พระเครื่อง : แหล่งข้อมูลบทความพระเครื่อง เครื่องรางของขลัง และวัตถุมงคล
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2555
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
24 ตุลาคม 2555
 
All Blogs
 
ทดสอบ MERCEDES BENZ C250 COUPE EDITION 1 (ตอนที่ 2)

ทดสอบ MERCEDES BENZ C250 COUPE EDITION 1 (ตอนที่ 2)

ตอนที่สองกับการทดลองขับดวงดาวแห่งความฝัน Mercedes Benz C-Class C250 Coupe Edition 1 จักรกลตราดาวในตระกูล C-Class กับรุ่นสปอร์ตคูเป้สองประตู เทคโนโลยี BlueEFFICIENCY พลัง 204 แรงม้า...

C-Class Coupe Edition 1 มีโครงสร้างที่แข็งแกร่งด้วยแนวคิดด้านระบบความปลอดภัยสูงสุด แชสซีตัวถังใช้โลหะผสมที่มีความแข็งแรงมาเป็นชิ้นส่วนตัวถังกว่า 70% ฝากระโปรงด้านหน้าผลิตจากอะลูมินัมอัลลอย มีความแข็งกว่าเหล็กทั่วไปถึง 3 เท่า มีน้ำหนักเบากว่าเหล็ก 9.2 กิโลกรัม สำหรับรุ่นคูเป้ยังใช้แก้มหน้าอะลูมินัมอัลลอยด้วยเช่นกัน แผงหลังของห้องโดยสาร รวมถึงชิ้นส่วนที่ต้องรับแรงกระแทกหากเกิดการชนปะทะที่ด้านหน้า เรือนร่างที่ค่อนข้างปราดเปรียวเพรียวลมของ C250 Coupe Edition 1 มีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านทานอากาศที่ 0.26 ซึ่งนับว่าต่ำมากกว่ารถยนต์ทั่วไปอยู่พอสมควร ใต้ท้องรถยังใช้วัสดุปิดกั้นกระแสลมเพื่อทำให้รถมีความเสถียรเมื่อต้องวิ่งที่ย่านความเร็วสูง ชิ้นส่วนของช่วงล่างยังมีพลาสติกปิดกั้นสิ่งสกปรก พลาสติกดังกล่าวยังถูกใช้ในห้องเครื่องยนต์และขอบของตัวถังอีกด้วย

เมื่อเข้าไปนั่งในห้องโดยสาร ก็จะพบกับงานประกอบชิ้นส่วนภายในที่ประณีต ตำแหน่งของการนั่งปรับได้เตี้ยมากเท่าที่ต้องการ พวงมาลัยปรับไกล ใกล้ สูง ต่ำได้กว้างครอบคลุมสรีระของผู้ขับขี่ กระจกบานหน้าที่ลาดเอียงมากกว่ารุ่นซีดานกับวัสดุอุปกรณ์สีสันของภายใน ส่งถ่ายความรู้สึกที่ดี รวมถึงการใช้งานพวกปุ่มสวิตช์ต่างๆ ที่จัดวางโดยคำนึงถึงประโยชน์ของการใช้สอยในระดับสูง พวงมาลัยทรงสามก้านหุุ้มหนังที่ออกแบบให้จับได้กระชับมือจากร่องกริ้บบริเวณนิ้วโป้ง ส่วนตำแหน่งของแป้นคันเร่งและเบรกอยู่ค่อนข้างชิดกัน คันเกียร์ออโต้ 7 G Tronic Plus ยังมีหยักร่องเพื่อป้องกันความผิดพลาดขณะเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ ส่วนคอนโซลกลางคล้ายกับรุ่น E-Class ทั้งชุดเครื่องเสียงและชุดควบคุมอุณหภูมิ

