Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2550
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
21 พฤษภาคม 2550
 
All Blogs
 
hou hai in cloudy day!

วันที่เก้า

วันนี้เราก็ตื่นสายอีกตามเคยเพราะเมื่อคืนล้อหงษ์น้อยสนุกเลยนอนดึกไปหน่อย ตื่นมาเราก็ไปกินร้านเดิมอีกขอบอกว่าขาแพะย่างอร่อยมาก ไปบ่อยซะจนได้กินถั่วฟรี



โอ้ย สงสัยจะจีบเด็กเสริฟ์ติดซะแล้วเรา ยังมาชวนว่าตอนบ่ายถ้ากลับมาจะพาไปเที่ยวเพราะวันนีเลิกงานเที่ยง ไม่อยากทำลายน้ำใจใครเลย เพราะงั้นไม่กลับมาดีกว่า (สวยเลือกได้ก็งี้แหละ) เดี๋ยวกลับมาแล้วไม่ไปด้วย จะไม่ดีมั้ง ว่าแล้ววันนี้เราก็ตั้งใจจะไปไหว้พระเอาฤกษ์เอาชัย ไม่ใช่สิแค่เป็นศิริมงคล ชั้นไม่ได้ไปแข่งโอลิมปิก พูดถึงโอลิมปิก คนจีนนี่ตื่นเต้นมากนะ ร้านขายของฝากโอลิมปิกมีเต็มไปหมด แต่ก็ยังเห็นคนแห่กันซื้อไม่เข้าใจ ทำอย่างกับว่ามันจะขาดตลาด อยากรู้จริงๆว่าเริ่มขายมาตั้งแต่เมื่อไหร่ เล่นขายลว่งหน้ากันหลายปีเลย นอกจากของที่ระลึกแล้วแม้แต่ขนมก็ยังเป็นรูปตัวการ์ตูนโอลิมปิกอีก ฮิตซะ เรานั่งรถเมล์ไปวัดลามะ หรือ หยงเหอกง หวิ๋นกับหงษ์เคยมาแล้วแต่อยากมาอีก เราก็เลยมากันเสียค่าบัตรเข้าครึ่งราคาเหมือนเดิม คนละ สิบสอง หยวน เป็นวัดที่นิยมทีเดียว นักท่องเที่ยวเพียบขอบอก แต่ก็สวยนะแต่ไม่สงบหรอกก็คนเยอะขนาดนั้น



เป็นวัดที่ร่มรื่นแล้วก็มีสถาปัตยกรรมแบบลามะ จุดเด่นของวัดก็คือ มีพระพุทธรูปที่แกะสลักจากไม้ต้นเดียวสูง18 ฟุตหรือเมตรเนี่ยแหละหลังจากกลับมาแล้วเกิดการถกเถียง ไม่แน่ใจขึ้นมา จากพื้นน่ะ แล้วยังลงไปใต้ดินอีก 8 เมตรหรือฟุตเนี่ยแหละ เอาเป็นว่าสวยงามมาก หลังจากนั้นเราก็เดินออกมาทางหลังวัดแล้วก็รู้สึกว่าที่นี่น่าจะใกล้ หูท่ง น่ะ ไปกันไหมตอนเย็นด้วยได้เห็นสองบรรยากาศเลย คือหูท่งเป็นแหล่งชุมชนที่ยังอนุรักษ์รูปแบบบ้านให้เป็นแบบเก่าอยู่ แบบดั้งเดิม



ส่วนอีกด้านก็ทำเป็นร้านอาหารริมทะเลสาป แล้วก็ผับบาร์ ตกแต่งน่ารักมาก ชอบ ชอบอย่างแรง



ในทะเลสาปก็มีเช่าเรือด้วยจะเอาแบบขับแบบถีบแบบพายก็ได้ หรือจะเอาคนขับด้วยก็ได้ หรือจะเอาคนมาเล่นพิณเล่นกู่เจิ้งหรือมีอาหารด้วยก็ได้ เรียกว่าบริการทุกระดับประทับใจ เราเคยไปแต่ตอนกลางคืน ส่วนหวิ๋นเคยไปแต่ตอนกลางวัน วันนี้อากาศดี เย็นสบายมีหมอก เหมาะแก่การเดินบ้านเก่าๆได้อารมณ์เย็นๆ มองทะเลสาบเป็นไอหมอก น่านั่งจิบเบียร์จริงๆ เราเดินเล่นกันได้พักนึง เห็นแต่อะไรๆก็น่ารักไปหมด





