พระเครื่อง : แหล่งข้อมูลบทความพระเครื่อง เครื่องรางของขลัง และวัตถุมงคล
Group Blog
 
<<
กันยายน 2556
 
13 กันยายน 2556
 
All Blogs
 

ทดสอบ SUBARU FORESTER 2.0 AWD (ตอนที่2)

ทดสอบ SUBARU FORESTER 2.0 AWD (ตอนที่2)

ตอนที่สองกับการขับขี่ทดสอบ Subaru Forester 2.0i Premium รถ SUV รุ่นล่าสุดของค่ายหมู่ดาว...

Subaru Forester 2.0i Premium คันทดสอบสี Crystal Black Silica ซึ่งเป็นรถรุ่นล่าสุดในโมเดล Forester ดูจะเหมาะสมกับการขับลุยได้ดีกว่าตัวเก่า จากมิติของตัวถังและขนาดความสูง ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อตลอดเวลาได้กลายมาเป็นอาวุธเด็ดที่มีไว้ต่อกรกับรถคู่แข่งร่วมตลาดอย่าง Toyota Rav-4 / Mazda CX-5 / Honda CRV / BMW X-1 และ MINI Countryman Cooper S All 4 การเข้าไปนั่งภายในตำแหน่งคนขับของเจ้า Forester 2.0i Premium สร้างความรู้สึกเหมือนคุณกำลังนั่งอยู่บนหลังช้างที่สูงโย่ง ท่านั่งในสไตล์ SUV กับเสาหน้า-กลาง-หลังของตัวรถที่ออกแบบให้เล็กลงช่วยเพิ่มมุมมองทัศนวิสัยที่ดี การมองเห็นได้ไกลมากกว่าปกติ ทำให้คุณสามารถประเมินสถานการณ์ในการขับขี่ควบคุมและตอบสนองต่อสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าได้เหนือกว่ารถเก๋งแบบซีดานซึ่งมีสัดส่วนของความสูงเตี้ยกว่ามาก เบาะคู่หน้าที่ปรับได้ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้ายังนั่งนิ่มสบายหลัง พื้นที่เหนือศีรษะและพื้นที่วางเท้ามีมาให้อย่างเหลือเฟือและสร้างบรรยากาศตลอดจนความรู้สึกที่โปร่งโล่งตลอดการขับขี่ รถ Subaru Forester 2.0i Premium สีดำคันทดสอบยังมี Sunroof ขนาดใหญ่ที่เปิดได้กว้างครอบคลุมทั้งส่วนของผู้โดยสารตอนหน้ายาวไปจนถึงด้านหลัง เนื่องจากมันค่อนข้างได้รับความนิยมในสหรัฐอเมริกาและยุโรป การมีห้องโดยสารใหญ่ราวกับโบสถ์วิหารเพื่อเอาอกเอาใจลูกค้าไซส์ฝรั่งซึ่งส่วนมากมีรูปร่างที่สูงใหญ่ นับเป็นอีกหนึ่งจุดขายที่ครองใจลูกค้าแฟนคลับของ Forester มานานพอสมควรตั้งแต่โมเดลแรกๆ ถูกส่งออกทำตลาด


