อาจจะไมมีทางลัดสู่ความเพรียว แต่อย่างน้อยเราก็มีวิธีการช่วยให้ลดน้ำหนักได้เร็วขึ้นด้วยการกระตุ้นระบบเผาผลาญของเราเอง

1. ไปขี่จักรยานกันเถอะ

มีการศึกษาจากสถาบัน Karolinska Institute ชี้ว่า คนที่ขี่จักรยานสัปดาห์ละ 6 ไมล์ เป็นเวลา 6 เดือน จะมีระดับอินซูลิน (ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเพิ่มน้ำหนัก) ลดลงถึงร้อยละ 19 แต่กลุ่มตัวอย่างที่เดินเพียงอย่างเดียวกลับไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงดังกล่าว นี่อาจเป็นเพราะการขี่จักรยานใช้กล้ามเนื้อมากกว่า ดังนั้น จึงกระตุ้นการเผาผลาญได้ดีกว่าเช่นกัน

2. อย่าลืมกินอาหารเช้า

อยากผอมต้องกินอาหารเช้า เพราะการศึกษาที่ตีพิมพ์ใน American Journal of Clinical Nutrition ชี้ คนที่กินอาหารเช้าเป็นกิจวัตรจะมีรอบเอวเล็กกว่าคนที่กินบ้างไม่กินบ้าง หรือไม่กินเลยถึง 2 นิ้ว นอกจากอาหารเช้าจะช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญได้แล้ว ยังช่วยลดการสร้างเอนไซม์ที่เพิ่มระดับคอเลสเตอรอลอีกด้วย โดยมื้อเช้าควรจะกินภายใน 90 นาที หลังจากตื่นนอน

3. ของว่างก็สำคัญนะ

การไม่รับพลังงานเลยนานเกินไป (ไม่กินอาหารภายใน 5 ชั่วโมง หรือมากกว่า) จะทำให้ระบบเผาผลาญทำงานช้าลงเช่นกับการเผาผลาญไขมัน นอกจากนี้ยังทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำลง สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ ความหิวโหยที่ยากจะควบคุมในมื้อถัดไป แก้ไขได้โดย หลังอาหารเช้าและหลังอาหารเที่ยง 3 ชั่วโมง เป็นเวลาของว่างที่มีประโยชน์ เช่น โยเกิร์ตไขมันต่ำ ผลไม้ แครกเกอร์ธัญพืช ซึ่งอาหารที่มี 100-200 แคลอรีเหล่านี้ จะช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือด และระดับอินซูลินเป็นปกติ และไม่ทำให้เกิดความหิวโหยในภายหลัง

4. อย่าลืมยกเวตเสียบ้าง

ให้คิดเสียว่า เวต เป็นอุปกรณ์ลดน้ำหนักชั้นดี การเพิ่มความแข็งแกร่งทำให้ระบบเผาผลาญทำงานมากขึ้น ช่วยเบิร์นแคลอรี และทำให้กล้ามเนื้อได้สัดส่วน แต่มีผู้หญิงเพียงร้อยละ 17 เท่านั้นที่ยกเวตทั้งที่มันได้ผลดีจนมีคำแนะนำว่าการฝึกความแข็งแกร่งควรคิดเป็นร้อยละ 60 ของเวลาออกกำลังกายทั้งหมด (อีกร้อยละ 40 ที่เหลือคือคาร์ดิโอ) โดยเฉพาะตุ้มน้ำหนักที่ทำให้กล้ามเนื้อได้ใช้งานมากกว่าการใช้เครื่องออกกำลังใด ๆ เสียอีก แต่ทีแรก น้ำหนักอาจจะไม่ลดนัก เพราะกล้ามเนื้อที่คุณกำลังสร้างมีน้ำหนักมากกว่าไขมันที่กำลังจะหายไป ตาชั่งอาจไม่เลื่อน แต่คุณจะดูเฟิร์มขึ้นและตัวเล็กลง

5. ดื่มชาเขียวรึยัง

การศึกษาที่ตีพิมพ์ใน Medicine & Science in Sports & Exercise เปิดเผยว่า การดื่มชาเขียวร้อนวันละ 3 ถ้วย อาจช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญได้กว่า 30 แคลอรีต่อวัน อาจจะฟังดูไม่มาก แต่ก็เท่ากับปีละ 1.5 กิโลกรัมเชียวนะ เพราะสาร ECGC ในชาเขียวจะช่วยร่างกายของเราผลาญไขมันได้ง่ายขึ้นนั่นเอง

6. จับเวลาระหว่างเซ็ต

นอกจากจะออกกำลังแล้ว คุณอาจจะไม่พักนานนัก นักวิจัยจาก San Antonio Catholic University ชี้ว่า ภายในระยะ 8 สัปดาห์ นักออกกำลังที่พักระหว่างเซ็ตเพียง 35 วินาที จะเบิร์นไขมันได้มากกว่าคนที่พักนาน 3 นาที ถึงร้อยละ 27 การพักระยะสั้น ๆ จะช่วยให้ระบบเผาผลาญทำงานอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกับจังหวะชีพจร แถมคุณยังใช้เวลาออกกำลังโดยรวมน้อยลงอีกด้วยนะ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก