รศ.นพ.ปารยะ อาศนะเสน ภาควิชาโสต นาสิก ลาริงซ์วิทยา
การกินยาของผู้ป่วยโรคกรดไหลย้อน ก็เพื่อลดปริมาณกรดที่จะไหลย้อนขึ้นไป และเพื่อเพิ่มการเคลื่อนตัวของทางเดินอาหารในการกำจัดกรด แต่ยาทั้งสองชนิดเป็นการรักษาที่ปลายเหตุ อย่างไรก็ดี ผู้ป่วยจะลดการใช้ยาได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับ
1.รู้สาเหตุที่ทำให้กรดไหลย้อน โดยการสังเกตพฤติกรรมของตนเอง ที่จะทำให้กรดไหลย้อนมากขึ้น และหลีกเลี่ยง เช่น กินอาหารมากเกินไปในแต่ละมื้อ กินอาหารรสจัด หรือกินแล้วนอนทันที กินอาหารประเภทมันๆ ปรุงด้วยการผัด การทอด รวมถึงกินไข่แดง ดื่มนมที่มีไขมันสูง น้ำเต้าหู้ ชา กาแฟ น้ำอัดลม ช็อกโกแลต และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ น้ำหนักตัวที่เพิ่ม ท้องผูก และขาดการออกกำลังกาย
2.รู้ว่าสิ่งใดทำให้อาการดีขึ้น ต้องปฏิบัติ เช่น กินอาหารปริมาณน้อยๆ แต่บ่อยๆ แทนการกินอาหารที่มากเกินไปในแต่ละมื้อ และกินอาหารล่วงหน้าก่อนนอนอย่างน้อย 3 ชั่วโมง หลีกเลี่ยงการกินอาหารประเภทมันๆ อาหารที่ปรุงด้วยการผัด การทอดทุกชนิด รวมถึงไข่แดง ดื่มนมพร่องมันเนย หรือนมไร้ไขมัน (ไขมัน =0%) หลีกเลี่ยงน้ำเต้าหู้ ชา กาแฟ น้ำอัดลม ช็อกโกแลต และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ลดน้ำหนักตัว งดการสูบบุหรี่ เพราะจะกระตุ้นทำให้มีการหลั่งกรดมากขึ้น พยายามไม่ให้เกิดอาการท้องผูก โดยดื่มน้ำเปล่าให้มากขึ้น (ดื่มน้อยๆ แต่บ่อยๆ ) และกินผัก ผลไม้ที่มีกากให้มากขึ้น ออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 30 นาที สัปดาห์ละ 3 วัน เช่น เดินเร็ว ว่ายน้ำ ขี่จักรยาน ฝืดแบบปรับน้ำหนักได้ เล่นเทนนิส แบดมินตัน เป็นต้น ควรหนุนหัวเตียงให้สูงขึ้น โดยใช้วัสดุรองขาเตียง เช่น ไม้ อิฐ โดยเริ่มประมาณ 1/2 - 1 นิ้ว จากพื้นราบก่อนแล้วจึงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่ควรยกสูงมากจนร่างกายของผู้ป่วยไหลลงไปที่ปลายเตียง อย่ายกศีรษะให้สูงขึ้นโดยการใช้หมอนรองศีรษะ เพราะจะทำให้ความดันในช่องท้องเพิ่มมากขึ้น ถ้านอนพื้น หรือไม่สามารถยกเตียงได้ ให้หาแผ่นไม้ขนาดเท่าฟูก รองใต้ฟูก แล้วใช้ไม้หรืออิฐ ยกแผ่นไม้ดังกล่าวขึ้น
หากปรับเปลี่ยนพฤติกรรมข้างต้นได้ โอกาสที่ผู้ป่วยจะหยุดยาได้ก็จะสูง โดยเริ่มจาก 1.แพทย์จะให้ผู้ป่วยกินยาลดกรด และยาเพิ่มการเคลื่อนตัวของทางเดินอาหารในการกำจัดกรด ประมาณ 2-4 สัปดาห์ก่อน ซึ่งโดยทั่วไปอาการผู้ป่วยจะดีขึ้นตามลำดับ จากนั้นแพทย์จะลดยาเพิ่มการเคลื่อนตัวของทางเดินอาหารฯ ก่อน แล้วจึงพิจารณาลดยาลดกรดลงภายหลัง 2.หลังจากผ่านการใช้ยาตามข้อ 1 ประมาณ 1-3 เดือนแล้ว มีอาการไม่มากขึ้น แสดงว่า ผู้ป่วยปฏิบัติตัวได้ดีพอควร แพทย์อาจพิจารณาหยุดยาทั้งหมด แต่ผู้ป่วยอาจใช้ยาเฉพาะช่วงที่มีอาการกรดไหลย้อนเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่า โรคกรดไหลย้อนจะหายขาด หากผู้ป่วยยังหันกลับไปมีพฤติกรรมเดิมๆ แต่เพื่อความไม่ประมาท ผู้ป่วยควรมียาลดกรดและยาเพิ่มการเคลื่อนตัวของทางเดินอาหารฯ ติดตัวไว้เสมอ โดยเฉพาะเมื่อเวลาเดินทาง
ที่มา : ผู้จัดการ Online |