มีร้านพิซซ่าด้วย รสชาติพอใช้ได้ แต่ร้านน่ารักมาก ไม่เหมือนทางเข้าซักกะติ๊ดเดียว



เห็นอาม่านั่งถือพัดอยู่หน้าบ้าน ส่วนอากงปีนหลังคาไปทำสวนมีอะไรก็ตะโกนคุยกัน เพราะบ้านชั้นเดียว



ได้เห็นร้านส่งเบียร์ โหวันๆนึงกินกันขนาดเนี๊ยเลย



เห็นพวกติสทั้งหลายมาถ่ายรูปถ่ายวีดีโอ ทีหลังเราน่าจะแต่งตัวอย่างนี้บ้างดีไหมน้า



แต่ไม่ได้แล้วตอนนี้ ใช่มะ ชั้นไม่เคยเห็นติสคนไหนเค้าอ้วนเลยนี่นา เห็นแต่ลมปลิวทั้งนั้น ตอนนี้ชั้นเป็นติสไม่ได้แล้ว เดินมาหงษ์น้อยก็อธิบายว่าพี่บ้านหลังเนี่ยอ่ะนะเป็นของขุนนางเก่ามาก่อน บ้านเลขที่แปด



เห็นมั้ยว่าเวลาสามล้อพานักท่องเที่ยวมา หรือไกด์พามาจะตั้งหยุดที่หน้าบ้านหลังนี้ทุกครั้งนะพี่ มันคงมีความสำคัญมากกว่านี้ แต่เรารู้มาเท่านี้ เพราะบ้านที่มีถนนผ่านก็ถือว่าเจ๋งแล้วในสมัยก่อนถึงแม้จะเล็กเท่าตรอกหรือซอยก็เหอะ บ้านหลังตรงข้ามก็เหมือนกันนะพี่.....แล้วก็มีผู้ชายคนนึงเดินเข้าไป อ้าวคนเข้าได้ด้วยเหรอเนี่ย หรือว่าเค้าซ่อมอะไรอยู่ งง.......ซักพักหงษ์ก็เรียกพี่แอร์
" เค้าเป็นคนไทยอ่ะ"
" หา ใคร....." เดินย้อนกลับไปที่บ้านหลังนั้น อ้าวผู้ชายคนเมื่อกี้
" อ้าวเป็นคนไทยเหรอ"
" ครับ ชื่อ ดิน ผมเรียนที่เซี่ยงไฮ้ เนี่ยมาเที่ยวแล้วก็รอตั๋วไป เน มองโกล"
" หา จริงเหรอ พวกเราก็รอตั๋วไป เนมองโกล เหมือนกันเลย เออแล้วดินเข้าไปทำอะไรในนั้นอ่ะ"
" อ๋อผมอยู่ที่นี่ครับ" (อ้าวไม่ใช่บ้านขุนนางเหรอเนี่ย)
" ทำไมอยู่ได้หล่ะ เค้าให้เช่าเหรอ"
" ครับ" โหเจ๋งสุด..
" คือผมมาทำงานด้วยนะครับ ผมถ่ายรูป" โห ติสซะ "
" คืออย่าตกใจนะครับที่ผมพูดไทยไม่ชัด"
" เออ เราก็ว่างั้นแหละ ทำไมหล่ะ เกิดที่นี่เหรอ"
" เปล่าครับเกิดเมืองไทย อยู่เมืองไทยเพียงแต่ไม่ค่อยพูด ผมเรียนภาษาฝรั่งเศษฮะ" ช่างเป็นคนที่น่าสงสัยน่าให้ถามน่านั่งคุยจริงๆ แต่เราก็แค่คนเดินสวนกัน จะกวนไปกว่านี้ก็กระไรอยู่ แต่ขออีกหน่อยเถอะ "
" ดิน ดินไปเนมองโกลไปเมืองไหนอ่ะ"
" จำไม่ได้ครับ เหรองั้นนั่งรถไฟอะไรอ่ะ เท่าไหร่เหรอ"
" อ๋อ ตู้นอนสี่ร้อยกว่าครับ"
" หาาาอะไรนะ เราซื้อมาแค่สามสิบแปดเอง เราไปที่เดียวกันหรือเปล่าเนี่ย..."
" ....คือผมไปทำงานนะครับไปถ่ายรูป รถไฟหายากมากเลยตอนแรกว่าจะเหมาตู้ แต่ไม่มี" โห....บ้านขุนนางจริงๆด้วย ชั้นมีตังค์ก็คงจะเช่าอยู่ไม่ได้หรอก เราคุยกับดินมาได้พักนึง โดยมีแต่เราเป็นฝ่ายถาม จนเกรงใจ (จริงอ่ะ) เลยบอกลา แล้วก็ติดอยู่ในใจมาตลอดทางว่าชั้นกำลังจะไปไหนกันแน่นะ ......รถไฟจะเป็นยังไงนะ เราเดินแถวบ้านเก่าเสร็จเราก็ออกมาเดินตรงร้านเหล้า ตอนเย็นยังไม่เปิดก็จะมีอากงอาม่ามาออกกำลังกาย แต่ก็เริ่มมีวัยรุ่นแล้วบ้าง มันดูดีจัง มันผสมกันกลืนดีน่ะ
มีคู่แต่งงานมาถ่ายรูปด้วยแฮะ



