เดินถอยหลังไปเรื่อยๆ หลี่เซี่ยเฟยเหลียวมองดูรอบตัวรวมทั้งด้านหลังของเขาด้วย แต่ก็ไม่พบอะไรนอกจากความว่างเปล่า



"ไม่เห็นมีอะไรนี่? มานี่มะถางถาง พีพี" แต่เมื่อก้มตัวลงไปจะอุ้มแมวขึ้นมา เจ้าเหมียวกลับกระโดดหนี เหมือนเขาเป็นคนแปลกหน้า



"โกรธหรือไง? ที่หมู่นี้ไม่ค่อยมีเวลาให้? ก็งานมันเยอะนี่หว่า....อย่างอนน่า"



นอกจากง้อแมวไม่สำเร็จแล้ว ชายหนุ่มยังถูกความง่วงเข้า
ครอบงำ จนหนังตาจะปิดจึงไม่สนใจพวกมันอีก ในใจก็คิดไปว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นแล้วค่อยเล่นกับพวกมันก็แล้วกัน ว่าแล้วเขาก็จ้ำอ้าวพรวดเดียวถึงเตียง โดยไม่ต้องคิดหลี่เซี่ยเฟยสลัดรองเท้าไปทาง ใช้นิ้วเท้าคีบถุงเท้าออกแบบรวกๆ แล้วกองมันไว้แถวๆ นั้น แล้วถอดเสื้อยืดออกโยนมันไว้ข้างเตียง จากนั้นก็ล้มตัวลงนอนแบบไม่สนใจอะไรอีกแล้ว ถึงจะเกิดแผ่นดินไหวตอนนี้ชายหนุ่มก็คงไม่รู้เรื่องหรอก



แต่เมื่อกำลังจะเคลิ้มหลับกลับรู้สึกว่าอากาศในห้องเย็นผิดปกติ ทั้งๆที่เพิ่งเปิดแอร์เมื่อสักครู่นี่เอง หลี่เซี่ยเฟยไม่ได้สนใจนักเพราะง่วงนอนมากกว่า ทว่ามีเสียงเย็นๆ แว่วเข้ามากระทบโสตประสาท เป็นเสียงผู้หญิงที่ไม่คุ้นเคย



"แก....ก.....แกทำฉันตาย...ย" ทีแรกชายหนุ่มนึกว่าหูแว่วไปเอง จึงดึงหมอนขึ้นปิดหน้าแล้วผล็อยหลับไปในเวลาอันรวดเร็ว



แต่เรื่องมันไม่ง่ายเหมือนแค่นอนหลับ....เพราะเมื่อจมดิ่งเข้าสู่ห้วงนิทรา หลี่เซี่ยเฟยก้าวเข้าสู่โลกในจิตสำนึกของตนเอง ก็ยังได้ยินเสียงเพรียกโหยหวนนั่นอยู่



"แก...ก....ทำฉันตาย....แพท Vanila Shade "


เสียงผู้หญิงยานๆ นั่นระบุถูกแม้แต่ชื่อวง ทำเอาหลี่เซี่ยเฟยต้องหันควับกลับไปดู แล้วก็เห็นผู้หญิงหน้าซีดๆ ผมยาวสีน้ำตาลทองเหมือนคนทำสีผม แต่ผมเผ้านั้นปรกหน้าปรกตาจนดูหลอนๆ ชอบกล



"คะ....ใครน่ะ....." ถามไปอย่างนั้นแหละ ในใจนั้นแน่ใจแล้วว่าเป็นผีสางแน่ๆ คนปกติคงไม่โผล่มาน่ากลัวขนาดนั้น



"แก....ทำ...ฉัน...ตาย...."


ผีสาวในความฝันระบุทีละคำทว่าชัดเจน หล่อนค่อยๆ เงยหน้าขึ้น ดวงหน้าซีดเผือดไม่มีสีเลือด ดวงตารียาวนั้นแดงก่ำ พวงแก้มยุ้มๆ มองดูแล้วไม่ใช่คนเกาหลีก็คนญี่ปุ่น นึกอย่างไรเขาก็ไม่รู้จักเธอ บนหน้าผากใต้ผมหน้าม้าสไลด์แสกข้างนั่นมีเลือดไหลซึมลงมาเป็นสาย ไม่ใช่คนแน่ๆ เขาบอกตัวเอง



"เฮ้ย...เดี๋ยวสิ ผมไม่รู้จักคุณนะ จะทำคุณตายได้ยังไง?"



"อย่ามาเถียงนะ!! แกนั่นแหละทำฉันตายไอ้บุญถึง!!?"



"บุญถึง....? หมายถึงผมเหรอ?"


หลี่เซี่ยเฟยชะงักแล้วชี้นิ้วจิ้มมาที่หน้าอกตัวเองดังจึ้ก [บุญถึง] ชื่อนี้แทบลืมไปแล้วด้วยซ้ำ....เพราะไม่มีคนเรียก แม้แต่คนตั้งให้ยังเรียกเขาว่า [แพท]เลยหลังจากอึ้งไปครู่ใหญ่ ชายหนุ่มๆ ค่อยๆ ระลึกได้ว่าชื่อนี้เป็นชื่อไทยที่คุณยายที่ประเทศไทยตั้งให้นี่นะ



"ทำไมถึงรู้ชื่อนี้?" ชายหนุ่มถามกลับไปแบบกล้าๆ กลัวๆ



"ก็สยามนิวส์มันลงนี่หว่า?"



"สยามนิวส์คืออะไร?" กลัวก็กลัวแต่สงสัยมากกว่า



"ก็หนังสือพิมพ์เมืองไทยไงเล่า คนรู้กันไปทั้งประเทศแล้ว พูดแล้วก็เจ็บใจเพราะนายแท้ๆ ไอ้บุญถึงฉันถึงได้ตาย ชื่อแพทดีๆ ไม่ชอบเสือกชื่อบุญถึงทำไมฟะ?"



"อ้าว?.....แล้วมันเกี่ยวอะไรกับผม?" ยิ่งฟังยิ่งรู้สึกงงว่าชื่อไทยของตนเกี่ยวอะไรกับการตายของแม่ผีสาวนี่ได้ไงฟะ?



"เกี่ยวสิ....ก็เพราะชื่อเชยๆ ของนายนายนั่นแหละฉันถึงตายไอ้บุญถึง ชื่ออื่นมีไม่ชื่อดันมาชื่อนี้" พูดจบหล่อนก็กางแขนปรี่เข้าหาเขา ทำเอาหลี่เซี่ยเฟยตกใจร้องเสียงดั้งลั่น



"ว้ากกกกกกกกกกกกกกกกกก!!" ชายหนุ่มหวีดร้องออกมาด้วยความหวาดกลัวสุดขีด พลันก็สะดุ้งพรวดขึ้นมาจากที่นอนแล้วพบว่าตนเองฝันร้ายไปเท่านั้น



"แฮ่กๆๆๆ โอ้ย...ย อะไรเนี่ย?" หลี่เซี่ยเฟยยกสันมือขึ้นมาปาดเหงื่อบนหน้าผาก แล้วนั่งหอบจนตัวโยน "น่ากลัวชะมัด"



"แก....ก....ทำ.....ฉัน....ตาย....ย"


เสียงเย็นยะเยียบในฝันนั่นดังแว่วขึ้นมาเหมือนอยู่ข้างหู ทำเอาหลี่เซี่ยเฟยสะดุ้งเฮือกรีบเหลียวไปรอบกายด้วยอาการสั่นเทา



"ฉัน.......อยู่........นี่......ไง เหอ เหอ"


ผีสาวฉีกยิ้มพลางกัดเส้นผมยาวของตัวเอง แล้วจึงช้อนดวงตาแดงก่ำนั้นขึ้นจ้องหน้าชายหนุ่ม ยามที่เห็นด้วยสายตาไม่ใช่ในความฝันแบบนี้ร่างของเธอยิ่งชัดเจนขึ้น ผีสาวนั่นนั่งหน้าเขียวคล้ำอยู่ข้างเตียงนี่เอง



"แว๊กกกกกกกกกกกกกกก!! ผีหลอกกกกกกกกกกกกก"


ตะโกนได้ 3 พยางค์เท่านั้นแหละ พ่อรูปหล่อก็กระโดดลงจากเตียงวิ่งพรวดพราดโกยอ้าวออกไปตั้งหลักนอกห้องนอนโดยไม่กลัวเสียภาพพจน์ Vanila Shade



+++++++++++++++++++++++++++++++++++



แพททริก Vanila Shade หรือชื่อไทยเชยๆ ว่าบุญถึง กระโดดพรวดเดียวถึงโซฟาห้องรับแขก ชายหนุ่มนั่งกอดเข่าเอาหน้าซุกพนักพิงตัวสั่นเทา ปากก็พร่ำบ่นพึมพัมขับไล่ผีสาวแปลกหน้าอย่างเอาเป็นเอาตาย



"ไปที่ชอบๆ เหอะ กลัวแล้ว อย่ามาหลอกมาหลอนกันเลย ฉันไม่ได้ทำเธอตายสักหน่อย เราไม่รู้จักกันนนนนนน....น" แล้วเสียงนั่นก็เงียบไปคงมีแต่เสียงฟันกระทบกันกึ่กๆๆๆๆ



"ช่าย....ย เราไม่รู้จักกัน ฉันไม่ได้ชอบ Vanila Shade สักหน่อยทำไมต้องมาตายเพราะนายด้วยยยยย....ย รับผิดชอบซะ.....เหอ เหอ ฉันไม่ให้นายอยู่ดีมีสุขหรอก จะคอยหลอกหลอนอยู่อย่างนี้ ฮ่า ฮ่า ฮ่า" เสียงหัวเราะแหลมดังกังวาลขึ้น ผีสาวลอยออกมาจากห้องนอนเคลื่อนร่างเข้ามาใกล้หลี่เซี่ยเฟยที่ฟุบหมอบอยู่กับโซฟา



"ฉันจะหลอกนาย....ให้ตกใจตาย....ย เลยคอยดูสิ" หล่อนพูดอย่างพยาบาท รอยยิ้มบนใบหน้านั่นดูสาแก่ใจที่รังแกคนหล่อได้



"ไม่ต้องหนี....หันหน้ามาซะ...ดี....ดี...."


เสียงยานคางของผีสาวยังดังวนเวียนอยู่รอบตัว แต่ไม่มีปฏิกิริยาตอบรับ ทำให้เจ้าหล่อนเข้าใจไปว่าคุณบุญถึงคู่อาฆาตของหล่อนคงกลัวจนขี้ขึ้นสมองไปแล้ว



"ฮ่า ฮ่า ฮ่า....เป็นไง....รู้จักกลัวด้วยเหรอ? ขอโทษฉันสิ....สิ....สิ"


แต่ทุกอย่างยังคงเงียบเหมือนเดิม จนผีสาวชักงงเอ๊ะ? มันจะนิ่งไปหรือเปล่าหว่า? เมื่อกี้ยังสั่นพั่บๆ เป็นเจ้าเข้าอยู่เลย หรือว่าคนหล่อตอนกลัวยังต้องเก๊กด้วย ว่าแล้วเธอก็เลยพยายามหลอกหลอนอีกรอบ



"ฉันจะสาปแช่งแก จะไม่ยอมไปผุดไปเกิดจนกว่าแกจะตายยยยยยยยยย เอ๊ะ? ทำไมเงียบจังงงง...ง?"



"เฮ้ยยยย...ย ฉันหลอกอยู่นะเฟ้ย อย่านิ่งสิ แพท! แพทๆๆๆ
ๆๆๆๆๆๆๆ ไอ้คุณบุญถึงงงงงงงงงงงงงงงงงง ............??? เอ๋???" แต่ชายหนุ่มเหยื่อของหล่อนนิ่งสนิท จนผีสาวต้องหยุดหลอกหันมาเกาหัวแกร่กๆ แทน



"หรือว่ากลัวจนสลบไปแล้วหว่า? "


หล่อนพึมพัมกับตัวเอง พลางชะโงกหน้าเข้าไปใกล้ร่างที่ฟุบหน้าอยู่ ว่าแล้วก็ลองเขี่ยๆดู แน่ล่ะหล่อนสัมผัสตัวเขาไม่ได้เหมือนเพียงลมพัดผ่านเท่านั้น แต่ลมพัดหลายๆทีเข้าร่างของชายหนุ่มก็มีอันเซล้มลงมานอนหงายยาวเหยียดไปกับโซฟา พร้อมด้วยเสียงกรนเบาๆ



