•-•❀❀❀mAmiYa❀❀❀•-• The Memory of Precious Time
Group Blog
 
 
พฤศจิกายน 2551
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
5 พฤศจิกายน 2551
 
All Blogs
 
28 Weeks กับอาการท้องแข็ง

ก่อนไปโรงพยาบาลลูบท้องบอกยัยหนูว่าคราวนี้ขอ ให้พ่อกะแม่ได้เห็นหน้าหนูบ้างนะลูกเพราะหนูหันตูดให้แม่ดูทุกครั้งเลย วันนี้ไปถึง ร.พ. ตอนรอตรวจคนเยอะมากคิดว่าคงได้รอเป็นชั่วโมงแน่ๆ เลย แต่ผิดคาดรอประมาณ 15 นาที คุณพยาบาลก็มาเรียกไปพบคุณหมอ คุณหมอก็ถามว่า 1 เดือนที่ผ่านมามีอะไรผิดปกติหรือเปล่า ก็บอกหมอว่ามีอาการท้องแข็ง หมอก็ซักถามว่าที่ผ่านมามีการออกกำลังกาย หรือเดินมากผิดปกติหรือเปล่า จริงๆ แล้วก็เดินเยอะเป็นปกติ เพราะกลางวันชอบไปเดินเต้นท์ แล้วตอนเย็นก็เดินจากตึกไปชึ้นรถไฟใต้ดิน ก็ทำแบบนี้เป็นประจำมานานแล้ว หมอก็เลยให้อัลตร้าซาวน์ก่อน เสร็จแล้วต้องขึ้นไปชั้น 4 เพื่อไปวัดการบีบรัดตัวของมดลูก เพื่อดูความผิดปกติ

พอขึ้นเตียงเริ่มอัลตร้าซาวน์ปุ๊บ ยัยหนูหันหน้ามาพอดี คุณพ่อตื่นเต้นมากบอกเห็นหน้าแล้วๆ คุณหมอก็เลยรีบจับภาพสี่มิติทันทีทันใด เพราะกลัวว่าจะมุดหน้าหนีไปซะก่อน พอจับภาพได้คุณหมอก็สั่งพริ้นภาพออกมาแบบไม่ยั้ง ปกติจะได้มาไม่เกินสองรูป คราวนี้ได้มา 6 รูปเลย แม่ดีใจมากในที่สุดก็ได้เห็นหน้าหนูซะทีหมอบอกว่าหนูน้อยของแม่จมูกเป็นสัน แก้มยุ้ย แสดงว่าแม่ทานโปรตีนเพียงพอ เพราะถ้าแม่ทานโปรตีนไม่เยอะแก้มลูกจะไม่ยุ้ย จะเหมือนหนังหุ้มกระดูก แล้วผมยัยหนูก็มีแล้วด้วย เห็นเส้นผมเป็นหย่อมเล็กๆ ดีจังผมดกเหมือนแม่แน่ๆ เลยลูก ตอนนี้่ลูกแม่หนัก 1 กิโลกับสองขีดหน่อยๆ แล้ว

หลังจากอัลตร้าซาวน์เสร็จหมอก็ให้รถเข็นมารับ ให้นั่งรถเข็นไปชั้น 4 เพื่อทำการวัดการบีบรัดตัวของมดลูก พอไปถึงชั้น 4 เค้าเขียนหน้าห้องว่าห้องคลอด นี่ต้องไปห้องคลอดเลยเหรอ คุณพยาบาลก็พาเข้าไปในห้อง เหมือนห้องพักฟื้น คนไข้ มีเตียง มีทีวี มีกาน้ำร้อน มีโซฟาสำหรับคนที่มาเฝ้า และมีห้องน้ำในตัว มารู้อีกที คุณพยาบาลบอกว่าเป็นห้องคลอดแบบที่คุณแม่คลอดแบบธรรมชาติ ก็เลยได้ทัวร์ห้องคลอด ก่อนคลอดจริงๆ ไปเลยคราวนี้

คุณพยาบาลให้นอนบนเตียงโดยมีสายสองสายมาแปะไว้ที่ท้อง อันนึงวัดการเต้นของหัวใจของเด็ก อีกสายนึงวัดการหดตัวของมดลูก และอีกสายนึงให้คุณแม่ถือ จะมีปุ่มตรางปลายสายไว้ให้กด คุณพยาบาลบอกให้กดตอนลูกดิ้น พอรู้ตัวว่าเด็กดิ้นให้กดทุกครั้ง