โหมดการขับขี่สามรูปแบบ เริ่มจาก Intelligent mode ที่เหมาะกับการขับในเมือง Sport mode สำหรับการเรียกพละกำลังในรูปของแรงบิดเพื่อการเร่งความเร็วอย่างต่อเนื่องรวมถึงการขับแซงรถช้า และ X-mode ที่ออกแบบไว้เฉพาะสำหรับการใช้งานเมื่อวิ่งฝ่าเข้าไปในทางสมบุกสมบันทุรกันดาร ประสิทธิภาพของ New Forester สำหรับการลุยดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก มันเกิดขึ้นได้จากระบบรองรับและระบบขับเคลื่อนอย่างที่เคยกล่าวไว้ตอนทดสอบ Subaru XV Crossover น้องเล็กสุดท้องของค่ายหมู่ดาวที่ถนัดในการลุยมากกว่าเอามาวิ่งเรียบๆ ใน Intelligent mode บน New Forester 2.0i Premium คันเร่งในโหมดประหยัดเชื้อเพลิงออกแนวยืดหยุ่นเมื่อขับใช้งานในเมือง คุณไม่ต้องกังวลกับมันมากนักเมื่อเห็นขนาดของตัวถังที่กว้างใหญ่ราวกับรถ SUV ของพวกมะกัน เครื่องยนต์สูบนอนแบบ Boxer แม้จะมีปริมาตรความจุเพียงแค่ 2.0 ลิตร แถมยังเป็นเครื่องยนต์แบบหายใจด้วยตัวเองไม่ได้พึ่งพาระบบอัดอากาศเหมือนกับรุ่น XT แต่การเคลื่อนตัวออกจากจุดหยุดนิ่งรวมถึงการไหลไปตามสภาพการจราจรในเขตเมืองนั้นไม่แตกต่างจากรถเก๋งเครื่องยนต์ 2,000 ซีซีแม้แต่น้อย เรือนร่างน้องๆ ช้างสไตล์ SUV มีน้ำหนักตัวพอฟัดพอเหวี่ยงกับ Mazda CX-5 ที่ 1.6 ตันนิดๆ มีความคล่องแคล่วว่องไวพอสมควรกับการขับใช้งานภายในในเมืองหลวงอย่างกรุงเทพมหานคร แรงบิดรอบต่ำที่เกิดขึ้นจากการทำงานประสานกันของเครื่องยนต์ Boxer กับเกียร์ Lineartronic - continuously variable transmission หรือเกียร์ CVT มีความสมมาตรกับน้ำหนักของตัวรถทั้งคัน ทำให้การออกตัวจากสัญญาณไฟจราจรหรือการเปลี่ยนทิศทางง่ายดายราวกับรถคันเล็กๆ


ตำแหน่งท่านั่งที่สูงทำให้เห็นได้ในระยะที่ไกลมากกว่าปกติ มันแซงรถช้าได้อย่างมั่นใจ เกาะถนนแม้จะใช้ล้อและยางขอบ 17 นิ้ว ซึ่งดูๆ ไปแล้วกลับมีความเหมาะสมสำหรับขับขี่ในสภาพภูมิประเทศที่ทุรกันดารมากกว่าล้อวงโตขอบ 18 นิ้วของรุ่น XT ซึ่งเป็นรุ่นเครื่องยนต์ 2.0 ลิตรอัดเทอร์โบในโมเดล Forester ยาง Yokohama ไซส์ 225/60/R17 มีหน้ายางที่พอดิบพอดีไม่กว้างจนเกินไปและมีแก้มยางที่สูงมากพอสำหรับการขับลุยโดยไม่ส่งผลกระทบมากนัก แก้มยางที่สูงยังช่วยป้องกันล้ออัลลอยเมื่อคุณต้องลุยป่าฝ่าดงเผชิญกับหินดินทรายหลุมบ่อซึ่งอาจทิ้งริ้วรอยเอาไว้บนล้อแม็กซ์ราคาแพงจากขนาดความเตี้ยของแก้มยางในรถลุยรุ่นใหม่ที่นิยมใส่ล้อวงโตบวกด้วยยางแก้มเตี้ยเพื่อเน้นความสวยงาม แต่ยากที่จะใช้งานได้ในชีวิตจริง และเมื่อคุณต้องการจะลุย ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อตลอดเวลาใน X Mode จะช่วยให้การฟันฝ่าทางวิบากอยู่รอดปลอดภัยไปถึงจุดหมายได้ตามที่ต้องการ


