จิบชาชมดอกไม้ไปพลาง คุยกันเบาๆ ที่สวน..เจ้าแก้ว กังไส





Group Blog
 
 
มกราคม 2549
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
13 มกราคม 2549
 
All Blogs
 
รักนี้(แค้น)...ต้องชำระ Chapter 9.2 คนเห็นผี2

Chapter 9.2 คนเห็นผี 2



“ให้งบกี่ชุด?”

ผีสาวยืนยิ้มอยู่หน้าเครื่องคอมพิวเตอร์ ที่หลี่เซี่ยเฟยกำลังคอนเนกอินเทอเน็ตเข้าสู่เวบกงเต็กดอทคอมที่หยางเล่ยให้มา ชายหนุ่มเหลือบมองหล่อนแล้วก็ต้องกระตุกยิ้มมุมปาก เมื่อพบว่าสไบนางกำลังยิ้มแย้มเกาะเก้าอี้ของเขาด้วยท่าทางประจบเต็มที่

“ขึ้นอยู่กับว่า....เธออ้อนเก่งแค่ไหน?”

ผีสาวฟังจบก็แอบบเข่นเขี้ยวฟัน อยากเคาะกะโหลกพ่อรูปหล่อนี่สักโป้ก มีโอกาสเป็นไม่ได้เชียวนะได้ทีขี่แพะไล่กวดทันทีเลยคนบ้าอะไร

“แหม...ตัวเองก็....กะจะเก็บเงินให้จุกอกตายเลยเหรอ? วันๆ ทำแต่งานได้ใช้เงินบ้างหรือเปล่า? ซื้อให้ฉันเนี่ยก็เท่ากับทำการกุศลเหมือนกันน้า...า..” สไบนางลากเสียงยานคางแถมหวานเจี๊ยบจนชวนเลี่ยน

“นี่อ้อนแล้วเหรอ? ไม่ได้ดูเหมือนชมเลยนะ เธอว่าฉัน”งก” มากกว่ามั้งนั่น?” ชายหนุ่มเหลือบตามองหล่อนอย่างรู้ทัน

“อื๋อ...อ เปล่าสักหน่อย อย่าคิดมากสิ อ๊ะ! มาแล้วๆ คลิ๊กไปหน้าเสื้อผ้าก่อนเลยนะ”

“สั่งจริง เอ้า! คลิ๊กแล้ว” ไม่นานนักแบบเสื้อผ้านับร้อยก็ปรากฏบนจอมอร์นิเตอร์ให้มีเลือกจนตาลาย แถมยังมีไซค์ให้เลือกได้อีกด้วย

“ให้ตายสิ!! ฮ่า ฮ่า อย่างกับซื้อของคนเป็นเลยนะ” หลี่เวี่ยเฟยหัวเราะออกมาด้วยความทึ่ง

“ฉันว่าใช่แค่ร้านเล็กๆ อย่างที่ตานั่นบอกแล้วนะ อีแบบนี้มันโรงงานผลิตเครื่องกงเต็กแล้ว”

“นั่นสิ...มีหมวดอื่นให้เลือกด้วยนะ ” ว่าแล้วไอดอลหนุ่มกับผีสาวก็มัวแต่สนุกสนานกับการเยี่ยมชมเวบอยู่เกือบชั่วโมงกว่าจะได้ลงมือเลือกสิ่งของที่ต้องการกันจริงๆ

“เสื้อผ้า...รองเท้า ตู้เสื้อผ้า แก้วกาแฟ ก็มีแล้ว เอาอะไรอีกดีน้า?” หล่อนนับนิ้วขึ้นมาว่ารายการชักจะยาวขึ้นเรื่อยๆ แล้ว

“เตียงนอนเป็นไง?”

“เอามาทำไมเกะกะ บ้านก็มีอยู่แค่นี้ ฉันนอนที่โซฟาทุกวันนี้ OK อยู่แล้ว เอาแค่ผ้าห่มแล้วกัน” นัยน์ตาคมคู่นั้นอ่อนแสงลงทันที่หล่อนปฏิเสธ

“อย่าเกรงใจได้มั้ย?” ชายหนุ่มพูดขึ้นมาด้วยเสียงห้วนๆ จนผีสาวต้องโน้มตัวลงมาจ้องหน้าพ่อบุญถึงที่อยู่ๆ ก็หน้าบึ้งขึ้นมาอีก

“งอนอะไรขึ้นมาอีกล่ะ? เออน่า ไม่ซื้อก็ไม่หาว่างกหรอก แค่นี้ก็ขอบใจมากแล้ว แต๊งค์กิ้วหลายนะ”

