ตอนที่สองกับการขับทดสอบยนตรกรรมไฮบริดคันเล็ก Honda CRZ ลืมไม่ลงกับสมรรถนะและสไตล์ที่แปลกแยกของตัวรถ ขับดีแต่ไม่สมราคาค่าตัวเพราะแพงหูดับ ราคาทะลุ New Accord ไปหลายแสนกันเลยทีเดียว...
The Power Of Dream คันนี้คือรถทดสอบรุ่น CRZ ที่ Honda Automobile นำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยและเปิดตัวไปเมื่อช่วงต้นเดือนสิงหาคม 2555 นี่คือยนตรกรรมพลังงานผสมแบบ Hybrid ซึ่งถูกสร้างออกมาให้รองรับการขับขี่ทั้งแบบประหยัดและแบบสปอร์ต เมื่อลองเข้าไปนั่งในห้องโดยสารของมัน คุณจะพบกับความทันสมัยของรูปแบบและการจัดวางอุปกรณ์ต่างๆ ที่โน้มน้าวบรรยากาศรถสปอร์ตสองที่นั่งแห่งอนาคต เพื่อทวงคืนสมรรถนะการขับขี่บนความสนุกสนานในยุค 1980 ที่ Honda เคยมีรถสปอร์ตซึ่งสามารถสร้างความมันส์หลังพวงมาลัยได้ดี วิศวกรของ Honda ยังคงใช้รูปแบบที่แหวกแนว มีเอกลักษณ์และมีความเป็นตัวของตัวตนสูงกว่ารถ Honda ทุกรุ่นที่มีประตูมากกว่า ลูกเล่นของคอนโซลกับโทนสีของอุปกรณ์ที่เรืองแสงสะดุดตาทำให้มันดูแปลกแยกและแตกต่างจากรถ Hybrid รุ่นอื่นๆ อย่างสิ้นเชิง เบาะคู่หน้าแบบสปอร์ตมีพื้นที่เหนือศีรษะกับพื้นที่ในการวางเท้าเหลือเฟือ ทัศนวิสัยมุมมองด้านหน้าโปร่งโล่ง แต่ด้านข้างและด้านหลังค่อนข้างอับทึบจากทรงหลังคาที่ลาดเอียงลงไปด้านหลังมากกว่าปกติ ส่งผลให้เสาหลังบดบังมุมมองอยู่บ้าง กระจกบานหลังแบบสองชิ้นก็ยังมีขนาดที่เล็กกว่ารถทั่วไป การขับถอยหลังจึงต้องพึ่งพากล้องถอยจอสีที่ทำงานทันทีเมื่อผู้ขับขี่ใส่เกียร์ถอยหลัง เส้นระนาบสีเหลืองสำหรับกะระยะของการถอยคอยช่วยให้คุณสุภาพสตรีหลบหลีกจากกระถางต้นไม้ รั้วบ้าน หรือหมาแมวที่เดินอยู่ด้านหลังได้อย่างปลอดภัยไร้กังวล
โหมดการขับขี่สามรูปแบบ มีให้เลือกใช้งานตามระดับของความเหมาะสมและอารมณ์ของผู้ขับ (ซึ่งส่วนใหญ่มักแปรปรวนเดี๋ยวเร็วเดี๋ยวช้า) ในโหมด ECON หรือ ECO คันเร่งไฟฟ้าจะถูกหน่วงให้ตอบสนองแบบเรื่อยๆ มาเรียงๆ ความเร็วค่อยๆ เพิ่มขึ้นและไหลไปเรื่อย มันมีความต่อเนื่องนุ่มนวลเมื่อจับคู่กับชุดส่งกำลังแบบเกียร์ออโต้สายพาน CVT อัตราทดของเกียร์แบบแปรผันต่อนเนื่อง ช่วยทำให้สมรรถนะของมันในย่านความเร็วต่ำถึงปานกลางคล้ายกับรถ Hybrid ทั่วๆ ไป ผมใช้เส้นทางมุ่งลงภาคใต้บริเวณอ่าวไทยตอนบน เป็นการนำรถทดสอบออกวิ่งทางไกลมายังภาคใต้ฝั่งตะวันออกของประเทศที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อยครั้งนัก รอบเครื่องยนต์ที่ต่ำกว่าปกติประมาณ 2,000-2,400 รอบต่อนาทีเมื่อใช้ความเร็วเดินทางในระดับ 100-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ช่วยให้อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงมีตัวเลขที่หรูหรากว่ารถ Honda ในรุ่นอื่นๆ ทั้งหมดยกเว้นรุ่น Insight ในโหมด ECON จอแสดงผล MID จะโชว์รูปดอกไม้หากผู้ขับขี่ใช้ระดับของคันเร่งไฟฟ้าได้เหมาะสมกับค่าที่ตั้งไว้ หรือปรับตั้งให้แสดงอัตราความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงแบบลิตรต่อกิโลเมตร รวมถึงคำนวณระยะทางที่สามารถวิ่งไปถึงจากน้ำมันเชื้อเพลิงที่เหลืออยู่ในถัง มาตรวัดรอบจะเปลี่ยนมาเป็นสีเขียวก็ต่อเมื่อรอบเครื่องยนต์อยู่ต่ำกว่าระดับที่เริ่มมีการใช้เชื้อเพลิงมากขึ้นกว่าปกติ สำหรับการเร่งความเร็วในโหมดนี้ สีของมาตรวัดรอบจะเปลี่ยนมาเป็นสีน้ำเงินเข้มทันทีที่คันเร่งถูกกดลงลึกๆ โหมด ECON หรือ ECO เหมาะกับการวิ่งใช้งานภายในเมืองที่มีการจราจรติดขัดและเป็นโหมดที่ประหยัดเชื้อเพลิงได้สูงสุดของ Hybrid IMA
โหมดต่อมาเป็นโหมด Normal คันเร่งไฟฟ้าแบบ Drive By Wire จะปรับตัวเองให้ตอบสนองได้ดีขึ้นกว่าโหมด ECON และเชื่อมโยงการขับในแบบปกติทั่วไป การตอบสนองของตัวรถดีขึ้นมาอีกนิด พอให้รับรู้ถึงกำลังแรงบิดที่กระชับและฉับไวขึ้น ระบบ Hybrid บริหารการใช้เชื้อเพลิงอย่างมีประสิทธิภาพ ใน CRZ ระบบ Hybrid IMA มีแหล่งพลังงานจากเครื่องยนต์เป็นหลัก พร้อมการเสริมเพิ่มเติมกำลังด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าในช่วงออกตัว เครื่องยนต์จะทำหน้าที่หลักในการสตาร์ตและเสริมแรงด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ช่วงขับขี่แบบปกตินั้น เครื่องยนต์ของ CRZ จะทำงานแบบเต็มกำลัง และในช่วงของการเร่งแซง มอเตอร์ไฟฟ้าจะส่งกำลังเสริมทันทีให้กับเครื่องยนต์ เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดในการเร่งแซง และทุกครั้งที่ผมชะลอความเร็วโดยการแตะเบรก มอเตอร์ของ CRZ จะชาร์จพลังงานไฟฟ้ากลับคืนสู่แบตเตอรี่แบบทันที เพื่อกักเก็บพลังงานแล้วนำมาใช้ในครั้งต่อไป เมื่อรถหยุดนิ่ง เครื่องยนต์จะดับลงทันทีแต่ระบบปรับอากาศ เครื่องเสียงและระบบไฟฟ้าทั่วทั้งคันยังคงทำงานตามปกติด้วยกระแสไฟฟ้าที่ส่งมาจากแบตเตอรี่ รถ Honda CRZ แตกต่างจาก Toyota Prius ตรงที่ความไวของระบบ Auto Stop-Start เพียงแค่ผู้ขับขี่ถอนเท้าออกจากแป้นเบรก เครื่องยนต์จะสตาร์ตตัวเองติดขึ้นมาทันทีอย่างรวดเร็ว มันเร็วกว่าเจ้า Prius เล็กน้อยซึ่งใน Prius นั้น ผู้ขับต้องแตะคันเร่งไฟฟ้าเล็กน้อยเครื่องยนต์ถึงจะติดตัวเองขึ้นมา ความว่องไวและการตอบสนองของระบบ Auto Stop-Start ช่วยทำให้การออกตัวจากจุดหยุดนิ่งเต็มไปด้วยประสิทธิภาพ มันทันอกทันใจเมื่อคุณสามารถสวนคันเร่งลงลึกทันทีที่ได้รับสัญญาณไฟเขียว
