จิบชาชมดอกไม้ไปพลาง คุยกันเบาๆ ที่สวน..เจ้าแก้ว กังไส





Group Blog
 
 
มกราคม 2549
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
5 มกราคม 2549
 
All Blogs
 
รักนี้(แค้น)...ต้องชำระ Chapter 5.1 บอยแบนด์เรียลลิตี้

Chapter 5.1 บอยแบนด์เรียลลิตี้



วันนี้ทั้งวันแม้ว่าหลี่เซี่ยเฟยจะไม่เอ่ยปากพูดออกมาตรงๆ แต่การกระทำของชาย หนุ่มมันเหมือนจะบอกสไบนางเป็นนัยๆ ว่า [อยู่บ้านท่านอย่านิ่งดูดาย] แล้วยิ่งสายตาแพรวพราวคู่นั้นมันดูเหมือนยิ้มเยาะหล่อนอยู่ตลอดเวลา เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่เช้าแล้วเขาเที่ยวพาหล่อนเดินสำรวจไปทั่วบ้าน แล้วแนะนำว่าอะไรอยู่ตรงๆ ไหนและหล่อนควรทำอย่างไร

"บ้านนี้มี 5 ห้อง มีห้องนอน 2 ห้องไว้รับแขกห้องหนึ่งแต่ดัดแปลงเป็นห้องทำงาน อ้อ! ห้องนั้นมีหิ้งพระด้วยนะอย่าเจ๋อเข้าไปล่ะ เกิดอะไรขึ้นจะหาว่าไม่เตือน"

ว่าแล้วชายหนุ่มก็หันมายิ้มเยาะหล่อนอีกหนก่อนจะสาธยายต่อ โดยไม่ได้สนใจมองว่าหล่อนจะทำหน้าเบ้ปากยื่นอย่างไร

"แล้วต่อไปก็ ห้องครัว ห้องนั่งเล่น ห้องน้ำมี 3 ห้อง ฉันแพ้กลิ่นน้ำยาล้างห้องน้ำฉะนั้นใช้ได้ยี่ห้อเดียวอย่าซื้อยี่ห้ออื่นมาล่ะ"

"นี่...ฉันไม่ใช่แม่บ้านของนายนะ ฉันเป็นผีจะซื้อน้ำยาล้างห้องน้ำมาล้างปาก นายหรือไงเล่า?"

ว่าแล้วสไบนางก็ทำหน้าเซ็ง หรือหมอนี่มันลืมไปแล้วว่าหล่อนเป็นผี เผลอๆ จะนึกว่าเป็นคนรับใช้ส่งตรงจากไทยแลนด์อีกต่างหาก

"เอ่อ....!?? ลืมไป งั้นข้ามๆ ไปห้องครัวแล้วกัน "

แม้จะหน้าแตกแต่ไม่มีฟอร์ม หลุดให้หล่อนเห็นแม้แต่น้อย จนหล่อนอยากจะถามเสียเองว่ามันลืมเข้าไปได้ยังไงหาว่าหล่อนเป็นผีน่ะ มีใครเขาโดนผีหลอกแล้วพอข้ามวันก็ลืมกันบ้างน่ะ

"ซีอิ้ว จิ๊กโฉ่ น้ำปลา อะไรต่ออะไร อยู่ใต้เคาท์เตอร์นี่ แล้วเวลาจะทำอาหาร อย่างลืมเปิดเครื่องดูดกลิ่นด้วยนะ ที่นี่ไม่เหมือนเมืองไทย ใช้แก็สไม่สะดวกควันโขมงเดี๋ยวข้างบ้านจะไปลงฟ้องข้างนิติกรคอนโดข้างล่าง เกาะมันแคบเบียดๆ กันอยู่ต้องเกรงใจกันบ้าง"

หล่อนพยักหน้าแกนๆ ไปอย่างนั้นแหละ ฝันไปเหอะว่าสไบนางคนนี้จะทำอาหารถึงไม่ตายก็ไม่ทำย่ะ