สไบนางไม่พูดเปล่าหล่อนบรรจงหอมแก้มชายหนุ่มเบาๆ ก่อนจะหัวเราะออกมา แต่เมื่อเห็นหลี่เซี่ยเฟยนั่งนิ่งเป็นหินเลยชักเขินขึ้นมาบ้าง ว่าแล้วก็ตบไหล่ชายหนุ่มดังป้าบ แต่นิ้วเรียวโปร่งใสนั่นผ่านทะลุร่างของเขาไปเฉยๆ ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกเย็นวาบเหมือนถูกนาบด้วยน้ำแข็ง

“แค่นี้เขินด้วย ก็บอกให้อ้อนเองไม่ใช่หรือไง? อะไรกันฉันเห็นในทีวีไต้หวันน่ะ หอมกันเป็นว่าเล่น บางรายงานชอบดาราชายจูบปากกันได้ด้วยซ้ำ” ไอดอลหนุ่มไม่ตอบในทันทีทำให้คำแก้ตัวของเก้อของหล่อนเป็นหมันในทันที

“จริงๆ น้าฉันเห็น รายการตงฟงอะไรนั่นน่ะ ให้ดาราชายป้อนเค้กกันด้วยปาก นายล่ะเคยโดนให้ทำไรแบบนี้บ้างหรือเปล่า?”

ยิ่งเขินหล่อนยิ่งพูดลนลานนอกเรื่องไปใหญ่โต สักพักจึงเริ่มรู้สึกตัวว่าจะมาพูดเรื่องผู้ชายจูบกันออกทีวีแก้เขินทำไมเนี่ย บ้าจริงๆ เลย ผีสาวนึกด่าตัวเองในใจ

“.....พิเรนทร์ ไอ้รายการบ้าบอพวกนั้นน่ะ ฉันไม่เคยโดนหรอก ถึงให้ทำก็ไม่ทำหรอก!!”

สไบนางย่นจมูกใช่สิพอเขาจะให้ทำพ่อก็เล่นทำตาขวางเสียขนาดนั้น แถมยังสูงใหญ่เป็นกำแพงขนาดนี้ใครจะกล้าสั่งคุณชายเธอกันล่ะนั่น

หลังจากเงียบกันไปครู่ใหญ่เพราะไม่รู้จะพูดอะไรกัน สไบนางไม่คิดว่าหลี่เซี่ยเฟยจะเขิน เพราะคนไต้หวันเองก็รับเอาวัฒนธรรมกอดจูบของตะวันตกเข้ามาเต็มๆ แล้ว หล่อนเพียงแค่หอมแก้มขอบคุณเขาในฐานะเพื่อนเท่านั้น แต่หลี่เซี่ยเฟยนั่งนิ่งเงียบไปเฉยๆ เสียอย่างนั้น จนผีสาวเดาอารมณ์ไม่ถูก

“ชอบมือถือรุ่นไหน? ” แต่แล้วจู่ๆ ไอดอลหนุ่มก็ทำลายความเงียบขึ้นมาเอง โดยไม่หันมาสบตาหล่อนด้วยซ้ำ

“หา?” เล่นเอาผีสาวตั้งตัวไม่ทัน เพราะมัวแต่คิดมากอยู่

“ฉันบอกว่าเธอควรจะมีมือถือ ชอบรุ่นไหนเลือกเอา”

“เฮ้ๆๆๆ เดี๋ยวๆๆ มือถือกงเต็กเนี่ยนะ? อย่าบอกนะว่าเผาแล้วมันจะโทรได้จริงๆ มันไม่เหมือนเสื้อผ้ากระดาษเผามาเป็นชุดสำเร็จได้หรอกนะ”

“ถ้าไม่ได้แล้วมันจะมาลงเวบให้ซื้อทำไม?”

“แต่ว่าๆๆ....เอ่อ...เอาก็ได้”

เมื่อแรกหล่อนตั้งใจจะปฏิเสธ ด้วยเหตุผลสองข้อคือ อย่างแรกหล่อนไม่เชื่อว่ามันจะใช้โทรได้จริงๆ อาจจะได้แต่เครื่องเปล่ามาแต่ใช้เครือข่ายบริการผีที่ไหนกันล่ะ? ส่วนอีกข้อหล่อนไม่รู้จะโทรหาใครนี่หว่า? ในเมื่อก็อยู่กับหลี่เซี่ยเฟย 24 ชม.อยู่แล้วคงไม่ต้องโทรหา อีกอย่างที่ไต้หวันนี่นอกจากชายหนุ่มกับหยางเล่ยแล้วหล่อนก็ไม่รู้จักใครอีกเลย เลยไม่รู้จะเอามาทำไม? แต่เมื่อพ่อคุณจะซื้อแจกหล่อนก็ตามใจ

“sony elicson w550i แล้วกัน”

“ไหนว่าไม่อยากได้ ดันเลือกซะรุ่นล่าสุดเลยนะ” ชายหนุ่มยิ้มมุมปาก

“เอ๊ะ? พอบอกไม่เอาก็จะให้ซื้อ พอเลือกก็บ่นอีก จะเอาไงกันแน่”

“เปล่า...า....” หลี่เซี่ยเฟยลอยหน้าลอยตาตอบ ก่อนจะคลิ๊กเลือกโทรศัพท์สีส้มแปร๋นรุ่นใหม่ล่าสุดที่ผีสาวต้องการให้

“รุ่นนี้ก็ดีนะ....ความจุเยอะดี ฟังเพลงก็ได้ ตอนรอฉันทำงานเธอจะได้ไม่เหงาไง ” พอฟังชายหนุ่มเฉลยแล้ว ผีสาวรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างกำลังจุกที่คอจนทำให้เธอพูดไม่ออก สิ่งนั้นคือความตื้นตันนั่นเอง

“ขอบใจนะ....ขอบใจจริงๆ” สไบนางลุกขึ้นยืนแล้วโอบรอบคอชายหนุ่มชายด้านหนัง ปากก็พร่ำขอบคุณไปด้วยนัยน์ตาเอ่อคลอไปด้วยน้ำใสๆ

“นี่...เธอเป็นคนขี้แงไปตั้งแต่เมื่อไร? ไม่เอาน่า”

“ก็....ก็ มันดีใจนี่นา” ผีสาวปาดน้ำตาป้อยๆ

“ไม่เคยมีใครซื้อของให้หรือไงแม่คุณ หรือว่าฉันเป็นรายแรก” หลี่เซี่ยเฟยพูดติดตลกก่อนจะคลี่ยิ้มให้ แต่ไม่ได้ทำให้หล่อนขำไปด้วย

“เคย...แต่ไม่ดีใจนี่”

“บ้า ดีใจก็ไม่ต้องร้องไห้นี่”

“ก็มันหยุดไม่ได้อ่ะ...” เสียงของหล่อนยังคงอู้อี้ในขณะที่ตอบ

“อย่าร้องสิ ถ้าเวสรู้เข้าจะหาว่าฉันรังแกเธอนะ”

ชายหนุ่มปลอบโยนไปพลาง ยกมือขึ้นเชยคางหล่อนขึ้นมาด้วยหวังจะช่วยซับน้ำตาให้ แต่กลายเป็นสัมผัสเพียงลมเย็นแผ่วๆ ไม่อาจแตะต้องต้องกันและกันได้มากกว่านั้น สิ่งที่ทำได้มีเพียงแค่เฝ้ามองหล่อนสะอึกสะอื้นไปเงียบๆ หลี่เซี่ยเฟยหงุดหงิดตนเองที่ไม่อาจประคับประคองโอบกอดปลอบประโลมหล่อนได้ พร้อมกันนั้นกลับมีคำถามร้อนรุ่มผุดขึ้นมาในใจเงียบๆ

‘ทำไมเธอต้องเป็นผีด้วยนะว่าน.....?’


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


สองวันต่อจากนั้นสไบนางเอาแต่ร้องวี๊ดว้ายกระโดดไปมาอยู่ในห้อง เพราะข้าวของที่สั่งซื้อถูกเผาส่งมาให้เธอเรียบร้อยแล้ว ด้วยบริการ
ของกงเต็กดอทคอมซึ่งหยางเล่ยแนะนำว่าให้เพื่อนรักสั่งทางเวบเผาส่งให้
ด้วยจะดีกว่าหลี่เซี่ยเฟยมานั่งเผาเอางกๆ คงจะสุดตาใครต่อใครเป็นแน่แท้ แถมเผาโดยไม่มีงานศพใครอยู่ๆ ก็ทำกงเต็กคงดูน่าประหลาดแน่ๆ ดังนั้นเมื่อตื่นนอนมาเช้าวันนี้อยู่ๆ ก็มีข้าวของจำนวนหนึ่งเข้ามาอยู่ในบ้านเรียบร้อยแล้ว เพียงแต่วัตถุทุกชิ้นนั้นมันโปร่งใสเช่นเดียวกับร่างของผีสาว และเมื่อสไบนางเห็นเข้าหล่อนก็หยิบฉวยชิ้นนี้ชิ้นนี้เล่นด้วยความดีอกดีใจ เหมือนเด็กได้ของเล่นใหม่ ชายหนุ่มเห็นเข้าต้องส่ายหน้าด้วยความเอ็นดูรอยซ้ำยังยิ้มบางๆ ปรากฏขึ้นมา

“แพท...นายว่ามือถือนี่มันจะโทรได้จริงๆ หรือเปล่า?”

