พระเครื่อง : แหล่งข้อมูลบทความพระเครื่อง เครื่องรางของขลัง และวัตถุมงคล
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2556
 
1 มิถุนายน 2556
 
All Blogs
 
ลุยพม่ากับ MAZDA BT-50 PRO (Part1)

ลุยพม่ากับ MAZDA BT-50 PRO (Part1)

เปิดประตูสู่อินโดจีนด้วยทริปทดสอบ MAZDA BT-50 PRO ขับขี่คาราวาน Zoom Zoom ท่องไปในดินแดนแห่งลุ่มแม่น้ำอิรวดีที่เต็มไปด้วยธรรมชาติและศิลปวัฒธรรมอันงดงามของพม่า บนรถตัวลุยสุดแกร่งยอดนิยมของคนที่ชอบความท้าทาย ตอนแรก ย่างกุ้ง หงสาวดี เจดีย์ชเวดากอง...

หลังจากใช้เวลาบินเพียงแค่ชั่วโมงกับอีกห้านาที 08.45 น. เครื่องบิน Airbus A330 ของสายการบินไทยก็ร่อนลงแตะท่าอากาศยานย่างกุ้งอย่างนิ่มนวล นี่คือการเดินทางเข้ามายังพม่าเป็นครั้งแรกของผมเพื่อลงทดสอบ และขับขี่เดินทางท่องเที่ยวแบบคาราวานด้วยรถ Mazda BT-50 PRO เป็นการทดสอบทางไกลครั้งที่สองหลังจากการขับ BT-50 PRO เป็นครั้งแรกในรอบสื่อมวลชนที่ สปป.ลาว บนเส้นทางอุดร เวียงจันทน์ วังเวียง หลวงพระบาง หมายเชิญจากทีมพีอาร์ของ Mazda เป็นการเปิดมุมมองและเส้นทางของการขับรถเดินทางไกลในแถบอินโดจีนซึ่งเกิดขึ้นไม่บ่อยครั้งนัก จากความยากของเส้นทางที่ใช้ทดสอบแบบคาราวาน ความอันตรายของทางและพื้นที่ที่ยังไม่เคยมีขบวนรถทดสอบเข้าไปยังที่แห่งนั้น มาก่อน ทีมพีอาร์ของค่าย Mazda จัดแบ่งสื่อมวลชนออกเป็นสองทีม ทีมแรกที่ประกอบไปด้วยเว็บรถยนต์และแมกกาซีนรวมถึงรายการรถยนต์ออกเดินทางใน วันจันทร์ที่ 20 พฤษภาคม 2556 โดยขับจากกรุงเทพฯ ไปยังอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก พักค้างหนึ่งคืนแล้วขับข้ามชายแดนไทยไปยังพม่าในเช้าวันอังคารที่ 21 พฤษภาคม โดยกำหนดเส้นทางจากเมืองเมียวดีขึ้นเขาไปยังพระธาตุอินแขวน นอนพักค้างคืนบนพระธาตุ เช้าวันที่ 22 พฤษภาคม ออกสตาร์ตโดยขับจากตีนเขาของพระธาตุอินแขวนขึ้นไปยังเมืองหงสาวดี และเมืองย่างกุ้ง ซึ่งเป็นที่หมายสุดท้ายของทีมทดสอบแรก หลังจากนั้นจึงส่งมอบรถพร้อมกับร่วมงานเลี้ยงพบปะกับเพื่อนๆ สื่อมวลชนฝั่งหนังสือพิมพ์ในทีมที่สองซึ่งบินมาสมทบในเช้าวันท่ี่ 22 พฤษภาคม 2556 เพื่อขับทดสอบ BT-50 PRO แบบคาราวานโดยวิ่งทับเส้นทางเดิมของทีมแรกกลับคืนสู่กรุงเทพมหานคร