มีถนนเล็กๆพอให้รถเบียดสวนได้สองคัน


(ก็บอกแล้วว่าสองคัน อิอิ)

ฝั่งนึงเป็นทะเลสาบ ทำทางเดินเท้าเหมือนสวนสาธารณะ ตกดึกถึงจะตั้งโต๊ะกินเหล้า ตอนนี้ก็เดินเล่น ออกกำลังกาย อีกฝั่งก็เป็นร้านเหล้า นักดนตรีก็ออกมาซ้อมดนตรีกัน อาม่าแถวนั่นก็เอาเก้าอี้เอาพัดมานั่งพัดนั่งคุยกันอยู่หน้าผับ (เสียดายรูปอาม่าหน้าผับหายไปอ่ะ)



มีคนเอาของมาขาย ของน่ารักน่ารักมีทั้งเป็นร้านเลย แล้วก็ปูพื้น ที่นี่เหมือนสวนลุม สยาม จตุจักร ข้าสาร แล้วก็ทองหล่อ กลืนมาก นับเป็นที่ๆชอบมากมากที่หนึ่งเลย แล้วก็เสียตังค์ซื้อสร้อยอีกแล้ว อีกสิบหยวน ไม่ใช่เค้าคนเดียวหรอก หวิ๋นด้วย ของไร้สาระนะมีอยู่สองคนนั่นแหละซื้อจัง แต่ก็อ่ะน่ะไม่เท่าบางคนที่ซื้อต่างหูคู่ละยี่สิบหยวนมาจากปักกิ่งหรอก เดินชมของจนจุใจแล้วก็กลับบ้าน เดินไปที่ป้ายรถเมล์ก็เหลือบไปเห็น ลุงคนนึงแต่งตัวมอซอ ดูแล้วแกคงจะเป็นคนเก็บขยะ แต่แกยืนอยู่หน้าร้านหนังสือมองเหมือนมันน่าสนใจมาก แล้วร้านนี้ก็ค่อนข้างใหญ่ ดูดีเลยทีเดียว แกมองอยู่พักนึงแกก็ตัดสินใจเดินเข้าไป มีหรือเหวยเซียงจะรอช้า ก็รีบสะกดรอยตามแกไป คือเป็นจอมยุทธ์อ่ะค่ะ อาชีพจอมยุทธ์ก็ไม่มีอะไร มีอยู่อย่างเดียวคือยุ่งเรื่องชาวบ้าน แกไปถึงแกก็ตรงไปหยิบหนังสือเล่มนึงมาอ่าน อ่านอย่างสนใจ ไอ้เราก็อยากรู้ว่าแกอ่านอะไร แต่เราก็อ่านไม่ออก ซักพักก็มีคนมาไล่แก แกก็รู้รีบหนีออกไป มันรู้สึกยังไงไม่รู้



