จิบชาชมดอกไม้ไปพลาง คุยกันเบาๆ ที่สวน..เจ้าแก้ว กังไส





Group Blog
 
 
มกราคม 2549
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
5 มกราคม 2549
 
All Blogs
 
รักนี้(แค้น)...ต้องชำระ Chapter 1 บุญถึงกับผีสาว

Chapter 1 บุญถึงกับผีสาว



ม่านหน้าต่างสีฟ้าสดใสปลิวพลิ้วไหวปะทะสายลมอ่อนๆ ที่โชยเข้ามาพร้อมๆ กับ แสงแดดอ่อนๆที่ลอดผ่านบานหน้าต่างยามบ่าย ปลุกให้หลี่เซี่ยเฟยที่นอนเหยียดยาวที่บนโซฟากลางห้องขยับตัวลุกขึ้น เจ้าตัวสลัดศีรษะไล่ความง่วงนิดหนึ่ง ก่อนจะลืมตามาพบว่าตัวเองนั่งอยู่โซฟาไม่ใช่เตียงนอนอย่างที่ควรจะเป็น คิ้วเข้มๆคู่นั้นขมวดนิดหนึ่งอย่างใช้ความคิด แล้วเหตุการณ์ประหลาดๆเมื่อคืนก็ผ่านเข้ามาในหัว...


ชายหนุ่มกระตุกยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย ให้กับความฝันบ้าๆที่ทำให้เขาต้องพาตัวมานอนขดตัวอยู่บนโซฟานี้ ก่อนจะลุกไปคว้าผ้าเช็ดตัวคู่ใจเดินผ่านเจ้าเหมียวทั้งสองที่ซุกตัวอยู่มุมห้องหายเข้าห้องน้ำไป...

เป็นนานกว่าที่ร่างสูงโปร่งจะพาตัวเองผ่านประตูห้องน้ำออกมาอีกครั้งพร้อมด้วยหยดน้ำที่เกาะพราวอยู่ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เขาใช้ผ้าอีกผืนซับน้ำที่ศีรษะก่อนจะสะบัดลวกๆอีกสองสามครั้ง รู้สึกสดชื่นขึ้นมากแต่เมื่อเหลียวไปมองทางเจ้าเหมียวทั้งสองแล้วก็ต้องแปลกใจที่แมวทั้งสองตัวยังคงซุกอยู่ที่มุมห้อง ไม่ยอมเดินมาคลอเคลียอย่างที่เคยเป็น... ทั้งที่ปกติแล้วเจ้าสองตัวนี้เป็นแมวสัญชาติลิงเสียด้วยซ้ำ ทำเอาหลี่เซี่ยเฟยฉงนจึงเดินไปหยุดที่เจ้าถางถางกะเจ้าพีพีแล้วทรุดตัวลงไปเกาคางให้หวังจะเอาเอาใจมัน


“ยังไม่หายงอนอีกเหรอ งั้นเดี๋ยววันนี้จะอยู่เล่นด้วยทั้งวันเลยดีมั้ย”

ทว่าเจ้าแมวทั้งสองตัวไม่ได้มีอาการดีขึ้นแต่อย่างใด มันยังคงตื่นกลัวท่าทางเหมือนกลัวอะไรอยู่ แถมยังหดตัวซุกเข้าไปราวกับว่าจะพยายามให้ตัวเองหายเข้าไปในกำแพงให้ได้อย่างนั้นแหละ


ชายหนุ่มขมวดคิ้วนึกสงสัยกับอาการหวาดระแวงของแมวทั้งสอง ก่อนที่จะรู้สึกหนาวสันหลังจนขนลุกอย่างไม่มีสาเหตุ จึงค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองตามสายตาถางถางกับพีพีไป แล้วสะดุดเข้ากับสายตาเย็นยะเยียบซึ่งจ้องเขม็งมาที่เขานานแล้ว ชายหนุ่มกลืนน้ำลายลงคอดังเอื้อกเริ่มระลึกถึงความฝันเมื่อคืนขึ้นมาอีกครั้ง...


“ไม่หรอกมั้ง... แค่ความฝัน ตื่นแล้วก็ต้องจบแล้วดิ” ว่าแล้วก็เผลอพึมพำโดยที่ไม่รู้ว่าตั้งใจจะบอกแมวหรือบอกกับตัวเองกันแน่


จากนั้นหลี่เซี่ยเฟยก็พยายามทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ไม่เห็นไม่มองไปที่ผีสาวที่นั่งหัวโด่อยู่กลางห้อง ก็จะเป็นไปได้ยังไงกันล่ะ? แดดจ้าออกขนาดนั้น ผีจะออกมาได้ยังไง?