สนามบินของเมืองย่างกุ้งมีขนาดประมาณสนามบินภูเก็ต ผมและเพื่อนๆ สื่อมวลชนผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองของพม่าซึ่งค่อนข้างง่าย และสะดวกสบายรวดเร็วไม่มีการถามโน่นนี่นั่น จากการเปิดประตูสู่โลกภายนอกของพม่า มุมมองที่เริ่มเป็นประชาธิปไตยมากยิ่งขึ้นทำให้รัฐบาลทหารพม่ากลายเป็นที่ยอมรับของโลกตะวันตกหลังจากปิดประเทศมานานแสนนาน เมืองย่างกุ้งนั้นก็เหมือนกับเมืองใหญ่ของประเทศอื่นๆ ในเอเชียที่มีแต่ความวุ่นวายด้านปัญหาการจราจร ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะการเปิดประเทศ รถราที่คับคั่งส่วนใหญ่เป็นรถยนต์มือสองสภาพพอใช้ได้ของญี่ปุ่นที่รัฐบาลพม่าอนุญาตให้นำมาวิ่งใช้งาน การวางผังเมืองที่ดีของอังกฤษชาติเจ้าอาณานิคมที่เคยปกครองดินแดนแห่งนี้กับถนนหนทางที่ถูกออกแบบสำหรับรถยนต์พวงมาลัยขวา หลังจากได้เอกราช ความจงเกลียดจงชังอังกฤษทำให้รัฐบาลของพม่าในขณะนั้นยกเลิกการขับแบบอังกฤษลงทั้งหมด รถยนต์ส่วนใหญ่ที่นำเข้ามาจากญี่ปุ่นแต่ต้องมาขับในเลนขวาสุดทำให้การขึ้น-ลงจากรถมีอันตรายหากไม่ระวังให้ดี สภาพบ้านเมืองโดยทั่วไปของกรุงย่างกุ้งเมืองหลวงเก่าสามารถพบเห็นสถาปัตยกรรมสไตล์โคโลเนียลซึ่งเป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่นที่พวกตะวันตกสร้างทิ้งไว้เป็นจำนวนมาก ทั้งอาคารสถานที่สำคัญทางราชการ บ้านเรือนแบบอังกฤษรวมถึงผังเมืองยังมีการผสมผสานกับรูปแบบของสภาพบ้านเมืองเก่าแก่เอาไว้ เหมือนกับย้อนเวลาถอยไปในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สองยังไงยังงั้น


รถบัสพาคณะสื่อมวลชนทีมที่สองซึ่งมีผมร่วมอยู่ด้วยออกเดินทางจากสนามบินฝ่าการจราจรที่คับคั่งของย่างกุ้งไปยังเจดีย์ซูเล เจดีย์แห่งนี้มีอายุกว่า 2,000 ปีมาแล้ว ตั้งอยู่บริเวณใจกลางของเมืองย่างกุ้ง เมื่อประมาณ 200 ปีที่ผ่านมา พระเจดีย์ถูกล้อมรอบไปด้วยน้ำ เจดีย์มีชื่อมอญอ่านว่า Kyaik Athok แปลความหมายได้ว่า พระวิหารอันเป็นที่ประดิษฐานของพระเกศาธาตุ ซึ่งเชื่อกันว่าภายในมีเส้นพระเกศาของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประดิษฐาน ลักษณะโครงสร้างของเจดีย์มีความสูงมากกว่า 150 ฟุต สถาปัตยกรรมที่โดดเด่นของวัดและเจดีย์ในพม่า ทำให้สถานที่แห่งนี้เป็นที่นิยมในกลุ่มผู้รักการถ่ายภาพ ทุกๆ ครั้งที่ผมเดินทางไปทดสอบรถยนต์ต่างประเทศจะมีบริษัทกล้องส่งอุปกรณ์มาให้ใช้งาน ครั้งนี้ก็เช่นกันที่ค่ายกล้องยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่น Nikon ส่งอุปกรณ์บันทึกภาพมาให้ลองใช้งาน สถานที่สวยงามและยังคงความบริสุทธิ์ในพม่าซึ่งยังมีอยู่อีกนับไม่ถ้วนจึงถูกบันทึกถ่ายทอดด้วยกล้อง Nikon มาให้ได้ชมกัน ความเจริญที่บดบังธรรมชาติและผู้คนยังไม่สามารถไปถึงในบางจุดที่อยู่ห่างบ้านห่างเมือง ภาพถ่ายที่ได้จึงมีคุณค่าในตัวของมันเอง