“ก็ลองใส่ซิมเข้าไปดูสิ” ชายหนุ่มนึกสนุกขึ้นมาด้วยอีกคน ผีสาวรีบทำตามอย่างว่าง่าย หลังจากใส่ซิมเรียบร้อยหล่อนก็ดูตื่นเต้นยิ่งกว่าเดิม

“จะลองโทรล่ะนะ” เจ้าหล่อนให้พยักหน้าแววตามุ่งมั่นราวกับจะไปรบก็ไม่ปาน หลี่เซี่ยเฟยเห็นเห็นเข้าก็นึกขำ แต่ก็หยิบมือถือของตัวเองขึ้นมานั่งรอ แต่หลายนาทีผ่านไปก็ยังไม่มีสัญญาณใดจะดังขึ้นมาเลย

“ว่าแล้วเชียว....มันจะโทรได้ยังไง? ”

“ลองอีกทีน่า....” ผีสาวขมวดคิ้วยังไม่ละเลิกความพยายาม

“กี่ทีก็เหมือนเดิมแหละน่า....เอ๊ะ...”

ยังบ่นไม่ขาดคำดีอยู่ๆ มือถือในมือชายหนุ่มก็เริ่มสั่น และส่งเสียงเพลงออกมาว่ามีสัญญาณเรียกเข้า หลี่เซี่ยเฟยถึงกับต้องตะลึงค้าง
ทำตาโตมองมือถือเหมือนไม่เคยเห็นมาก่อน

“เย้ๆ ดูสิโทรเข้าได้แล้ว!!” หล่อนรีบวิ่งมานั่งข้างๆ เขา แล้วยื่นมือถือให้ดู

“ นั่นสิ....แต่ไม่โชว์เบอร์ มันเป็นไปได้ยังไงเนี่ย?”

“อย่ามัวแต่อ้าปากหวอได้มั้ย? รับสายก่อน” เมื่อโดนผีสาวกระทุ้งใส่ชายหนุ่มถึงได้รู้สึกตัวและกดรับสายขึ้นมา ผีสาวยิ้มกริ่มและรีบวิ่งเข้าไปในห้องนอนเพื่อทดลองสัญญาณดู

“ได้ยินชัดมั้ยแพท?”

“.......ชัดแจ๋วเลย ฮะ ฮะ …แล้วบิลเก็บเงินเขาจะส่งมาจากไหนกันล่ะนี่?” มีแต่ความพิศวงและคำถามลอยอยู่เต็มหัวไอดอลหนุ่มไปหมด โลกหลังความตายนี่ช่างซับซ้อนกว่าที่คิด

“โอเช...งั้นคราวนี้นายโทรกลับมาหาฉันบ้างนะ”

“แล้วของเธอมันเบอร์อะไรล่ะ?”

“เอ๊ะ?? นั่นสิ...ไม่รู้เหมือนกัน” ผีสาวค่อยนึกขึ้นมา จึงเดินออกมาค้นเบอร์ในซองใส่ซิมการ์ดเป็นการใหญ่

“มันไม่มีเบอร์ให้มาอ่ะ?” หลี่เซี่ยเฟยจึงมาช่วยเธอดูอีกครั้ง แต่ก็ไม่พบอะไรชายหนุ่มจึงสรุปว่า

“ฉันเข้าใจแล้ว....ที่แท้ก็คลื่นผีนี่เอง?”

“คลื่นผี?”

“ใช่...ก็คลื่นแทรกนั่นแหละ ในบางจังหวะก็จูนกันติด เหมือนบังเอิญเห็นผีนั่นแหละ ทางฉันไม่มีทางโทรไปหาเธอได้ แต่ทางเธอโทรได้ข้างเดียว....เรื่องแบบนี้เหมือนเคยได้ยินมาเหมือนกันนะ ว่ามีเสียงของคนตายโทรมา”

“น่ากลัวจัง....แล้วผีอื่นจะโทรมาฉันมั้ยเนี่ย?” หล่อนทำท่าหวาดๆ จนชายหนุ่มต้องหัวเราะออกมาเบาๆ ด้วยความขบขันหล่อนเป็นผีแล้วยังต้องกลัวผีอื่นอีกด้วยหรือ?