แต่พอเปิดตู้เครื่องครัวสำรวจดู หล่อนถึงกับต้องตาโต เมื่อเครื่องครัวครบชุดหม้อก็มีไล่ขนาดตั้งแต่เล็กเรียงไปใหญ่ มีดแบ่งประเภททั้งใช้แล่เนื้อ ใช้หั่น ถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบ แล้วยังเครื่องปรุงรสต่างๆ แถมยังวางไว้แบ่งแยกกันชัดเจนว่าเครื่องปรุงรสเซ็ทไหนสำหรับอาหารไทย อาหารจีน และอาหารญี่ปุ่น สไบนางเชื่อแล้วว่าไอดอลหนุ่มที่ยืนข้างๆ หล่อนมันเคยเป็นพ่อครัวมาก่อนจริงๆ ไม่ได้โม้เล่นๆ และเมื่อกวาดตามองไล่เครื่องเทศอาหารไทยไป หล่อนก็พบของไม่คิดว่าหลี่เซี่ยเฟยจะใช้เป็น หรือชะรอยคุณยายที่เมืองไทยจะส่งมาให้ดูต่างหน้าไม่ให้ลืมกลิ่นวัวสาปควายกันนะ

"อุ๊ย! มีกะปิด้วย ว้ายๆๆๆ ตราชะนีหรือเปล่าไหนดูซิ! อย่าบอกนะว่านายตำ น้ำพริกเป็น "

ผีสาวเห็นเข้าก็ตื่นเต้นรีบโบกมือพอสายลมเย็นพัดผ่านกระปุกใส่กระปิก็ออกมาลอยเคว้งเคว้งอยู่เบื้องหน้า พอหลี่เซี่ยเฟยเห็นเข้าแม้ว่าจะทำใจได้เกิน 70% ไปแล้ว แต่ก็ยังไม่ชินกับภาพแปลกประหลาดตรงหน้านี่สักที

"ว่าน....ฉันขอเตือน กฎข้อที่ 2 ห้ามทำให้ของลอยได้เวลามีคนอื่นมา" ผีสาวฟัง แล้วก็ตอบสะบัดปลายเสียงอย่างเสียมิได้

"รู้แล้ว....ว่าแต่กฎของนายน่ะมันมีอีกกี่ข้อหา?"

"ถ้าเห็นเธอทำอะไรผิดมนุษย์อีก เดี๋ยวฉันก็นึกเพิ่มได้เองแหละ"

"นี่มันจะมากไปแล้วนะ จะเอาสักกี่ข้อก็บอกมาไม่ใช่มาเรียกร้องเอาโน่นเอานี่อยู่ได้ ผู้ชายอะไรฟะ?!"

ไม่พูดเปล่าหล่อนลุกพรวดขึ้นมาจากตู้ใต้เคาท์เตอร์แทบจะกระเด้งมาติดหน้าเขา หลี่เซี่ยเฟยรีบก้าวถอยหลังหลบแทบไม่ทัน

"เรียกร้องเหรอ?.....ฉันแค่ทำในสิ่งที่ฉันควรจะทำในฐานะผู้ให้ที่พักพิง"

"ว่าไงนะ?"

"คนที่เดือดร้อนน่ะคือฉัน....ถ้าเธอไม่พอใจล่ะก็....เอาสิ! ไปเลยไป.....ประตูอยู่ โน่นเชิญ"

ชายหนุ่มผายมือไปที่ประตูระเบียงหรือว่านี่จะเป็นการถือโอกาสไล่กันนะ แน่ล่ะผีสาวของเราไม่ยอมแพ้ง่ายๆ หรอก

"ฉันไม่ไป...ถึงไล่ก็ไม่ไป ฉันจะอยู่ข้างๆ นายจนกว่านายจะตายจำไม่ได้หรือ ไง?"

"จำได้....เธอพูดกรอกหูฉันจนเบื่อแล้ว....นายทำฉันตาย...ฉันจะอาฆาตนาย เฮ้อ พวกผีนี่ย้ำคิดย้ำทำเสียจริง แถมติดที่มิน่าถึงชอบหลอกมุขซ้ำๆ เดิม เจอเกิน 2 หนก็เบื่อแล้ว ไม่สร้างสรรค์เลย....มีมุขใหม่มั้ย?"

"........."