ฝนที่ตั้งเค้ามาตั้งแต่ช่วงสายเริ่มโปรยปรายลงมา รถบัสพาคณะสื่อมวลชนและทีมพีอาร์ของ Mazda เลี้ยวเข้ามายังวัดเจ๊าทัตจี ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานองค์พระพุทธไสยาสน์เจาทัตยี หรือพระนอนตาหวาน เป็นพระนอนปางพุทธไสยาสน์องค์ใหญ่ มีความยาวกว่า 70 เมตร มีที่ตั้งอยู่ในเมืองย่างกุ้ง ซึ่งเป็นพระนอนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศพม่า คนไทยเรียกพระนอนตาหวาน เพราะนอกจากดวงพระเนตรของพระพุทธรูปที่วาดไว้อย่างสวยงามแล้ว ยังมีขนตางอนงามอีกด้วย ส่วนลูกนัยน์ตาทำด้วยแก้วที่สั่งผลิตเป็นพิเศษจากประเทศญี่ปุ่น ทำให้มองดูแล้วเหมือนมีชีวิต ราวกับมีน้ำหล่อเลี้ยงอยู่ภายใน นอกจากนี้จีวรยังได้รับการตกแต่งให้ดูพลิ้วสวยงามเหมือนผ้าครองจริงๆ ใต้พระบาทที่วางไว้ไม่เสมอกันนั้น มีการวาดลวดลายสวยงาม ว่าด้วยสิ่งที่เป็นมงคล ประกอบด้วย ธรรมจักร มงคล 108 ประการ แสดงโลกทั้ง 3 คือเครื่องหมาย 59 ประการ แสดงถึงอากาศโลก เครื่องหมาย 21 ประการ แสดงถึงสัตว์โลก และเครื่องหมาย 28 ประการ แสดงถึงสังขารโลก และยังมีเครื่องหมายพระเจ้าจักรพรรดิรวมอยู่ในนั้นด้วย


ออกจากวัดพระนอนตาหวานก็มาต่อยังตลาดสก๊อต ฝนที่โปรยอยู่ดีๆ ก็เทกระหน่ำลงมาอย่างหนัก ตลาดสก๊อต (Scott Market) หรือที่เรียกกันว่า ตลาดโบยกอองซาน (BogyokeAungSan Market) ตลาดขายของสารพัดอย่างที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในประเทศพม่าเป็นแหล่งศูนย์รวมของหยก อัญมณี งานไม้ และผ้านำเข้าจากจีนและประเทศเพื่อนบ้านรวมถึงผ้าทอมือของพม่า นับเป็นตลาดที่มีความหลากหลายมาก มีขายตั้งแต่อาหาร เสื้อผ้า ของที่ระลึก เครื่องเงิน ไม้แกะสลัก พระพุทธรูป เทวรูปที่ทำด้วยไม้จันทน์ เครื่องแกะสลัก เครื่องลงรักปิดทอง ถ้วยชามกังไสจีนโบราณ โคมไฟแก้ว และแจกันเจียระไนโบราณ นาฬิกาข้อมือเก่า ที่ส่วนใหญ่แล้วติดป้ายบอกราคาเป็นยูเอสดอลลาร์ทั้งสิ้น ผ้าไหมลายต่างๆ ไปจนถึงบรรดาว่านต่างๆ เช่น ว่านหงสาวดี ภาพวาดสีน้ำมันรูปทิวทัศน์ของพม่า สินค้าจากชนกลุ่มน้อย ฯลฯ มีราคาพอๆ กันกับเมืองไทยแต่พวกหยกและอัญมณีนั้นแพงหูดับ ตลาดนี้สร้างโดยนายสก๊อต ชาวอังกฤษ ตลาดสก๊อต เป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุด มีอาคารหลายหลังเชื่อมต่อกันหลายหลัง มีสินค้าวางขายแทบทุกชนิด ออกจากตลาดไปได้ไม่ไกลนัก รถบัสก็นำสื่อมวลชนไทยมาถึงยังเจดีย์โบตะทาวน์หรือ เจดีย์ทหาร 1,000 นาย ครั้งเมื่อช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เจดีย์แห่งนี้ถูกทิ้งระเบิดจนทำให้องค์เจดีย์พังราบลงมา หลังจากนั้นในระหว่างการบูรณะได้ค้นพบสถูปบรรจุพระเกศธาตุและพระบรมสารีริกธาตุ หลังจากนั้นพม่าจึงสร้างเจดีย์ใหม่ขึ้นทั้งองค์ การบูรณะแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2496 จึงนำพระเกศธาตุมาบรรจุในมณฑปครอบแก้วใส ประดิษฐาน ณ ใจกลางเจดีย์ ที่สำคัญคือเมื่อเดินเข้าไปในเจดีย์สามารถมองเห็นพระเกศธาตุได้อย่างใกล้ ชิด ภายในบริเวณรอบๆ เจดีย์ประดิษฐานพระพุทธรูปทองคำ ในวิหารด้านขวามือเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยที่มีลักษณะงดงาม ตามประวัติเล่ากันว่าพระพุทธรูปทองคำองค์นี้เคยประดิษฐานอยู่ในพระราชวังมัณฑะเลย์ เมื่อพม่าตกเป็นอาณานิคมอังกฤษในปี พ.ศ. 2428 จึงถูกเคลื่อนย้ายไปยังพิพิธภัณฑ์กัลกัตตาในอินเดีย ทำให้รอดพ้นจากระเบิดของเครื่องบินฝ่ายพันธมิตรที่ถล่มพระราชวังมัณฑะเลย์ ต่อมาในปี พ.ศ. 2488 พระพุทธรูปองค์นี้ถูกนำมาจัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์วิกตอเรียและแอลเบร์ต ด้านซ้ายมือจะเป็นรูปปั้น นัตโบโบยี หรือ เทพทันใจ ซึ่งชาวพม่า รวมถึงนักท่องเที่ยวนิยมไปกราบไหว้บูชา