แต่ไม่ต้องกังวลเพราะ จริงๆ แล้วเครื่องเค้าจับได้ว่าลูกดิ้น แค่ดิ้นเบาๆ เครื่องก็จับได้ แต่ก็อยากให้คุณแม่กดด้วยพอเริ่มเดินเครื่องก็จะมีตัวเลข อัตราการเต้นหัวใจขึ้นมา ซึ่งพยาบาลบอกว่าปกติดี พร้อมกับตัวเลขอัตราการบีบหดตัวของมดลูกซึ่ง ตอนเริ่มแรกก็ปกติเหมือนกัน ด้านล่างมีกระดาษ print เป็นกราฟออกมา 3 เส้น เรื่อยๆ ตามจังหวะการเต้นของหัวใจ การบีบรัดตัวของมดลูกแต่ละครั้ง และอีกเส้นเป็นจุดๆ คือการดิ้นของลูก

คุณพยาบาลก็เล่ารายละเอียดให้ฟัง เกี่ยวกับเครื่องวัด ว่าถ้าภายใน 20 นาที ไม่มีอาการท้องแข็งก็ถือว่าปกติ  บางรายถ้าเป็นถี่ๆ หรือมีอาการเลือดออกร่วมด้วยก็ต้องนอนพัก ที่โรงพยายบาลพยาบาลก็อธิบายให้ฟังยาวเหยียดตั้งแต่กรณีที่อาการเบาสุด ไปจนถึงหนักสุดให้ฟังว่า สามารถเกิดขึ้นได้ เพราะวันนี้ที่มีอาการคล้ายกันต้องส่งขึ้นข้างบนมี 3 ราย

สอบถามพยาบาลเกี่ยวกับห้องคลอด ห้องเนอส การดูแลเด็ก และคุณแม่ หลังคลอด ได้ซักพักคุณพยาบาลก็ขอตัวออกไปโดยบอกว่าอีก 20 นาทีจะโทรตามคุณหมอขึ้นมาคุยด้วย ก็นอนไปเรื่อยๆ ดูทีวีไป พอรู้สึกว่าลูกดิ้นก็กดเครื่องไป คุณพ่อก็ตื่นเต้น เดินสำรวจห้อง สำรวจเตียง สำรวจห้องโน่นนี่ได้ซักพักก็มายืนคุยยืน ให้กำลังใจข้างๆ เอารูปที่คุณหมอปริ้นมาขึ้นมาดูสลับกับดูหน้าแม่ พลางพูดว่า สงสัยหน้าจะเหมือนแม่ ก็ลูกแม่นี่จะไม่หน้าเหมือนแม่จะให้เหมือนใครเน๊อะ

พอเกือบครบ 20 นาทีคุณพยาบาลก็เดินมาบอกว่าจะโทรตามคุณหมอขึ้นมาดูจากกราฟ แล้วก็ปกติดีทุกอย่าง ไม่มีอาการแข็งตัวของมดลูกใดๆ ในช่วง 20 นาทีนี้ นอนรอไปเรื่อย ๆ กว่าคุณหมอจะขึ้นมาก็ปาเข้าไปเกือบชั่วโมง หลัง 30 มาทีผ่านไป ก็มีอาการท้องแข็งขึ้นมา กราฟพุ่งสูงปริ๊ดเลย อาการท้องแข็งคือ หน้าท้องจะเกร็งเป็นก้อนแข็งๆ แล้วจะมีอาการหายใจไม่ออก ถ้าเป็นตอนเดินๆ อยู่ต้องหยุดเดินเลยแหละ แต่จะเป็นพักเดียวประมาณครั้งละ 1 นาทีก็จะหาย สาเหตุมาจากการบีบรัดตัวของมดลูกนั่นเอง

พอคุณหมอขึ้นมา ถึงก็อธิบายให้ฟังว่าอาการไม่ได้ซีเรียสเพราะใน 20 นาทีไม่พบความผิดปกติ ถือว่าไม่อันตราย แต่คุณหมอก็สั่งยาคลายกล้ามเนื้อเรียบมาให้ (กล้ามเนื้อเรียบเป็นกล้ามเนื้อที่เราควบคุมไม่ได้ เช่น หัวใจ ปอด กระเพราะอาหาร และมดลูก)