คำตอบของชายหนุ่มนั้นหมอเล่นท่องจำสิ่งสไบนางพร่ำพูดบ่อยๆ ออกมาเป็นชุดทำเอาหล่อนใบ้กินไปเลย นอกจากหลี่เซี่ยเฟยจะไม่กลัวเธอโดยสิ้นเชิงแล้ว แถมยังไม่ใส่ใจกับการกลัวอย่างถูกต้องมีพิธีรีตองกันอีกด้วยไม่ความเคารพผีเอาเสียเลยหล่อนนึกตำหนิอยู่ในใจ

"หนอยแน่ะ! จะเอางั้นใช่มั้ยแพท....!!? "

รัศมีสีฟ้าเรืองรองส่องออกจากร่างของหล่อนอีกครั้งตามดีกรีของอารมณ์ ชายหนุ่มหันมาดูด้วยสายตาอึ้งเล็กๆ แล้วรีบเก็บซ่อนอารมณ์กลัวไปให้มิดชิดก่อนจะแสร้งยิ้มออกมา จนสไบนางที่มัวแต่โมโหโทโสอยู่ไม่ทันสังเกตเห็นด้วยซ้ำ เพราะอยู่ๆ หลี่เซี่ยเฟยก็เปลี่ยนเรื่องคุยตัดบทไปเสียเฉยๆ อย่างนั้นแหละ

"เย็นนี้ทำกับข้าวอะไรดี?" ชายหนุ่มทำท่านึกไม่หันมามองหล่อนด้วยซ้ำ แล้วอยู่ๆก็หันมายิ้มหวานใส่หล่อน

"ว่านอยากกินอะไรหือ? ผัดตังกวย(ฟักเขียว) กับปลานึ่งซีอิ้วเป็นไง ชอบหรือเปล่า?"

"อุ๊ย!!? ปลาเหรอ? โอ้โฮ...นายนึ่งปลาเป็นด้วยเหรอ?"

ทันทีที่ได้ยินเมนูอาหารมื้อเย็นรัศมีสีฟ้าที่แผ่นซ่านไปรอบตัวผีสาวเมื่อสักครู่จางลงอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มปรายตามองด้วยสายตาดูแคลนเล็กๆ....ยัยผีนี่มันเห็นแก่กินจริงๆ มิน่าอายุตั้ง 23 แล้วยังหาแฟนไม่ได้ แต่คิดได้แค่นั้น หลี่เซี่ยเฟยก็รีบปั้นหน้ายิ้มแย้มต่อ

"เป็นสิ...พอนึ่งซีอิ้วแล้วซอยขิงลงไปด้วยนะ...เปิดฝาออกมาหอมอย่าบอกใครเลย" สไบนางฟังแล้วเผลอคิดภาพตาม....ดูมันช่างน่ากินเอาเสียจริงๆ เลย

"เอาปลาอะไรดีน้า...ปลากะพง หรือปลาเก๋าดี? เธอชอบปลาอะไร?"

"ปลาอะไรก็ได้ฉันกินได้หมด" ผีสาวตอบอย่างร่าเริง

"อ๊ะ! จริงเหรอ...ดีจัง เลี้ยงง่ายดี หึ หึ" '....ไม่ผิดอะไรกับแมวเลยนะ หลี่เซี่ยเฟย ละประโยคข้างหลังไว้ในใจ

"ใช่ฉันกินง่าย...." หล่อนยังยิ้มอยู่ตอนที่ตอบ ทำเอาชายหนุ่มต้องหันหน้าหนี เพราะเกือบจะกลั้นหัวเราะไม่อยู่เสียแล้ว

"งั้นไปดูห้องอื่นกัน"

ผีสาวมองตามแผ่นหลังกว้างเหยียดตรงที่กำลังสั่นกระเพื่อม เพราะพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่หัวเราะออกมาของไอดอลหนุ่มไป แล้วก็รู้สึกทะแม่งๆ ขึ้นมาก่อนจะนึกขึ้นมาได้ว่าเสียรู้ชายหนุ่มเข้าอีกแล้ว

"หนอย...ฝากไว้ก่อนเหอะ ครั้งนี้ฉันยกให้เห็นแก่ปลามื้อเย็นนะ" หล่อนพึมพัม กับตัวเอง