17.05 น. รถบัสนำสื่อมวลชนและพีอาร์ของ Mazda เดินทางมาถึงยังมหาเจดีย์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในทวีปเอเชียท่ามกลางสายฝน ที่โปรยหนักสลับเบาตลอดเวลา พระมหาเจดีย์ชเวดากอง ถือเป็นเจดีย์คู่บ้านคู่เมืองพม่า เป็นเจดีย์ทองคำแท้ทั้งองค์ที่งดงาม ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ใจกลางเมืองย่างกุ้ง มหาเจดีย์ชเวดากองมีความสูงรวม 109 เมตร ยอดเจดีย์ประดับด้วยเพชร 544 เม็ด ทับทิม นิล และบุษราคัมอีก 4,351 เม็ด พื้นผิวของเจดีย์ชเวดากองมีทองคำหุ้มอยู่ซึ่งคิดเป็นน้ำหนักรวมแล้วมากถึง ถึง 8,000 กิโลกรัม ว่ากันว่าทองคำที่ใช้ในการก่อสร้างและซ่อมแซมพระมหาเจดีย์แห่งนี้มากมายมหาศาลกว่าทองคำที่เก็บอยู่ในธนาคารชาติอังกฤษเสียอีก รอบๆ ฐานพระมหาเจดีย์รายล้อมด้วยเจดีย์องค์เล็กๆ นับร้อยองค์ มีซุ้มประตูสี่ด้าน ยอดฉัตรองค์พระมหาเจดีย์ประกอบด้วยเพชรและพลอยมากมาย ภายในองค์พระมหาเจดีย์ได้บรรจุเส้นพระเกศธาตุของพระพุทธเจ้าจำนวน 8 เส้น เป็นพระธาตุประจำปีเกิดปีมะเมีย และยังเป็น 1 ใน 5 มหาบูชาสถานสูงสุดของพม่า ซึ่งมีทั้งผู้คนชาวพม่า และชาวต่างชาติพากันสักการะทั้งกลางวันและกลางคืน