ว่าแล้วชายหนุ่มก็เอื้อมมือไปเกาคางให้เจ้าเหมียวอย่างเอาเป็นเอาตายเหมือนต้องการจะหนีความจริงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยืดตัวขึ้นเต็มความสูงคล้ายว่าทำใจได้แล้ว เอาวะ! ลองดูอีกครั้งอาจจะตาฝาดก็ได้ หลี่เซี่ยเฟยบอกตัวเองแบบนั้น แล้วตัดสินใจหันขวับไปทันที ในสายตายังคงเห็นอะไรบางอย่างเลือนราง ค่อยๆ กระจ่างชัดขึ้นเป็นรูปเป็นร่าง เขาขยี้ตาอีกครั้งก่อนจะกลืนน้ำลายคออีกครั้งด้วยความยากเย็น “หล่อน” ยังคงอยู่ตรงนั้น....

ทั้งที่แสงแดดส่องเข้ามาถึงในห้องแต่ร่างโปร่งใสของหล่อนกลับมองได้เห็นชัดเจนขนาดนี้ ชายหนุ่มขยี้ตาอีกครั้งด้วยความไม่แน่ใจ



++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



“แว้กกกกกกกกก”

จากนั้นไม่ถึง 5 วินาทีต่อมา ชายหนุ่มก็แหกปากดังลั่นห้อง หลังจากที่แน่ใจแล้วชัวร์ๆ ว่าไม่ได้ฝัน ไม่ได้ตาฝาด หน้าขาวซีดๆอย่างนี้ หน้าตายุ่นๆ แบบนี้ ผมยาวๆ สีน้ำตาลทองแบบนี้ ตาขวางๆคู่นี้ ใช่เลย “หล่อน” นั่นเอง...

พอนึกได้ถึงตรงนี้ก็พลันรู้สึกเย็นวาบไปตลอดร่าง เลือดในกายที่เมื่อสักครู่ยังอุ่นๆ อยู่มันกำลังจับตัวเป็นแข็งก้อนพร้อมๆ กับอาการแข็งทื่อไปทั้งตัวของหลี่เซี่ยเฟยด้วย บ่ายกว่าๆ แล้วแสงแดดที่ส่องจ้าผ่านหน้าต่างเข้ามากลับไม่ได้ช่วยให้อุ่นขึ้นมาเลย ตรงกันข้ามชายหนุ่มยิ่งหนาวยะเยือกไปทั้งตัวอย่างน่าประหลาด....


หล่อน...ผู้หญิงที่พยายามจะยัดเยียดข้อกล่าวหาที่เขาไม่รู้เรื่อง แล้วหล่อนก็รู้จักชื่อไทยของเขาด้วย ซึ่งน้อยคนนักจะรู้ชื่อนี้เว้นแต่คนในครอบครัวคุณยายที่เมืองไทย...

หล่อน...ผู้หญิงที่เขาไม่เคยรู้จัก แต่หล่อนยังยืนยันว่าหลี่เซี่ยเฟยแห่ง Vanila Shade คนนี้แหละที่ทำหล่อนตาย

หล่อน....ผู้หญิงหน้าตาเหมือนคนญี่ปุ่นแต่ดันบอกว่ารู้จักเขาจากหนังสือพิมพ์ไทย

หล่อน...ผีสาวที่เข้าฝันเขาเมื่อคืน แล้วยังสามารถมานั่งอยู่นี่ได้อีกทีในตอนเช้า นี่มันอะไรกัน??...หล่อนลอยได้... หล่อนเข้าฝันเขาได้... ที่สำคัญ หล่อนตายแล้ว ...แถมบอกว่าตายเพราะเขาอีกต่างหาก!!!!


เมื่อจัดการแยกแฟกเตอร์ในสมองวิเคราะห์เรื่องออกมาได้ถึงขึ้นนี้แล้ว ก็ไม่ต้องเสียเวลาคิดต่อให้เมื่อตุ้มอีกสักวินาทีแล้ว ชายหนุ่มกระโดดพรวดเดียวจากห้องโถงวิ่งแล้วตื๋อขึ้นไปนั่งอยู่บนเตียง พร้อมทั้งคว้าพระเครื่องคู่ใจที่ห้อยคอประจำขึ้นมาชูใส่หล่อนอย่างรวดเร็ว

“อย่าเข้ามานะ ฉันมีพระนะ นี่แน่ะๆๆ ไปสิไ ปๆๆ”

