|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
รักนี้(แค้น)...ต้องชำระ Chapter 11 ผู้ชายปากหนักกับผู้หญิงใจน้อย
Chapter 11 ผู้ชายปากหนักกับผู้หญิงใจน้อย
ไม่ไหวแล้ว!! ทรมาณชะมัด!!
ผีสาวตะโกนขึ้นมาหล่อนเต้นเร่าๆ อยู่รอบๆ โต๊ะกินข้าวในห้องครัว โดยมีหลี่เซี่ยเฟยนั่งนิ่งเฉยเป็นทองไม่รู้ร้อนแล้วตักโยเกิร์ตเข้าปาก
แพททททททททท....ท ฉันจะบ้าตายอยู่แล้วนะ
งั้นก็บ้าไปเลยสิ!!
ชายหนุ่มตอบแบบไม่อินังขังขอบ ตรงกันข้ามกับหยางเล่ยซึ่งแวะมาดูใจหล่อนที่บ้าน หลังจากที่สไบนางโทรไปฟ้องว่าหลี่เซี่ยเฟยเอาแต่กินโยเกิร์ตมา 5 วันติดแล้ว โดยไม่สนใจว่าหล่อนจะร่ำร้องฟูมฟายแค่ไหนเลยด้วยซ้ำ
คิดดูนะ ตั้ง 5 วัน 5 วันเชียวนะกินทุกมื้อมา 5 วันแล้ว โอ้ย...ฉันจะกลายเป็นผีโยเกิร์ตอยู่แล้วนะ เบื่อจะตายชัก ฮือๆๆ
ว่าแล้วหล่อนก็ทุบโต๊ะปึ้กปั้กประกอบอาการร้องโหยหวนให้ดู หยางเล่ยดูท่าทางของหล่อนแล้วชวนให้หัวเราะมากกว่าจะน่าสงสาร
แล้วนี่นายไม่ได้กินอย่างอื่นนอกจากโยเกิร์ตเลยเหรอแพท?
กินน้ำมะเขือเทศ แอปเปิ้ลเขียว สลัดผัก แต่ยัยนี่บ่นทุกอย่างที่ฉันกิน ชายหนุ่มตอบด้วยท่าทางเฉยเมย
ก็ฉันเกลียดน้ำมะเขือเทศที่สุดเลย แล้วแอปเปิ้ลเขียวน่ะ กินธรรมดายังพอว่าตานี่เล่นเอาไปปั่นเป็นน้ำ แล้วแช่ตู้เย็นทิ้งไว้เอาออกมาอีกทีน้ำเขียวกลายเป็นสีน้ำตาลแล้วยิ่งมันมีใยเละๆ นิ่มๆแหยะๆ ด้วยดูเหมือน.....อี๋ แล้วกินเข้าไปลงอีกนะ รสชาติก็ไม่ได้เรื่องกินสดๆ ยังอร่อยเสียกว่า นี่เล่นใส่น้ำแล้วคนๆ ไม่ใส่อะไรไปปรุงเลยน้ำตงน้ำตาลก็ไม่เอา แล้วคิดดูมันจืดๆ เละๆ แหยะๆ เฝื่อนๆ กินแล้วอยากจะ....แหวะ
ก็ถ้าเอาแต่น้ำไม่กินกากก็ไม่ได้สารอาหาร แล้วถ้าจะใส่น้ำตาลก็ไม่ได้กำลังลดความอ้วนอยู่
ชูก้าร์ฟรีก็มีทำไมไม่ใส่ลงไปหา?
ใส่เข้าไปก็เหมือนหลอกตัวเองนั่นแหละ ล่อมันทั้งอย่างนี้ดีกว่า...หึ หึ ว่าแล้วชายหนุ่มก็ฉีกยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา
ฟังดูไม่น่ากินเลยว่ะ.... หยางเล่ยนึกภาพตามแล้วก็เบ้ปาก พลางนึกดีใจที่ตัวเองไม่โดนบังคับให้ลดน้ำหนักด้วย
อาทิตย์เดียว 5 กก. มันค่อนข้างหนัก ปกติเต็มที่เขาลดกันประมาณ 2 กก. ฉันเลยต้องหักดิบตัวเองน่ะ
แล้วทำไมฉันต้องหักดิบไปด้วย แค่เต้น 8 ชม. วันเว้นวันแล้วต้องไปถ่ายละครอีกก็ตายอยู่แล้ว แถมกินแต่โยเกิร์ต....คอยดูสินายไม่เป็นลมตายให้มันรู้ไป
เธอตายแล้ว....ไม่ตายซ้ำหรอกฉันรับรอง!!
สไบนางฟังแล้วอยากกรี๊ดให้ลั่น หล่อนทุบไหล่หลี่เซี่ยเฟยเป็นการใหญ่ในขณะที่ชายหนุ่มเอาแต่นั่งหัวเราะ
เอ...สลัดผักใส่ปูอัดก็น่าจะกินได้นะ
กินไปแล้ว...
แต่ดันเอาโยเกิร์ตราดหน้าสลัดแทนครีมน่ะสิ!! หมอนี่น่ะเป็นโยเกิร์ตมาเนียร์ไปแล้ว
ผีสาวชี้หน้าไอดอลหนุ่ม หยางเล่ยรู้ทันทีว่าเพื่อนของเขาจงใจแกล้งหล่อนเห็นๆ เพราะหลี่เซี่ยเฟยทำอาหารเก่งใช่ย่อย แค่จัดการทำอาหารลดความอ้วนให้ดูน่ากินและไม่เพิ่มแคลลอรี่มากนักไม่ใช่เรื่องยากอะไรสำหรับเขาเลย
ฉันอยากกินอาหารรสชาติอื่นบ้าง นอกจากจืดๆ แหยะๆ ขอร้องนะแพทน้า... หล่อนอ้อนวอน
เวสช่วยฉันพูดหน่อยสิ....ไม่งั้นฉันต้องกลายเป็นผีโยเกิร์ตไปจริงๆ แน่ๆ เลย
หลังคอนเสิร์ตจะพาไปกินให้เต็มคราบเลยน่า...อย่าร้องไห้สิ ไม่มีผู้หญิงคนไหนเขาร้องไห้เพราะอดกินหรอกนะ
ฉันไม่ใช่คนนี่....ฉันเป็นผีไม่เป็นไรหรอกน่า....ฮือๆๆ แล้วเจ้าหล่อนก็นั่งแผละลงมาบนเก้าอี้ก่อนจะฟุบหน้าลงกับต้นแขนของชายหนุ่ม
สงสารฉันหน่อยสิ....ปกติเธอใจดีกับฉันจะตายไม่ใช่เหรอ?