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ชายหนุ่มหยิบนาฬิกาที่หัวเตียงมาดูก่อนจะเข้านอน แล้วก็ต้องส่ายหน้าด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อย เพราะนาฬิกาที่ใช้ปลุกเป็นประจำนั้นถ่านหมด แต่ไอ้ครั้นจะลงไปซื้อตอนนี้ก็เสี่ยงกับการถูกแฟนคลับวิ่งไล่จับทั้งคืนไม่คุ้มแน่ๆ หลี่เซี่ยเฟยจึงหันมาตั้งปลุกที่มือถือแทน ระหว่างนั้นเสียงหัวเราะหยอกล้อของผีสาวกับแมวของเขาก็ดังแทรกขึ้นมา

เจ้าถางถางกับพีพีดูเหมือนจะยอมรับว่า “หล่อน” ผีสาวชื่อสไบนางตนนี้เป็นสมาชิกในบ้านไปเรียบร้อยแล้ว พวกมันกำลังสนุกกับการไล่ตะปบเบ็ดตกแมวติดพู่เอาไว้ตรงปลายกันอย่างเมามัน ชายหนุ่มนึกตำหนิแมวของเขาในใจนิดหน่อย...ช่างเป็นแมวใจง่ายดีเหลือเกิน แต่อย่างว่าแหละในเมื่อเขาเองไม่ค่อยมีเวลาให้พวกมันเมื่อมีคน...เอ้ย ผีสาว มาเล่นด้วย พวกมันมีหรือจะรีรอไม่รีบตักตวงความสุข เมื่อคิดได้ดังนั้นหลี่เซี่ยเฟยก็คลี่ยิ้มออกมา ก่อนจะเกิดไอเดียร์กระฉูดปิ๊งความคิดดีๆ ขึ้นมาได้ ชายหนุ่มดีดนิ้วดังเป๊าะชื่นชมกับความฉลาดของตัวเองเสียเหลือเกิน

“ว่าน...มานี่หน่อย” สไบนางหันไปตามเสียงเรียก เมื่อสบนัยน์ตาพราวคู่นั้นหล่อนก็ชักสังหรณ์อะไรแปลกๆ เข้าแล้ว

“มีอะไร?” หล่อนไม่ยอมลุกไปหาแต่โดยดีเพียงแต่ถามอยู่กับที่เท่านั้น

“พรุ่งนี้เธอจะตามฉันไปทำงานจริงๆ เหรอ?”

“ก็ใช่น่ะสิ”

“มันจะดีเหร้...อ” ชายหนุ่มแกล้งลากเสียงเสียยาว

“ดีหรือไม่ดี ฉันเป็นคนตัดสินใจไม่ใช่นาย ถ้าฉันบอกว่าจะไปก็คือไปไม่ต้องมาขัดคอเลย!”

“หมายความว่าจะไม่เปลี่ยนใจ?”

“แน่นอนอยู่แล้ว!!” นัยน์ตาของหล่อนเรืองแสงขึ้นมาบอกความมุ่งมั่น ชายหนุ่มเห็นเข้าก็กระตุกยิ้มมุมปาก

“ดี!งั้นพรุ่งนี้ปลุกฉันตอน 8 โมงครึ่งนะ อ้อ! อย่าลืมให้อาหารแมวก่อนปลุกฉันด้วยนะ ราตรีสวัสดิ์” พูดจบหลี่เซี่ยเฟยก็มุดตัวลงไปใต้ผ้าห่มทันที

“หา?!!” สไบนางได้แต่ทำหน้าเอ๋อนิ่งอึ้งไปเพราะตามเล่ห์ไม่ทัน ก่อนจะตะเบงเสียงออกมา

“อะไรนะ!! นี่นายใช้ฉันปลุกเหรอ? ตื่นเองสิเฟ้ย!!”

“นาฬิกาปลุกถ่านหมด......” เสียงตอบมาเบาๆ แบบไร้เยื่อใยไม่แม้แต่จะหันมามองหล่อนด้วยซ้ำ

“นี่นายเห็นผีเป็นนาฬิกาปลุกหรือไงยะ!!”

“ไม่ปลุกก็ได้....แต่เธออดข้าวเช้า เพราะถ้าทีมงานมารับตอน 10 โมงเช้าก็จะลากไปเลยข้าวไม่ต้องกิน ”

“อ่ะ!!”

