พระเครื่อง : แหล่งข้อมูลบทความพระเครื่อง เครื่องรางของขลัง และวัตถุมงคล
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2556
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
22 มีนาคม 2556
 
All Blogs
 
PORSCHE WORLD ROADSHOW 2013 ขับสนุกสไตล์กบ (ตอนที่3)

PORSCHE WORLD ROADSHOW 2013 ขับสนุกสไตล์กบ (ตอนที่3)


ตอนที่ 3  ซึ่งเป็นตอนสุดท้ายของบทความทดสอบสมรรถนะอย่างเต็มพิกัดในกิจกรรม Porsche  World Roadshow 2013 ที่สนามพีระเซอร์กิต...




ก่อน ที่จะเปลี่ยนรถทดสอบคันต่อไป ผมขอแนะนำรถครู หรือรถของ Instructor   ที่ใช้นำขบวน ในงาน Porsche World Roadshow 2013 มันคือรถ 911/997 Carrera   GTS ซึ่งถือได้ว่ามีความคุ้มค่าคุ้มราคามากที่สุดในโมเดล 997   นี่คือเวอร์ชั่นสุดท้าย ก่อนที่จะแปลงโฉมมาเป็น 911/991 รุ่นล่าสุด รถ   911GTS  เวอร์ชั่นพิเศษคันนี้  คือสุดยอดของการรวบรวมอุปกรณ์พวกชุดแต่งและระบบรองรับขั้นเทพ  มันวางเครื่องยนต์ 3.8 ลิตรแบบไม่มีระบบอัดอากาศ  สร้างเรี่ยวแรงได้มากถึง  408 แรงม้า และมีแรงบิดล้นๆ ที่ 560 นิวตันเมตร   ชุดแต่งที่โหดดิบเริ่มจากสปอยเลอร์หน้าแบบสปอร์ต ล้อขอบ 19   นิ้วกับยางล้อหลัง ซึ่งเป็นล้อขับเคลื่อนห่อรัดเอาไว้ด้วยยาง Michelin  Pilot  Sport ไซส์ 305/30/Zr19  เป็นล้ออัลลอยลายพิเศษที่ต้องควักกระเป๋าเพิ่มอีก  3,320 ปอนด์  (ไม่รวมราคายางที่แพงหูดับ)