ใน X Mode ซึ่งมีไว้สำหรับการขับในลักษณะออฟโรดเต็มรูปแบบ ECU ที่คอยควบคุมแรงบิดของแต่ละล้อ จะทำการลดหรือเพิ่มแรงบิดแบบผกผันไปยังล้อขับเคลื่อนทั้งสี่ล้อ การทำงานที่เป็นอิสระทำให้การกระจายแรงบิดไปยังล้อที่ยึดเกาะปกติหรือลดแรงบิดไปยังล้อที่สูญเสียแรงยึดเกาะช่วยให้คุณไต่ขึ้นที่สูงชันได้อย่างเหลือเชื่อ ทั้งๆ ที่เครื่องยนต์ของ Forester มีความจุเพียง 2.0 ลิตร แต่การส่งถ่ายแรงบิดจากเครื่องยนต์ผ่านเกียร์ไปยังเพลาขับของแต่ละล้อทำได้ดีน่าประทับใจ หล่มโคลนที่เคยเป็นหวากหนามของ Crossover บางสายพันธุ์ไม่สร้างปัญหาให้กับ New Forester มากนัก รวมถึงการวิ่งขึ้นทางลาดชันที่มีองศามากจนรถทั่วๆ ไปไม่สามารถตะกายขึ้นไปได้ เจ้านี่ก็ไม่มีย่นย่อ ครั้งหนึ่งในอดีต สำหรับวงการแรลลี่โลกเป็นที่รู้กันดีว่า Subaru เป็นรถที่ยากต่อการเอาชนะ ระบบขับเคลื่ิอนสี่ล้อกับเครื่องยนต์สูบนอนจุดศูนย์ถ่วงต่ำได้กลายมาเป็นแนวทางของค่ายหมู่ดาวมานานกว่า 30 ปี สมรรถนะและประสิทธิภาพของมันได้ประกาศผู้คนทั่วโลกได้รับรู้ถึงชัยชนะที่ยิ่งใหญ่เหนือรถยุโรปจากการแข่งขันแรลลี่ชิงแชมป์โลกเมื่อกว่า 10 ปีก่อน


ยาง Yokohama Geolander G91ไซส์ 225/60 R 17 99V เป็นยางเนื้อนิ่มที่มีลายดอกยางถี่ยิบ มันให้ประสิทธิภาพของการยึดเกาะดีเมื่อผมพยายามใช้ความเร็วในโค้ง โช้คอัพและกันโคลงสไตล์หนึบของค่ายหมู่ดาวกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา เมื่อมาพบกับยาง Yokohama Geolander G91 มันเหมือนการผสมกันในสัดส่วนที่มีความลงตัวทางค่าไดนามิกของ Forester ความสบายของกันสะเทือนเมื่อวิ่งบนถนนเรียบๆ มีอาการสะเทือนซางเพียงแค่เล็กน้อย เมื่อผมลองลงไปวิ่งในเส้นทางที่มีความยากลำบาก ส่วนผสมที่ถูกต้องก็ยังคงเกิดขึ้นบนสัมผัสของพวงมาลัยไฟฟ้าที่แม่นยำเที่ยงตรงมากกว่า Subaru XV ผู้น้องอย่างชัดเจน จากขนาดความกว้างของฐานล้อที่มีมากกว่า การถ่ายเทน้ำหนักและอาการโคลงตัวไม่ปรากฏหากไม่บ้ากดกันมาเต็มๆ แบบไม่มียั้ง ไม่ว่าคุณจะขับมันบนทางแบบไหน New Forester รุ่น 2.0i พรีเมี่ยมจะส่งถ่ายสมรรถนะที่ดีของรถยนต์แบบ SUV ออกมาอย่างหมดจดและเด็ดขาด ทางที่ค่อนข้างลื่นจากมรสุมประจำฤดูกาลไม่ใช่ปัญหาใหญ่ของรถคันนี้ วิ่งในสภาพฝนตกหนักคุณจะรู้ซึ้งถึงการยึดเกาะที่เหนือกว่ารถ SUV ทั่วไป ใกล้เคียง X3 xDRIVE เพียงแต่ความหนักแน่นของระบบรองรับจะน้อยกว่านิดหนึ่ง มันโอนอ่อนผ่อนคลายมากบนผิวทางที่ไม่เรียบและปราดเปรียวจนทำให้แปลกใจบนทางเรียบๆ พุ่งทะยานเปลี่ยนทิศทางไปตามการหมุนพวงมาลัยของคุณจนรู้สึกสนุกและเพลิดเพลินมากกว่าออฟโรดทุกๆคันที่มีราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท แม้ตัวจะใหญ่แต่การควบคุมกลับง่ายดายราวกำลังขับรถคันโตที่มีช่วงล่างเจ๋งๆ กับระบบขับ 4 ล้อตลอดเวลาที่คอยสอดประสานให้เส้นทางที่วิ่งผ่านไม่น่าเบื่ออีกต่อไป