การใช้งานภายในเมือง Mercedes Benz C250 BlueEFFICIENCY Coupe Edition 1 ซึ่งใช้เครื่อง 1.8 ลิตร อัดเทอร์โบ 204 แรงม้า ให้ความรู้สึกที่คล่องแคล่วว่องไวยามออกตัวจากสัญญาณไฟ การเร่งแซงรถช้า หรือการเลี้ยวเพื่อเปลี่ยนทิศทางยังคงทำได้เป็นอย่างดี ห้องโดยสารมีการปิดกั้นเสียงแปลกปลอมจากภายนอกในระดับพรีเมียม จากวัสดุปิดกั้นเสียงแบบใหม่ที่กระจายอยู่รอบห้องโดยสาร ในรุ่น C180 มีระบบ Auto-Start Stop ติดตั้งมาให้จากโรงงาน ส่วนใน C250 BlueEFFICIENCY Coupe Edition 1 ไม่มีระบบดังกล่าวติดมาให้ แม้จะค่อนข้างกินเชื้อเพลิงอยู่บ้างแต่มันช่วยลดความรำคาญที่เครื่องยนต์จะต้องคอยติดๆ ดับๆ อยู่ตลอดเวลาในระหว่างการใช้งาน ซึ่งเกือบทุกครั้งที่มันสตาร์ตตัวเองเมื่อกดคันเร่งจะกระตุกจนรู้สึกได้ เป็นระบบที่ดีที่ช่วยให้ประหยัดเชื้อเพลิงและช่วยลดการปล่อย CO2 แต่ยังคงสร้างความรู้สึกที่ไม่คุ้นชินให้กับคนไทยอีกหลายๆ คนที่ชอบแบบเดิมมากกว่า

ในโหมด ECO ซึ่งเหมาะสมกับการใช้งานในเมือง C250 BlueEFFICIENCY Coupe Edition 1 ที่นำเข้าโดยบริษัท Mercedes Benz Thailand แสดงออกมาให้เห็นกันแบบจะจะเลยว่ามันคือรถที่ขับและนั่งโดยสารได้อย่างสะดวก สบาย บนความหรูหราของวัสดุและอุปกรณ์ตลอดจนภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่สะสมมาตรฐานระดับสูงมานานกว่า 125 ปี อัตราเร่งในโหมดนี้จะออกหยุ่นๆ ไม่กระชับฉับไวแต่ก็ไม่ถึงกับอืดจนน่ารำคาญ รอบเครื่องยนต์ที่ต่ำยังช่วยให้การวิ่งในระดับความเร็ว 60-80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงดีขึ้นจากเทคโนโลยี BlueEFFICIENCY ซึ่งใช้ระบบจ่ายเชื้อเพลิงแบบไดเรคอินเจคชั่นตรงเข้าสู่ห้องเผาไหม้ รวมกับท่อไอดีแบบใหม่และระบบอัดอากาศแบบเทอร์โบ แปรผันได้ตามความเร็วของรอบเครื่องยนต์ สมดุลของการกระจายน้ำหนักส่งผลไปถึงการเปลี่ยนทิศทางแบบกะทันหัน รวมถึงการถ่ายเทน้ำหนัก เมื่อผมลองใช้ความเร็วมากกว่าปกติบนสะพานวงแหวนเพื่อดูระดับของการยึดเกาะ มันเป็นรถที่มีความมั่นคงแม้จะต้องหมุนพวงมาลัยอย่างฉับพลันทันทีเพื่อหักหลบมอเตอร์ไซค์ หรือคนข้ามถนนที่ตัดเข้ามาในทิศทางของการวิ่ง C250 BlueEFFICIENCY Coupe Edition 1 ให้ความมั่นใจและความพึงพอใจในระดับที่ดีสำหรับการใช้งานภายในเมืองใหญ่ที่มีการจราจรหนาแน่นอย่างกรุงเทพมหานคร

หัวใจของ Edition 1 คันนี้ คือเครื่องเบนซินขนาด 1,796 ซีซี อัดเทอร์โบ ช่วงล่างแบบสปอร์ตและพวงมาลัยแปรผันด้วยไฟฟ้าทำงานประสานกับกำลังในรูปของแรงบิดอย่างมีประสิทธิภาพ แม้จะมีเรี่ยวแรงน้อยกว่า 325i E92 รถคู่แข่ง แต่ระบบกันสะเทือน ชุดบังคับเลี้ยว และความรู้สึกขณะควบคุมกลับเหมือนกันอย่างประหลาด ผมนำ C250 BlueEFFICIENCY Coupe Edition 1 ออกวิ่งทางไกลทับเส้นทางเดิมที่เคยทดสอบ BMW 325i E93 เป็นเส้นทางจากถนนพระรามสอง มุ่งหน้าแยกวังมะนาว ผ่านเขาย้อย แล้วเลี้ยวขวาเข้าสู่วนอุทยานแห่งชาติพะเนินทุ่ง ก่อนจะวกกลับมายังเขื่อนแก่งกระจาน หลังจากนั้นจะขับออกไปยังเส้นทางเดิิมจนไปสิ้นสุดที่อำเภอหัวหิน กำลัง 204 แรงม้าของเครื่อง ช่วยให้การขับทางไกลสามารถเร่งความเร็ว แซงหรือการวิ่งคงที่ในระดับ 140-160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ช่วงล่างของรถทดสอบคันนี้ให้ความมั่นใจสูง