ใจดีจนฉันจะถูกพี่ไมค์ฆ่าตายเพราะอ้วนนี่แหละ....
แพท...สักมื้อเหอะ....ฉันช่วยปิดเองไม่บอกพี่ไมค์หรอก เรานึ่งปลากินกันก็ได้ ปลาไม่อ้วนนี่ หยางเล่ยเสนอความคิดขึ้นมาด้วยรู้สึกเห็นใจผีสาว
ใช่ๆ ปลาๆ
แต่ในตู้เย็นไม่มีปลาเลย.... ฟังจบผีสาวก็ฟุบโต๊ะสลบไปอีกรอบ
เออน่า....อย่าเพิ่งสลบสิ เดี๋ยวไปดูก่อนรู้สึกบ้านที่เมืองไทยจะส่งอะไรมาให้อาจจะมีอะไรดีๆ ให้กินก็ได้นะ ฟังว่าอาหารจากเมืองไทยสไบนางกระเด้งขึ้นมาทัน
เอามาดูเดี๋ยวนี้เลย!!
ทั้งสามรีบพากันที่ห้องนั่งเล่นแกะกล่องดูด้วยความตื่นเต้น ในกล่องขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ใบหน้าบรรจุไปด้วยกระปุกพลาสติกฝาสีชมพู กับห่อเล็กห่อน้อยอีกหลายห่อ หลี่เซี่ยเฟยยกเอากระปุกนั้นขึ้นมาดูแล้วอุทานออกมา
กะปิ!!
.....ฉันเชื่อแล้วว่าบ้านนายเป็นโรงงานทำกะปิ อุตส่าห์ส่งกะปิมาถึงไต้หวัน ฮ่า ฮ่า ฮ่า แล้วมีอะไรอีกน่ะ?
อันนี้กุ้งแห้ง...แล้วนี่ก็พริกขี้หนู แล้วนี่....มะนาว ว้าว..ทำหน้าพริกได้เลยนะนี่
น้ำพริกที่เผ็ดๆ กินกับไข่เขียวๆ ใช่มั้ย? หยางเล่ยหูผึ่งขึ้นมาอีกคน
ใช่...นั่นเขาเรียกไข่ชะอม แต่เราไม่มีชะอมนี่หว่า งั้นแค่ทำน้ำพริก แล้วทอดไข่เจียว แล้วทำแกงจืดเพิ่มอีกอย่างแล้วกัน
แพทจะทำน้ำพริกเหรอ?
ไม่รู้ว่าหล่อนดีใจที่จะได้กินอย่างอื่นนอกจากโยเกิร์ตเสียที หรือทึ่งที่ไอดอลหนุ่มจะตำน้ำพริกกันแน่ นี่นายทำเป็นจริงๆ เหรอ?
ทำเป็นสิไม่เห็นยาก...
โอ้ยยยยยยย....ย ฉันอยากถ่ายรูปนายตอนนั่งกับพื้นตำน้ำพริกจิรงๆ ฮ่า ฮ่า รู้ไปถึงไหนดังไปถึงนั่นแน่ๆ แพท Vanilla Shade ตำน้ำพริก เหอ เหอ ชายหนุ่มรู้สึกว่าผีสาวนั้นออกอาการโอเวอร์เกินกว่าเหตุ
พูดมากนักเดี๋ยวไม่ต้องกินเสียหรอก ไอดอลหนุ่มชักเขินขึ้นมาบ้าง
เฮ้ยๆๆ ไม่ได้นะฉันก็อยากกิน หยางเล่ยรีบเกลี้ยกล่อมเพื่อนก่อนจะเปลี่ยนใจ
อ๊ะๆๆ อย่าใจน้อยสิ แพทคนดีรูปหล่อที่สุดเลย ไปตำน้ำพริกเหอะไม่ล้อแล้ว ถึงปากจะว่าอย่างนั้นแต่หล่อนก็ยังหัวเราะคิกคักไม่ยอมหยุดอยู่ดี
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หลี่เซี่ยเฟยหายเข้าห้องครัวไปพักใหญ่ทิ้งให้สไบนางนั่งคุยกับหยางเล่ย โดยไม่ยอมให้ตามเข้าไปช่วยเพราะคนหนึ่งก็เป็นผี อีกคนก็ทำอาหารไม่เป็นเดี๋ยวจะกลายเป็นช่วยวุ่นวายเปล่าๆ ทว่าผีสาวกลับเอาเวลาว่างตอนรออาหารไปนั่งนินทาพ่อครัวเสียหมด
เวส!! เราไปแอบถ่ายรูปแพทกันมั้ย?