New Forester 2.0i Premium ตัวล่าสุดดูเหมือนจะลุยได้ดีกว่าทุกๆ รุ่นที่ Subaru เคยสร้าง X Mode ที่เข้ามาช่วยเสริมเติมเต็มประสิทธิภาพของการลุย ช่วยให้คนที่ขับแบบออฟโรดไม่ค่อยเก่งยังสามารถขับขี่ฝ่าเส้นทางที่ทุรกันดารได้อย่างปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นหล่มโคลน ถนนลูกรังที่มีฝุ่นแดงปกคลุม พื้นหญ้าคาที่ลื่น หิมะหรืออะไรก็ตามที่บั่นทอนสมรรถนะของรถทั่วไปแต่ไม่ใช่สำหรับ New Forester ขีดจำกัดของตัวรถจึงขึ้นอยู่กับใจของคุณเองว่าจะกล้าพอในการที่จะนำพาเจ้ายานยนต์ขับ 4 คันนี้ไปลุยหรือไม่ เครื่องยนต์สูบนอน 2.0 ลิตร มีระบบ D4-S ซึ่งเป็นระบบจ่ายเชื้อเพลิงพัฒนาร่วมกับค่าย Toyota แม้จะไม่แรงเท่ากับรุ่น XT ซึ่งมีระบบอัดอากาศ แต่แรงบิด 20.2 กิโลกรัม/เมตร ยอมรับได้ในทุกสภาพการใช้งาน มันค่อนข้างครอบคลุมกับทุกสภาพทาง ไม่ได้แรงจนน่ากลัวเหมือนรถลุยราคาแพงจากฝั่งยุโรปแต่ก็สามารถเอาตัวรอดได้แทบจะทุกสถานการณ์ ระบบส่งกำลังแบบ CVT ซึ่งทางค่ายหมู่ดาวใช้ชื่อว่า Lineartronic บวกระบบ Active Torque Split AWD ทำหน้าที่ประสานแรงบิดจากเครื่องยนต์ไปยังระบบส่งกำลังแล้วถ่ายเทลงไปยังล้อขับเคลื่อนทุกล้อโดยมีคอมพิวเตอร์คอยสอดส่องแรงบิดของล้อแต่ละข้างให้มีความสมดุลสูงสุด เกียร์ CVT ที่ผู้ขับสามารถเปลี่ยนอัตราทดด้วยตัวเองได้ถึง 6 สปีด เป็นการลอกเลียนเกียร์อัตโนมัติทอร์คคอนเวอร์เตอร์ได้อย่างสมบูรณ์แบบแม้จะไม่เหมือนกันในบางจังหวะและความรู้สึก แต่ความนิ่มนวลเมื่อเกียร์ผ่องถ่ายอัตราทดขึ้น-ลง ทำให้หลายๆ คนที่ไม่ชอบอาการกระตุกรู้สึกพึงพอใจ น้ำหนักตัว 1.6 ตันดูเหมือนจะเบาเมื่อเทียบกับขนาดความกว้างและความสูงของตัวรถ เมื่อรวมกับชุดขับ 4 ล้อ การเร่งความเร็วบนเครื่องยนต์ 2.0 ลิตรจึงทำได้เพียงแค่เรื่อยๆ มาเรียงๆ ไม่กระโชกโฮกฮากเหมือนกับรุ่นเทอร์โบที่มีแรงบิด 35.7 กิโลกรัมเมตร แต่ราคาค่าตัวที่แตกต่างกันหลายแสนบาททำให้รุ่น 2.0i Premium มีความน่าใช้งานและทำใมห้รู้สึกไม่แพงมากจนเกินไปเมื่อเปรียบเทียบกับรุ่น XT 2.0 Turbo ที่มีราคาค่าตัวทะลุ 2 ล้านบาทไปไกลอยู่เหมือนกัน