"คร่อ.....ก....ฟี้"



"เฮ้ย! น่าเกลียดจริงๆ ทุเรศว่ะ คนอะไรวะผีกำลังหลอกอยู่ดีๆ ดันหลับได้ไง ทำไมไม่มีมารยาทอย่างนี้นะหา??!! "


ใช่แล้วคุณบุญถึงเธอหลับสนิทไปจริงๆ นั่นแหละ ความกลัวแพ้อำนาจแห่งความง่วง พอกลัวมากๆ ก็เลยหลับ(?) มันเสียเลย เล่นเอาผีสาวเซ็งสนิทอะไรกัน...หลอกคนครั้งแรก เหยื่อก็ดันหลับ ประวัติการเป็นผีของเธอจึงด่างพร้อยตั้งแต่ครั้งแรกด้วยประการละชะนี้แล.....



"ทุเรศจริงๆ เอาวะรอให้ตื่นก่อนค่อยหลอกใหม่ก็ได้"


หล่อนบอกตัวเองอย่างมุ่งมั่นยังไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ความอาฆาตอยู่ที่ไหน ความพยายามอยู่ที่นั่น ก็เพราะด้วยจิตพยาบาทผูกใจเจ็บขนาดนี้น่ะสิ แรงแค้นถึงได้ส่งวิญญาณของเธอไปที่ไต้หวันได้โดยไม่ต้องขึ้นเรือบิน
ไม่ต้องใช้วีซ่าเข้าประเทศ มีเพียงจิตประวัติอันร้อนแรงเคียดแค้นหนุ่มหล่อหน้าหวานผมยาวชื่อแพททริก Vanilla Shade สถานเดียวเท่านั้น นำพาเธอข้ามน้ำข้ามทะเลมาหาเขาโดยไม่ผ่านกรมตรวจผีเข้าเมืองด้วยซ้ำ



มิหนำซ้ำ....นิยายเรื่องนี้ยังแสดงให้เห็นว่าผีคือจิตวิญญาณการสื่อสารทำด้วยจิตล้วนๆ ดังนั้นภาษาจึงไม่เป็นอุปสรรคใดๆ ต่อการหลอกหลอน ดังเช่นสุภาษิตที่ว่า ผีเป็นเรื่องสากลที่ไหนก็มี ไม่ต้องพูดกันรู้เรื่องก็โดนหลอกได้ ดังนั้น...เรื่องราวความรัก ความอาฆาต พยาบาท จึงไร้พรมแดนได้เช่นกัน อนิจา....ด้วยเหตุผลที่ผู้เขียนมั่วขึ้นมานี้จึงทำให้พ่อรูปหล่อ แพททริก Vanilla Shade จึงต้องผจญเวรผจญกรรมกับผีสาวไปอีกนาน....จนแทบจะเปลี่ยนชื่อเรื่องเป็น [บุญถึงกับผีสาว] เสียให้รู้แล้วรู้รอดไป....



++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


อ่านต่อตอนหน้าค่ะ




Create Date : 05 มกราคม 2549
Last Update : 2 มิถุนายน 2552 21:59:38 น. 9 comments
Counter : 461 Pageviews.

 
เป็นเรื่องแรกที่เริ่มเขียนแบบจริงๆ จังๆ ค่ะ ก่อนหน้านั้นเคยเขียนมาบ้าง แต่เป็นแนวแฟนฟิค หรือ boy's love เพิ่งเคยเขียนนิยายรักเต็มรูปแบบก็คราวนี้ แต่ออกเป็นแนวตลกไปหน่อย นางเอกบอกใบ้นิดหนึ่งค่ะ เป็นคนใกล้ตัวนี่เอง

ยังไงก็ฝากเอ็นดูนิยายเรื่องนี้กันหน่อยนะคะ


โดย: เจ้าแก้ว (แก้วกังไส ) วันที่: 5 มกราคม 2549 เวลา:1:22:46 น.  