หลี่เซี่ยเฟยชูสร้อยพระในมือขึ้นแบบว่าแน่ใจว่าชนะผีได้ชัวร์ๆ ว่าแล้วก็ออกปากไล่ส่งเดชเหมือนไล่หมาไล่แมวยังไงอย่างนั้นไม่มีผิด


แต่ดูเหมือนว่า ผีสาวซึ่งนั่งกอดเข่ามองเขาตาเขียวปั้ดอยู่บนโซฟานั่นจะไม่รู้สึกรู้สมแต่อย่างใดแถมยังทำหน้าเซ็งชีวิตใส่เขาอีกต่างหาก ทำเอาหลี่เซี่ยเฟยเสียความมั่นใจไปเล็กน้อยด้วยว่า....ผีอะไรว้า....หน้าทนชะมัดยาดเลยเห็นพระแล้วยังทำไม่รู้ไม่ชี้ได้อีก

ว่าก็พยายามยืดแขนออกไปให้ให้หล่อนเห็นพระชัดๆขึ้นอีก แม้ว่าใจจริงจะกลัวแสนกลัว แต่เจ้าตัวก็ยังคงมั่นใจว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ศรัทธามาทั้งชีวิตจะสามารถช่วยเขาได้แน่นอน....ก็คุณยายที่เมืองไทยบอกมาอย่างนั้นนี่หว่า....นี่ถ้ามีน้ำมนต์ด้วยพ่อคุณคงสาดใส่ผีสาวไปแล้วแน่ๆ -_-“


“นี่...ขอโทษนะยะ ฉันเป็นคริสต์เตียน ไม่กลัวพระหรอกย่ะ”

เสียงที่หลุดออกมาจากริมฝีปากซีดๆ นั่นเย็นยะเยือก และยังแฝงด้วยความดูถูกดูแคลนสิ้นดีในความรู้สึกของหลี่เซี่ยเฟย มิหนำซ้ำยัยผีสาวนั่นยังมีการถอนหายใจตบท้ายประโยคมาอีกด้วย ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนว่าหล่อนกำลังสมเพชเขาอีกต่างหาก แต่คำตอบประโยคนั้นก็ทำเอามือใหญ่ชุ่มเหงื่อที่กุมพระไว้แน่นหมดแรง... สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของเขา ไม่สามารถทำอะไรยัยผีตาขวางนั่นได้แม้แต่นิดเดียว...นี่มันอะไรกัน...แต่ไอ้ครั้นจะโทรไปถามคุณยายที่เมืองไทยตอนนี้ก็ดูไม่งาม ประเดี๋ยวคุณยายที่โรงงานกะปิจะคิดว่าหลานชายดูหนังผีไทยมากไปเสียภาพพจน์หมด

“ฉันเป็นคริสต์.......ต์”

ยัยผีนั่นส่งเสียงเอ็คโค่วมาอีกครั้งราวกับกลัวว่าเขาจะไม่เข้าใจ ทำเอาชายหนุ่มหัวใจหล่นวูบลงไปอยู่ที่ปลายเท้า ด้วยความกลัว ร่างสูงๆจึงค่อยๆเบียดเข้าไปหาหัวเตียง จนกระทั่งมือคลำไปโดนบางสิ่งที่ทำให้ลิงโลดสุดชีวิต...

“นี่แน่ะ” คราวนี้หนุ่มหลี่เซี่ยเฟยคว้าวัตถุชิ้นหนึ่งได้จากหัวเตียงของเขามาด้วยท่าทางดีอกดีใจสุดๆ

และเมื่อเห็นผีสาวชะงักไปนิดหนึ่ง ชายหนุ่มก็ยิ่งได้ใจ เขายื่น ‘ไม้กางเขน’ ที่เพื่อนร่วมวงชื่อมาร์ตี้เอามาลืมทิ้งไว้ที่ห้องเขาเหยียดออกไปสุดแขน อย่างมั่นใจ...

‘เสร็จแน่ยัยผี’ ชายหนุ่มกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจ ‘ถ้าพระไม่กลัวงั้นเป็นคริสต์ต้องกลัวไม้กางเขนบ้างล่ะ ฟ้าคงไม่ปล่อยให้ผู้ชายทั้งดีทั้งหล่อแบบนี้ตายง่ายๆ หรอก ‘ ทั้งปลอบใจตัวเองทั้งยอตัวเองไปพร้อมๆ กันเสร็จสรรพ แต่ทว่าทุกอย่างกลับไม่ได้เป็นอย่างที่คิด


ว่าแล้ว... ผีสาวก็ถอนหายใจเป็นรอบที่ 2 ของวัน….