Subaru มุ่งมั่นในการพัฒนาของระบบการขับเคลื่อนสี่แบบสมมาตร (Symmetrical AWD) เทคโนโลยีใหม่ๆ ได้รับการผลักดันจากทาง Fuji heavy industry มาเป็นเวลาหลายปีแล้ว ด้วยเหตุผลทางวิศวกรรมที่ทาง Subaru ต้องการที่จะกลับไปสู่พื้นฐานในการสร้างรถยนต์ที่จะทำให้ผู้คนได้เพลิดเพลินกับความเชื่อมั่นในการลุยได้อย่างสมบูรณ์แบบ มันมีความเหมาะสมที่สามารถตอบสนองให้กับเจ้าของด้วยความเหนือชั้นในด้านประสิทธิภาพของระบบขับเคลื่อนแบบทุกล้อ พร้อมสมรรถนะในการตอบสนองที่ดียิ่งขึ้น บริษัท Subaru ได้เริ่มผลิตรถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1972  จากนั้นเป็นต้นมา Subaru ได้เปิดตัวนวัตกรรมทางเทคโนโลยีของระบบขับเคลื่อนแบบ 4 ล้ออย่างต่อเนื่อง ซึ่งการปรับปรุงในแต่ละครั้งมีความสมบูรณ์แบบที่ดีขึ้นไปเรื่อยๆ ด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบสมมาตรที่สามารถปรับการกระจายแรงบิดไปยังล้อทั้งสี่ได้อย่างต่อเนื่องและอิสระ ด้วยแนวความคิดข้างต้นนี้จึงทำให้ Subaru สามารถแสดงศักยภาพที่ทำให้ตัวรถที่วางระบบนี้มีประสิทธิภาพเหนือกว่าคู่แข่งบนท้องถนน ซึ่งไม่ใช่แต่เพียงการจัดการที่ดีกว่าในสภาวะท้องถนนที่สุดขั้ว แต่เป็นเรื่องของการเพิ่มประสบการณ์การขับขี่ทั้งในระดับปกติที่ทำให้การขับใช้งานในชีวิตประจำวันมีความง่ายขึ้น ปลอดภัยและสะดวกสำหรับผู้ขับขี่ทุกคน


วิศวกรของค่ายหมู่ดาวทำการพัฒนาระบบส่งกำลังหรือ Power-train ที่สมบูรณ์แบบ สร้างสมรรถนะการขับขี่พร้อมกับความปลอดภัยคือระบบ Symmetrical AWD ทำไมถึงไม่ใช้ระบบส่งกำลังจากล้อหน้าหรือล้อหลังแบบรถทั่วๆ ไป ทั้งสองแบบมีข้อดีในสภาวะที่แตกต่างกัน แต่โดยหลักการนั้น การกระจายแรงขับเคลื่อนไปยังล้อทั้งสี่แทนที่จะเป็นแค่สองล้อ จะทำให้ได้ความรู้สึกมั่นคงในการควบคุมและปลอดภัยในทุกสถานการณ์ เหตุผลสำคัญคือ มีการผสมผสานกันระหว่างการจัดวางเครื่องยนต์ลูกสูบนอนที่มีศูนย์ถ่วงสั้นและต่ำ กับระบบส่งกำลังตามแนวยาวตรงตลอดเส้นกึ่งกลางของรถยนต์ ซึ่งทำให้เกิดเสถียรภาพขณะที่เลี้ยวหรือลัดเลาะไปตามโค้ง ระบบ AWD เป็นศูนย์กลางในการควบคุมแรงบิดทั้งหมดจากเครื่องยนต์ผ่านคอมพิวเตอร์ประมวลผล ทำให้ประสิทธิภาพโดยรวมของเครื่อง เกียร์และช่วงล่างตลอดจนเพลาขับของทุกล้ออยู่ในความสมดุล ให้ความแม่นยำและตอบสนองต่อการขับขี่ไม่ว่าจะเป็นการหักเลี้ยวเปลี่ยนทิศทาง รวมถึงการวิ่งด้วยความเร็วเดินทางในสภาพถนนที่เปียกลื่น เมื่อต้องขับขี่ด้วยความเร็วสูงและในสภาพอากาศที่เลวร้าย ระบบแชสซีส์และกันสะเทือนของ Forester ออกแบบมาเพื่อทำให้เกิดความสมดุลและความแม่นยำตามมาตรฐาน ชุดขับเคลื่อนทุกล้อของ Subaru มีการตอบสนองที่เหนือกว่าระบบ AWD ทั่วไป ส่วนประกอบสำคัญที่ช่วยให้ระบบ AWD มีความเสถียรสูงสุดคือเฟืองท้ายที่มีระบบ LSD โดยระบบกลไกเฟืองทดกำลังที่สลับซับซ้อน ออกแบบมาเพื่อการทดกำลัง ECU ของระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ จะคอยควบคุมการกระจายแรงบิดและจำกัดการลื่นไถลของยาง สมองกลส่วนกลางที่คอยสอดส่องจะเฝ้าระวังแบบล่วงหน้าและสั่งให้แรงบิดกระจายไปยังล้อที่ขาดกำลังหรือหยุดการส่งกำลังไปที่ล้อด้านที่หมุนฟรีทิ้งอย่างฉับพลันทันที มันขึ้นอยู่กับพื้นผิวถนนและสภาพทางที่มีความแตกต่างกันออกไปในแต่ละเส้นทาง การปรับค่ากระจายแรงบิดไปตามความเป็นจริงขณะขับขี่นี้ ทำให้ Forester ใช้แรงฉุดและความมั่นคงของระบบ AWD ได้อย่างเต็มที่ ซึ่งไม่ได้ใช้สำหรับเฉพาะสภาพการที่ลื่นเท่านั้น