ภายในมีพวงมาลัยสามก้านแบบ Sport   Design หุ้มหนังกลับจับได้กระชับมือ   สกิิร์ตข้างสีดำกับวิงหลังขนาดราวตากผ้าและบั้นท้ายที่อวบอ้วน  ส่งผลให้มุมมองของรถรุ่นนี้ดูโหดและเหมาะมากกับงานสนามแบบนี้   ชุดท่อไอเสียแบบแปรผันที่ปรับเซ็ตมาใหม่ทำให้มีแรงบิดในรอบกลางดีขึ้นผิดหู  ผิดตา  วิศวกรยังแนะนำด้วยว่า สำหรับการขับใช้งานในชีวิตประจำวัน  เมื่อต้องเดินทางไกล รถ 911GTS  จะมอบความสะดวกสบายและขับได้ง่ายมากขึ้นกว่าเดิม   แถมยังสามารถลากรอบให้ทะลุย่าน 6,000 รอบต่อนาทีได้อย่างสะดวกโยธิน   เครื่องยนต์ 6 สูบนอนแบบ Boxer ทำความเร็วสูงสุดได้ 304   กิโลเมตรต่อชั่วโมง และเร่งจากจุดหยุดนิ่งไปจนถึง 100  กิโลเมตรต่อชั่วโมง  ได้ใน 4.2 วินาทีจากการใช้ชุดเกียร์แบบ PDK-7   ลูกค้าสามารถเพิ่มระยะการวิ่งด้วยออปชั่นเสริม ซึ่งเป็นถังเชื้อเพลิงความจุ   90 ลิตร มากกว่าของเดิมติดรถ 30  ลิตร สำหรับการวิ่งทางยาวๆ  ที่ไม่ค่อยมีปั๊มเติมเชื้อเพลิง   แต่การทำเช่นนั้นได้ต้องแลกกับการถอดเบาะผู้โดยสารตอนหลังออกทั้งหมด   (ปกติเบาะหลังของ 911 ไม่เหมาะกับการนั่งโดยสารอยู่แล้ว)   มันคือทางเลือกที่ลงตัวและสมบูรณ์แบบ หากคุณไม่ชอบความดิบเถื่อนของ 911/997   GT3 รถ 911 GTS มีความลงตัวจากระบบรองรับ เครื่องยนต์   และอุปกรณ์เสริมสำหรับเพิ่มเติมประสิทธิภาพ ยางหลังที่กว้างถึง 11  นิ้ว  ยึดเกาะถนนและส่งถ่ายแรงบิดได้ดีเมื่อทำงานร่วมกับเหล็กกันโคลงและสปริง  ที่ได้รับการอัพเกรด ในโค้งความเร็วสูงบนพีระเซอร์กิต รถนำของ Instructor   คันนี้สามารถไปได้เร็วขึ้น 15% เมื่อเทียบกับ Carrera รุ่นมาตรฐาน   สำหรับรุ่นเปิดประทุนจะมีน้ำหนักตัวมากขึ้นอีก 60  กิโลกรัม  แต่ไม่มีผลในด้านสมรรถนะและอัตราเร่ง   นักทดสอบรถยนต์ต่างประเทศต่างลงความเห็นว่า 911 GTS   คือรถสปอร์ตที่ยอดเยี่ยมและถูกกว่ารุ่น GT2   แถมยังคุ้มราคาจากสมรรถนะของมันอีกด้วย มันคือ Carrera   ที่ดีที่สุดอย่างไม่มีข้อกังขาใดๆ ทั้งสิ้น




มา ถึงช่วงที่ผมและคุณทัศไนย ไรวา  จะต้องพบกับตัวแรงขับเคลื่อนสี่ล้อแนวรถลุย  แต่คงไม่ค่อยมีใครเอามันไปลุยมากนัก จากราคา 19 ล้านบาท นี่คือ Porsche  Cayenne Turbo สีดำทะมึน กับ Porsche  Cayenne Turbo S สีขาว  ซึ่งเก็บงำพลังอันดุเดือดไว้ภายใต้สีขาวเรียบขรึม   มีเพียงกระจังหน้าแบบซี่ตระแกรงขนาดใหญ่เท่านั้น  ที่บ่งบอกความเป็นตัวตนของรถ SUV ระดับเทพของวงการ เริ่มจาก Cayenne Turbo  สีดำ  มันวางตัวอยู่เหนือรถอย่าง  Cayenne S Hybrid / Cayenne Diesel  /หรือแม้แต่  Cayenne GTS ด้วยพลังจากเครื่องยนต์ V8 4.8 ลิตร เทอร์โบคู่  สร้างกำลังได้  500 แรงม้า เป็นรองเพียงแค่ Cayenne Turbo S ที่มีม้ามากถึง  550 ตัว  ระบบรองรับการขับเคลื่อนสี่ล้อ PTM- Active All Wheel Drive  ควบมาพร้อมกับ  PTV Plus ปั่นแรงบิดลงไปยังล้อทุกล้อด้วย Porsche Traction  Management  System  คลัตซ์หลายแผ่นควบคุมด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า  จะกระจายแรงไปยังเพลาหน้าหากเกิดการ ลื่นไถลทางด้านเพลาหลัง   ซึ่งบ่อยครั้งเกิดจากการเร่งเครื่องยนต์อย่างเต็มที่   คลัตซ์หลายแผ่นจะทำการโอนถ่ายแรงดันไปยังล้อหน้าทันที ระบบ PTV Plus   ยังเสริมให้การขับเข้าโค้งมีความมั่นคง   แต่ให้สัมผัสที่เสียวสยองเมื่อคุณเอามันมาวิ่งด้วยความเร็วสูงในสนามแข่ง  ซึ่งมีโค้งมุมแคบดักอยู่อย่างสนามพีระเซอร์กิต