“ฟังนะอีตาบุญถึง ผีมันกลัวไม้กางเขนเฉพาะในหนังเท่านั้นล่ะ ศาสนาคริสต์เขาไม่ยึดติดในรูปเคารพหรอกย่ะ ที่ห้อยกันไว้แค่เท่ๆ เท่านั้นแหละ ไม่ต้องเอายื่นให้ฉันหรอกดูหรอกดูไปก็ไม่กลัว ต๊าย...โตจนแมวเลียก้นไม่ถึงอยู่แล้ว ไม่น่าเชื่อว่าจะอินกะมุขหลอกเด็กในหนังอีก...ชิล...ชิล เหลือเกินนะยะ”

นั่น...ดูยัยผีตาขวางนั่นมันเย้ยหยันเขาสิ... หลี่เซี่ยเฟยได้ยินแล้วแทบหมดแรงอีกรอบ...นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันนี่?? คนอย่างเขาต้องมาเจอผีกลางวันแสกๆ แถมโดนผีหลอกด่าอีกต่างหาก ถ้าเป็นเจ้าเวสเพื่อนร่วมวงอีกคนสิว่าไปอย่างก็มันซื่อบื้อออกปานนั้น แต่ไม่ใช่ แพท Vanila Shade คนนี้แน่นอน...

ชายหนุ่มส่ายหัวปฏิเสธไม่ยอมรับความจริงอย่างเอาเป็นเอาตายแต่ก็ทำได้แค่นั้นแหละ เพราะอีกไม่ถึงครึ่งนาทีต่อมา ผีสาวนั่นก็พุ่งมาจากโซฟาทีเดียวถึงตัวเขาเลยโดยไม่ทันให้ชายหนุ่มได้ตั้งหลัก หน้าขาวๆนั่นยื่นมาใกล้จนแทบติดหน้าเขา ทำเอาหลี่เซี่ยเฟยตกใจแทบลมใส่ ฟันบนกับฟันล่างกระทบกันดังกึ่กๆๆ เลยทีเดียว....

“แล้วไม่ต้องไปหาอะไรมากันท่าฉันอีกนะอย่าหวังว่าฉันจะกลัว แล้วฉันก็จะไม่ไปไหนจนกว่านายจะรับผิดชอบที่ทำให้ฉันต้องตาย เข้าใจมั้ย.....ย”

สายลมที่เกิดจากการตะโกนกรรโชกเข้าปะทะใบหน้าของหลี่เซี่ยเฟยเต็มๆ จนผมยาวๆของเขาปลิวกระจายเลยจนต้องหลับตาปี๋ด้วยความเสียวไส้เลยทีเดียว...

ชายหนุ่มใจจนพลัดตกจากเตียง กลิ้งลงกองอยู่บนพื้นห้อง แล้วรีบกระเถิบร่างถอยหนีจนไปติดเตียง เหงื่อกาฬผุดขึ้นมาเต็มใบหน้า ในร่มผ้าก็เปียกชื้นไม่แพ้กัน ยิ่งแผ่นหลังนั้นเปียกเหงื่อจนชุ่มจนแทบจะสมานเป็นส่วนหนึ่งของเตียงอยู่แล้ว…

แต่ยัยผีสาวนั่นยังคงลอยตัวเท้าสะเอว...ประจัญหน้ากับเขาอยู่ไม่ยอมไปไหน ในแววตาบ่งบอกว่าไม่ยอมเลิกราแค่นี้แน่ แม่คงราวีสุดชีวิตน่ากลัวยิ่งกว่าแฟนคลับโรคจิตคนใดที่เคยตามตื๊อเขาเสียอีก...

หลี่เซี่ยเฟยหลับตาลงช้าๆ นั่งนิ่งๆ นาน...หลายนาที ภาวนาให้ตัวเองลืมตาขึ้นมาอีกครั้งแล้วพบว่ากำลังนอนอยู่บนเตียงนุ่มๆ หลังจากหลับสบายมาทั้งคืน หวัง...ว่าเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นกับเขาเป็นเพียงฝันร้ายซึ่งเกิดจากการทำงานหนักต่อเนื่องโดยไม่ได้พักผ่อนของเขาเท่านั้น...

แต่เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง…นั่น...ผีสาวยังคงลอยอยู่เบื้องหน้าเช่นเดิม หล่อนยังยืนเท้าสะเอวเตรียมชี้หน้าด่าเหมือนเมื่อครู่เปี๊ยบ ไม่ได้หายไปไหนอย่างที่เขาอยากให้เป็นแม้แต่นิดเดียว...

