MAZDA โชว์เหนือ เตรียมจัด CX-5 SKYACTIV ตุลานี้มาแน่

หลังจากเผยนวัตกรรมด้านการออกแบบด้วยยานยนต์เจเนอเรชั่นอนาคต ในการจัดงาน “MAZDA DESIGN FORUM 2012” เมื่อปลายปีที่ผ่านมา คือจุดเริ่มต้นของการสร้างมิติแห่งการก้าวเดินของ Mazda Thailand เป็นครั้งแรกของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ที่สามารถเปิดเผยข้อมูลเบื้องลึกในการ ออกแบบและการพัฒนารถยนต์ ซึ่งไม่เคยถูกเปิดเผยที่ไหนมาก่อน

งานเปิดตัวรถต้นแบบดังกล่าวได้จุดประกายให้บุคลากรในอุตสาหกรรมรถยนต์เกิด การตื่นตัวและเข้าใจมากยิ่งขึ้นเกี่ยวกับปรัชญาในการออกแบบรถยนต์ของ Mazda จากการสื่อสารประชาสัมพันธ์ ภายใต้แนวคิด KODO - Soul of Motion ถ่ายทอดเส้นสายการออกแบบล่าสุดผ่านยนตรกรรมรถต้นแบบคันแรก Mazda SHINARI ด้วย โคโดะ ดีไซน์ ที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก และถูกถ่ายทอดเอกลักษณ์เฉพาะตัวไปสู่รถเจเนอเรชั่นใหม่ๆ ที่กำลังจะเปิดตัวในอนาคตอันใกล้นี้ในประเทศไทย ตามหลังยุโรปและสหรัฐอเมริกาที่เริ่มวางขายรถยนต์อย่าง CX-5 และ Mazda 6 รุ่นล่าสุดมาได้สักระยะหนึ่งแล้ว Mazda คาดว่าดีไซน์และรูปแบบใหม่ๆ บวกสมรรถนะของเครื่องยนต์ SkyActiv และโครงสร้างใหม่หมดทั้งคัน จะช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ Mazda ในประเทศไทยได้อย่างแน่นอน

ค่าย Zoom Zoom เปิดเผยนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีเพื่ออนาคต ด้วยการจัดงาน “The Next Generation Technology Forum 2013” โดยได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่งจากบริษัทแม่ Mazda Motor Corporation Hiroshima Japan โดยให้วิศวกรชาวญี่ปุ่นหลายคน มาถ่ายทอดเทคโนโลยีที่ Mazda ได้คิดค้นจนประสบความสำเร็จและได้รับการยอมรับทั่วโลก ซึ่งครอบคลุมทุกชิ้นส่วนที่นำมาประกอบเป็นรถยนต์ โดยเฉพาะเครื่องยนต์ที่นำมาใส่ในรถรุ่นใหม่ด้วยเทคโนโลยีล่าสุดนี้ คือ "สกายแอคทีฟ-จี" SKYACTIV-G ซึ่งเป็นเครื่องยนต์เบนซินที่มีประสิทธิภาพสูงระบบจ่ายเชื้อเพลิงแบบไดเรค อินเจ็คชั่น เป็นเครื่องยนต์เบนซินเครื่องแรกของโลกที่มีอัตราส่วนการอัดอากาศสูงที่สุด ในโลก และเป็นอัตราส่วนกำลังอัดที่ไม่เคยมีมาก่อนซึ่งสูงถึง 14.0 : 1 ทำให้เครื่องยนต์ SKYACTIV-G เป็นเครื่องยนต์ที่มีระบบการเผาไหม้ที่สมบูรณ์แบบและมีแรงบิดที่ดี มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงต่ำลงเมื่อเทียบกับเครื่องยนต์ที่มีความ จุเท่าๆ กันแต่มีกำลังอัดน้อยกว่า โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยมอเตอร์ไฟฟ้าของระบบ Hybrid เข้ามาช่วยแต่อย่างใดทั้งสิ้น