ผมขืนแรงต้าน ของพวงมาลัยด้วยการกำและเกร็งข้อมือให้แน่นมากขึ้น   แรงเหวี่ยงหนีศูนย์กลางที่ทำให้สนุกบนรถสปอร์ตคันเล็กทั้ง 911 / Boxster S   หรือแม้แต่ Cayman S   กลับกำลังสร้างความหวาดหวั่นชนิดขนหัวลุกตั้งเมื่อต้องมานั่งอัดเจ้า   Cayenne  รุ่นเทอร์โบตัวโตน้องๆ ยักษ์  ไปบนสนามแข่งที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความหิน  กองยาง และกำแพงปูน  ที่พร้อมจะทำให้จักรกลขับสี่ราคาแพงมหาโหดคันนี้ต้องย่อยยับ  หากพลาดแม้เพียงแค่ครั้งเดียว   เสียงยางร้องโหยหวนไปตลอดเมื่อต้องผจญกับน้ำหนักกดทับสองตันไปยังทิศทางที่  รถเอียงตัว  แม้มันจะผ่านไปได้ด้วยดี แต่ผมระแวงและเสียวสันหลัง  จนไม่อยากทำแบบนั้นอีกบน รถ SUV คันโต  ผมอาจกลายเป็นไอ้โง่  หรือตัวตลกในสนามทดสอบอย่างไม่ตั้งใจ หากทำอะไรที่ไม่เข้าท่า   สนามพีระไม่เคยให้โอกาสนักขับที่พลาดท่า  ซึ่งกดดันจนผมรู้สึกเครียดกันเลยทีเดียว




ผม ภาวนาให้ตอนที่ขับ Cayenne Turbo S    ต่อจากคุณทัศไนยมีความเร็วของการขับแบบเป็นขบวนไล่ตูดกันติดๆ กันลดลงบ้าง  เพราะทั้งครูฝึกและสื่อมวลชน เริ่มออกอาการล้ากันบ้างแล้ว แต่รถนำของ   Instructor ซึ่งเป็นรถรุ่น Panamera 4 ที่ใช้วิ่งนำกลุ่มรถทดสอบ Panamera   กับ Cayenne ไม่ได้ลดความเร็วลงแม้แต่น้อย   วิทยุที่คอยแจ้งเตือนให้รถที่โดนทิ้งเร่งสปีดตัวเองให้เข้ามาใกล้รถครูฝึก  กลับยิ่งสร้างแรงกดดันจนทำให้สื่อบางท่านถึงกับแถแหกลงไปในสนามหญ้า   โชคดีที่สามารถดึงกลับขึ้นมาบนแทร็กได้อย่างรวดเร็ว  ก่อนที่จะเสียหลักไปมามากกว่านี้