เลยถามว่าน้อย " เล่มละเท่าไหร่ ว่ะ"
" ...สิบแปด ..."
" ซื้อให้ลุงแกดีไหม"
" ..ไม่ใช่ สี่สิบแปด "
"...หาสี่สิบแปดเลยเหรอ โห แพงไม่ไหวอ่ะ เออหารกันป่าว "
"....เอาดิ" หงษ์กับหวิ๋นที่ตามมาทีหลังเห็นก็เลยบอกว่าจะหารด้วย เผื่อได้อานิสสงฆ์ เรียนจีนดีขึ้น ตกลงเราซื้อเล่มนั้นไปให้ลุงแก หงษ์อ่านให้ฟังว่ามันเป็นเรื่องของหยางกุ้ยเฟย ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรหรอก เพียงแต่รู้สึกว่าความรู้มันไม่น่าจะหาซื้อกันด้วยเงินเลย มันน่าจะหาซื้อกันด้วยความใฝ่มากกว่า ทำไมอ่ะ แล้วถ้าลุงแกได้ไปแกคงดีใจ แกคงจดจำ แล้วถ้าการสร้างความทรงจำดีๆ ให้ใครสักคนมันง่ายขนาดนี้ทำไมเรายังลังเลที่จะทำ ก็เลยตัดสินใจว่าจะซื้อ ....แล้วก็อิ่มใจ สุขเกิดขึ้นจริงๆเพราะเราได้มีโอกาสเป็นผู้ให้เสียบ้าง หลังจากนั้นเราก็ขึ้นรถเมล์กลับบ้าน แล้วคันนี้ก็ผ่านเทียนอันเหมินอีกแล้ว ระหว่างนั้น มือถือเครื่องนึงก็คงยังติ๊ด ติ๊ด ไม่หยุด อ๋อเค้านัดกันอีก ที่เทียนอันเหมิน ตกลงว่าเอาหวิ๋นไปด้วย เพราะป้าๆเหนื่อยกันแล้ว สองคนนั้นเลยลงเทียนอันเหมิน อ้อ ถ้าอยากอ่านเรื่องรักโรแมนติกขอให้อ่านเรื่องของหงษ์น้อยน่ะค่ะ ต่อค่ะ พอเราสองคนลงจากรถเมล์ สวนแปดคนมหัศจรรย์นั่นแหละค่ะ เค้าทำเหมือนเป็นลานสุขภาพ ก็มีอาม่ามารำพัด มีอากงมาให้กำลังใจนั่งดู สาวๆหน่อยก็รำพัดแบบหวือหวาหน่อย ไปอยู่อีกกลุ่มนึง ส่วนเด็กๆ กับหนุ่มๆก็เล่นอินไลน์ค่ะ เป็นทีมด้วยใส่เสื้อทีม เด็กบางคนยังเดินไม่แข็งเลย มาหัดเล่นกันแล้ว อิจฉา ถ้าชั้นหัดตอนนี้จะทันมั้ยอ่ะ ชั้นก็กลัวเจ็บแล้วด้วยดิ แต่มันเท่จังอ่ะ ทำไมเทียนจินไม่มีน่ะ นั่งดูจนอิ่มก็กลับโรงแรม...อาบน้ำซักผ้า ...รอ สองสาวกลับมา ฟังหวิ๋นเผาคนบางคนจนเสร็จ แล้วก็นอน.......ติ๊ดๆ ติ๊ดๆ ติ๊ดๆ
หมั่นไส๊ หมั่นไส้




Create Date : 21 พฤษภาคม 2550
Last Update : 21 พฤษภาคม 2550 23:52:15 น. 1 comments
Counter : 593 Pageviews.

 
หมั่นไส้ หรือว่าอิจฉาอ่ะป้า?


โดย: noisy!!! IP: 125.25.164.92 วันที่: 4 กรกฎาคม 2550 เวลา:9:38:42 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

airbase
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




มนุษย์ที่มีความมั่นใจสูงและหลงตัวเอง อย่างแรง
ขี้ขลาด ไม่กล้ารักใคร แล้วก็ไม่กล้าให้ใครมารัก เอาแต่ใจ ปากกล้าขาสั่น อารมณ์ร้าย งี่เง่า และ บ้าบอ 555

Friends' blogs
[Add airbase's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.