จะดีเหรอ? เดี๋ยวมันโกรธเอาหรอก
แต่รูปหายากแบบนั้นน่าเสียดายออกนะ
ผีสาวยิ้มกริ่มหล่อนรู้ว่าหยางเล่ยก็คิดเหมือนหล่อนนั่นแหละ เพียงแต่ ทำทีเป็นปฏิเสธที่จริงคือรอให้ชักจูงมากกว่านี้เท่านั้นเอง
งั้นค่อยๆ ย่องไปนะ ฮิ ฮิ
ปากก็ว่าเดี๋ยวแพทโกรธ แล้วนี่เอามือขึ้นมาเตรียมซูมเลยนะ
หยางเล่ยฟังแล้วหัวเราะจนตาหยี โบกมือให้ผีสาวย่องนำหน้าไปดูลาดเลาก่อน จากนั้นตัวเขาจึงค่อยกระดึ๊บๆ ตามไปเงียบๆ สไบนางนั้นทำท่าลุ้นระทึกเต็มที่ราวกับเป็นตำรวจที่จะมาจับยาเสพติดก็ไม่ปาน แต่เมื่อยื่นหน้าเข้าไปในครัวแล้วก็ต้องร้องว้า...อย่างเสียดายออกมา
ว้า....า...นึกว่าตำครกอยู่เสียอีก...เฮ้อ เสียเส้นเลย ทำไมใช้เครื่องปั่นล่ะไม่ใช้ครกแล้วมันจะได้รสชาติแบบแมนนวมเหรอ? หลี่เซี่ยเฟยละสายตาจากการคุมเครื่องปั่นอาหารสดที่เขาใช้บดพริกแทนครก
ที่นี่มีครกเสียที่ไหน?.....คิดอะไรอยู่กันแน่ แล้วเวสยกมือถือขึ้นมาทำไม? ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลสะดุ้งโหยง ก่อนจะโผล่ออกมาจากที่ซอกประตู
อ๋อ....นี่คิดจะถ่ายรูปฉันนั่งตำครกล่ะสิ....เสียใจด้วยนะ เฮอะๆ
เปล่าสักหน่อย....ฉันแค่....จะถ่ายรูปนายกับว่านเป็นที่ระลึกเท่านั้นเอง
ว่าแล้วก็แสร้งถ่ายมันเสียเลย สิ้นเสียงชัตเตอร์...คนถ่ายกลับเป็นฝ่ายนิ่งเงียบแล้วเอาแต่จ้องมองบนจอมือถือจนสไบนางสงสัย
มีอะไรเหรอเวส? ขอดูรูปหน่อยสิ
...ถ่ายไม่ติดว่านน่ะ.... หยางเล่ยส่งมือถือให้ทั้งสองดู ในจอภาพมีแต่หลี่เซี่ยเฟยคนเดียวเท่านั้น ส่วนมุมขวานั้นว่างเปล่าไม่มีสิ่งใด
ว่าแล้วเชียว....
พ่อครัวจำเป็นชะโงกหน้ามาดูก่อนจะถอนหายใจ ในขณะที่ผีสาวมองรูปหน่อยแล้วกลับมีสีหน้าไม่สู้จะดีนัก สไบนางรู้ดีว่าตนเองเป็นเพียงจิตวิญญาณอันว่างเปล่า แต่เมื่อมีหลักฐานปรากฏให้ดูเต็มตาแบบนี้กลับรู้สึกรับไม่ได้ขึ้นมา
เป็นอะไรว่าน....
..........เปล่า..... ความรู้สึกบางอย่างสะท้อนในอก เพียงแค่จะถ่ายรูปร่วมกับชายหนุ่มของง่ายๆ แค่นี้หล่อนกลับทำไม่ได้
เปล่าได้ยังไง แล้วทำไมทำหน้าแบบนั้น? ชายหนุ่มถามไถ่ด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใยยิ่งนัก
..ก็.... ผีสาวช้อนนัยน์ตาอมทุกข์ขึ้นมาสบตาเขา ไอดอลรูปหล่อทั้งสองเห็นเข้ายังถูกแววตาเว้าวอนนั้นชักจูง
ว่านอยากถ่ายรูปกับแพทใช่มั้ย? หยางเล่ยเดาขึ้นมา เมื่อกี้ไม่ทันตั้งตัวมั้ง ลองอีกทีก็แล้วกันนะ เดี๋ยวฉันถ่ายให้ใหม่
ไม่ต้องหรอกเวส....ฉันเป็นผีถ่ายยังไงก็ไม่ติดหรอก
ชายหนุ่มทั้งสองเห็นท่าหงอยเหงาของหล่อนแล้วก็รู้สึกสงสารจับจิต หลี่เซี่ยเฟยไม่รู้จะช่วยเรื่องนี้อย่างไรจึงได้แต่นิ่งเงียบ ส่วนหยางเล่ยพยายามชักจูงเธออีกครั้ง
ลองใหม่อีกทีนะ....รับรองเลยว่าถ่ายติดแน่ๆ ถ้าไม่ติดฉันเลี้ยงหูฉลามเลยเอ้า!!
เห็นฉันเป็นอะไรชอบเอาของกินมาล่อกันอยู่เรื่อยเลย ผีสาวค่อยยิ้มออกบ้าง
เอาน่าลองหน่อยก็ไม่เสียหาย ยังไงเราก็ได้กำไรอยู่แล้ว....กินหูฉลามฟรีเชียวนะ หลี่เซี่ยเฟยถอดผ้ากันเปื้อนออก แล้วชักชวนหล่อนบ้าง
ไปถ่ายที่ห้องรับแขกดีกว่า ถ่ายในครัว...แสงไม่ดีหรอกเมื่อกี้ถึงไม่ติดไง
แต่ว่า....