ชายหนุ่มพูดแค่นั้นแล้วเอื้อมมือมาดึงสวิทต์โครมไฟหัวเตียง จนห้องทั้งห้องมืดสนิท ทิ้งให้สไบนางนั่นหัวโด่อยู่กับแมวสองตัว ซึ่งเจ้าเหมียวเมื่อเห็นเจ้านายปิดไฟนอนพวกมันก็เลิกสนใจหล่อนแล้วพากันกระโดดขึ้นไปบนเตียงทันที พีพีรีบมุดเข้าไปในผ้าห่มส่วนถางถางเลือกนอนพิงอิงแอบอยู่กับหลังของหลี่เซี่ยเฟย

“ไอ้บ้า...าา!!” หล่อนกัดฟันเสียงสั่นอยู่ในความมืด คืนนั้นไอดอลหนุ่มไม่รู้ว่าผีสาวเข้านอนกี่โมงเพราะไม่ได้สนใจหล่อนอีก แล้วเขาก็หลับอย่างมีความสุขได้นอนแบบเต็มตาไร้ความกังวลเสียที


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


แสงแดดยามสายค่อยๆ ทอประกายส่องลอดผ่านบานหน้าต่างเข้ามาช้าๆ อย่างอ้อยอิ่ง พร้อมกับเสียงนกร้องปะปราย สไบนางยืนกอดอกมองดูชายหนุ่มที่หลับตาพริ้มอยู่บนเตียง มันหล่อจนน่าหมั่นไส้จริงๆ หญิงสาวด่าอยู่ในใจ จ้องอยู่นานก็ไม่มีวี่แววว่าไอดอลหนุ่มจะพลิกฟื้นตื่นจากนิทราขึ้นมาได้เอง ไอ้เหมียวที่นอนข้างๆ ก็หงายท้องนอนขึ้นอืดเป็นแมวตายพอๆ กัน ให้มันได้อย่างนี้สิทั้งแมวทั้งเจ้านาย

“ไอ้อ้วนขาว, ไอ้อ้วนดำ จะกินข้าวมั้ย?”

เงียบสนิทไร้เสียงตอบรับใดๆ จากแมว จะมีบ้างแค่ขยับตัวบิดขี้เกียจจากพีพีเหมียวดำเท่านั้น ทำเอาหล่อนเซ็งสนิทว่าแล้วก็เสกลมให้ยกถุงใส่อาหารแมวลอยขึ้นมาแล้วเขย่าๆ ดังๆ เจ้าแมวตัวกลมแสนขี้เกียจตัวหนึ่งในจำนวนสองตัวกระดิกหูแล้ว ลืมตาขึ้นมามองหล่อนตาแป๋วก่อนจะลุกขึ้นยืนอย่างดีอกดีใจ

“ไปปลุกแพทก่อนแล้วค่อยกิน ไปสิไอ้อ้วนขาว”

ถางถางเหมือนจะฟังหล่อนพูดรู้เรื่อง มันหันกลับไปมองหลี่เซี่ยเฟย
คราหนึ่งแล้วก็หันมาทำหน้ายุ่งใส่หล่อน เหมือนจะบอกว่าธุระไม่ใช่ หน้าที่ปลุกเจ้านายมันของเธอนี่ยะ!

ทำเอาผีสาวขุ่นเคืองในทันที พอเหลือบมองไปที่เหมียวดำหวังจะใช้มันไปปลุกแทนแต่ปรากฏว่ามันยังนอนหลับต่อหน้าตาเฉย

“ไม่ได้เรื่องเลย! ไร้ประโยชน์จริงๆ นังถังแตก! ดีแต่กิน เจ้าหมูพีไอ้นี่ก็นอนอืดขี้เซาพอกะนายแกเลยนะ ฮึ่ย...พึ่งพาไม่ได้สักตัว” ว่าแล้วหล่อนก็ปีนขึ้นไปบนเตียงยืนเท้าสะเอวอยู่ปลายขาชายหนุ่มแล้วตะโกนเรียกเสียงดัง

“แพท! ตื่นได้แล้ว”

เงียบฉี่....ไร้เสียงตอบรับใดๆ จากชายหนุ่มบนเตียง มีแต่เสียงลมหายใจดังสม่ำเสมอ จนผีสาวเกาหัวแกร่กๆ หาอะไรทุ่มใส่ดีมั้ยหว่า? ไม่ได้ๆ เดี๋ยวโดนหน้าเข้าเสียหล่อล่ะราคาตกแย่เลย หล่อนจึงใช้วิธีแหกปากตะโกนเรียกอีกครั้ง แต่หนุ่มหล่อขี้เซาบนเตียงยังนอนนิ่งอวดขนตายาวได้หน้าตาเฉย

“ขี้เซาขนาดนายนี่มันน่าจะถูกเกย์ลักหลับเสียจริงๆ ให้ตายสิ!!” สไบนางบ่นด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะดูนาฬิกาจากมือถือของชายหนุ่ม

“แย่ละ....จะ 9 โมงอยู่แล้ว นี่...เดี๋ยวฉันก็พลอยอดข้าวเช้าไปกับนายด้วยหรอก” ผีสาวห่วงกระเพาะตัวเองยิ่งนักทำให้หล่อนมุ่งมั่นว่ายังไงก็ต้องลากหมอนี่ขึ้นมาทำอาหารให้หล่อนกินให้จงได้

“ เรียกดีๆ ไม่ตื่นใช่มะ...แบบนี้มันต้อง....”

สไบนางพาร่างโปร่งใสลอยล่องเข้ามาใกล้ร่างของหลี่เซี่ยเฟยอย่างแช่มช้า บรรยากาศรอบตัวถูกผีสาวครอบคลุมจนอุณหภูมิเย็นตัวลง แสงแดดที่เมื่อครู่ยังส่องสว่างเข้ามาในห้องกลับถูกรัศมีดำมืดของผีสาวครอบคลุมจนห้องดูมืดสลัว ใบหน้าของผีสาวยามนี้ดูซีดเผือดลงกว่าปกติมากนัก ดวงตารียาวคู่นั้นแลดูเย็นชาและเย็นยะเยียบเกินกว่าจะเป็นแววตามนุษย์ เลือดสดๆ สีแดงค่อยๆ ไหลเยิ้มลงมาเป็นสายจากศรีษะซีกซ้ายลงมาเปื้อนใบหน้าของหล่อน แล้วร่างโปร่งแสงนั้นก็ค่อยๆ ทรุดกายนั่งลงบนหน้าอกของชายหนุ่มบนเตียง หล่อนโน้มตัวลงมาก้มหน้าจนเกือบติดใบหน้าของเขาจนเส้นผมยาวนั้นละไปโดนจมูก หลี่เซี่ยเฟยหยีจมูกเล็กน้อยคล้ายจะจาม ก่อนจะพยายามขยับตัวไปมาด้วยความอึดอัด แต่ไม่ได้ช่วยให้อาการดังกล่าวลดน้อยถอยลงไปได้เลย

“แก....ทำ....ฉัน...ตาย....แพท...Vanilla Shade ”

ชายหนุ่มใต้ร่างหล่อนส่ายหน้าไปมาด้วยอาการอึดอัดคล้ายคนหายใจไม่ออก เหงื่อเม็ดใหญ่ๆ เริ่มผุดขึ้นมาบนใบหน้า

“แพท...ท.....นายต้องรับผิดชอบ.....ฉันขออาฆาตตตตต....ต ”

เสียงยานครางของหล่อนฟังดูโหยหวนน่ากลัวจับจิต หลี่เซี่ยเฟยหายใจฟึดฟัดอยู่หลายทีแล้วจึงลืมตาขึ้นมา ดวงตาของชายหนุ่มเบิ่งค้างเมื่อเห็นหน้าเปื้อนเลือดหล่อนเต็มตา

“เหว...ออออออ....อ!!”

ไอดอลหนุ่มกระเด้งตัวพรวดขึ้นมาทันด้วยความตกใจอย่างที่สุด สไบนางเห็นชายหนุ่มตื่นแล้วหล่อนจึงค่อยพาร่างโปร่งใสของหล่อนถอยออกมา รัศมีดำมืดรอบตัวผีสาวค่อยๆ จางหายไป อุณหภูมิในห้องกลับสู่บรรยากาศปกติ แสงแดดอุ่นส่องลอดม่านเข้ามาเหมือนเมื่อครู่

“เฮ้อ..อๆๆๆๆ เฮ้อออออ...ตกใจหมด” หลี่เซี่ยเฟยหายใจหอบจนแผ่นอกกว้างนั้นกระเพื่อมไปมาก่อนพักใหญ่ก่อนจะตั้งสติได้และหันหน้ามามองหล่อน

“โอ้ย...ย เธอนี่สุดยอดจริงๆ ปลุกให้มันนิ่มนวลกว่านี่หน่อยไม่ได้หรือไง น่ากลัวชะมัดเกิดฉันช็อคตายไปทำไงเนี่ย?!!”