บนโค้งรูปตัวเอสก่อนออกสู่ ทางตรงของสนามพีระ ซึ่งเป็นโค้งความเร็วต่ำ เจ้า  Cayenne GTS  คันสีเขียว  ที่วิ่งอยู่ข้างหน้าผม กวาดเอากรวยที่ตั้งเอาไว้เพื่อบีบความเร็ว  ไม่ให้สูงมากเกินไป Cayenne GTS   ซัดเอากรวยสีส้มที่ตั้งเรียงรายข้างสนามกระจัดกระจายเกลื่อนแทร็กและสร้าง ปัญหาในการหักหลบกรวยเหล่านั้น เพื่อไม่ให้เกิดริ้วรอยกับ SUV   ราคาแพงคันนี้ เจ้า Cayenne Turbo S ที่มีม้ามากถึง 550   ตัวทำหน้าที่ของมันได้ดี   พวงมาลัยที่มีเซ็นเซอร์เชื่อมโยงกับชุดควบคุมการทรงตัวผ่องถ่ายความแม่นยำ  เมื่อผมต้องหมุนมันไปมาเพื่อหลบกรวยเหล่านั้น PDCC หรือ Porsche Dynamic   Chassis Control   ไร้ที่ติเมื่อมันทำงานโดยรองรับการหักพวงมาลัยไปยังทิศทางที่ต้องการได้แบบ  มีอาการเป๋เล็กๆ จากความเร็วที่มากเกินไปนั่นเอง อย่าลืมว่ารถคันนี้เร่งจาก   0-100 ได้ใน 4.5 วินาที แม้จะมีน้ำหนักตัวถึงสองตัน แต่การเร่งความเร็วบน   Cayenne Turbo S คือสมรรถนะของตัวรถที่ถูกใจแฟนคลับ Porsche   คุณจะพบกับแรงดึงที่มหาศาลเทียบเท่าซุปเปอร์คาร์แรงๆ คันหนึ่ง   แต่มันเป็นซุปเปอร์คาร์ที่นั่งได้ห้าคนและใส่ถุง Golf ได้อีกห้าใบ





ยัง คงเหลือ Panamera S และ Cayenne S Hybrid ที่ผมยังไม่ได้ขับ   แต่ร่างกายที่อ่อนล้าจากการควบคุมรถทดสอบตัวแรงของ Porsche  มาตั้งแต่เช้า  ทำให้ผมหมดสภาพอย่างรวดเร็ว  สำหรับการทดสอบภาคเช้า หากขับกัันครบ 23 คัน  คันละสองรอบสนาม จะเท่ากับ 46  รอบสนาม  และมันไม่ใช่เป็นการขับแบบกินลมชมวิว ความเร็วที่ใช้อยู่ในระดับที่   Instructor  คำนวณดูแล้วว่าสื่อมวลชนสามารถควบคุมรถได้  และมีความปลอดภัยตามมาตรฐานของการทดสอบรถยนต์ ที่จัดโดย Porsche AG  หลังอาหารเที่ยง  สถานีทดสอบต่อไปคือ การวิ่งแบบสลาลม ด้วยรถ Porsche  Boxster S  สีน้ำตาลเข้มสุดสวย  เป็นสถานีทดสอบการควบคุมรถเครื่องวางกลางรุ่นล่าสุดของ  Porsche  ที่มีการจับเวลา เพื่อค้นหาผู้ที่ทำเวลาได้เร็วที่สุด

กฎของ การขับแบบจิมคานา หรือสลาลม มีเพียงการปรับ 2 วินาที   ต่อการชนกรวยยางหนึ่งครั้ง   ผู้ที่ทำเวลาได้เร็วที่สุดจะได้รับถ้วยรางวัลของงาน Porsche World Roadshow   วิศวกรชาวเยอรมันของ Porsche อธิบายรายละเอียดของตัวรถ New Boxster S   คันทดสอบว่าการที่เครื่องลดการสั่นสะเทือนจากการออกบบจุดยึด  หรือใช้โช้คที่มีลักษณะยึดติดกับระบบสงกำลัง  ทำให้รถมีเสถียรภาพได้ดีมากยิ่งขึ้น  เมื่อเข้าโค้งรูปตัวเอส  ในขณะที่ใช้ความเร็ว  การยึดติดที่แข็งแกร่งของแท่นเครื่องแท่นเกียร์ใน  Boxster S  จะช่วยลดความล่าช้าของพลังงานขับเคลื่อน  ซึ่งมีส่วนสำคัญที่ทำให้รถคันนี้ไป ได้เร็วขึ้นในโค้งมุมแคบ  ดังนั้น  จึงช่วยลดระดับการผลักให้รถเกิดอาการปัดอีกด้วย  เนื่องจากเป็นรถสปอร์ตเครื่องวางกลาง