“คงไม่มั้ง....ไม่มีใครรู้นี่ว่าเธอมีมือถือแล้ว” คำปลอบโยนของหลี่เซี่ยเฟยอาจดูขบขันไปบ้าง แต่สไบนางกลับเชื่อสนิทใจ

“ค่อยโล่งอกหน่อย...เฮ้อ งั้นฉันลองโทรหาเวสดูบ้างนะ” ไม่นานนักหล่อนก็โทรติด

“เวสเหรอ? นี่ฉันเองนะ ว่านน้ำจ้ะ ใช่แล้ว...ได้รับของแล้วขอบคุณมากนะ” ชายหนุ่มฟังแล้วเบ้หน้าเธอไม่เห็นต้องขอบคุณหมอนั่นเลย ในเมื่อเขาเป็นคนจ่ายเงิน

“ทำไมวันนี้ตื่นเช้ากว่าปกติล่ะ....ทุกทีเห็นต้องหิ้วปีกเอาน้ำหน้าฉีดหน้ายังไม่อยากตื่นเลยนี่ .....ว่าไงนะตั้งใจจะโทรมาเซอร์ไพร์ฉันเหรอ?..แต่ฉันโทรตัดหน้าหาโทรก่อน ฮะ ฮะ เซอร์ไพร์มากๆ เลย แต๊งกิ้วหลายถ้าเธออยู่ตรงนี้ฉันหอมสักฟอดสองฟอดเป็นการขอบคุณให้เลยเอ้า! จริงๆ ” หลี่เซี่ยเฟยฟังแล้วคิ้วกระตุก....นี่หล่อนหอมใครต่อใครไปทั่วเลยหรือไง?

“แต่มันไม่มีเบอร์นี่...แล้วโทรจะโทรหาฉันได้ยังไง?” ฟังถึงตรงนี้ชายหนุ่มก็หูผึ่งขี้นมาบ้าง

“ว่าไงนะ? โทรเข้าเครื่องแพทเหรอ? อย่าเลยเดี๋ยวหมอนั่นบ่นเอา ไว้ว่างๆ ฉันโทรไปคุยกับเธอเองดีกว่านะ มีโทรศัพท์แล้วนี่แถมไม่เสียค่าโทรด้วย ฮิ ฮิ”

นั่งฟังอยู่พักใหญ่หลี่เซี่ยเฟยก็เกิดอาการเซ็ง สองคนนี่เห็นเขาเป็นทางผ่านหรือยังไง หยางเล่ยก็เหมือนกันจะโทรหาสไบนางแต่จะโทรเข้าเครื่องเขา

“เลิกคุยกันได้แล้ว!! ”

“ทำไมล่ะ? เพิ่ง 9 โมงเองนะ ยังไม่ถึงเวลาไปทำงานสักหน่อย เขาจะมารับตอน 10.30 น.ไม่ใช่เหรอ?”

“จะกินข้าวก่อนไปมั้ย?”

“ถามแปลกกินสิ! แต่นายยังไม่ได้ทำอะไรเลย แล้วจะให้กินอะไรล่ะ ก็ไปทำสินั่งอยู่ทำไม? พอทำเสร็จแล้วค่อยเรียกฉัน...เดี๋ยวฉันคุยกับเวสไปก่อน” หล่อนก็พาซื่อตอบไปโดยไม่รู้ว่าหลี่เซี่ยเฟยไม่พอใจเรื่องอะไร

“จะไม่ปล่อยให้เวสกินข้าวหรือไง? ปกติหมอนี่ไม่เคยได้ตื่นมากินข้าวเช้าด้วยซ้ำ”

“อ๋า...จริงด้วย! เวส...งั้นเดี๋ยวค่อยคุยกันใหม่นะ เธอไปกินข้าวเช้าก่อนปกติไม่ค่อยได้ยินระวังจะเป็นโรคกระเพาะนะ แพทน่ะ...เวลากินอิ่มชอบปวดท้องอยู่เรื่อย อาหารไม่ค่อยย่อยเพราะหิวจนไส้กิ่วกว่าจะได้กิน พอกินแล้วมันก็ไม่ย่อยท้องอืด..ปวดท้องทุกทีเลย”

“นี่จะล่ำลากันอีกนานมั้ย? ” ผีสาวปรายตามามองด้วยความไม่พอใจที่ถูกเร่ง

“ OK เวส...ไปกินข้าวเถอะ..จ้า...แค่นี้นะ บ๊ายบาย เดี๋ยวเจอกัน”

“ร่ำไรจริงๆ เลย คุยกันซะอย่างกับว่าไม่ได้เจอหน้ากันมาหลายปี อีก 2 ชั่วโมงก็เจอหน้ากันแล้ว คุยอะไรกันนักหนา” พูดจบชายหนุ่มก็เดินหนีเข้าครัวไป โดยมีสไบนางลอยตามไปติดๆ

“ก็...แหม...ฉันกำลังเห่อมือถืออยู่นี่ บ่นอยู่ได้”

“ก็โทรคุยกับฉันก็ได้ ไม่เห็นต้องไปรบกวนเวส”

“จะบ้าเหรอ? อยู่กันแค่นี้จะโทรมาทำไม? เปลืองเงิน!” ไอดอลหนุ่มฟังแล้วชะงักหันกลับมาหัวเราะใส่

“เธอเสียค่าโทรด้วยเหรอ? แทรกคลื่นชัดๆ หึ หึ หึ” ผีสาวถึงนึกได้...ที่แท้เธอยังตัดไม่ขาดกับความเคยชินแบบมนุษย์