“อย่ามาทำพูดดี ตอนปลุกดีๆ อยากไม่ตื่นเองนี่” หล่อนนั่งไขว่ห้างอยู่ปลายเตียง แล้วเชิดหน้าขึ้นตอบอย่างอวดดี

“ตื่นแล้วก็ไปอาบน้ำสิ จะได้ทำข้าวเช้าสักทีฉันหิวแล้ว!”

“สมองเธอนี่สนใจแต่เรื่องกินหรือไง? กี่โมงแล้วเนี่ย?” ชายหนุ่มเสยผมยาวที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อขึ้นก่อนจะปรายตามามองหล่อน

“จะ 9 โมงอยู่แล้ว ทีมงานจะมารับตอน 10 โมงไม่ใช่เหรอไปอาบน้ำได้แล้ว” หลี่เซี่ยเฟยพยักหน้าก่อนจะยอมลุกขึ้นแต่โดยดีแล้วหายเข้าห้องน้ำไป

สไบนางคลี่ยิ้มสะอกสะใจออกมาอย่างน้อยหล่อนหมอนี่ก็หือกะหล่อนไม่ขึ้น แต่ระหว่างที่จะอ้าปากหัวเราะนั้นเอง ผีสาวก็เหลือบไปเห็นเจ้าแมวดำพุงกางยังนอนหงายท้องแผ่สองสลึงอยู่ที่เดิม จะว่ามันตกใจจนหงายเก๋งสลบไปก็ไม่ใช่ เพราะเจ้าพีพียังมีการแลบลิ้นสูดน้ำลายดังแจ่บๆๆ อยู่เป็นระยะ แสดงว่ามันไม่ได้เห็นผีหลอกหรืออะไรเลยแต่ตั้งหน้าตั้งตาหลับอย่างมุ่งมั่นต่างหาก

“ไอ้หมูดำ! ตื่นเดี๋ยวนี้นะ”


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


“เธอจะเอาอะไรกับแมวเล่า! ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

นั่นเป็นประโยคแรกที่หลี่เซี่ยเฟยคุยกับสไบนางในเช้านี้ ชายหนุ่มส่งเสียงหัวเราะออกมาจากในครัว โดยมีผีสาวนั่งรอหน้าง้ำอยู่ที่โต๊ะอาหาร

“พีพี มันก็เป็นอย่างนั้นแหละ มันน่ารักก็ตรงนี้ล่ะ ”

“น่ารักตายล่ะเลี้ยงแมวเป็นหมู นอนแบะอย่างกับไก่ย่าง”

“เธอควรดีใจนะว่าน แมวน่ะถ้ามันนอนหลับต่อหน้าใครได้ แสดงว่ามันไว้ใจคนๆ นั้น มันไว้ใจเธอไง”

สไบนางฟังแล้วทำหน้าเหมือนอยากจะเหงื่อตกสัก 2 ถัง หล่อนควรจะดีใจอย่างที่หมอนี่ว่าดีมั้ยนะ? การที่เจ้าพีพีมันนอนหลับได้ขนาดนั้นก็แสดงว่ามันไม่กลัวหล่อนน่ะสิ ขนาดแมวยังไม่กลัวเลยแล้วผีอย่างหล่อนจะมีอนาคตมั้ยเนี่ย ? ผีสาวรู้สึกเสียความมั่นใจขึ้นมากะทันหัน

“กินข้าวกันดีกว่า...”