 
Image Hosted by ImageShack.us


โดย: erol วันที่: 5 มกราคม 2549 เวลา:1:28:30 น.  

 
ไม่ได้อ่านนิยายนานแล้ว แต่แวะมาเยี่ยมชมครับ


โดย: ตั้ม (Q-E-D ) วันที่: 5 มกราคม 2549 เวลา:13:13:47 น.  

 
แวะมาเยี่ยมจ้า...

ยาวดีจัง ขอชะแว้บปอ่านสักครู่


โดย: UnZo IP: 58.9.16.181 วันที่: 14 มกราคม 2549 เวลา:22:43:54 น.  

 
ยางอ่านมะจบอ่ะ แต่ว่าเม้นท์ก่อน ชอบนะ ติดตามอ่านอ่ะ สนุกดี


โดย: ฝน IP: 158.108.211.231 วันที่: 14 พฤษภาคม 2549 เวลา:23:59:25 น.  

 
แวะมาลงชื่อไว้ก่อนอ่านนะคะ ยาวมากกกก


โดย: แก่ม แก๊ม IP: 124.120.221.156 วันที่: 27 พฤษภาคม 2549 เวลา:20:25:18 น.  

 
กรี้ด ดีใจเหลือหลายที่ได้อ่านเรื่องนี้จนจบ หลังจากที่ทวงเจ๊คนเขียนแบบยิกๆๆ ในที่สุด!!~ คู่นี้ก็ Happy ending

แหม เลิฟๆ กันจริงๆ เลย ชักอิจฉายัยว่านแล้วสิ หุๆ ตอนนี้น่ารักมากค่ะ ทั้งสนุก ทั้งหวานแหวว แถมขำอีกต่างหาก โดยเฉพาะตอนที่หนิงสลบเพราะเจอ 2 หนุ่มหล่อ มายืนอยู่ตรงหน้า กับตอนนี้

“เหมือน...ว่านเลย ไฮเปอร์” หยางเล่ยอุทานออกมา

“ก็เค้าเป็นแม่ลูกกันนี่” แล้วไอดอลหนุ่มทั้งสองก็พากันหัวเราะเบาๆ ออกมา

55 ฮาได้ใจ แต่ตอนนี้ยัยว่านไม่ไฮเปอร์แฮะ เพราะมันแต่เขิน บิดกันไป บิดกันมา

สรุปแล้ว ชอบเรื่องนี้มากค่ะ มีทั้งฮา เศร้า ซึ้ง สยอง ครบรสจริงๆ เลย ขอบคุณคนเขียนที่อุตส่าห์เขียนนิยายดีๆ แบบนี้มาให้อ่านกันนะคะ ขอให้เจ้าภาพจงเจริญ


โดย: อินุ (pirate_chain ) วันที่: 30 มิถุนายน 2549 เวลา:7:52:12 น.  

 
เอ่อ ขอเวลาห้านาทีนะคะคุณแก้ว(ขอเรียกสั้นๆ^^)
ขอไปหัวเระเดี๋ยว!

โอย ฮา ฮาจริงๆ นึกภาพว่านตะโกนแล้วหัวเราะ จากนั้นก็.....บุญถึง ฮะฮะฮะ ว่านเอ๋ยยยยยย แรงอาฆาตจริงๆ (จะว่าไปก็ตายเพราะบุญถึงนี่จริงๆนี่นา)

เอาเถอะ รับกรรมไปเหอะนะแพท เอ๊ย ต้องเรียกบุญถึงสินะ


โดย: มณีมัญชุ์ วันที่: 23 พฤศจิกายน 2550 เวลา:23:33:55 น.  

 
แหะๆไปก่อนวันหลังค่อยเข้ามาอ่าน ตอนกลางวันกลางคืนชักเสียวอะหึๆเงียบเจงๆ


โดย: ตานนท์ (คนไม่หวาน ) วันที่: 24 พฤศจิกายน 2550 เวลา:1:05:57 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

แก้วกังไส
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 54 คน [?]







ผลงานเขียนที่ผ่านมาค่ะ

รักนี้(แค้น)ต้องชำระ


Amethyst Sonata
เพลงรัก..ลิขิตหัวใจ



บาปปาริชาต

Friends' blogs
[Add แก้วกังไส's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.