จุด ศูนย์ถ่วงที่ต่ำและการกระจายน้ำหนัก ที่ผ่านการคำนวณค่าต่างๆ มาเป็นอย่างดี  ทำให้รถรุ่นนี้ใกล้เคียงกับรถแข่งที่เครื่องยนต์ถูกติดตั้งอยู่กลางตัวถัง  และอยู่ในระดับที่ต่ำมาก  แรงสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นจากการทำงานของเครื่องยนต์สูบนอน  3.4 ลิตร 315  แรงม้า กับแรงบิด 360  นิวตันเมตร จะถูกกรองโดยวิธีการทำให้อ่อนลง หรือ  Softer Mounts ดังนั้น ระบบ  Dynamic Transmission Mounts  นี้  จะช่วยลดการสั่นสะเทือนระหว่างทำการเร่งเครื่องยนต์เมื่อวาล์วลิ้นปีก  ผีเสื้อเปิดสุด  ผลลัพธ์ที่ได้คือ แรงขับที่สูงขึ้นบนเพลาหลัง  เพื่อการเกาะถนนที่ดีขึ้น  ระบบจะเสริมให้เกิดการรักษาเสถียรภาพของรถ  ระบบส่งกำลังแบบใหม่ของ New  Boxster จะยึดติดกับโครงแซสซีส์สามตำแหน่งคือ  ทางด้านหน้าของ Engine Mount  และอีกสองจุดทางด้านหลังของ Transmission  Mount  การติดตั้งเข้ากับระบบส่งกำลัง หรือ Dynamic Transmission Mounts   ช่วยลดแรงสะเทือนเมื่อขับผ่านผิวถนนที่ไม่เรียบ ระบบจะใช้ของเหลว Damper   Fluid  ซึ่งมีลักษณะเป็นแม่เหล็กและใช้หลักการสนามแม่เหล็กไฟฟ้า  เพื่อเพิ่มหรือลดความหนืดของของเหลว ส่งผลให้ Transmission Mount   สามารถปรับตัวเองแบบอัตโนมัติให้อ่อน  หรือแข็งได้ตามการประเมินผลของสมองกลไฟฟ้า




ตัว ถังของ New Boxster S  ได้รับการออกแบบใหม่หมดด้วยการใช้โช้ค  หรือตัวลดการสั่นสะเทือนแบบ Gas  Filled Damper   เพลาหน้าถูกปรับให้มีน้ำหนักเบาลงและใช้สปริงแบบท่อนยึดติดกับปีกนก แบบ   McPherson ที่ได้รับการออกแบบใหม่ให้มีความสอดคล้องกับสมรรถนะที่เพิ่มขึ้น    ท่อนยึดปีนกส่วนล่างมีขนาดเล็กกว่ารุ่นเดิมแต่มีความหนึบและกระชับแม่นยำ กว่ารุ่นที่แล้ว   การใช้อะลูมินั่มอัลลอยมาช่วยทำให้ท่อนยึดปีกนกล่างนั้นแยกจากช่วงล่าง  และเพิ่มการส่งผ่านแรงกดของสปริงได้มากขึ้น   ส่งผลให้ตัวถังมีความมั่นคงยิ่งขึ้น   เพลาหน้ายังถูกออกแบบโดยคำนึงถึงการเกิดอุบัติเหตุจากการชน Porsche พัฒนา   Anti Drive  เพื่อลดองศาการทรุดตัวของช่วงล่างด้านหน้า  เมื่อมีการเบรกอย่างเต็มกำลังและช่วยลดระยะเบรกให้สั้นลง