ผีสาวเข้าใจดีว่าชายหนุ่มทั้งคู่พยายามปลอบโยนหล่อนยิ่งประโยคต่อมาที่หลี่เซี่ยเฟยกระซิบเข้าที่ข้างหู ยิ่งทำให้หล่อนแน่ใจจนนึกอยากซบแผ่นอกกว้างนั้นขึ้นมาเฉยๆ
เดี๋ยวพอ...เวสมันจะถ่ายเธอก็แว๊บออกจากกล้องไปเลยนะ เราจะได้กินหูฉลามฟรีไง ขืนให้มันถ่ายติดล่ะก็อดแน่ๆ สไบนางถึงค่อยยิ้มออกมาได้หล่อนรู้ดีว่านี่เป็นปลอบใจในแบบของหลี่เซี่ยเฟย
นี่ไปนั่งกันเสียทีสิ จะได้ถ่ายสักที
หยางเล่ยเร่งเพื่อน ผีสาวกับไอดอลหนุ่มจึงค่อยพากันไปที่โซฟา หลี่เซี่ยเฟยนั่งลงเป็นคนแรกส่วนหยางเล่ยอ้อมไปทางด้านหลังของ ชายหนุ่ม จากนั้นจึงใช้วงแขนทั้งสองข้างโอบรอบคอชายหนุ่ม
OK ท่าสวย....เก๊กไว้ก่อนนะ หยางเล่ยยืนนิ่งไปคล้ายว่ากำลังปรับเลนส์ ทำให้หลี่เซี่ยเฟยหัวเราะออกมา
เอากะมันสิ....กล้องมือถือจะปรับอะไรนักหนาถ่ายๆ ไปเหอะ
แต่ผีสาวไม่คิดเช่นนั้น เพราะสายตาหล่อนเห็นคลื่นเรืองแสงเป็นสีทองคล้ายใยไหมเบาบาง แผ่ออกมาจากร่างของหยางเล่ย แล้วก็ค่อยๆ ถ่ายเทเข้าไปที่โทรศัพท์ในมือ คล้ายว่ากำลังถ่ายพลังงานอยู่ก็ไม่ปานหากแต่...มีหล่อนเห็นอยู่คนเดียวเท่านั้น
ชวู่....แพทอย่าส่งเสียงไปรบกวนสมาธิเขา
อะไร? ทำไม? นัยน์ตาของผีสาวยังจับจ้องมองนิ่งอยู่ที่ร่างของหยางเล่ยไม่กระพริบตาจนชายข้างตัวหล่อนนึกแปลกใจ
ไม่เห็นจริงๆเหรอ?.....เพื่อนนายคนนี้ไม่ใช่ธรรมดาแล้ว....คราวนี้เขาถ่ายรูปฉันติดแน่ๆ รับรอง
ทำไมมั่นใจขนาดนั้น? หญิงสาวยังไม่ทันได้ตอบหยางเล่ยก็ตะโกนขึ้นมา
แพทหันมา!! ยิ้มเร็ว ทั้งสองจึงได้แต่เก๊กท่ายิ้มให้กล้อง....
OK เรียบร้อย...ขออีกสักใบสองใบนะเผื่อพลาด
คนถูกถ่ายพยักหน้ารีบตั้งท่าด้วยความว่องไวสมกับที่ถ่ายแบบมาเยอะ จากนั้นไม่นานนักหยางเล่ยก็คลี่ยิ้มให้เพื่อนทั้งสอง แล้วส่งมือถือให้พวกเขาดูกัน
เป็นไง....เห็นมั้ยติดแล้ว? ฮะ ฮะ พวกนายอดกินหูฉลาม
สไบนางยิ้มรับเก้อๆ แล้วรีบก้มลงไปดูรูปถ่าย แม้ว่าร่างของหล่อนในรูปจะโปร่งใสมองแล้วเลือนๆ ไปบ้างถ้าเทียบกับชายหนุ่มที่นั่งข้างๆ รูปของหลี่เซี่ยเฟยดูคมชัดมากกว่า หากแต่รูปถ่ายของสไบนางก็ออกมาค่อนข้างชัดเจนเลยทีเดียว
เวส....ทำยังไงถึงถ่ายติด ? หล่อนโพล่งถามขึ้นมา ชายหนุ่มยังทำตาแป๋วมองหล่อนกลับด้วยท่าทีงุนงงคล้ายว่าไม่เข้าใจคำถาม
ก็เล็ง...นับ 1-2-3 แล้วกด...ก็เสร็จแล้วนี่? มีอะไรเหรอ?
อาการแกล้งเซ่อยังแนบเนียนเหมือนเดิมผีสาวนึกชมในใจ แต่ไม่อยากเซ้าซี้ต่อเพราะแค่นี้เขาก็ช่วยเหลือเธอมากแล้ว บางทีอาจไม่สะดวกใจที่จะอธิบาย
เวส....ฉันน่ะ.....เดิมทีหล่อนอยากจะบอกเขาว่าหล่อนเห็นนะแสงเรืองรองที่ห่อหุ้มร่างเขาตอนที่จะถ่ายรูปแต่แล้วก็เปลี่ยนใจไม่พูดดีกว่า
ขอบใจมากนะ...
ไม่เป็นไร
หนุ่มผมสีน้ำตาลสบตาหล่อนแล้วยิ้มตอบอย่างเข้าใจความนัยซึ่งกันและกัน ทำให้หลี่เซี่ยเฟยที่มองดูอยู่นึกไม่พอใจขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล
มัวแต่ยิ้มกันอยู่นั่นแหละ....ถ่ายเสร็จแล้วก็โอนมาที่มือถือฉันสักทีสิ
ได้ๆ หยางเล่ยพยักหน้าทันทีแล้วจัดแจงตามที่เพื่อนขอ เครื่องโทรศัพท์สองเครื่องถูกดึงมาติดกันเพื่อส่งมวลสารทางอินฟาเรด
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
กลางดึกของค่ำคืนเดียวกันนั้นเองภายหลังที่หยางเล่ยกลับบ้านไปหลายชั่วโมงแล้ว สไบนางนั่งเอนกายพิงร่างสูงของชายหนุ่มที่นั่งอยู่เคียงข้างกันบนโซฟา เขากับหล่อนกำลังดูโทรทัศน์ด้วยกันอยู่ หลี่เซี่ยเฟยกดรีโหมตเปลี่ยนช่องไปมาอยู่หลายครั้ง เมื่อไม่พบรายการใดถูกใจเลย จนผีสาวนึกแปลกใจท่าทางของหงุดหงิดของเขา
เป็นอะไร? ถ้าไม่อยากดูแล้วไปนอนดีกว่ามั้ยดึกแล้วนะ? พรุ่งนี้มีคอนเสิร์ตไม่ใช่เหรอ?
มีตอนเย็น...นอกนั้นว่างจนถึงบ่าย 3
นี่....ฉันมีเรื่องจะบอก.... สไบนางอยากบอกเล่าสิ่งที่หล่อนเห็นจากร่างหยางเล่ยเมื่อตอนเขาถ่ายรูปให้ชายหนุ่มฟัง ทันทีที่เกริ่นขึ้นมาใบหน้านิ่วๆ ของหลี่เซี่ยเฟยคลายลงบ้างแล้วเอียงคอมามองหล่อนด้วยความแปลกใจ
อย่าบอกนะว่าเธอหิวอีกแล้ว? ผักในกระเพาะฉันมันย่อยไปหมดแล้วหรือไง?