“จริงด้วย! ลืมไปเลย ฮ่า ฮ่า ฮ่า” สไบนางหัวเราะเสียงใสออกมา ก่อนจะขยับเข้ามาใกล้ชายหนุ่มแล้วเกาะแขนเขาไว้ “เช้านี้จะได้กินอะไรเอ่ย? ”

“อยากกินอะไรล่ะ?” ชายหนุ่มคลี่ยิ้มตอบพลางก้มหน้าลงมาใกล้ใบหน้าของผีสาว

“บะหมี่ไก่ก็แล้วกัน ทำง่ายๆ หน่อยจะได้ไม่ต้องหุงข้าวด้วย”

“OK ใส่ไข่ต้มด้วยมั้ย? ”

“เอาด้วย”

“ได้เลย....งั้นเธอไปแต่งตัวเอาให้สวยๆ เลยนะ เวสมันจะได้ตะลึง” ผีสาวยิ้มหวานให้เขาก่อนจะหมุนตัวลอยออกไปจากห้องครัว โดยมีสายตาของชายหนุ่มมองตามจนหล่อนหายลับไป


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


“เป็นไงเวส? สวยมั้ยๆ”

ผีสาวกระโดดโลดเต้นหมุนตัวไปรอบๆ เพื่อให้หยางเล่ยดูชุดที่หล่อนสวมในวันนี้ หลังจากพบกันในกองถ่ายละครที่บ้านหลังเดิมย่านชานเมือง ผีสาวอยู่ในชุดเป็นกระโปรงยีนส์มินิสเกิร์ตกับสายเดี่ยวสีขาวสวมทับด้วยเสื้อฮู้ทแขนยาวซีทรูสีชมพูอ่อนที่มีขนฟูฟ่องสีเดียวกันตรงหมวกกับปลายแขนเสื้อ และบู้ทสีน้ำตาลอ่อนยาวถึงเข่าทำให้ดูสดใสแปลกตาไปเป็นอันมาก ยิ่งวันนี้ใบหน้าของเธอดูผ่องใสเป็นพิเศษ นัยน์ตาเป็นประกายของคนมีความสุขพวงแก้มยุ้ยนั้นเป็นสีชมพูเอิบอิ่ม ผมยาวสีน้ำตาลทองนั่นก็ถูกรวบมาครึ่งศีรษะไม่ปล่อยกระเซิงเหมือนที่เคยเป็นยามปกติ เรียกได้ว่าไม่เหลือเค้าคนที่ประสบอุบัติเหตุมาจนเสียชีวิตเลย

“สีชมพูเหมาะกับเธอมากเลย น่ารักจังว่าน...ชุดนี้ใครเลือกให้หรือว่า?...” หยางเล่ยยิ้มพลางเหลือบไปมองคนข้างตัวผีสาว

“ใช่แล้ว ตานั่นแหละ”

“โอ้โห....ตาแหลมนะแพท...” ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลพูดแค่นั้นก็แอบกระซิบข้างหูเพื่อนรัก “นึกว่าเล่นตุ๊กตาอยู่หรือไง?”

“จะบ้าเหรอ?!!” สีหน้าเอียงอายปรากฏขึ้นมา

“แล้วเลือกซะพิถีพิถันขนาดนั้น...มีกระทั่ง...ผ้าผูกผมสีเดียวกับชุดด้วยนะนั่น”

“ก็ช่วยๆ กันเลือกแหละ....” พูดได้แค่นั้นหลี่เซี่ยเฟยก็เงียบไป เหมือนปรุงแต่งสีหน้าไม่ถูกว่าควรวางหน้าอย่างไรให้ดูปกติที่สุด

“หึ หึ หึ....หวานกันดีนะ ฮะ ฮะ ฮะ”

“เวส!!”

คราวนี้หลี่เซี่ยเฟยเก็บอาการไม่อยู่ถึงหน้าแดงขึ้นมาเลยทีเดียว ยิ่งทำให้หยางเล่ยขำเข้าไปใหญ่ โดยที่ผีสาวนั้นไม่ได้รู้ตัวเลยว่าหล่อนเป็นต้นเหตุให้พ่อบุญถึงถูกเพื่อนล้อเลียน


++++++++++++++++++++++++++++++++++++


การทำงานทั้งวันดำเนินไปเช่นเดียวกับที่เคยปฏิบัติมาทุกวัน ทุกอย่างยังคงรีบเร่งวุ่นวายและยุ่งเหยิงแต่ไอดอลหนุ่มก็ยังคอยเหลียวมองหาสไบนางตลอดเวลา เหมือนกลัวว่าเธอจะพลัดจากเขาหลงหายไปไหน หยางเล่ยที่เฝ้ามองอยู่ถึงกับส่ายหน้าว่า ….เป็นเอามาก...