มร.ฮิ โรตากะ คานาซาวา ผู้อำนวยการและเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส บริษัท Mazda Motor Corporation Hiroshima Japan กล่าวว่า “สกายแอคทีฟ เทคโนโลยี” SKYACTIV Technology เป็นชื่อเรียกขานของนวัตกรรมเทคโนโลยียนตรกรรมใหม่ล่าสุด ซึ่งมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่น่าภาคภูมิใจอย่างยิ่งสำหรับ Mazda ทั้งหมดนี้ได้ถูกคิดค้นและพัฒนาขึ้นจากวิสัยทัศน์ของพัฒนาการทางด้าน เทคโนโลยี ซึ่งเป็นแผนงานระยะยาวเพื่อสร้างความยั่งยืนของ Mazda หรือที่รู้จักกันทั่วไปว่า Zoom Zoom แบบยั่งยืน" หรือ “Sustainable Zoom-Zoom” ซึ่งนวัตกรรมเทคโนโลยีใหม่นี้ถูกตั้งขึ้นเพื่อสะท้อนถึงความตั้งใจจริงและ ความปรารถนาอย่างแรงกล้าของ Mazda ในความมุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์ด้านการขับขี่ ไปพร้อมๆ กับความห่วงใยที่มีต่อสิ่งแวดล้อมของมนุษยชาติ รวมถึงระบบความปลอดภัยสูงสุดสำหรับยนตรกรรมที่กำลังจะถูกพัฒนาขึ้นต่อจากนี้

“เมื่อ ไม่กี่ปีที่ผ่านมา ในขณะที่ Mazda มองเห็นการเติบโตของรถยนต์เครื่องยนต์ลูกผสมเบนซินบวกมอเตอร์ไฟฟ้าในระบบ Hybrid และรถพลังงานไฟฟ้า โดยเทคโนโลยีเครื่องยนต์สันดาปภายใน จะเป็นเทคโนโลยีพื้นฐานที่ผู้ใช้รถจำนวนมากยังคงใช้อยู่อย่างต่อเนื่องไป อย่างน้อยอีก 10 ปี อันที่จริงเทคโนโลยีนี้ ยังคงสามารถพัฒนาประสิทธิภาพของพลังงานที่ได้รับจากเครื่องยนต์ในปัจจุบัน ให้ดีขึ้นกว่านี้ เพราะปัจจุบันพลังงานจากเครื่องยนต์นั้น ถูกนำมาใช้ได้เพียงแค่ 30% เท่านั้น Mazda จึงคิดทบทวนถึงการพัฒนาเทคโนโลยีนี้อีกครั้ง โดยเริ่มคิดจากศูนย์ เพื่อให้ได้การเผาไหม้เชิงอุดมคติ ด้วยทุกวิธีทางที่จะทำให้เกิดขึ้นได้ และหนึ่งในความสำเร็จก็คือ SKYACTIV-G

เครื่องยนต์เบนซินรุ่นใหม่ ล่าสุดที่มีประสิทธิภาพสูงและประหยัดเชื้อเพลิง ปล่อยมลพิษผ่านมาตรฐาน EURO6 เทียบเท่ารถยนต์ที่มีเครื่องยนต์ทันสมัยอย่าง BMW / VOLVO / Mercedes Benz

เทคโนโลยี  SKYACTIV ให้ความประหยัดน้ำมันได้ในระดับที่ดีขึ้นมากเมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องยนต์ ที่มีอยู่ในรถยนต์ของคู่แข่ง ด้วยราคาที่เหมาะสม และยังคงให้ความรู้สึกสนุกสนานเร้าใจในการขับขี่อยู่เช่นเดิมจากประสิทธิภาพ ของระบบรองรับที่วิศวกรของ Mazda ให้ความสำคัญควบคู่ไปกับการพัฒนาเครื่องยนต์ ขณะนี้ โครงสร้างพื้นฐานเพิ่มเติมยังไม่ได้มีความจำเป็น แนวทางที่คิดค้นเป็นแนวทางที่มีประสิทธิภาพ และสามารถเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อสังคมส่วนรวมจากการลดการใช้พลังงานกับ ช่วยในการรักษาสภาวะแวดล้อม