เจ้า Honda CRZ มีรูปทรงที่ค่อนข้างดึงดูดสายตาของผู้คนรอบข้าง ความต่อเนื่องของเส้นสายทั้งคัน ผ่านขนาดอันเล็กกะทัดรัด มิติของตัวถังใกล้เคียงกับ MINI Cooper ทั้งความกว้างของฐานล้อ ความยาวและความสูงของตัวรถ มันยังให้ความรู้สึกที่คล้ายกับ MINI Cooper ในด้านความรู้สึกของระบบกันสะเทือนที่ค่อนข้างออกแนวแข็งๆ แบบสปอร์ตแฮตช์แบค รวมถึงการขับเคลื่อนด้วยล้อคู่หน้าที่เหมือนกัน พวงมาลัยไฟฟ้าถูกปรับค่าแปรผันไปตามความเร็ว ความรู้สึกที่ส่งผ่านมายังข้อมือของผมไปมีน้ำหนักของการหน่วงจนรู้สึกได้และเหมือนกับเจ้า MINI ระบบกันสะเทือนหน้าที่มีสปริงแข็งโป๊กซึ่งถูกปรับเซตมาเพื่อเน้นอารมณ์การขับแบบสปอร์ต ทำให้พวงมาลัยของมันค่อนข้างคม แต่น้ำหนักไม่เบามือจนเกินไปที่ย่านความเร็วสูง ช่วยทำให้มีความมั่นใจมากยิ่งขึ้นเมื่อใช้ความเร็วในระดับ 120-140 กิโลเมตรต่อชั่วโมงบนเส้นทางแถบสมุทรปราการเชื่อมต่อกับจังหวัดเพชรบุรีที่ไม่ค่อยเหมาะกับการทำความเร็ว ฐานล้อที่กระชับแบบสปอร์ตคูเป้ มีระยะห่างระหว่างล้อซ้าย-ขวา และล้อหน้า-หลังค่อนข้างกว้างกว่าปกติ การออกแบบในลักษณะดังกล่าวช่วยทำให้ตัวรถมีความเสถียรสูงเมื่อต้องวิ่งที่ย่านความเร็วกว่า 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ความมั่นคงของช่วงล่างและระบบอากาศพลศาสตร์ที่ดี ทำให้มันมีความมั่นคงบนความรู้สึกที่คล่องตัวใช้ได้เลยทีเดียว
โหมดสุดท้ายที่ผมลองคือโหมด Sport เพื่อนๆ สื่อมวลชนหลายคนที่เคยได้ลองขับเจ้า CRZ ในโหมดนี้ ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า มันให้ทั้งอารมณ์และความรู้สึกที่แตกต่างอย่างชัดเจนมากกว่ารถทั่วไปที่มีโหมด Sport ไว้เพียงแค่ประดับบารมี บนเจ้า CRZ โหมด Sport บ่งบอกตัวเองโดยสลัดคราบของรถบ้านที่วิ่งแบบเรื่อยๆ มาเป็นเด็กแสบที่พร้อมจะท้าชนกับเค้าไปทั่ว มันเหมือนผู้หญิงที่คุณรู้จักแค่ว่าเป็นคนเรียบร้อยอ่อนหวานและน่ารัก แต่เบื้องลึกที่แท้จริงเธอกลับกลายเป็นคนที่ร้อนแรงและเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง Sport Mode บน CRZ สามารถชักนำคนขับให้เข้าสู่อารมณ์สปอร์ตด้วยการตอบสนองของพวงมาลัย คันเร่งไฟฟ้า และระบบเกียร์ CVT ที่สามารถแปรผันอัตราทดได้ด้วยแป้นเปลี่ยนเกียร์หรือ Paddle Shift หลังพวงมาลัย มันมีระดับให้คุณถึง 7 สปีดทั้งๆ ที่เป็นเกียร์สายพาน CVT แต่มีการทำงานที่คล้ายคลึงกับเกียร์ออโต้แบบ Torque Converter มันปรับอัตราทดทันทีที่ผมแตะแป้นเปลี่ยนเกียร์ ส่วนคันเร่งก็ขยันทำรอบทันทีที่ลงน้ำหนักเท้าเพียงแค่นิดเดียว ในโหมดนี้ อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่ระบบคำนึงถึง มันกระชากตัวเองทันทีที่คุณกดคันเร่งลงลึก และเพิ่มความเร็วอย่างต่อเนื่องด้วยความว่องไว แม้จะไม่มีแรงดึงเหมือน MINI Cooper S แต่ก็สามารถมอบความสนุกบนความเร็วที่เพิ่มขึ้นทันทีที่รอบเครื่องยนต์เริ่มกวาดไปยังขีด 5,000 รอบต่อนาที และไหลอย่างต่อเนื่องขึ้นไปเรื่อยๆ เมื่อกลไกของระบบวาล์วแปรผันแบบ VTEC เปิดการทำงานอย่างเต็มที่ ประสานพลังในรูปของแรงบิดด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าซึ่งรับกระแสไฟฟ้ามาจากแบตเตอรี่