ส่วน ระบบบังคับเลี้ยวที่เปลี่ยนมาใช้มอเตอร์ไฟฟ้า  Electro-mechanical power  steering ซึ่งใช้ร่วมกับรถรุ่น 911 Carrera  เจเนอเรชั่นล่าสุด  เมื่ออยู่ในความเร็วต่ำ   พวงมาลัยจะปรับเปลี่ยนองศาและจะกลับเข้าสู่ตำแหน่งตรงโดยอัตโนมัติ   เมื่อทำการเบรกในสภาพพื้นถนนที่ไม่เท่ากัน พวงมาลัยใน New Boxster   จะปรับเปลี่ยนไปยังตำแหน่งที่ต้องการ   ซึ่งทำให้ง่ายต่อการควบคุมทิศทางให้อยู่ในช่องทางที่ต้องการ ระบบ Power   Steering Plus คอยควบคุมที่ย่านความเร็วต่ำจาก 0-50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง   ระบบจะช่วยให้การเบรก หรือการขับถอยหลัง มีความสะดวกจากน้ำหนักที่เบาลง   เพิ่มแรงบิดของพวงมาลัยมากขึ้น  และช่วยให้พวงมาลัยกลับคืนสู่ตำแหน่งตรงเมื่อใช้ความเร็วต่ำ




สลา ลมสามรอบสนามผ่านไป อย่างรวดเร็วบนสนามแข่งรถโกคาร์ทในพีระเซอร์กิต   ความสนุกสนานที่ได้รับจากการควบคุมทิศทางของเจ้า Boxster S   แม้เวลาที่ผมทำได้จะช้ากว่าอันดับที่หนึ่งถึง 2 วินาที   แต่สัมผัสที่ส่งถ่ายมาจากรถเปิดประทุนรุ่นล่าสุดของ Porsche  คันนี้  ขอบอกว่า สุดยอด   อาการที่ค่อนข้างเป็นกลางจากการกระจายน้ำหนักและลักษณะของการวางเครื่องยนต์  ทำให้ Porsche Boxster S   คือหนึ่งในจักรกลสปอร์ตที่ยอดเยี่ยมที่สุดสำหรับการทดสอบในงาน Porsche   World Roadshow 2013  สื่อมวลชนหลายท่าน รวมถึงนายสนามพีระ  ต่างลงความเห็นว่า มันคือรถที่ขับได้ดีที่สุด  แม้จะคันจะเล็กและมีแรงม้าไม่มากเมื่อเทียบกับรถรุ่นพี่ อย่าง 911  Carrera  ไม่ว่าจะเป็นการมุดเข้าออกไพล่อน  การเบรกแล้วหมุนพวงมาลัยหลบสิ่งกีดขวาง  การเร่งความเร็วหลังการเบรกหนัก  ทุกสิ่งทุกอย่างบน Boxster S   ล้วนแล้วแต่มีความสมดุลและให้อารมณ์การขับที่แปลกแยกแตกต่างไปจากรถรุ่นพี่ อยู่พอสมควร

ที่ชอบมากคือ รูปทรง ซึ่งรวบรวมเอาจินตนาการของ  Roadster  ในอดีตมาผสมผสานกับความทันสมัยได้อย่างลงตัว   หลังคาผ้าใบยังคงเป็นเอกลักษณ์ของมัน แม้จะดูแลยาก แต่มันเบาและทำงานได้ไว  ที่สุดในบรรดารถเปิดประทุน เมื่อจบสถานีทดสอบสลาสม เจ้าหน้าที่ของ Porsche   คนหนึ่ง ถามผมว่า อยากขับรถคันไหนกลับบ้านมากที่สุด ผมตอบโดยไม่ลังเลว่า  New  Boxster S คันเดียวเท่านั้นที่ผมอยากขับกลับกรุงเทพฯ   สิ่งที่ผมได้รับจากรถคันนี้คือ ความมั่นคงและการสื่อสารระหว่างคนขับกับรถ   ความรู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับรถที่ขับ ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นมานานมากแล้ว  ในช่วงชีวิตของการเป็นนักเขียน มันเร็วและยอดเยี่ยมมากในโค้ง ซึ่งรถแบบ  BMW  Z4 หรือ Mercedes Benz SLK ไม่มีทางทำได้แบบนี้ และนี่คือรถ Porsche   ที่เยี่ยมที่สุดสำหรับวันนี้