นี่ในสมองฉันไม่ได้มีแต่เรื่องกินนะยะ แต่บ่นหน่อยก็ดี....อุตส่าห์ทำน้ำพริกทั้งที....ดันกินแต่ผักลวก จิ้มน้ำพริก...เฮ้อ...
โทษทีนะ....ฉันมันอยู่ในภาวะลดน้ำหนักนี่ ทีหลังเธอก็หาคนสิงสู่ที่กินเก่งพอๆ กัน หรือกินเท่าไรก็ไม่อ้วนอย่างเวสจะดีกว่านะ เธอผิดเองที่มาเลือกฉัน
อะไรของนายน่ะ...ลดน้ำหนักจนประสาทหลอนหรือไง ถึงได้พาลนักน่ะ? ประสาทแท้ๆ
เธอว่าใครประสาท?!!
เอ๋า...ตรงนี้มีใครล่ะ? ฉันว่าพีพีมันมั้ง? ผีสาวยียวนกลับ
นี่เธอ!! สำนึกสักหน่อยสิ เธอมีที่อยู่ที่กินทุกวันนี้ไม่ใช่เพราะฉันหรือไง อยากกินอะไรฉันก็ตามใจจนฉันจะอ้วนตายอยู่แล้วเนี่ย!!
ทำไมฉันต้องสำนึก?...หนอย...ทวงบุญคุณกันงั้นเหรอ? ลืมอะไรไปหรือเปล่าไม่ใช่นายหรือไงแพทฉันถึงต้องตาย เรื่องทุกวันนี้มันเป็นเรื่องที่นายต่างหากต้องทดแทนให้ฉันอยู่แล้ว.....งี่เง่า!! นี่ถ้าเป็นเวสเค้าคงไม่มาพูดกับฉันอย่างนี้หรอก เค้าน่ะเข้าใจผีๆ อย่างฉันดีกว่านายเสียอีก
ใช่สิ...เวสดีกว่าฉันทุกอย่าง แล้วทำไมไม่ไปอยู่กับเวสเสียเลยล่ะ? หมอนั่นเอ๋อขนาดนั้นยังเอาตัวเองไม่รอดด้วยซ้ำ...โธ่เอ้ย!!
คนที่ตาเซ่อน่ะมันนายต่างหาก....เวสน่ะ...ไม่ได้เอ๋อๆ อย่างที่นายเห็นหรอกนะ เพื่อนนายน่ะคมในฝัก ที่ถ่ายรูปติดวันนี้เพราะหมอนั่นถ่ายกระแสจิตใส่กล้อง ลองเป็นตัวเองเหอะทำได้หรือเปล่ามาทำคุยอีโธ่เอ้ย!!
ใช่ฉันทำไม่ได้....ฉันมันแค่คนธรรมดาที่บังเอิญเห็นผีนี่ ไม่ได้มีบรรพบุรุษเป็นหยินหยางซือที่บ้านแค่ทำโรงงานกะปิ แต่พลังแบบนั้นมันจำเป็นกับชีวิตประจำวันที่ไหนเล่า มันทำให้หมอนั่นติงต็องต่างหาก แล้วผีอย่างเธอน่ะใครเขาจะไปเห็นกัน คิดให้ดีสิถ้าไม่มีฉันเธอก็เป็นได้แค่ผีจรจัด...ฮึ ชายหนุ่มกระตุกยิ้มมุมปากออกมาก่อนจะนั่งเชิดหน้ากอดอก
นายว่า...ผีจรจัดใช่มั้ย?
ใช่....ฉันเลี้ยงเธอเอาบุญ คิดว่าเลี้ยงแมวเพิ่มอีกตัวไง !!
..เลี้ยงเอาบุญใช่มั้ย ได้ฉันจะให้นายได้บุญเต็มๆ ผีสาวผุดลุกขึ้นยืนเต็มตัวด้วยความโกรธจัด
ไม่ต้องหรอก...แค่นี้ฉันก็มีบุญเหลือเฟือแล้ว ถึงชื่อบุญถึงไงล่ะ....เธอน่ะอยู่เฉยๆ ไปเหอะเจียมเนื้อเจียมตัวหน่อย เป็นแค่ผู้อาศัยที่ฉันจำยอมให้อยู่ด้วยแท้ๆ ทำฉันเดือดร้อนสารพัด รู้มั้ยตอนนี้คนอื่นเขาว่าฉันบ้าชอบพูดคนเดียวไปแล้ว ก็เพราะเธอนั่นแหละ
อ้อ...ฉันแค่คนอาศัยเท่านั้นใช่มั้ย? ใช่สิฉันทำให้นายเดือดร้อน....แต่ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เพราะนายทำให้ฉันตายเหรอ? แล้วเวสมาเป็นเพื่อนกับฉันนี่ไม่พอใจมากใช่มั้ย?ที่ฉันมีเพื่อนน่ะ
ใครว่าฉันไม่พอใจที่เธอมีเพื่อน....แต่อยากเตือนไว้หน่อยเท่านั้นเอง ว่ายังไงเธอก็เป็นแค่ผี
.อย่าไปให้ความหวังเวสดีกว่าหมอนั่นยิ่งใจอ่อนง่ายๆ อยู่ด้วย....จะให้เขามีแฟนเป็นผีหรือไง?
แพท!! นายว่าฉันให้ท่าเวสงั้นเหรอ?