โช อิชิ ยูกิ กรรมการผู้จัดการ mazda sales thailand กล่าวว่า ด้วยความเชื่อมั่นในอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทย รวมถึงระบบเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ตลอดจนการให้การตอบรับเป็นอย่างดียิ่งต่อแบรนด์ Mazda นอกจากจะมุ่งมั่นทุมเทในการพัฒนาสร้างสรรค์ยนตรกรรมที่ใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ แล้ว Mazda ได้ลงทุนสร้างโรงงานการผลิตรถยนต์ที่ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งของโลกที่ จังหวัดระยอง มูลค่าเกือบ 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ มีกำลังการผลิตรถยนต์สูงถึง 290,000 คันต่อปี เพื่อจำหน่ายในประเทศไทย และมีประชากรอีก 140 ประเทศทั่วโลกที่กำลังขับรถยนต์ Mazda ที่ถูกผลิตขึ้นด้วยฝีมือของคนไทย โดยล่าสุด Mazda ได้เพิ่มเงินลงทุนอีกกว่า 26,000 ล้านเยน เพื่อผลิตชุดเกียร์อัตโนมัติแห่งแรกของประเทศไทย ภายใต้เทคโนโลยี SKYACTIV ซึ่งมีกำลังการผลิตสูงถึง 400,000 ลูกต่อปี เพื่อจำหน่ายในประเทศไทยและส่งออกไปทั่วโลก พร้อมปณิธานอันแน่วแน่ที่จะร่วมแรงร่วมใจพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยให้ เติบโตอย่างแข็งแกร่ง และมีศักยภาพให้กลายเป็นศูนย์กลางการผลิตและส่งออกรถยนต์ที่สำคัญของโลก สำหรับ Crossover รุ่นใหม่ Mazda CX-5 ที่ใช้เทคโนโลยี SKYACTIV จะเปิดตัวในช่วงเดือนตุลาคม 2556 นี้

การ จัดงาน The Next Generation Technology Forum 2013 นี้ เป็นการประกาศให้คนไทยได้รับทราบทางด้านเทคโนโลยีใหม่ของ Mazda ในตลาดรถยนต์ทั่วโลก ถือเป็นเจ้าแรกที่จัดงานฟอรั่มประเภทนี้ ด้วยความต้องการที่จะสื่อสารถึงลูกค้ารวมถึงชาวไทยทุกคนให้รับรู้ถึง เทคโนโลยีที่ไม่ได้เป็นสิ่งที่ไกลตัวอีกต่อไป Mazda กำลังจะนำเอารถยนต์รุ่นใหม่ล่าสุดที่มีนวัตกรรมประหยัดพลังงานแก่ผู้ใช้รถ สู่ตลาดประเทศไทย SKYACTIV Technology ถือเป็นนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีที่ทันสมัยของโลกที่ไร้ขีดจำกัดใดๆ และกำลังจะเปิดตัวต่อสาธารณชนในประเทศไทยเร็วๆ นี้ ซึ่งคาดว่าจะประสบความสำเร็จและได้รับการตอบรับจากลูกค้าอย่างกว้างขวาง” นายโชอิชิ ยูกิ กล่าวเสริม

เทคโนโลยี SKYACTIV คว้ารางวัลสำคัญๆ ด้านเทคโนโลยี โดยเฉพาะรางวัลชนะเลิศ “The First Green Car Technology Award” จากวารสาร Green Car รวมทั้งรางวัล Japan Industry Technology Award จากหนังสือพิมพ์ Nikkan Kogyo Shimbun จากประเทศญี่ปุ่น รวมถึงรางวัล The Commendation for Science Technology 2013 โดยกระทรวงศึกษาธิการ วัฒนธรรม การกีฬา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ให้เป็นรถยนต์ที่มีความประหยัดน้ำมันเทียบเท่ากับเครื่องยนต์ลูกผสมแบบ เบนซินบวกมอเตอร์ไฟฟ้าหรือ Hybrid