พระเจดีย์ชเวดากองได้เริ่มสร้างมาเป็นครั้งแรกตั้งแต่สมัยที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ หรือเมื่อประมาณ 2,595 ปีมาแล้ว ในสมัยที่ย่างกุ้งยังเป็นเพียงเมืองเล็กๆ ที่ชื่อว่าเมืองอสิตันชนะหรืออีกชื่อหนึ่งคือเมืองโอกกะละ โดยได้มีพ่อค้าชาวมอญ 2 คนชื่อว่าตผุสสะและภัลลิกะได้เดินทางไปค้าขายยังประเทศอินเดีย ทั้งสองได้มีโอกาสเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าซึ่งกำลังประทับอยู่ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ และได้ถวายภัตตาหารแด่พระองค์ด้วย หลังจากเสวยเสร็จแล้ว พระพุทธเจ้าได้ประทานพระเกศาให้ 8 เส้น เมื่อตผุสสะและภัลลิกะเดินทางกลับ พระราชาแห่งอเชตตะได้ขอแบ่งพระเกศธาตุไป 2 เส้น พญานาคขอไปอีก 2 เส้น เมื่อเดินทางกลับถึงเมืองอสิตันชนะ พระเจ้าโอกกะละปะก็ได้ทรงประกอบพิธีต้อนรับพระเกศธาตุอย่างยิ่งใหญ่ และได้ทรง คัดเลือกสถานที่บนเขาสิงฆุตตระนอกประตูเมืองอสิตันชนะให้เป็นที่สร้างพระเจดีย์เพื่อบรรจุพระเกศธาตุ แต่ขณะที่กำลังทำการขุดดินก่อสร้างนั้น ก็ได้ค้นพบ พระบริโภคเจดีย์ของอดีตพระพุทธเจ้าองค์อื่น ๆอีก 3 พระองค์ด้วย คือไม้ธารพระกร ภาชนะสำหรับใส่น้ำ และสบง จึงได้บรรจุของทั้งหมดนี้ในพระเจดีย์พร้อมกับพระเกศธาตุด้วย แต่ก่อนที่จะบรรจุ ก็ค้นพบด้วยว่า พระเกศธาตุกลับมี 8 เส้นดังเดิม พระเกศธาตุได้บรรจุไว้ภายในเจดีย์ทอง เงิน ดีบุก ทองแดง ตะกั่ว หินอ่อน และเหล็กตามลำดับ เสร็จแล้วจึงสร้างเจดีย์อิฐสูงประมาณ 66 ฟุตครอบไว้ภายนอก จากนั้นก็มีการสร้างเจดีย์ครอบองค์เดิมในรัชสมัยของกษัตริย์ต่าง ๆ รวมถึง 7 ครั้งด้วยกัน เจดีย์ชเวดากอง พม่าโดย ในสมัยพระนางเชงสอบูแห่งกรุงหงสาวดีก็ได้ทรงบริจาคทองคำถึง 40 กิโลกรัม ซึ่งเท่ากับน้ำหนักของพระองค์ในการก่อสร้างพระเจดีย์ที่มีรูปร่างเหมือนในปัจจุบันเป็นครั้งแรก ส่วนพระเจ้าธรรมเจดีย์ซึ่งครองราชย์ต่อจากพระนางเชงสอบู ก็ได้บริจาคทองในการก่อสร้างเพิ่มเติมเป็นน้ำหนักเท่ากับน้ำหนักของพระองค์ และพระมเหสีรวมกันด้วย ทั้งยังได้ทรงสร้างจารึกเล่าประวัติของพระเจดีย์ชเวดากองเป็นภาษาพม่า มอญ และบาลีไว้ด้วย