สถานี สุดท้ายของวันมาถึงเมื่อเวลาประมาณบ่าย 2 โมง   มันคือสถานีทดสอบพลังของการเบรกบนรถ Porsche 911/997 รุ่น Turbo S  มันคือ  ปีศาจที่มีม้ามากถึง 523 ตัว และสามารถอัดจาก 0-100  กิโลเมตรต่อชั่วโมง  ได้ในเวลา 3.4 วินาที  ซุปเปอร์คาร์ในร่างทรงของรถสปอร์ตเปิดประทุนคันนี้  แทบจะไม่แตกต่าจาก  911/997 รุ่นปกติเท่าใดนัก หากคุณไม่ใช่เซียนรถยี่ห้อ  Porsche  สิ่งที่ซ่อนอยู่ภายใต้เปลือกนอกคือเครื่องยนต์ที่ทรงพลัง  เครื่องยนต์ 6  สูบนอน อัดอากาศด้วยเทอร์โบคู่ ปริมาตรความจุ 3,800 ซีซี 24  วาล์ว์  เทอร์โบสร้างแรงบูสได้ถึง 1.2 บาร์ โดยแรงบิดสูงสุดมาที่รอบสูงถึง  6,750  รอบต่อนาที ส่งมอบแรงบิดระดับ 700 นิวตันเมตรหรือ 71.4  กิโลกรัม-เมตรที่  2,100-6,750 รอบต่อนาที   นับเป็นซุปเปอร์คาร์ที่มีกำลังในรูปของแรงบิดกว้างมาก   ระบบส่งกำลังยังคงวางเกียร์แบบ PDK-7 ทวินคลัตซ์   ซึ่งจะเสริมสมรรถนะให้เริ่ดมากกว่าเกียร์ 6 สปีดแบบ Tip tronic   พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อตลอดเวลากับระบบรองรับและช่วยทรงตัวอีกนับสิบ

รายการ  Mr. Peter Rohwer              Assistant Chairman ของ AAS Auto   ที่สื่อมวลชนไทยคุ้นเคย ให้ความเห็นว่า สำหรับสถานีทดสอบการเบรกนี้   ผู้ที่สามารถเบรกได้น้ำหนักสูงที่สุดคือ  Instructor นักขับทดสอบของ   Porsche และอดีตนักขับรถแข่ง Formula 3   ซึ่งสามารถสร้างแรงกดไปยังแป้นเบรกได้มากถึง 120 กิโลกรัม   สำหรับคนธรรมดาทั่วไป Mr. Peter Rohwer แจ้งว่าหากทำได้ที่ 80 -100   กิโลกรัม นับว่าเยี่ยมมากแล้ว ส่วนรถ Porsche 911/997 รุ่น Turbo S นั้น   เมื่อคำนวณพละกำลังของแรงเบรกแล้ว เทียบได้กับกับสี่เท่าของแรงม้า   ซึ่งหมายความว่า ระบบเบรกของ Porsche 911/997 Turbo S  นั้น  มีพลังในการเบรกมากถึง 2,000 แรงม้าเลยทีเดียว   จานเบรกหน้า-หลังของรถรุ่นนี้ เป็นจานเซรามิก ที่ต้องการอุณหภูมิที่เหมาะสม  สำหรับการห้ามล้อแบบฉับพลัน ขนาดจานเบรกหน้า 380 มิลลิเมตร   ส่วนจานหลังมีขนาด 350 มิลลิเมตร คาร์ลิบเปอร์หน้าแบบ 6 พอตและด้านหลัง 4   พอต เพียงพอต่อการกำราบฝูงม้าครึ่งพันตัวให้สงบเสงี่ยมได้อย่างรวดเร็ว   ล้อและยางรุ่นพิเศษใน 911/997 Turbo S เป็นล้ออัลลอยขอบ 19   นิ้วลายเฉพาะสำหรับรุ่น Turbo S ห่อรัดด้วยยางสมรรถนะสูง Michelin รุ่น   Pilot Sport 3 ยางล้อหน้าขนาด 235/35Zr19 ส่วนล้อหลังขนาด 305/30/Zr19   บนการเร่งความเร็วจาก 0-100   กิโลเมตรต่อชั่วโมงแล้วกระทืบเบรกแบบฉับพลันทันที เจ้า 911/997 Turbo S   ส่งถ่ายอาการที่มั่นคงสูงสุด โดยปราศจากการเซ หรือเป๋ปัด   เมื่อกระแทกเท้าลงไปบนแป้นเบรก   ระบบป้องกันล้อล็อกและระบบรักษาเสถียรภาพของตัวรถทำงานแทบจะในทันทีทันใด   มันส่งแรงกลับมายังฝ่าเท้าจากการทำงานของ ABS เสียงดัง ตึกๆๆๆ   ไปตามระยะของการเบรก  ชนิดที่จะทำให้คนขับและผู้โดยสารหัวทิ่มหัวตำได้อย่างง่ายดาย  หากไม่ระวังให้ดี  นับเป็นซุปเปอร์คาร์อีกคัน  ที่มาพร้อมกับระบบห้ามล้อในระดับรถสนาม