หมอให้ทานหลังอาหารเช้าเย็นเป็นเวลา 1 สัปดาห์ แล้วคุณหมอขอนัดเพื่อมาดูอาการ พร้อมกับมาจับเข้าเครื่องวัดอีกทีเสาร์หน้า อาการข้างเคียงของยาคือ ใจสั่น ท้องอืด เพราะกินยานี้เข้าไปมันจะไปมันจะไปควบคุมกล้ามเนื้อเรียบของร่างกายเราทั้ง หมด ไม่ใช่เฉพาะส่วนมดลูกอย่างเดียว หัวใจ ปอด กระเพาะ อาหารด้วย

หมออธิบายว่าร่างกายของคนเราไม่เหมือนกัน พวกที่เป็นกรรมกรทำงานแบกหาม เวลาท้องก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรกัน แข็งแรงดี มีลูกดกกันเต็มไปหมด แต่พวกที่มีเงินอยากมีลูกมากๆ พอมีขึ้นมา แทบไม่ทำอะไรเลยนอนเฉยๆ ยังหลุดได้เลย และสาเหตุที่คนท้องมีอาการแบบนี้กันเยอะขึ้น ก็เพราะว่า ผู้หญิงเราเดี๋ยวนี้มีการมีงานทำ ทำให้แต่งงานช้า พอมีลูกก็อายุเยอะแล้ว โอกาสเสี่ยง ก็จะมีมากขึ้นตามอายุไป

หมอแนะนำว่าสัปดาห์นี้ให้งด กิจกรรมต่างๆ ก่อนเช่น การเดินไกลๆ การเดินทาง งานบ้านทุกอย่าง เช่น ซักผ้า ทำกับข้าว ให้เลิกไปเลย จนกว่าอาการจะดีขึ้น จริงๆ แล้วก็แทบไม่ได้ทำอะไรเลย นอนอยู่เฉยๆ บางทีมันก็เบื่อลุกมาทำโน่นทำนี่นิิดหน่อยเอง หมอบอกว่า ถ้าเด็กออกมาตอนนี้ก็มีชีวิตรอดแต่จะต้องอยู่ในตู้อบ มีค่าใช้จ่ายสูง หมอบอกอดทนหน่อย ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็ให้ได้ 35 weeks ปอดเด็กทำงานเองได้แล้ ออกมาก็มีชีวิตรอดได้ไม่ต้องใช้เครื่องอะไรช่วย แต่จะให้ดีต้องอยู่ให้ครบ 40 weeks หมอบอกว่าคุณแม่อดทนไว้นะ รอดูอาการซักสัปดา์ห์ถ้าดีขึ้นก็ใช้ชีวิตปกติได้

หลังจากคุยกับหมอเสร็จก็มารับยา ไปกินก๋วยเตี๋ยวอนามัยเสร็จก็กลับบ้านนอนเลยคิดว่าจะไปว่ายน้ำ หรือออกไปเที่ยวซะหน่อยก็เลยต้องอดไปเลยอาทิตย์นี้ อาทิตย์หน้าก็อดเหมือนกันเพราะหมอนัด แถมวันอาทิตย์ต้องไปเลือกตั้งผู้ว่าด้วยนิ

เพลงของลูก

ตั้งแต่วันที่รู้ ว่ามีเจ้ามา
แม่ก็เฝ้าตั้งตารอคอย
อยากจะเห็นใบหน้าน้อยๆ นั้น เหลือเกิน

เจ้าหลับตาพริ้ม เจ้ายิ้มยังไง
ยามแกว่งไกวเจ้า แม่จะมอง
จะร้องเพลงกล่อมนอนให้เจ้าฝันดี

ฮืม....อยากให้ฝันถึงเมฆบนฟ้า
อยากให้คว้าสายลมเย็นๆ
อยากให้เห็นเจ้าหญิงเจ้าชายที่แสนงดงาม

อยากจะเห็นเจ้านั้นเติบโต
ก้าวต่อไปในโลกใบกว้าง
แม่จะมองตามเจ้าทุกทางที่เจ้าหวังไป



Create Date : 05 พฤศจิกายน 2551
Last Update : 5 พฤศจิกายน 2551 14:10:27 น. 0 comments
Counter : 1098 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

anglekiller
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




ชอบอ่านกระทู้ในห้องชานเรือนไม่ค่อยได้ post อ่านเก็บข้อมูลเฉยๆ สำหรับ blog ไปเขียนไว้ที่ Multiply อ่ะ ว่างเมื่อไหร่ก็ไปก็อปมาแปะที่นี่ด้วยค่ะ ^_^
Friends' blogs
[Add anglekiller's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.