โหมด Sport ที่ปรับให้คันเร่งตอบสนองได้ว่องไวตามอารมณ์ของการขับเร็ว ผสานการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้าแบบต่อเนื่อง เพิ่มน้ำหนักของพวงมาลัยให้เหมาะสมกับความเร็ว มันให้ความแตกต่างอย่างชัดเจนและสามารถสร้างความประทับใจได้สมกับยานยนต์ที่ผลิตโดย Honda นี่คือรถเล็กราคาแพงอีกคันที่แสดงให้เห็นถึงอรรถรสของการควบคุมบนความเฉื่อยชาหรือรีบเร่ง โช้คและสปริงที่กระด้างของ CRZ ยังส่งถ่ายอารมณ์การซิ่งได้แจ๋วพอๆ กับ MINI Cooper รุ่นปกติ แต่เป็น Cooper ที่หอมกลิ่นอันเผ็ดร้อนของวาซาบิ มันเจ๋งและมีความเป็นตัวตนสูงจากรูปทรง ขับขี่ได้ดีสวนทางกับระบบ Hybrid ที่เหมือนอยู่ผิดที่ผิดทาง หากนำมันไปโมโดยสำนักแต่งดังของแดนปลาดิบ รถชาติของม้า 200 ตัว กับช่วงล่างสปอร์ตและแอร์โรพาร์ตเต็มระบบจะทำให้ CRZ น่ากลัวมากในกลุ่มรถแฮตซ์แบคสมรรถนะสูง บนทางโล่งๆ ที่เชื่อมระหว่างตะเข็บรอยต่อของอำเภอชะอำมุ่งหน้าปึกเตียน เมื่อผมลองเปิดกระจกในโหมด Sport เพื่อฟังเสียงการทำงานของเครื่องยนต์ในรอบสูง ที่ย่าน 5,500 รอบต่อนาที เสียงท่อไอเสียดังสนั่นไปทั่วและให้ซุ่มเสียงราวกับตัวแต่งเต็มในรุ่น Type R อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรที่ 10.02 วินาที ดูไม่ค่อยจะรวดเร็วทันใจนักเมื่อมันมีรูปลักษณ์ที่ค่อนข้างขัดแย้งกับเรือนร่างแบบสปอร์ต และคงต้องรอกันอีกสักนิดกับรุ่น CR-Z Type R ที่ร้อนแรงกว่ามาก โดยรถรุ่นดังกล่าวได้เข้ามาเติมแต่งสมรรถนะให้แจ่มมากยิ่งขึ้นในปี 2013 นี้
เครื่องยนต์ 1.5 ลิตรที่ใช้แคมแท่งเดี่ยวแบบ SOHC ฝาสูบได้รับการปรับแต่งรวมถึงการออกแบบห้องเผาไหม้ใหม่ ใช้อัตราส่วนกำลังอัด 10.4:1 แม้จะเป็นเครื่องยนต์ที่ไม่มีระบบอัดอากาศตามลักษณะของรถ Hybrid ที่เน้นความประหยัด แต่กราฟแรงบิดที่มาในรอบกลางถึงรอบสูงสุดคล้ายกับนิสัยใจคอของเครื่องยนต์แบบ iVTEC อันแสบสันในตระกูล Type R มันสร้างแรงดึงเล็กๆ ที่ย่าน 2,000 รอบไปจนถึง 5,500 รอบต่อนาทีได้ด้วย Sport Mode บุคลิกที่แปรเปลี่ยนไปทำให้มันกลายเป็นรถสปอร์ตสองอารมณ์ที่จะวิ่งแบบเรื่อยๆ หรือซิ่งในรอบสูงได้อย่างไม่เคอะเขิน เกียร์สายพาน CVT มีการปรับให้หน่วงตัวเองได้ถึง 7 ระดับ โดยผู้ขับสามารถใช้นิ้วกระดิกไปที่แป้นเปลี่ยนเกียร์หลังวางพวงมาลัย บนเส้นทางที่คดเคี้ยวของอำเภอบ้านลาดมุ่งหน้าไปยังภูเขารูปร่างประหลาด มันตอบสนองต่อการกดเพื่อลดหรือเพิ่มความเร็วเชื่อมโยงไปกับคันเร่งและเบรกได้ดี ช่วยให้การขับเร็วๆ บน CRZ มีแต่ความสนุกสนานประทับใจเพลิดเพลินจนลืมไม่ลง