เกียร์ 7 G Tronic Plus ให้อัตราทดที่ลื่นไหลในทุกโหมด แต่บนโหมดสปอร์ต มันจะเปลี่ยนเกียร์ได้ฉับไวมากที่สุด รอยต่อเนียนและไร้อาการกระชากกระชั้น นอกจากคุณจะลองกดเบรกพร้อมกับคันเร่งไปพร้อมๆ กันก่อนออกตัวคันเร่งในโหมดนี้ไวขึ้นอีก 20% และตอบสนองต่อการกดแม้เพียงแค่เพิ่มน้ำหนักของฝ่าเท้าลงไปที่แป้นแค่นิดเดียว เกียร์จะเปลี่ยนอัตราทดลงต่ำเพื่อสร้างแรงบิดทันที ระบบ ESP ทำงานตามเงื่อนไขที่โปรแกรมไว้ มันจะเข้ามาแทรกแซงทันทีที่รถเริ่มสูญเสียการยึดเกาะ ส่วนระบบความปลอดภัยอื่นๆ เช่นระบบแจ้งเตือนก่อนการเปลี่ยนทิศทางหากมีรถเข้ามาในทิศทางที่เปิดไฟเลี้ยว โดยสัญลักษณ์ลูกศรสีแดงจะกะพริบทันทีที่เซ็นเซอร์ตรวจพบวัตถุบริเวณด้านข้าง มันช่วยให้การเดินทางบนไฮเวย์ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ระบบ Attention Assist และ Lane Keeping Assist ช่วยเตือนคนขับหากเกิดอาการเหนื่อยล้าจากการขับขี่ทางไกล โดยจะแจ้งเตือนเป็นสัญลักษณ์รูปถ้วยกาแฟพร้อมสัญญาณเสียง หากระบบตรวจพบว่ารถเริ่มเบนทิศทางโดยไม่ได้ตั้งใจ ช่วยป้องกันอาการหลับในได้ดีในระดับหนึ่ง

ทางตรงลาดยางมะตอยที่มุ่งหน้าไปยังสันเขื่อนแก่งกระจานในช่วงใกล้ค่ำ มีการจราจรลดน้อยเบาบางลงมากเนื่องจากเป็นวันธรรมดา ผมเร่งความเร็วเมื่อพบกับถนนโล่งๆ ที่ไร้เพื่อนร่วมทาง เสียงเครื่องยนต์ครางกระหึ่มทุกครั้งที่ใช้รอบสูงแม้จะเป็นเครื่อง 1.8 ลิตร แต่ท่อระบายไอเสียแบบสปอร์ตที่ถูกปรับตั้งมาเป็นอย่างดี ทำให้สุ่มเสียงของเครื่อง M271 ออกมาคล้ายกับเครื่องหกสูบจากโสตประสาทของหูที่รับฟังได้อย่างชัดเจนเมื่อลดกระจกลง สัมผัสที่เบาสบายแต่มั่นคงของพวงมาลัยในโหมด ECO และ Manual แปรผันน้ำหนักขึ้นอีกเล็กน้อยโดยจะหน่วงให้มีความหนักขึ้นเพื่อเพิ่มความ มั่นใจในโหมดสปอร์ต มันมีความแม่นยำและเที่ยงตรง เป็นงานวิศวกรรมจักรกลที่ต้องผ่านการพัฒนามามากมายกว่าน้ำหนักของพวงมาลัยจะสื่อสารกับผิวถนนและคนขับได้ดีในระดับนั้น ต้นทุนที่สูงลิบของพวงมาลัยแบบ Servo Electro Hydraulic Power Steering ให้ความเฉียบคมของอัตราทดที่ไวจนทำให้มันมีการทำงานที่เหนือกว่าพวงมาลัยพาวเวอร์สายพานแบบเก่าอย่างชัดเจน