หลี่เซี่ยเฟยถือจานขนมปังเดินออกมาจากในครัว พร้อมด้วยนมแก้วหนึ่ง มาวางตรงหน้าหล่อนที่รอคอยอย่างใจจดใจจ่ออยู่กับโต๊ะอาหาร

“แค่นี้เองเหรอ?” ผีสาวมองอาหารเช้าในจานของชายหนุ่ม มันมีแค่ขนมปังไม่กี่แผ่นที่ทาไว้ด้วยทูน่าสเปช

“เช้าๆ อย่างนี้จะกินอะไรมากมายเล่า?”

“อาหารเช้าน่ะ เป็นมื้อสำคัญที่สุดนะ ต้องกินมากที่สุดสิ ” หลี่เซี่ยเฟยไม่สนใจหล่อนนักแถมยังค่อนขอดกลับเสียอีก

“มื้อไหน ฉันก็เธอเห็นกินจุทุกมื้อนั่นแหละ มิน่ากลมเชียว”

ผีสาวฟังแล้วค้อนเขาตาคว่ำ จริงอยู่หล่อนอาจจะไม่ผอมเพรียวบางสเลนเดอร์ ออกจะอวบๆ เล็กๆ ตามสไตล์คนมีเนื้อมีหนัง แถมยังแก้มยุ้ยเป็นเอกลักษณ์ แต่ก็ไม่ถึงกับอ้วนอะไรอย่างที่โดนจิกกัด

“ฉันน่ะถ้าตื่นแล้วไม่กินข้าวเช้าภายใน 2 ชม. จะท้องเสียทันที มื้อเช้าเลยขาดไม่ได้ ยังไงก็ช่วยกินเข้าไปอีกหน่อยก็แล้วกัน มื้อกลางวันฉันกินน้อย”

“อ๋อ....อ ได้สิ” ชายหนุ่มตอบหลังจากดื่มนมในแก้วหมดไป เขาหันไปหยิบเอากล่องใส่กุ๊กกี้มาเปิดแล้วหยิบขึ้นมากินชิ้นหนึ่ง

“เพิ่มแค่นี้พอมะ” รอยยิ้มพรายปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าหล่อเหลานั้น

“แพท !”

‘ฉัน เกลียดไอ้หมอนี่จริงๆ ‘ หล่อนได้แต่กำไม้กำมือแล้วกร่นด่าพ่อรูปหล่อตรงหน้าในใจ ‘โดยเฉพาะไอ้ลูกตาวาวๆ กะไอ้ยิ้มเยาะนั่น’ หลี่เซี่ยเฟยแม้ไม่ได้ยินเสียงในใจหล่อนแต่ก็เดาได้ไม่ยากว่าผีสาวคิดอะไร รอยยิ้มหวานบาดจิตจากริมฝีปากรูปกระจับนั่นก็ยิ่งทำงานมันก็ช่างเฉิดฉายแจ่มจรัสยิ่งนัก หากแฟนคลับมาเห็นเข้าตอนนี้คงกรี๊ดสลบเป็นแถวยาวไม่ต่ำร้อยกว่าศพแน่ๆ แต่ตรงกันข้ามกับสไบนางหล่อนยิ่งมองหล่อนยิ่งอยากจะอกแตกตาย

“กินข้าวเช้าอิ่มแล้ว ไปให้อาหารแมวซะสิ” เจ้าของรอยยิ้มนั่นยังคงจีบปากจีบคอสั่งหล่อนราวกับเป็นขี้ข้าแต่ปางบรรพ์ก็ไม่ปาน


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


อ่านต่อตอนหน้าค่ะ


Create Date : 05 มกราคม 2549
Last Update : 2 มิถุนายน 2552 22:35:31 น. 2 comments
Counter : 376 Pageviews.

 
Image Hosted by ImageShack.us


โดย: erol วันที่: 5 มกราคม 2549 เวลา:3:21:09 น.  

 
ถังแตกกับหมูพีน่ารัก ว่านอย่าทำอะไรรุนแรงนะจ๊ะ
(มาห่วงแมว )


โดย: มณีมัญชุ์ วันที่: 24 พฤศจิกายน 2550 เวลา:0:08:31 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

แก้วกังไส
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 54 คน [?]







ผลงานเขียนที่ผ่านมาค่ะ

รักนี้(แค้น)ต้องชำระ


Amethyst Sonata
เพลงรัก..ลิขิตหัวใจ



บาปปาริชาต

Friends' blogs
[Add แก้วกังไส's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.