เส้นทางที่ลัดเลาะจากเขื่อนขุนด่านปราการชล มุ่งหน้าไปยังด่านเนินหอมทางขึ้นวนอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ทางฝั่งปราจีนบุรีค่อนข้างเปิดโล่งและไร้รถราในวันธรรมดา ถนนสองเลนสวนกันมีชาวบ้านร้านตลาดเดินและขี่จักรยานกันประปรายทำให้การขับแบบกินลมชมวิวมีความเหมาะสมมากที่สุด การใช้ความเร็วต่ำใน Forester คือความสุขสมอารมณ์หมาย กระจกบังลมรอบตัวที่เปิดโล่ง Sunroof ที่กินพื้นที่เกินครึ่งของหลังคา มุมมองทัศนียภาพของทุ่งนาสีเขียวสลับกับแนวของหุบเขาท่ี่ทอดตัวเรียงรายซับซ้อน คุณแทบไม่จำเป็นต้องขับให้เร็วจนพลาดกับวิวดีๆ สองข้างทางที่ไม่อาจพบหาได้ในเมือง รถ Subaru Forester 2.0i แม้จะมีหน้าตาท่าทางบ้านๆ ไม่โดดเด่นอะไร แต่สภาพการขับขี่นั้นขอบอกว่าไม่ธรรมดา มันเป็นรถออฟโรดที่มีการควบคุมดีมากคันหนึ่งของวงการรถลุย วิ่งในฝนหนักๆ ได้อย่างเหลือเชื่อ พวงมาลัยและช่วงล่างเริ่ดจนคุณคิดไม่ถึงว่าจะทำได้ออกมาดีขนาดนั้น เครื่องยนต์สูบนอนเอกลักษณ์ที่ขาดไม่ได้ เกียร์ CVT แบบใหม่ แชสซีส์และส่วนผสมอันลงตัวของระบบขับเคลื่อนทุกล้อผลักดันให้มันเกือบจะขึ้นถึงขีดสุดของออฟโรดสายพันธุ์ลุยหากไม่สนใจเรื่องของอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงซึ่งก็ไม่ได้มากมายอะไรนัก ฝรั่งทั้งยุโรปและอเมริกาซึ่งต้องใช้รถยนต์เดินทางในบางพื้นที่ที่มีหิมะตกหนานิยมชมชอบรถรุ่นนี้เป็นพิเศษ แม้ยอดขายในไทยจะไม่ได้โดดเด่นอะไรและออกจะเงียบๆ ไปด้วยซ้ำ แต่สมรรถนะของตัวรถที่มีดีในหลายๆด้านยังคงครองใจผู้ที่ชอบการขับแบบออฟโรดไปอีกนานเท่านาน.




 

Create Date : 13 กันยายน 2556
0 comments
Last Update : 13 กันยายน 2556 5:34:04 น.
Counter : 1795 Pageviews.


amulet108
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 96 คน [?]








Friends' blogs
[Add amulet108's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.