เสียงรบกวนจากยาง กระแสลมและชิ้นส่วนกลไกต่างๆ ถูกกั้นเอาไว้อย่างดี หลังคาแบบ Panoramic ผลิตจากกระจกสีเข้มมีความหนามากพอที่จะกั้นเสียงอันไม่พึงปรารถนา ไม่ให้เข้ามาภายในห้องโดยสาร ยาง Continental Conti sport contact ขนาด 255/35/R18 ที่ล้อคู่หลังมีการทำงานที่น่าประทับใจ ดอกยางลายถี่ยังช่วยทำให้การวิ่งที่ย่านความเร็วสูงมีความเงียบมากขึ้นกว่ายางสปอร์ตรุ่นอื่นๆ อาการต่างๆ ที่ผิวถนนกระทำต่อหน้ายางล้วนมีผลแทบทั้งสิ้นต่อการควบคุม แต่มันโดนระบบกันสะเทือนของ C250 BlueEFFICIENCY Coupe Edition 1 ซึมซับเอาไว้เกือบทั้งหมด รอยต่อคอสะพาน หรือถนนคอนกรีต ยางติดรถรุ่นนี้ก็ยังคงทำหน้าที่ได้ดี ผมขับมันเลียบคลองชลประทานในแถบอำเภอท่ายาง ความนุ่มนวลของช่วงล่างที่มากกว่า BMW E92 เล็กน้อย ทำให้การวิ่งทางไกลไม่มีอาการเหนื่อยล้าปรากฏออกมาให้เห็น ไฟหน้าแบบโปรเจกเตอร์ไบซีนอนให้ความสว่างในระดับมุมมองที่ต่ำ เพื่อไม่ให้แสงไปรบกวนรถที่แล่นสวนทางมา จนต้องต้องยกสวิตช์ไฟสูงไปตลอดทางตั้งแต่เริ่มออกจากสันเขื่อนแก่งกระจาน

ยุคสมัยที่แปรเปลี่ยนไปพร้อมกับเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำ ปี 2012 กับความก้าวหน้าของ Mercedes Benz บนเส้นทางยาวไกลกว่า 125 ปี ภาพลักษณ์ของยนตรกรรมเยอรมนีระดับพรีเมียมใช้การปรับดีไซน์เพื่อให้ยานยนต์รุ่นใหม่เหล่านี้มีเรือนร่างที่โดนใจผู้คนมากขึ้น รถ C250 BlueEFFICIENCY Coupe Edition 1 ได้กลายมาเป็นโมเดลที่จะใช้ต่อกรกับคู่แข่งร่วมชาติอย่าง BMW และ Audi ที่มีทั้ง Series-3 E92 กับ A5 Coupe เจ้าของ C250 Coupe เกือบร้อยละ 90 ไม่ได้ซื้อมันเพื่อใช้ในสนามแข่งและส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง สมรรถนะที่มีจึงทำได้แค่สนุกสนานบ้างเป็นครั้งคราว และเมื่อถึงเวลาที่อยากจะใช้ความเร็วบนความคล่องตัว เจ้า C250 Coupe Edition 1 ก็พร้อมที่จะสนองให้อย่างเต็มเปี่ยมเท่าที่มันสามารถทำได้ อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรใน 7.2 วินาที และความเร็วสูงสุดที่ 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมงดูจะธรรมดาไปสักนิด แต่อารมณ์ของการพุ่งทะยานยามกดสวนคันเร่งลงลึก การถ่ายเทน้ำหนัก มุมและความแม่นยำในโค้ง ทำให้มันเป็นรถที่ขับง่ายและขับได้อย่างสนุกสนานอีกคันสำหรับยุคนี้ ราคาสี่ล้านนิดๆ ในรุ่น 250 Coupe Edition คุณจะได้ชุดแต่งเสริมความหล่อจาก AMG ทั้งแผงคอนโซล แผงประตู กาบบันได ล้อ 18 นิ้วกับยางซิ่งของ Continental พวงมาลัยและพรมรองพื้นที่แปะตรา Edition 1 บวกกับเครื่องเสียงคุณภาพสูงของ Harman Kardon รวมถึงสมรรถนะการขับขี่ที่ยังคงเอกลักษณ์ของค่ายตราดาวเอาไว้อย่างเหนียวแน่น มันอาจไม่ใช่รถที่แรงที่สุดบนถนน แต่มันขับใช้งานได้ทุกวัน และมีดีพอที่จะทำให้คุณชอบเมื่ิออยู่หลังพวงมาลัย.




Create Date : 24 ตุลาคม 2555
Last Update : 24 ตุลาคม 2555 1:47:22 น. 0 comments
Counter : 2962 Pageviews.

amulet108
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 96 คน [?]








Friends' blogs
[Add amulet108's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.