ชายหนุ่มพยายามพยายามสงบสติอารมณ์ให้ได้ แต่ไม่เป็นผลเท่าไรเพราะสติสตังของเขาลอยละลิ่วหายวับไปกับแรงลมเมื่อกี้นี้แล้ว และไม่ว่าจะสวดมนต์หรือทำอีท่าไหนยัยผีตัวแสบนี่ก็ไม่ยอมไปสักที จนในที่สุดต้องทำใจแข็งถามออกไป

“แล้วเธอจะให้ฉันทำยังไง ถึงจะพอใจ?” หลี่เซี่ยเฟยตัดสินใจถามออกไปอย่างจนปัญญา ไหนๆก็ไหนๆแล้ว เผื่อยัยผีนั่นจะมีทางออกที่ดีกว่ามาบินไล่ต้อนเขาอยู่อย่างนี้

“ไม่รู้สิ” ยัยหน้าซีดนั่นอุตส่าห์ทำหน้าคิดนิดหนึ่ง ก่อนจะปล่อยปนะโยคเด็ดออกมา

“อ้าว !!!!”

หลี่เซี่ยเฟยฟังแล้วเริ่มจะมึน นี่ตกลงที่มันมาบินว่อนๆ เป็นแมงวันอยู่ในห้องเขานี่ ตัวเองก็ยังไม่รู้ว่าจะเอายังไงงั้นเหรอ? ผีแบบนี้ก็มีด้วยชายหนุ่มกร่นด่าอยู่ในใจ

“เอ๊ะ! ก็ฉันยังคิดไม่ออกนี่ว่าจะทำยังไง” ดู... ดู แล้วยัยผีนั่นก็ขึ้นเสียงใส่เขาหน้าตาเฉย ทำเอาหลี่เซี่ยเฟยเริ่มชักสีหน้าขึ้นมาบ้าง

“ก็ถ้าไม่รู้จะทำยังไงแล้วจะมาบินไปบินมาในห้องฉันทำไม”

หลังจากกลัวไปเต็มที่ก็แล้ว ตกใจสุดๆ ก็แล้วก็แล้วจนไม่รู้จะกลัวอะไรอีก คราวนี้ต่อมหงุดหงิดเลยเริ่มทำงานขึ้นมาบ้าง

“ถ้างั้นไปผุดไปเกิดเถอะไป๊แม่คุณ!”

ว่าแล้วก็เลยชี้ทางออกให้เสร็จสรรพ หลังจากเห็นว่าผีสาวยังคิดไม่ตกว่าจะทำยังไงกะชีวิตหลังความตายของตัวเองดี

“ไม่ต้องมาไล่ ยังไงนายก็ต้องรับผิดชอบ แต่ตอนนี้ฉันยังคิดไม่ออก เข้าใจมั้ย!!!!”

ยัยผีนั่นตวาดเขาอีกรอบ ก่อนจะลอยกลับไปกอดเข่ามองตาเขียวปั้ดอยู่ที่โซฟาอย่างเดิม ปล่อยให้เขานั่งอกสั่นขวัญแขวนอยู่กับขอบเตียงต่อไป

นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกับเรากันนี่...ชายหนุ่มรำพึงกับตัวเองด้วยประโยคนี้เป็นครั้งที่ 3 ของวัน ก่อนจะเกาหัวอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดีขึ้นมาอีกคนเช่นกัน...



++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


อ่านต่อตอนหน้าค่ะ





Create Date : 05 มกราคม 2549
Last Update : 2 มิถุนายน 2552 22:05:30 น. 1 comments
Counter : 431 Pageviews.

 
แพทเอ๋ย..... หมดทางเยียวยาแล้ว ทำใจเต๊อะ ทำใจสถานเดียวแล้ว

ว่าแต่ว่าน...แพทเขาหาว่าว่านร้ายกาจกว่าโรคจิตอีกแน่ะ (ใส่ไฟ ฮุๆ)


โดย: มณีมัญชุ์ วันที่: 23 พฤศจิกายน 2550 เวลา:23:41:45 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

แก้วกังไส
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 54 คน [?]







ผลงานเขียนที่ผ่านมาค่ะ

รักนี้(แค้น)ต้องชำระ


Amethyst Sonata
เพลงรัก..ลิขิตหัวใจ



บาปปาริชาต

Friends' blogs
[Add แก้วกังไส's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.