“ก็เธอไม่มีใคร...นอกจากฉันนี่ก็ต้องเป็นห่วงกันเป็นธรรมดา แล้วยัยผีนั่นน่ะเอ๋อจะตายนายก็รู้....ยิ่งมือถือโทรเข้าไม่ได้แบบนี้เกิดหายไปจะไปตามหาที่ไหนได้ล่ะ?”

“ว่านน่ะอยู่ห่างจากนายเกิน 20 เมตรไม่ได้ นายลืมไปแล้วเหรอแพท? แล้วเธอจะหายไปได้ยังไง....ยกเว้นแต่.....”

“แต่อะไร?” จากที่กำลังเก๊กหน้านิ่งเพื่อแก้ตัวอยู่นั้น ฉับพลันชายหนุ่มเปลี่ยนสีหน้าเป็นตกใจไปทันที

“ถึงเวลาที่เธอต้องไป....เราก็จะไม่ได้พบเธออีก”

“เธอจะไปไหน? ก็เธอไม่มีที่ไปนี่?” หลี่เซี่ยเฟยตะเบงเสียงดังขึ้นจนคนในกองถ่ายหันมามอง หยางเล่ยรีบยิ้มกลบเกลื่อนก่อนจะบอกว่าซ้อมบทกันอยู่ สายตาที่จับจ้องมองอยู่จึงได้สลายไป

“คุยอะไรกันน่ะ?” ผีสาวซึ่งไม่รู้เรื่องราวใดก็ถามโพล่งขึ้นมา

“เปล่านี่!!”

“ก็เห็นหัวเราะกันอยู่ดีๆ ก็หน้าดำเคร่งเครียด? ประหลาด? แล้วยังบอกว่าไม่มีอะไรอีก...ไม่บอกฉันถามเวสก็ได้”

“เราซ้อมบทกันน่ะว่าน....กำลังอินได้ที่” หยางเล่ยไม่ตอบเลี่ยงๆ

“เหรอจ๊ะ...นี่ฉันรบกวนหรือเปล่า?”

“ก็ไม่เชิงหรอกแต่ว่า....”

หยางเล่ยไม่รู้จะตอบอย่างไรดีแต่ก็คิดว่าไม่ควรจะให้เจ้าหล่อนได้ยินเช่นกัน ระหว่างที่กำลังคิดหาคำพูดดีๆ อยู่นั่นเองหลี่เซี่ยเฟยก็ตัดบทขึ้นมา

“ไม่มีอะไรหรอกน่า...เธอไปอวดชุดใหม่กับเจ้าลูกหมานั่นสิ” ชายหนุ่มชี้นิ้วไปที่ลูกหมาน้อยตัวเดิมซึ่งยังคงต้องร่วมแสดงกับพวกเขาไปอีกหลายฉาก

“จะบ้าเหรอ? ใครจะไปอวดกับหมา....นายนี่ติงต๊องจริงๆ” หล่อนบ่นออกมาด้วยอาการงุนงง แต่ก็ปลีกตัวเดินไปเล่นกับเจ้าตัวเปี๊ยกนั่นเพราะเข้าใจว่าชายหนุ่มทั้งคู่ต้องการสมาธิในการซ้อมจึงไม่รบกวนพวกเขาอีก เมื่อเห็นว่าสไบนางเดินไปไกลแล้วจึงค่อยหันมาพูดกับหยางเล่ยต่อด้วยสีหน้าจริงจัง

“เธอจะอยู่กับฉันอีกนานใช่มั้ย?” เสียงนั่นคาดคั้นพอสมควรรู้สึกตัวอีกทีหยางเล่ยก็โดนเพื่อนลากไปคุยในที่ลับตาคนเสียแล้ว โดยปล่อยให้ผีสาวเพลิดเพลินไปกับการหยอกล้อเจ้าตัวน้อยต่อไป

“เฮ้ยๆๆ อย่าซีเรียสนักสิ ฉันก็พูดไปอย่างนั้นแหละ...อย่าคิดมากสิ”

“มีอะไรบอกฉันมาให้หมด....อย่างน้อยฉันจะได้ตั้งตัวทัน....”