งาน ทดสอบ Porsche World Roadshow 2013   วันสุดท้ายจบลงด้วยการนั่งไปกับนักขับรถแข่งชาวเยอรมันจาก Porsche AG   ซึ่งใช้รถ 911 Carrera S / 911 Carrera S Cabriolet / Boxster S / Panamera   Turbo S ในช่วง Hot-lap โดยส่วนตัวแล้ว ผมเคยนั่งไปกับ Yvan Muller   แชมป์โลกรถ Touring Car บนพีระเซอร์กิตด้วยรถแข่ง Chevrolet Cruze WTCC   2011 รวมถึงสุดยอดมือขับระดับเอเชีย อย่าง ณัฐวุฒิ เจริญสุขะวัฒนะ   หรือพี่วัว ของน้องๆ นักซิ่งในวงการมอเตอร์สปอร์ตของประเทศไทย ด้วยรถ  Toyota  Altis TRD เล่นเอาเกือบคายของเก่าทิ้ง   ผมจึงเดินเลี่ยงมาข้างสนามคอยบันทึกภาพเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่งานในวันนี้  จะสิ้นสุดลง Dr. Ferdinand Porsche   เป็นคนที่ตรงไปตรงมาและทำงานด้วยความคาดหวังในระดับที่สูงมากกว่าคนปกติทั่ว ไป แม้จะเป็นคนหัวแข็งและมีอารมณ์โกรธง่าย   แต่ก็เป็นวิศวกรอัจฉริยะผู้ที่ให้กำเนิดจักรกลสปอร์ตสมรรถนะสูง  ซึ่งทำให้ผู้คนทั่วโลกได้รู้ซึ้งถึงการขับขี่ที่ดีเยี่ยมจากรถยนต์ของ เยอรมนีที่แปะตราสัญลักษณ์ ม้าป่า จาก Stuttgart

การเดินทาง มาพีระเซอร์กิตเพื่อทดสอบรถ  Porsche ในครั้งนี้ จบลงอย่างมีความสุข   เป็นวันที่มีอากาศสดใสในช่วงต้นฤดูร้อนที่ยากจะลืมเลือนในชีวิตนักข่าว  เมื่อได้สัมผัสกับ Porsche กันแบบครบทุกรุ่นทุกโมเดล  คงอีกนานหลายปีกว่าที่งาน  Porsche World Roadshow  จะหวนกลับคืนมาจัดในประเทศไทยอีกครั้ง   ซึ่งทำให้ผมเฝ้ารอตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป.



Create Date : 22 มีนาคม 2556
Last Update : 22 มีนาคม 2556 13:01:59 น. 0 comments
Counter : 2099 Pageviews.

amulet108
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 96 คน [?]








Friends' blogs
[Add amulet108's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.