.เปล่านี่....แต่ถ้าเธอจะตีความหมายว่าฉันพูดอย่างนั้นก็ช่วยอะไรไม่ได้
.คนหนึ่งเห็นผี อีกคนก็เป็นผี ดูๆ ไปก็เหมาะกันดีนะ...พยายามหน่อยก็แล้วกันคู่แข่งเธอเยอะบอกไว้ก่อน
ใบหน้านิ่งเฉยนั้นมีแววเยาะเย้ยอยู่ในสายตา หลี่เซี่ยเฟยยามปกติแม้จะไม่ใช่คนพูดจาหวานๆ แต่ไม่เคยพูดทำร้ายจิตใจหล่อนถึงเพียงนี้
แพท!! มันมากไปแล้วน้าาา....า
หล่อนกรีดร้องออกมาเสียงแหลมออกมาดังลั่นบ้าน ทุกอย่างรอบตัวพากันสั่นไหวราวกับมีมือยักษ์มาจับห้องทั้งห้องเขย่าไปมา ดวงไฟที่เปิดสว่างเมื่อแรกก็พร้อมใจกันกระพริบวิบวับทุกดวง เจ้าเหมียวสองตัวเห็นท่าไม่ดีรีบวิ่งหัวซุกหัวซุนเข้าไปหลบซ่อนในห้องนอนทันที
ว่าน....หยุด!!
ฉันไม่หยุดดดดด!! กรี๊ดดดดดดดดดดด...ด
ผีสาวกรีดร้องออกมาด้วยความเสียใจ น้ำใสจากดวงตาก็ไหลปริ่มออกมาจนนองหน้า ข้าวของในห้องพร้อมใจกันปลิวว่อนไปหมด ทั้งทางซ้ายและทางขวาบินสลับกันเหมือนมีใครจับโยนไปมาอยู่คนละข้าง
ว่าน!! ใจเย็นๆ แว๊ก! ไอดอลหนุ่มพูดได้แค่นั้นก็ต้องรีบก้มศีรษะหลบหนังสือที่ลอยมาปะทะเขาไปอย่างหวุดหวิด
ว่าน...ฉันไม่ตั้งใจพูดอย่างนั้น...ฉันแค่
.
ผีสาวลอยตัวขึ้นกลางห้องไม่รับฟังคำแก้ตัวของเขา ใบหน้านั้นขาวจนแทบเรืองแรงรัศมีสีฟ้าแผ่ออกมารอบตัวราวกับกระแสไฟฟ้าทั้งหมดจะไหลมารวมกันที่หล่อน
ไม่ต้องมาแก้ตัว!!
นาฬิกาแขวนฝนังและข้าวของที่ตั้งโชว์ไว้บนโต๊ะ และมุมต่างๆ ของห้องทนแรงสั่นสะเทือนไม่ได้ทยอยหล่นลงมาบนพื้น เสียงสิ่งของแตกหักดังไม่ขาดระยะ หลี่เซี่ยเฟยพะว้าพะวงไม่รู้จะทำอย่างไรดี ไม่คิดว่าพูดออกไปด้วยอารมณ์ประชดแค่นั้นจะทำให้หล่อนเสียใจถึงเพียงนี้
ใช่ฉันตั้งใจพูด!! ก็ได้ฉันยอมรับแต่ที่ฉันพูดแบบนั้นเพราะว่า.....
ชายหนุ่มดูยังพูดไม่จบประโยคก็เงียบไปเพราะยังไม่อยากให้บางอย่างในใจหลุดออกไปถึงหล่อน แต่สไบนางเข้าใจไปว่าเขานึกคำแก้ตัวไม่ออกจึงได้แต่เงียบ ยิ่งทำให้หล่อนโมโหหน้ามืดเข้าไปอีก เมื่อไม่มีแม้แต่คำปลอบโยนออกจากปากชายหนุ่มพายุหมุนในห้องทำงานเร็วขึ้น จากห้องหนึ่งลามไปอีกห้องหนึ่งเหมือนโรคระบาด เสียงจานชามที่ตากไว้บนที่เรียงจานใกล้อ่างล้างจาน หล่นลงมาแตกทั้งแผงเหมือนมีใครใช้มือกวาดทุกอย่างบนเค้าท์เตอร์นั่นลงมาทั้งหมด ยิ่งทำให้หลี่เซี่ยเฟยร้อนใจจำต้องพูดสิ่งที่ปิดปังไว้ออกมา
เพล้งๆๆ
ว่านนนนนนน !! ชายหนุ่มตัดสินใจตะโกนแข่งกับเสียงจานที่หล่นมาแตก ฉันพูดแบบนั้นเพราะว่า......ฉันหึงเธอ!! ฉันชอบเธอได้ยินมั้ย?
ฉับพลันนั้นเองกาต้มน้ำร้อนบนเตาทำงานเองเหมือนโดนเร่งอุณหภูมิจนถึงจุดเดือดส่งเสียงแหลมราวนกหวีดออกมา หลี่เซี่ยเฟยตกใจหันกลับไปดูต้นเสียง ไม่ทันได้ระวังเอนไซโครพิเดียร์เล่มหนาที่ลอยตรงดิ่งเข้ามาหา
โอ้ยยยย!!
ด้วยขนาดและน้ำหนักของมันเมื่อกระแทกเข้ากับศีรษะของชายหนุ่มโดยที่เจ้าตัวมิทันได้หลบ ผลก็คือส่งให้ร่างสูงนั้นลงไปนอนกองกับพื้นทันที
เมื่อกี้ว่าไงนะ!! หึงฉันเหรอ? นี่นาย.....?
สไบนางเพิ่งได้สติเมื่อสักครู่หล่อนได้ยินคำพูดบางอย่างลอยแว่วเข้ามาในขณะที่โมหะครอบงำสติหล่อนอยู่ เมื่อรู้สึกตัวจึงค่อยลดระดับพลังลงจนห้องที่เมื่อสักครู่คล้ายว่าเกิดแผ่นดินไหวขึ้นมานิ่งสนิทลงทันที ข้าวของที่ลอยเคว้งคว้างอยู่ในอากาศพากันล่วงหล่นลงมา ดวงไฟกระพริบติดๆ ดับๆ ค่อยเปิดสว่างขึ้นทุกดวง
นี่จะบอกว่าชอบฉันก็เลยหึงเวสงั้นเหรอ?