รายละเอียดข้อมูลเกี่ยวกับนวัตกรรม SKYACTIV TECHNOLOGY

1. SKYACTIV-G (สกายแอคทีฟ-จี)
Mazda คิดค้น วิจัยและพัฒนาเครื่องยนต์เบนซินแบบไดเรคอินเจ็คชั่น ที่มีประสิทธิภาพสูง มีอัตราแรงอัดอากาศในการเผาไหม้สูงที่สุดของโลก คืออัตรา 14.0 :1 โดยที่เครื่องยนต์ไม่เกิดอาการน๊อคขณะทำงานแต่อย่างใดทั้งสิ้น SKYACTIV-G นับเป็นเครื่องยนต์เบนซินที่ผลิตเพื่อจำหน่ายเครื่องแรกที่มีอัตราแรงอัด อากาศสูงมากที่สุดตั้งแต่เคยมีการผลิตขึ้นมา ระบบการเผาไหม้และการจุดระเบิดถูกปรับให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ทั้งในด้านอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมัน และกำลังแรงบิดที่ดีขึ้น 15% สมรรถนะการขับขี่ยังคงเอกลักษณ์แบบสปอร์ตที่ Mazda มีความถนัด เครื่องยนต์สามารถเพิ่มกำลังแรงบิดที่รอบต่ำถึงปานกลาง ระบบไอเสียแบบ 4-2-1 การเพิ่มปริมาตรกระบอกสูบ ระบบฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงแบบ Mazda Multi Hole ช่วยเพิ่มอัตราส่วนการอัดอากาศในห้องเผาไหม้

Skyactive-D

2 Stage Turbo
2. SKYACTIV-D (สกายแอคทีฟ-ดี)
เครื่อง ยนต์ดีเซลที่ใช้ระบบการเผาไหม้สะอาดที่สุดอีกเจเนอเรชั่นหนึ่งของ Mazda เครื่อง SKYACTIV-D ผ่านข้อกำหนดมาตรฐานไอเสียโลกโดยไม่จำเป็นต้องใช้สารเร่งปฏิกิริยาที่มีราคา สูงเพื่อลดไอเสีย ระบบ Selective catalytic reduction SCR กำจัดไอเสีย และระบบ Lean NOx Trap (LNT) - เป็นผลงานล้ำค่าที่ได้มาจากเครื่องยนต์นี้ที่มีอัตราส่วนการอัดอากาศต่ำที่ สุดในโลกที่ 14.0 :1 เนื่องจากอัตราส่วนการอัดอากาศที่ต่ำเพียง 14.0 :1 จึงส่งผลให้อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันประหยัดขึ้น 20% ระบบเทอร์โบชาร์จเจอร์แบบ 2 ขั้นตอนใหม่หรือ Mazda 2 Stage Turbo ให้การตอบสนองที่ราบเรียบและแม่นยำในรอบความเร็วต่ำจนถึงรอบเครื่องปานกลาง จากเทอร์โบตัวแรกที่มีขนาดเล็ก ซึ่งจะทำงานที่รอบต่ำไปจนถึงรอบกลางๆ เทอร์โบตัวแรกยังมีการออกแบบเพื่อลดแรงเฉื่อย ทำให้การอัดอากาศในช่วงต้นซึ่งมีปริมาณของไอเสียที่จะไปหมุนเทอร์ไบน์น้อย กว่ารอบสูงมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ลดอาการรอรอบและให้พลังในรูปแรงบิดตั้งแต่การเร่งในจังหวะออกตัว และยังเพิ่มแรงบิดให้สูงขึ้นในรอบเครื่องยนต์ปานกลางถึงรอบสูง (ให้แรงบิดสูงสุดได้ที่ 5,200 รอบต่อนาที) ด้วยเทอร์โบตัวที่สอง ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าเทอร์โบตัวแรก เทอร์โบที่มีขนาดใหญ่ตัวที่สองนั้น ทำหน้าที่รองรับปริมาณของไอเสียในรอบกลางถึงรอบสูงเพื่ออัดอากาศเข้าสู่ท่อ ร่วมไอดีโดยทำงานประสานกันไปในระบบ Mazda 2 Stage Turbo

เครื่องยนต์ ดีเซล SKYACTIV-D แบบ 2 Stage Turbo ผ่านข้อกำหนดมาตรฐานไอเสีย Euro6 ในยุโรป, Tier2Bin 5 ในอเมริกาเหนือ และข้อกำหนดของประเทศญี่ปุ่น โดยไม่จำเป็นต้องใช้สารเร่งปฏิกิริยาที่มีราคาสูงเพื่อลดมลพิษของไอเสียแต่ อย่างใดทั้งสิ้น