“แพ...ท” หยางเล่ยสบสายตาเพื่อนก็พบว่านัยน์ตาคู่สวยนั้นมีความในใจมากมายเก็บซ่อนซ้อนทับกันไว้

“เฮ้อ...ฉันแค่อยากเตือนนาย ท่องเอาไว้อย่าลืมว่าว่านเป็นผี! เรื่องของพวกนายเป็นได้แค่ความทรงจำดีๆ เหมือนความฝันชั่วเวลาหนึ่งเท่านั้นเอง วันหนึ่ง...ว่านต้องไปในที่ๆ เธอควรจะไปแต่ไม่รู้ว่าเวลานานนั้นจะมาถึงเมื่อไรเท่านั้นเอง”

“กำหนดไม่ได้เหรอ? อย่างน้อยๆ ฉันจะได้เตรียมใจไว้” ชายหนุ่มเบือนหน้าหนีเพื่อนท่าทางเหม่อลอยไปมาก

“เฮ้ย...อย่าบอกนะว่า...รักเธอไปแล้ว? เธอไม่ใช่สเปคนายสักหน่อย....ให้พูดตรงๆ ก็....ไม่ได้สวยอะไรนักหนาออกจะธรรมดาทั่วๆ ไปด้วยซ้ำ ”

“มันไม่เกี่ยวกัน!!” หลี่เซี่ยเฟยตวาดออกมาจากนั้นก็นิ่งไปครู่ใหญ่จึงค่อยพูดออกมาได้

“คนมันเห็นกันอยู่ทุกวัน....ไม่ได้เกี่ยวกับรักหรือไม่รัก เธอเป็นเพื่อนของฉัน แล้วถ้าอยู่วันหนึ่งเธอหายไปเฉยๆ จะให้คิดยังไงล่ะ? ฉันไม่ได้เป็นใจแข็งเป็นหินนี่จะได้ทำเฉยได้ ก็เหมือนเลี้ยงแมวนั่นแหละเล่นกับมันจนคุ้นเคยแล้ว เคยให้ข้าวให้น้ำอยู่ทุกวัน เกิดวันหนึ่งมันหายไปจะไม่คิดถึงเหรอ?”

ทั้งที่ๆ เรื่องราวมันน่าจะดูเศร้ากว่านี้ แต่พอฟังเพื่อนรักของเขาพูดแล้วหยางเล่ยรู้สึกขำขึ้นมาทันที....ก็คนอะไรเปรียบเทียบผู้หญิงกับแมว ช่างแก้ตัวไปได้น้ำขุ่นๆ

“อุ๊บ...หึ หึ หึ”

“ไม่เห็นน่าขำเลย....นายลองเลี้ยงตัวอะไรสักตัวสิเดี๋ยวก็รู้เองแหละ”

“ฉันเข้าใจ..แต่นายเปรียบเทียบซะ ฮ่า ฮ่า รับรองว่าถ้าว่านได้ยินเข้าต้องโกรธแหงๆ ”

“แล้วจะไปบอกยัยนั่นทำไมล่ะ? ....ว่าแต่เธอจะอยู่กับฉันอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ไม่ได้หรือ? ไม่ไปก็น่าจะได้นี่ผีบนโลกนี้มีออกเยอะแยะไป บางเจ้าอยู่เป็นร้อยปีเลยนะอย่างพวกในโบราณสถานที่ลือกันว่าเฮี้ยนๆ น่ะ”

“นั่นมันคนละอย่างกัน...นั่นมันผีเฝ้าสมบัติที่ถูกสาปไว้ให้อยู่กับที่ไปไหนไม่ได้ แต่ว่านไม่ใช่....อีกอย่างถ้าไม่ใช่เธอไปเอง วันหนึ่งก็ต้องถูกตามกลับไป”

“ใครมาตาม? คนที่เมืองไทยหรือไงเป็นไปไม่ได้หรอก ไม่มีใครรู้ด้วยซ้ำว่าวิญญาณเธอยู่ที่นี่”

“ยมทูต!” หยางเล่ยตอบเรียบๆ แต่คำพูดนั้นราวกับฟ้าผ่าลงมากลางใจหลี่เซี่ยเฟยเลยทีเดียว

“เวส!!”

“ไม่ต้องพูดแล้ว” หยางเล่ยส่ายหน้าช้าๆ พร้อมยกมือขึ้นตบไหล่เพื่อน “ในเมื่อไม่รู้ว่าวันนั้นจะมาถึงเมื่อไร...เวลาที่เหลือก็ดีกับเธอเอาไว้ให้มากๆ แล้วกัน”


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


อ่านต่อตอนหน้าค่ะ





Create Date : 13 มกราคม 2549
Last Update : 3 มิถุนายน 2552 0:29:09 น. 1 comments
Counter : 584 Pageviews.

 
ฉันชอบเรื่องนี้


โดย: แพนด้ามหาภัย วันที่: 13 มกราคม 2549 เวลา:9:41:59 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

แก้วกังไส
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 54 คน [?]







ผลงานเขียนที่ผ่านมาค่ะ

รักนี้(แค้น)ต้องชำระ


Amethyst Sonata
เพลงรัก..ลิขิตหัวใจ



บาปปาริชาต

Friends' blogs
[Add แก้วกังไส's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.