ปัจจุบันพระเจดีย์มีความสูง 326 ฟุต เส้นรอบวง 1,420 ฟุต สูงกว่าระดับน้ำทะเล 190 ฟุต ประดับด้วยแผ่นทองคำ 4 หมื่นแผ่น รวมน้ำหนักทอง 8 ตัน สำหรับฉัตรซึ่งครอบยอดเจดีย์ ก็มีการซ่อมแซมหรือสร้างขึ้นใหม่มาเป็นระยะๆ ฉัตรเก่าสร้างในสมัยพระเจ้ามินดงในปี ค.ศ. 1871 สูง 33 ฟุต เส้นผ่าศูนย์กลาง 18 ฟุต ขณะนี้ก็ยังตั้งไว้ให้ประชาชนได้ชมอยู่ ครั้งล่าสุดได้มีการสร้างฉัตรขึ้นใหม่เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยประดับเพชรพลอยรวมถึง 4,351 เม็ดรวม น้ำหนัก 2,000 กะรัต เพชรเม็ดใหญ่ที่สุดหนัก 76 กะรัตอยู่บนยอดฉัตรที่มีฐานกว้าง 2 ฟุต ยาว 1 ฟุต 10 นิ้ว นอกจากนี้ พระเจดีย์ชเวดากองก็ยังมีวัตถุที่มีคุณค่าทางศาสนา ศิลปะ ประวัติศาสตร์และอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น ระฆังที่พระเจ้าสิงคุทรงสร้างไว้ (Singhu) เมื่อปีค.ศ. 1778 หล่อด้วยปัญจโลหะ คือทอง เงิน ทองแดง ตะกั่ว และสังกะสี สูง 8 ฟุต หนัก 23 ตัน ในปี ค.ศ. 1824 พม่าได้ทำสงครามกับอังกฤษเป็นครั้งแรกและอังกฤษได้ยึดเจดีย์ชเวดากองได้ และได้ขนทรัพย์สินแก้วแหวนเงินทองไปหลายอย่าง รวมทั้งได้คิดที่จะขนย้ายระฆังใบนี้กลับไปอังกฤษด้วย แต่ระหว่างการเดินทางเรือที่ขนระฆังจมลงที่แม่น้ำย่างกุ้ง ต่อมาพม่าจึงทำการกู้ระฆังใบนี้ด้วยตนเองและนำมาติดตั้งไว้ที่เจดีย์ชเวดากองได้เช่นเดิม ซึ่งเป็นที่ภาคภูมิใจของประชาชนพม่าโดยทั่วไปมาจนทุกวันนี้ นอกจากนั้นก็ยังมีพระพุทธรูปสลักจากหยกทั้งก้อน ซึ่งได้มาจากรัฐคะฉิ่นในปีค.ศ. 1999 ในโอกาสที่ได้สร้างฉัตรใหม่ และยังมีต้นพระศรีมหาโพธิ์ซึ่งได้นำเมล็ดมาปลูกจากพุทธคยาเมื่อ 79 ปีก่อน และของมีค่าอื่น ๆ อีกมากนับไม่ถ้วน


19.20 น. เสร็จสิ้นภารกิจท่องเที่ยวในเมืองย่างกุ้งพร้อมกับสายฝนที่ยังคงโปรยลงมาไม่หยุด รถบัสนำนักข่าวและทีมประชาสัมพันธ์ของ Mazda มาเช็กอินที่โรงแรมไม้สักที่สวยที่สุดในย่างกุ้ง โรงแรม Kandawgyi Hotel Yangon เป็นที่พักระดับ 5 ดาวและสถานที่จัดเลี้ยงสำหรับการเยือนแผ่นดินพม่าของสื่อมวลชนไทยทั้งสองทีม งานเลี้ยงขอบคุณสื่อมวลชนของ Mazda Motor ที่ห้องบอลรูมส์ของโรงแรมท่ามกลางความสนุกสนานและความเหนื่อยอ่อนจากการเดินทางของสื่อมวลชนไทยทีมแรกที่จะต้องบินกลับบ้านในวันพรุ่งนี้หลังจากต้องระหกระเหินบนเส้นทางทดสอบมาถึง 4 วัน สำหรับผมและสื่อมวลชนทีมที่สองซึ่งเข้ามาเสียบรับหน้าที่ต่อจะต้องขับรถทดสอบ Mazda BT-50 PRO จากเมืองย่างกุ้งกลับไปยังกรุงเทพมหานครบนระยะทาง 1,000 กิโลเมตร เป็นการขับขี่แบบคาราวานท่องเที่ยวเดินทางเปิดประตูสู่อินโดจีนโดยรถปิกอัพสุดแกร่ง Mazda BT-50 PRO รถออฟโรดสมรรถนะสูงสายพันธ์ุ Zoom Zoom ซึ่งอีกสามวันข้างหน้าที่จะต้องพบเจอกับอะไรบนเส้นทางในประเทศนี้เดี๋ยวคงได้รู้กัน.


CAMERA
NIKON D7100 LENS NIKKOR 70-200 f4 VR - NANO / NIKKOR 17-55 f2.8 ED DX




Create Date : 01 มิถุนายน 2556
Last Update : 1 มิถุนายน 2556 2:05:15 น. 0 comments
Counter : 1861 Pageviews.

amulet108
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 96 คน [?]








Friends' blogs
[Add amulet108's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.