ผีสาวทวนคำเหมือนไม่แน่ใจในสิ่งที่ได้ยินมา แต่เมื่อจะหันไปคาดคั้นเจ้าตัวพ่อบุญถึงก็นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นไปเสียแล้ว
ตายแล้ว!! แพทททททททททท หล่อนรีบลอยละลิ่วไปหาร่างสูงที่นอนพังพาบคว่ำหน้าอยู่บนพื้นทันทีแล้วส่งเสียงเรียกเป็นการใหญ่
แพทๆๆๆๆๆ เป็นอะไรหรือเปล่า? เธอเจ็บตรงไหน? ทำไงดีล่ะสลบไปจริงๆ เหรอเนี่ย? ผีสาวเขย่าตัวเขาอยู่ครู่ใหญ่แต่ร่างนั้นไม่ไหวติงเมื่อลูบศีรษะดูก็ปรากฏว่ามีเลือดซึมออกมาจากขมับเล็กน้อย
แพท! ฉันขอโทษฉันไม่ได้ตั้งใจ อย่าเป็นอะไรไปนะ
ผีสาวร่ำไห้ออกมาอีกหน แต่คราวนี้น้ำนัยน์ตาที่ไหลออกมานี้ ไม่ได้เป็นเพราะความโกรธจนเกินเก็บกลั้น แต่เป็นความเศร้าโศกและตำหนิตัวเองอย่างที่สุด หล่อนไม่น่าใช้อารมณ์กับเขาอย่างนี้เลย
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++
สไบนางนั่งเฝ้าร่างหมดสตินั้นอยู่ครู่ใหญ่แต่ไม่มีวี่แววว่าหลี่เซี่ยเฟยจะฟื้นขึ้นมาเลย ร้องเรียกเท่าไรเจ้าของร่างก็ไม่รู้สึกตัวคล้ายกับว่าร่างนี้ว่างเปล่าไร้วิญญาณ แค่คิดมาถึงตรงนี้หล่อนก็ใจหายวาบน้ำตาไหลออกมาอีกยกใหญ่ เมื่อไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี แต่จะมัวมานั่งรอให้หลี่เซี่ยเฟยฟื้นเองก็ดูไม่น่าไว้วางใจในอาการ หากชายหนุ่มเป็นอะไรไปมากกว่าบาดแผลที่เห็นนี่เล่า เมื่อคิดได้อย่างนั้นผีสาวจึงโทรหาหยางเล่ยทันที
เสียงโทรศัพท์ดังอยู่พักใหญ่แต่เจ้าของเครื่องยังคงนอนหลับไม่รู้เรื่องราว จนกระทั่งมันดังซ้ำแล้วซ้ำเล่าหยางเล่ยจึงค่อยงัวเงียขึ้นมารับสาย
เหวย....ครายย...น่ะ เสียงยานคางนั้นตอบกลับมาผีสาวดีใจจนต้องตะโกนออกไป
เวสสสสสส....ฮือๆๆ ช่วยด้วย...แพท แพทแย่แล้ว!! ฮือๆๆ
หยางเล่ยแม้ยังไม่ตื่นเต็มตาแต่ก็จำได้ดีว่าเสียงหญิงสาวที่สะอื้นไห้อยู่นั้นเป็นสไบนาง จึงค่อยลืมตาเต็มที่
ว่านเหรอ? เป็นอะไรไป ร้องไห้ทำไม?
แพท...แพทแย่แล้ว เขาไม่ขยับเลยเลือดออกด้วย ฉัน...ฉันไม่รู้จะทำยังไงดี
หา?!! แพทเป็นอะไร แล้วทำไม? เกิดอะไรขึ้นน่ะ?
ฉัน..ฉันไม่ตั้งใจ เขาทำฉันโกรธ เขาว่าฉันแรงๆ หาว่าฉันให้ท่าเธอ ฉันก็เลย...ฮือๆๆๆ
ว่าไงนะ? มันหาว่าให้ท่าฉันเหรอ? มันบ้าหรือเปล่า? หยางเล่ยฟังแล้วตกใจไม่แพ้กันจึงตะโกนตอบสไบนางไป
เขาบอกว่าเขาหึงฉัน....เขาชอบฉันก็เลยหึงเธอ จากนั้นผีสาวก็เงียบไปได้คงได้ยินแต่เสียงสะอึกสะอื้นของเธอดังแว่วๆ มา
ว่านใจเย็นๆ นะ ตกลงเขาหึงเธอก็เลยพูดไม่ดีแล้วเธอโมโหเลยเล่นงานเขาใช่มั้ย? แล้วตอนนี้แพทเป็นยังไง?
ฉะ...ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นะ
ไม่เป็นไรใจเย็นนะ...ฉันรู้ว่านไม่มีทางทำอันตรายแพทหรอก เธอแค่โมโหเท่านั้นเอง
เรื่องนี้หยางเล่ยรู้อยู่แก่ใจมานานแล้ว มิเช่นนั้นหลี่เซี่ยเฟยไม่มีทางมีชีวิตรอดอมาจนป่านนี้หรอกหากผีสาวตั้งใจจะเอาชีวิตเขาจริงๆ ล่ะก็
แพท...สลบไปแล้ว เขาเลือดออกด้วย....เวสช่วยแพทด้วยนะ ฮือ... ฉันเรียกยังไงเขาก็ไม่ฟื้นทำไงดี ฮือๆๆ
OK ใจเย็นๆ นะว่าน ฉันจะไปเดี๋ยวนี้ เธอดูแลแพทไปก่อนนะ
ผีสาวรับปากแต่ยังร้องไห้ไม่ยอมหยุด จนเมื่อหยางเล่ยมาถึงเธอก็ยังนั่งร้องไห้อยู่ข้างตัวหลี่เซี่ยเฟยชายหนุ่มผมสีน้ำตาลพยุงร่างหมดสติของเพื่อนขึ้นมา
อุ๊...หัวโนเป็นลูกเลย....
แพทเลือดออกด้วย....แพทจะเป็นอะไรมากหรือเปล่า? หล่อนทำท่าจะเป็นลม
เดี๋ยวดูก่อนนะ...อืม...เลือดหยุดแล้วล่ะ คงไม่เป็นไรมากหรอกเลือดไม่ได้ออกอะไรมากมาย สงสัยมุมหนังสือจะไปกระแทกถูกเลยถลอกน่ะ
ถ้าไม่เป็นไรมากทำไมแพทไม่ฟื้นสักทีล่ะ? ผีสาวระร่ำระลักถามด้วยความเป็นห่วง
ก็....หัวกระแทกแรงไปหน่อยมั้ง ปล่อยให้นอนไปอีกสักพักเดี๋ยวก็คงฟื้นเอง
พาไปหาหมอดีกว่ามั้ย?