3. SKYACTIV-Drive (สกายแอคทีฟ-ไดร์ฟ)
คือ ระบบส่งกำลังแบบเกียร์อัตโนมัติเจเนอเรชั่นใหม่ที่ส่งถ่ายแรงบิดได้อย่างมี ประสิทธิภาพ ผสมผสานข้อดีของระบบเกียร์อัตโนมัติทั้ง 3 แบบเข้าด้วยกัน ทั้งแบบดั้งเดิม (Conventional AT Transmission) แบบแปรผันที่ต่อเนื่อง (CVT) และแบบคลัตช์คู่ (Dual Clutch) ปรับปรุงประสิทธิภาพของการส่งถ่ายแรงบิดโดยออกแบบให้การขบกันของเกียร์มี ช่วงที่กว้างขึ้น และยังให้ความรู้สึกเช่นเดียวกับที่ได้รับจากการขับขี่ด้วยเกียร์ธรรมดา ปรับปรุงอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันให้ประหยัดขึ้น 4-7% จากอัตราทดในเกียร์สูงสุดเมื่อเทียบกับระบบเกียร์อัตโนมัติที่มีอยู่ใน ปัจจุบัน

4. SKYACTIV-MT (สกายแอคทีฟ-เอ็มที)
คือ ระบบเกียร์ธรรมดาเจเนอเรชั่นใหม่ที่มีน้ำหนักเบาและมีขนาดกะทัดรัด ที่มาพร้อมกับความรู้สึกที่นุ่มนวลแม่นยำ ในขณะที่เปลี่ยนเกียร์ เฉกเช่นเดียวกับความรู้สึกที่ได้รับจากการขับรถสปอร์ต ถูกออกแบบให้ประสานการทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพเฉกเช่นเดียวกับรถยนต์ที่ วางเครื่องยนต์ด้านหน้าและมีระบบขับเคลื่อนล้อหน้า ช่วงชักของเกียร์สั้นและนุ่มนวล ลดขนาดและน้ำหนักลงได้อย่างเหลือเชื่อ ซึ่งเป็นผลมาจากการปรับโครงสร้างตัวถังใหม่ เนื่องจากขนาดที่กะทัดรัดและมีน้ำหนักเบา จึงทำให้การจัดวางเครื่องยนต์มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ปรับปรุงอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมัน อันเป็นผลมาจากการลดแรงเสียดทานของกลไกภายใน

5. SKYACTIV-Body (สกายแอคทีฟ-บอดี้)
โครง สร้างตัวถังเจเนอเรชั่นใหม่ พัฒนาเพื่อลดน้ำหนักที่ไม่จำเป็นลง เป็นโครงสร้างที่คงความแข็งแกร่ง เสถียร และให้ความปลอดภัยจากแรงปะทะรอบทิศทาง มีน้ำหนักเบา (น้ำหนักลดลง 8% ความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น 30%) เป็นโครงสร้างที่มีความปลอดภัยผ่านมาตรฐานจากการทดสอบชนปะทะ โครงสร้างรูปแบบใหม่ที่ชิ้นส่วนโครงสร้างถูกออกแบบให้มีความตรงและยาวที่สุด ในแต่ละชิ้น และแนวคิดของโครงสร้างต่อเนื่องหรือ Continuous Framework ที่ทุกชิ้นส่วนจะถูกเชื่อมต่อกันอย่างลงตัว โครงสร้างมีน้ำหนักเบาขึ้นด้วยเทคโนโลยีของการเชื่อมชิ้นส่วน และเพิ่มการใช้เหล็กกล้าน้ำหนักเบา High Tensile Steel

6. SKYACTIV-Chassis (สกายแอคทีฟ-แชสซีส์)
แช สซีส์เจเนอเรชั่นใหม่มีน้ำหนักเบา มีสมดุลที่สำหรับการควบคุมขับขี่ในสไตล์ Zoom Zoom ช่วงล่างแบบอิสระที่พัฒนาขึ้นจากระบบสตรัท (หน้า) และมัลติลิงก์ (หลัง) ที่ให้ความแข็งแกร่งและมีน้ำหนักเบา (น้ำหนักเบาขึ้น 14% เมื่อเทียบกับแชสซีส์ปัจจุบัน) ให้ความนุ่มนวลที่การขับขี่ความเร็วปานกลาง และให้เสถียรภาพที่ความเร็วสูง เพิ่มความรู้สึกในการขับทุกย่านความเร็ว ผ่านการทำงานที่ประสานกันของระบบช่วงล่างและระบบพวงมาลัยไฟฟ้า.

Create Date : 17 พฤษภาคม 2556
Last Update : 17 พฤษภาคม 2556 13:50:04 น.		0 comments
Counter : 2110 Pageviews.
Share Tweet