ถึงแม้จะเป็นรถ Hybrid แต่ Honda วางระดับการขับขี่ที่สนุกและตอบสนองได้ดี อัตราสิ้นเปลืองเชื้ิอเพลิงของรถคันนี้จึงค่อนข้างขึ้นลงไปตามน้ำหนักของฝ่าเท้า เมื่อดูจากแรงม้าและการปล่อย Co2 ที่117 กรัมต่อหนึ่งกิโลเมตร ยังคงอยู่ในระดับพื้นๆ ที่ไม่ค่อยโดดเด่นเท่าที่ควร มันคือ Sport Hybrid ที่ไร้คู่แข่งเมื่อมองจากราคาค่าตัวเกือบสองล้านบาทซึ่งมี Lexus CT200h เป็นก้างชิ้นใหญ่ มันเป็นรถยนต์ที่ผู้ซื้อต้องมีความชอบส่วนตัวสูง และค่อนข้างเป็นคนที่นิยมรถประเภทแปลกประหลาดที่มีวิ่งอยู่บนถนนน้อยเต็มทน ยอดขายของ CRZ จึงเป็นไปแบบเรื่อยๆ ไม่พุ่งทะยานแบบรถ City Car ราคาไม่เกินเจ็ดแสนบาท กำแพงภาษีที่กำหนดไว้ทำให้คนไทยที่มีฐานะปานกลางไม่มีวันที่จะได้ควบ Hybrid สมรรถนะสูงที่ได้รับความนิยมในญี่ปุ่นและยุโรปไปโดยปริยายทั้งๆ ที่ราคาในญี่ปุ่นถูกจนน่าตกใจ
ภาพรวมของการทดสอบ Honda CRZ Sport Hybrid จุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำทำให้มันเป็นรถที่มีการควบคุมอยู่ในระดับที่ดี แม้ระบบ Hybrid จะไม่ค่อยเข้ากับบุคลิกแบบ Sport ของตัวรถ แต่อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 18.4 กิโลเมตรต่อลิตรในโหมด ECON ได้เข้ามาช่วยกู้สถานะของมันเอาไว้ โหมดสปอร์ตขับได้เร้าใจและมอบความสนุกสนานทุกครั้งที่ใช้รอบสูง ภายนอกโฉบเฉี่ยวดึงดูดทุกสายตาเนื่องจากรถรุ่นนี้มีน้อยมากบนถนนในประเทศไทย รูปทรงแบนกว้างคล้ายรถต้นแบบที่ไม่มีใครเหมือน ภายในตกแต่งได้ดีจากรูปแบบและการจัดวางอุปกรณ์ ถึงแม้วัสดุที่นำมาใช้จะอยู่ในระดับปานกลาง Honda CRZ เป็นรถที่มีความขัดแย้งในตัวตนสูง เนื่องจากถูกวางให้อยู่ในประเภทรถ Hybrid ที่มีความประหยัดเชื้อเพลิงเป็นจุดขาย แต่เอาเข้าจริงๆ แล้วมันไม่ได้ประหยัดเท่าที่ควร เนื่องจากถูกออกแบบให้เป็นรถที่ต้องขับได้สนุก จุดเด่นของมันอยู่ที่รูปลักษณ์และการควบคุมที่เหนือชั้น แต่กลับตกม้าตายด้วยราคาที่แพงจนเกินไปจากอัตราภาษีรถนำเข้าแม้จะเป็นรถ Hybrid ที่มีเครื่ิองเล็กกระจิ๋วหลิวก็ตาม ราคาที่แพงกว่า Honda New Accord รุ่นสูงสุดทำให้คุณไม่ค่อยพบเจอเจ้ารถรุ่นนี้บนท้องถนนบ่อยนัก โดยส่วนตัวแล้วต้องขอขอบคุณ Honda ที่สร้างจักรกลแบบนี้ออกมา และหวังว่าค่ายรถแห่งนี้จะยังคงสร้างพวกมันต่อไปในอนาคต เพื่อการขับขี่ที่สมกับคำว่า The Power Of Dream ตามเจตนารมณ์เดิมของประธานผู้ก่อตั้งบริษัทผลิตรถยนต์แห่งนี้ ซึ่งมุ่งมั่นในการสร้างยานพาหนะทุกรูปแบบเพื่อการเดินทางสำหรับมนุษย์ทุกคน.