อย่าดีกว่าเดี๋ยวเป็นเรื่องใหญ่ พรุ่งนี้มีคอนเสิร์ตด้วย ว่าหยางเล่ยก็สอดมือเข้าไปใต้แขนร่างสูงใหญ่นั้นแล้วลากคนหมดสติมาใกล้โซฟา
เวส!! ลากอย่างนั้นได้ยังไงเดี๋ยวแพทเจ็บหรอก ประคองได้มั้ย?
ประคองน่ะได้ถ้าหมอนี่ยังไม่สติอยู่ แต่ตอนนี้ไม่ไหวหรอก...ขืนงัดขึ้นมาแบบนั้นจะโถมน้ำหนักใส่แล้วหัวทิ่มไปทั้งคู่น่ะสิ แถมถ้าทำหลุดมือไปจะแย่กว่าเดิมอีกนะ
งั้นไม่ต้องลากแล้ว เอาหมอนในห้องนอนมารองหัวเค้าก็พอให้นอนบนพื้นนี่แหละ หมอนๆๆ ผ้าห่มด้วยนะเวส
ผีสาววิ่งเข้าไปเอาหมอนในห้องมา แต่เมื่อพบว่าตนเองหยิบจับอะไรไม่ติดมือเลยจึงค่อยนึกได้ว่าตนเป็นวิญญาณหยิบจับอะไรไม่มีทางติด
เฮ้อออ...อ ในเวลาอย่างนี้ทำไมฉันต้องเป็นผีด้วยนะ แพทยิ่งแย่ๆ อยู่ โธ่เอ้ยๆๆ
ใจเย็นๆ ว่าน ยิ่งใจร้อนเธอยิ่งรนนะ เดี๋ยวฉันจัดการให้เอง ไม่นานนักก็จัดให้หลี่เซี่ยเฟยนอนหลับพักผ่อนโดยนอนหนุนหมอนแล้วห่มผ้าให้บนพื้นนั่นเอง
ทะเลาะกันอีท่าไหนเนี่ย? บ้านเละเทะอย่างกับเกิดแผ่นดินไหว? หยางเล่ยมองสำรวจไปทั่วห้องแล้วบ่นออกมา
ก็ตอนนั้นฉันกำลังโมโห....เขาทำฉันโกรธมากเลยนะ คนบ้าอะไรก็ไม่รู้ปากจัดชะมัดเลย!!
อ่ะนะ..... หยางเล่ยยกมือขึ้นเกาศีรษะแบบปลงๆ ฉันว่าเรามาทำความสะอาดกันก่อนดีกว่ามั้ย? เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่ซิงมารับตกใจแย่เลย
ได้....แต่ว่า แพทไม่เป็นไรแล้วจริงๆ นะ
อื้อ....อย่ากังวลสิ
ชายหนุ่มยกมือขึ้นลูบศีรษะเธอเบาๆ แม้จะสัมผัสกันไม่ได้แต่ก็รู้สึกได้ถึงมิตรภาพที่ถ่ายทอดมากับฝ่ามืออบอุ่นข้างนั้น ความกังวลในใจของสไบนางจึงได้คลี่คลายลงบ้าง คราวนี้น้ำตาของหล่อนไหลออกมาเพราะความโล่งใจและนึกดีใจที่ยามคับขันแบบนี้ยังมีหยางเล่ยอยู่เป็นเพื่อน
อย่าร้องไห้สิว่าน...แพทไม่เป็นไรแล้วจริงๆ เดี๋ยวเค้าตื่นมาเห็นเข้าจะนึกว่าฉันรังแกเธอหรอก
เวส....ขอบใจนะ
ยิ้มหน่อยสิ...มีผู้หญิงที่ไหนถูกผู้ชายบอกรักแล้วร้องไห้อยู่นั่นแหละ หือ?
ก็....ก็....แล้วมีผู้หญิงที่ไหนเอาของปาผู้ชายที่บอกรักตัวเองจนสลบอย่างฉันบ้างล่ะ โฮ....แพทตื่นขึ้นมาต้องโกรธแหงๆ เปลี่ยนใจไม่รักแล้วด้วยแน่ๆ เลย
โธ่...เอ้ย นี่เธอกังวลเรื่องนี้อยู่เองหรอกเหรอ? แล้วตกลงรักแพทบ้างหรือเปล่าเนี่ย? ผีสาวชะงักไปก่อนจะช้อนดวงตาปริ่มน้ำขึ้นมองคนตรงหน้า
ทำไมฉันต้องบอกนายด้วยล่ะ?
อ้าว? คนอุตส่าห์ช่วย...
ช่วยก็ส่วนช่วยสิ...ไม่เห็นเกี่ยวกัน รอแพทถามเองอีกทีแล้วฉันจะตอบเค้า เรื่องอะไรฉันต้องบอกคนอื่นก่อนเค้าล่ะ.....อีกอย่างถ้าหมอนั่นฟื้นขึ้นมาแล้วลืมไปว่าพูดอะไรบ้าง...ก็กลายเป็นฉันโมเมข้างเดียวสิ ผีสาวปาดน้ำตาลวกๆ ภาพของสาวน้อยเจ้าน้ำตาเมื่อสักครู่มลายหายไปจนหมดสิ้น เหลือแต่สไบนางผีสาวก๋ากั่นคนเดิม ทำเอาหยางเล่ยที่อุตส่าห์รอลุ้นบ่นอุบ
ว้า.....
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
อ่านต่อตอนหน้าค่ะ
Create Date : 27 มกราคม 2549 |
|
1 comments |
Last Update : 3 มิถุนายน 2552 0:30:29 น. |
Counter : 569 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: Rin IP: 61.91.78.87 3 กุมภาพันธ์ 2549 2:10:41 น. |
|
|
|
|
|
|
|